Witch of flaminghill. ความจำลับพราง ในเฟลมมิ่งฮิล
10.0
เขียนโดย เคห์ล่าคีย์
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 16.55 น.
2 session
0 วิจารณ์
4,373 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 19.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ค่ำคืน ห้อง และเปลวเพลิง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ* ท่านที่ยังไม่ได้อ่านบทนำก่อนบทที่ 1 กรุณาย้อนกลับไปอ่านก่อนนะคะ
ฮิลลาริสเริ่มจะขยับแขนได้บ้างแล้ว เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จะเป็นเรื่องน่ารำคาญเช่นนี้ เธอไม่เคยมองการก้าวเดินของใครด้วยใจนึกปรารถนา จนกระทั่ง...วันนี้
แม้เธอจะรับประทานอาหารเองได้ แต่ฮิลลาริสเลือกจะอยู่ในห้อง อ้างด้วยเหตุผลทางสุขภาพ แล้วรับประทานมื้อค่ำร่วมกับลิกเซีย อีกฝ่ายดูตกใจเมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งบนเก้าอี้คู่ด้วยกัน เธอไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนว่าการรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้านายจะเป็นการได้รับเกียรติอย่างสูงทีเดียว
ขณะที่ตักโจ๊กอุ่นๆ ขึ้นมารับประทาน เธอไม่เข้าใจ ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบใจ เธอนึกโมโหตอนที่ลิกเซียปฏิเสธลนลานด้วยความตกใจนั่นด้วยซ้ำ กฎระเบียบอะไรกันนี่ มันเป็นแค่การรับประทานอาหารร่วมกัน ไม่จำเป็นจะต้องมีใครปลาบปลื้มเมื่อได้ร่วมรับประทานอาหารกับเจ้านาย
เธอทิ้งช้อนลงในชามอย่างรวดเร็วจนบังเกิดเสียงให้ลิกเซียตกใจ มือทั้งสองกุมศีรษะที่ปวดจี๊ดขึ้นมากะทันหัน
ขณะที่หลับตาลง เธอเห็นภาพของผู้หญิงที่ละม้ายคล้ายตัวเองกำลังนั่งรับประทานอาหารร่วมกับชายคนหนึ่ง เธอรู้แจ้งแก่ใจว่าเขาเป็นเจ้านายของเธอ ตัวเธอในห้วงจิตภาพนั้นสวมชุดที่ต่างจากคนที่นี่ มันดูคล่องตัวกว่า ดูสง่างาม และแน่นอนว่าดูเป็นผู้หญิงที่บุคลิกดีเก่งกาจ เธอกับเขารับประทานอาหารด้วยกัน ไม่มีความปลาบปลื้มยินดี มีแต่ความสนุกสนานในฐานะเพื่อนร่วมงาน
แต่ผู้หญิงในชุดคุ้นตาคนนั้นเป็นใคร
ลิกเซียผุดลุกขึ้นทันใด "ฉันจะไปตามนายท่านมา..."
"ไม่ต้องหรอก" เธอพยายามสูดหายใจเข้าออกลึกๆ "ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว บางที...อาจจะเป็นเพราะเพิ่งฟื้น ร่างกายถึงไม่คุ้นชินกับการใช้งาน...น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ"
ลิกเซียมองเธอด้วยแววตาห่วงใย "คุณผู้หญิงแน่ใจนะคะ"
ฮิลลาริสพยักหน้า
เมื่อนึกถึงภาพนั้นอีกครั้ง เธอรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นอย่างน่าประหลาด เสมือนตัวเธอเคยนั่งอยู่ตรงนั้นมาก่อน
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเธอเพิ่งฟื้นจากการนิทราตลอดยี่สิบสี่ปี
ใช่ จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้ชายชื่อจอห์นคนนั้นจะมีจริง...
ร้อน...
ฮิลลาริสพลิกตัวไปมาอย่างอึดอัด เธอรู้สึกเหมือนลมหายใจของตัวเองถูกจำกัด ร่างกายหนักอึ้ง ที่สำคัญ...อุณหภูมิโดยรอบดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอเริ่มหมดลงจากการขยับตัว
และแล้ว...เธอก็เริ่มรู้สึกเหมือนสติหลุดลอยห่างออกไปเรื่อยๆ เธอเริ่มเข้าสู่สภาวะหลับใหลอีกครั้ง กลิ่นเหม็นไหม้ของอะไรบางอย่างแตะจมูกแรงขึ้นทุกที แต่เธอเลือกที่จะปล่อยมันไป คล้ายว่าสติสัมปชัญญะถูกทำลายลงสิ้น แม้จะได้รับการกระตุ้นจากเสียงร้องของคนกลุ่มหนึ่ง มันก็เป็นแค่เสียงรบกวนที่กำลังจะหายไปพร้อมๆ กับการรับรู้ของเธอ
ก่อนจะนอนหลับลงอีกครั้ง เธอรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนอุ้มเธอออกจากพื้นที่อุณหภูมิร้อนระอุนั่น
ฮิลลาริสตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้น เธอแน่ใจว่าที่นี่ต้องไม่ใช่คฤหาสน์เฟลมมิ่งแน่
เธอหันไปมองข้างเตียงก็พบกลุ่มเส้นผมสั้นหยักลอนสีน้ำตาลของใครบางคน ถ้าจำไม่ผิด นั่นคงเป็นศีรษะของลิกเซีย หล่อนมานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วเธอเองมาที่นี่ได้อย่างไร เท่าที่จำได้ เธอหลับอยู่ในห้องตัวเอง
เธอเกือบจะเอื้อมมือไปสะกิดลิกเซีย แต่เมื่อคิดอีกที เธอน่าจะปล่อยให้หล่อนนอนหลับให้สบาย แล้วเลือกที่จะตรวจสอบสถานที่ด้วยตัวเอง เธอหันรีหันขวางก็พบไม้เท้าสวยงามอันหนึ่ง มันทำมาจากไม้เนื้อดี ขัดเงาวับ เมื่อลองถือดูก็พบว่าเหมาะมือดี คงเป็นตัวช่วยเดินที่ดีทีเดียว
ฮิลลาริสพาร่างตัวเองเดินกระย่องกระแย่งออกจากห้อง เมื่อปิดประตูลงก็พบว่าหน้าห้องเขียนเลขที่ 201 ไว้ ห้องข้างๆ คือ 202 และ 203 ตามลำดับ ที่นี่คงเป็นโรงแรม ตอนนี้ก็รู้อย่างหนึ่งแล้วว่าเธอไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์เฟลมมิ่ง
เธอเดินลงมาชั้นล่าง เห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่กันอยู่ โรงแรมนี้ดูเหมือนจะมีตลาดอยู่ด้านหน้า เธอเดินออกไปดูที่ทางสิ่งของ มันต่างจากวิวที่เห็นในหุบเขาเฟลมมิ่งฮิลโดยสิ้นเชิง เธอคงถูกพาออกมาจากที่นั่นแล้ว
หลังจากเดินดูของมาระยะหนึ่ง เสียงท้องของเธอเริ่มร้อง น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เหรียญเดียวในกระเป๋าของเธอ ฮิลลาริสรู้สึกเสียใจนิดๆ ที่ไม่ได้ปลุกลิกเซีย อย่างน้อยๆ หล่อนก็น่าจะมีเงิน เธอตัดสินใจทนหิวสักพักเพื่อสำรวจสถานที่ต่อ เมื่อหันไปเห็นหญิงขายผ้าคนหนึ่งที่กำลังยืนจัดร้าน เธอตัดสินใจเดินเข้าไปหา
ฮิลลาริสเอ่ย “ขอรบกวนสักครู่นะคะ คุณพอจะรู้ไหมว่านี่มันที่ไหนกัน”
เธอหันมา สีหน้าไม่ประหลาดใจเท่าไหร่กับคำถาม “เมืองท่าวิสตันทาวน์ไงล่ะ คุณลงมาจากเรือลำไหนกัน” เธอพิจารณาเสื้อผ้าของฮิลลาริส ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูชุดนอนก็เนื้อดีอยู่หรอก แต่มันไม่เหมาะสำหรับการใส่เดินออกจากบ้าน “คุณอยากลองชมสินค้าในร้านก่อนไหม ฉันมีเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับสตรีราคาย่อมเยาจำหน่ายนะ”
ฮิลลาริสก้มลงมองชุดตัวเอง สายตาหลายคู่จับจ้องเธออยู่เช่นกัน เธอตบสีข้างระหว่างกล่าวไปเรื่อยตามความเคยชิน “ฉันไม่มีตังค์ แล้วคุณก็ไม่มีเครื่องรูดการ์ดด้วยสิ”
“คุณพูดถึงอะไรนะ”
เธอเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากอย่างงุนงง
ในความทรงจำของเธอปรากฏภาพของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดทะมัดระแมง กำลังเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้า เธอยื่นบัตรเครดิตแทนการจ่ายเงินสดที่แคชเชียร์ แล้วกิจกรรมการซื้อขายก็ผ่านไปได้ด้วยดีโดยการใช้บัตรบางๆ ใบนั้น แต่เธอรู้จักมันได้อย่างไร...
“ฉันพูดถึง...บัตรเครดิต” เธอกล่าวช้าๆ คล้ายจะทบทวนกับตัวเอง “คุณรู้จักบัตรเครดิตไหม”
เธอมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป “โอ้ ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จักคุณ ฉันคงให้เครดิตคุณติดเงินไว้ไม่ได้หรอก”
“เปล่า ฉันไม่ได้...” เธอรู้สึกสับสน จนอยากเปลี่ยนคำถามเสียดื้อๆ “แล้วที่นี่กับคฤหาสน์เหลมมิ่งอยู่ห่างกันมากไหม”
เธอร้องออกมาเบาๆ “คุณจะไปคฤหาสน์นั่นรึ ไม่ไกลมากหรอก แต่ก็ต้องเดินทางกันนานพอสมควรล่ะ อาจใช้เวลาสักสองสามชั่วโมง แต่คุณต้องระวังนะ ทางเข้ามันค่อนข้างชันและอันตราย เคยมีเจ้านายในคฤหาสน์นั่นตกลงจากหน้าผาเพราะเส้นทางพวกนั้นมาแล้ว”
เธอนึกรู้ทันที “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“อุบัติเหตุ ไม่มีอะไรหรอก” หญิงขายผ้าไม่มีทีท่าเก็บงำความลับพิเศษอะไร อย่างน้อยสิ่งนี้ก็บ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่าไม่มีข่าวลืออื่นแอบแฝง “คุณผู้หญิงเฟลมเดอฟีลกับสามีและลูกน้อยของพวกเขาพลัดตกลงมาจากหน้าผา เพราะรถม้าพลิกคว่ำลงไปน่ะ ยังดีที่ลูกของพวกเขารอดชีวิต แต่ดูเหมือนพวกเขาทั้งสองจะสิ้นใจที่นั่นนะ”
ถ้าคุณผู้หญิงยังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา สิทธิ์ที่คุณผู้หญิงควรจะมีก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขาทั้งสาม
“นั่นซี” เธอพึมพำ “หวังว่าจะเป็นแค่อุบัติเหตุนะ”
เมื่อเธอกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง ก็พบว่าทนายมอฟเกอร์กับลิกเซียยืนรออยู่ด้านหน้าด้วยความว้าวุ่นใจ สีหน้าของพวกเขาดูวิตกจนดูประหลาดระคนน่าขันเลยทีเดียว ฮิลลาริสเดาได้ว่าพวกเขากำลังยืนรอเธอ แต่ถึงแม้เธอจะเป็นเจ้าหญิงนิทรามาตลอดชีวิต เธอก็มีร่างกายของผู้หญิงอายุยี่สิบสี่ ไม่มีใครล่อลวงเธอด้วยขนมหวานแน่นอน
ทันทีที่หันมาเห็น ลิกเซียถลาเข้ามาหาพลางสำรวจจุดนั้นจุดนี้ของเธอเป็นการใหญ่ หล่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเริ่มตีหน้ายักษ์ใส่เธอโดยพลัน “คุณผู้หญิงไปไหนมาคะ ทำไมไม่ปลุกฉัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาหรือว่าใครมาทำร้ายจะว่ายังไงคะ”
เธอโบกไปมาอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เอาน่ะ จะมีใครมาทำอะไรได้ ฉันแค่มาสำรวจวิสตันทาวน์นี่เท่านั้นเอง ว่าก็ว่าเถอะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นกังวล” ทนายมอฟเกอร์ , ชายตัวผมร่างสูงในชุดสีโทรมืด , กล่าวขึ้น มือทั้งสองของเขารวบอยู่ที่ไม้เท้า ขณะที่ใช้แววตาคมวาวดุจเหยี่ยวจับจ้องมองเธอ “เมื่อคืนนี้ ในห้องของเธอ ถ้าลิกเซียไม่ตรวจตราเวรกลางคืนตามคำแนะนำลับๆ ของฉัน เราคงไปช่วยเธอที่ตกอยู่ในกองไฟไม่ทันแน่”
ฮิลลาริสตกใจ มือของเธอเย็นเฉียบขึ้นมาแทบจะทันทีทันใด น้ำเสียงอันเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจของเธอกลับละล่ำละลักขึ้นกะทันหัน “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“เมื่อคืนในห้องของคุณผู้หญิงไฟไหม้ค่ะ” ลิกเซียอธิบาย “ฉันรีบส่งพิราบสื่อสารไปที่บ้านคุณทนายมอฟเกอร์ เราถึงพาคุณผู้หญิงมาที่นี่ยังไงล่ะคะ”
ฮิลลาริสนึกถึงคนทั้งสาม “แล้วพวก...”
“พวกเขาขัดข้องที่จะพาคุณออกมาในทีแรกค่ะ แต่คุณทนายมอฟเกอร์ยืนกรานชัดเจนจนพวกเขายอมแพ้ไปเอง” ลิกเซียกุมมือคุณผู้หญิงของเธอด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง “บางที...พวกเขาอาจไม่ต้องการทำให้คุณ ‘แค่หลับ’ อีกต่อไปแล้วกระมังคะ”
ฮิลลาริสเริ่มจะขยับแขนได้บ้างแล้ว เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จะเป็นเรื่องน่ารำคาญเช่นนี้ เธอไม่เคยมองการก้าวเดินของใครด้วยใจนึกปรารถนา จนกระทั่ง...วันนี้
แม้เธอจะรับประทานอาหารเองได้ แต่ฮิลลาริสเลือกจะอยู่ในห้อง อ้างด้วยเหตุผลทางสุขภาพ แล้วรับประทานมื้อค่ำร่วมกับลิกเซีย อีกฝ่ายดูตกใจเมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งบนเก้าอี้คู่ด้วยกัน เธอไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนว่าการรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้านายจะเป็นการได้รับเกียรติอย่างสูงทีเดียว
ขณะที่ตักโจ๊กอุ่นๆ ขึ้นมารับประทาน เธอไม่เข้าใจ ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบใจ เธอนึกโมโหตอนที่ลิกเซียปฏิเสธลนลานด้วยความตกใจนั่นด้วยซ้ำ กฎระเบียบอะไรกันนี่ มันเป็นแค่การรับประทานอาหารร่วมกัน ไม่จำเป็นจะต้องมีใครปลาบปลื้มเมื่อได้ร่วมรับประทานอาหารกับเจ้านาย
เธอทิ้งช้อนลงในชามอย่างรวดเร็วจนบังเกิดเสียงให้ลิกเซียตกใจ มือทั้งสองกุมศีรษะที่ปวดจี๊ดขึ้นมากะทันหัน
ขณะที่หลับตาลง เธอเห็นภาพของผู้หญิงที่ละม้ายคล้ายตัวเองกำลังนั่งรับประทานอาหารร่วมกับชายคนหนึ่ง เธอรู้แจ้งแก่ใจว่าเขาเป็นเจ้านายของเธอ ตัวเธอในห้วงจิตภาพนั้นสวมชุดที่ต่างจากคนที่นี่ มันดูคล่องตัวกว่า ดูสง่างาม และแน่นอนว่าดูเป็นผู้หญิงที่บุคลิกดีเก่งกาจ เธอกับเขารับประทานอาหารด้วยกัน ไม่มีความปลาบปลื้มยินดี มีแต่ความสนุกสนานในฐานะเพื่อนร่วมงาน
แต่ผู้หญิงในชุดคุ้นตาคนนั้นเป็นใคร
ลิกเซียผุดลุกขึ้นทันใด "ฉันจะไปตามนายท่านมา..."
"ไม่ต้องหรอก" เธอพยายามสูดหายใจเข้าออกลึกๆ "ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว บางที...อาจจะเป็นเพราะเพิ่งฟื้น ร่างกายถึงไม่คุ้นชินกับการใช้งาน...น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ"
ลิกเซียมองเธอด้วยแววตาห่วงใย "คุณผู้หญิงแน่ใจนะคะ"
ฮิลลาริสพยักหน้า
เมื่อนึกถึงภาพนั้นอีกครั้ง เธอรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นอย่างน่าประหลาด เสมือนตัวเธอเคยนั่งอยู่ตรงนั้นมาก่อน
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเธอเพิ่งฟื้นจากการนิทราตลอดยี่สิบสี่ปี
ใช่ จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้ชายชื่อจอห์นคนนั้นจะมีจริง...
ร้อน...
ฮิลลาริสพลิกตัวไปมาอย่างอึดอัด เธอรู้สึกเหมือนลมหายใจของตัวเองถูกจำกัด ร่างกายหนักอึ้ง ที่สำคัญ...อุณหภูมิโดยรอบดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอเริ่มหมดลงจากการขยับตัว
และแล้ว...เธอก็เริ่มรู้สึกเหมือนสติหลุดลอยห่างออกไปเรื่อยๆ เธอเริ่มเข้าสู่สภาวะหลับใหลอีกครั้ง กลิ่นเหม็นไหม้ของอะไรบางอย่างแตะจมูกแรงขึ้นทุกที แต่เธอเลือกที่จะปล่อยมันไป คล้ายว่าสติสัมปชัญญะถูกทำลายลงสิ้น แม้จะได้รับการกระตุ้นจากเสียงร้องของคนกลุ่มหนึ่ง มันก็เป็นแค่เสียงรบกวนที่กำลังจะหายไปพร้อมๆ กับการรับรู้ของเธอ
ก่อนจะนอนหลับลงอีกครั้ง เธอรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนอุ้มเธอออกจากพื้นที่อุณหภูมิร้อนระอุนั่น
ฮิลลาริสตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้น เธอแน่ใจว่าที่นี่ต้องไม่ใช่คฤหาสน์เฟลมมิ่งแน่
เธอหันไปมองข้างเตียงก็พบกลุ่มเส้นผมสั้นหยักลอนสีน้ำตาลของใครบางคน ถ้าจำไม่ผิด นั่นคงเป็นศีรษะของลิกเซีย หล่อนมานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วเธอเองมาที่นี่ได้อย่างไร เท่าที่จำได้ เธอหลับอยู่ในห้องตัวเอง
เธอเกือบจะเอื้อมมือไปสะกิดลิกเซีย แต่เมื่อคิดอีกที เธอน่าจะปล่อยให้หล่อนนอนหลับให้สบาย แล้วเลือกที่จะตรวจสอบสถานที่ด้วยตัวเอง เธอหันรีหันขวางก็พบไม้เท้าสวยงามอันหนึ่ง มันทำมาจากไม้เนื้อดี ขัดเงาวับ เมื่อลองถือดูก็พบว่าเหมาะมือดี คงเป็นตัวช่วยเดินที่ดีทีเดียว
ฮิลลาริสพาร่างตัวเองเดินกระย่องกระแย่งออกจากห้อง เมื่อปิดประตูลงก็พบว่าหน้าห้องเขียนเลขที่ 201 ไว้ ห้องข้างๆ คือ 202 และ 203 ตามลำดับ ที่นี่คงเป็นโรงแรม ตอนนี้ก็รู้อย่างหนึ่งแล้วว่าเธอไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์เฟลมมิ่ง
เธอเดินลงมาชั้นล่าง เห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่กันอยู่ โรงแรมนี้ดูเหมือนจะมีตลาดอยู่ด้านหน้า เธอเดินออกไปดูที่ทางสิ่งของ มันต่างจากวิวที่เห็นในหุบเขาเฟลมมิ่งฮิลโดยสิ้นเชิง เธอคงถูกพาออกมาจากที่นั่นแล้ว
หลังจากเดินดูของมาระยะหนึ่ง เสียงท้องของเธอเริ่มร้อง น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เหรียญเดียวในกระเป๋าของเธอ ฮิลลาริสรู้สึกเสียใจนิดๆ ที่ไม่ได้ปลุกลิกเซีย อย่างน้อยๆ หล่อนก็น่าจะมีเงิน เธอตัดสินใจทนหิวสักพักเพื่อสำรวจสถานที่ต่อ เมื่อหันไปเห็นหญิงขายผ้าคนหนึ่งที่กำลังยืนจัดร้าน เธอตัดสินใจเดินเข้าไปหา
ฮิลลาริสเอ่ย “ขอรบกวนสักครู่นะคะ คุณพอจะรู้ไหมว่านี่มันที่ไหนกัน”
เธอหันมา สีหน้าไม่ประหลาดใจเท่าไหร่กับคำถาม “เมืองท่าวิสตันทาวน์ไงล่ะ คุณลงมาจากเรือลำไหนกัน” เธอพิจารณาเสื้อผ้าของฮิลลาริส ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูชุดนอนก็เนื้อดีอยู่หรอก แต่มันไม่เหมาะสำหรับการใส่เดินออกจากบ้าน “คุณอยากลองชมสินค้าในร้านก่อนไหม ฉันมีเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับสตรีราคาย่อมเยาจำหน่ายนะ”
ฮิลลาริสก้มลงมองชุดตัวเอง สายตาหลายคู่จับจ้องเธออยู่เช่นกัน เธอตบสีข้างระหว่างกล่าวไปเรื่อยตามความเคยชิน “ฉันไม่มีตังค์ แล้วคุณก็ไม่มีเครื่องรูดการ์ดด้วยสิ”
“คุณพูดถึงอะไรนะ”
เธอเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากอย่างงุนงง
ในความทรงจำของเธอปรากฏภาพของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดทะมัดระแมง กำลังเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้า เธอยื่นบัตรเครดิตแทนการจ่ายเงินสดที่แคชเชียร์ แล้วกิจกรรมการซื้อขายก็ผ่านไปได้ด้วยดีโดยการใช้บัตรบางๆ ใบนั้น แต่เธอรู้จักมันได้อย่างไร...
“ฉันพูดถึง...บัตรเครดิต” เธอกล่าวช้าๆ คล้ายจะทบทวนกับตัวเอง “คุณรู้จักบัตรเครดิตไหม”
เธอมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป “โอ้ ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จักคุณ ฉันคงให้เครดิตคุณติดเงินไว้ไม่ได้หรอก”
“เปล่า ฉันไม่ได้...” เธอรู้สึกสับสน จนอยากเปลี่ยนคำถามเสียดื้อๆ “แล้วที่นี่กับคฤหาสน์เหลมมิ่งอยู่ห่างกันมากไหม”
เธอร้องออกมาเบาๆ “คุณจะไปคฤหาสน์นั่นรึ ไม่ไกลมากหรอก แต่ก็ต้องเดินทางกันนานพอสมควรล่ะ อาจใช้เวลาสักสองสามชั่วโมง แต่คุณต้องระวังนะ ทางเข้ามันค่อนข้างชันและอันตราย เคยมีเจ้านายในคฤหาสน์นั่นตกลงจากหน้าผาเพราะเส้นทางพวกนั้นมาแล้ว”
เธอนึกรู้ทันที “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“อุบัติเหตุ ไม่มีอะไรหรอก” หญิงขายผ้าไม่มีทีท่าเก็บงำความลับพิเศษอะไร อย่างน้อยสิ่งนี้ก็บ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่าไม่มีข่าวลืออื่นแอบแฝง “คุณผู้หญิงเฟลมเดอฟีลกับสามีและลูกน้อยของพวกเขาพลัดตกลงมาจากหน้าผา เพราะรถม้าพลิกคว่ำลงไปน่ะ ยังดีที่ลูกของพวกเขารอดชีวิต แต่ดูเหมือนพวกเขาทั้งสองจะสิ้นใจที่นั่นนะ”
ถ้าคุณผู้หญิงยังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา สิทธิ์ที่คุณผู้หญิงควรจะมีก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขาทั้งสาม
“นั่นซี” เธอพึมพำ “หวังว่าจะเป็นแค่อุบัติเหตุนะ”
เมื่อเธอกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง ก็พบว่าทนายมอฟเกอร์กับลิกเซียยืนรออยู่ด้านหน้าด้วยความว้าวุ่นใจ สีหน้าของพวกเขาดูวิตกจนดูประหลาดระคนน่าขันเลยทีเดียว ฮิลลาริสเดาได้ว่าพวกเขากำลังยืนรอเธอ แต่ถึงแม้เธอจะเป็นเจ้าหญิงนิทรามาตลอดชีวิต เธอก็มีร่างกายของผู้หญิงอายุยี่สิบสี่ ไม่มีใครล่อลวงเธอด้วยขนมหวานแน่นอน
ทันทีที่หันมาเห็น ลิกเซียถลาเข้ามาหาพลางสำรวจจุดนั้นจุดนี้ของเธอเป็นการใหญ่ หล่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเริ่มตีหน้ายักษ์ใส่เธอโดยพลัน “คุณผู้หญิงไปไหนมาคะ ทำไมไม่ปลุกฉัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาหรือว่าใครมาทำร้ายจะว่ายังไงคะ”
เธอโบกไปมาอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เอาน่ะ จะมีใครมาทำอะไรได้ ฉันแค่มาสำรวจวิสตันทาวน์นี่เท่านั้นเอง ว่าก็ว่าเถอะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นกังวล” ทนายมอฟเกอร์ , ชายตัวผมร่างสูงในชุดสีโทรมืด , กล่าวขึ้น มือทั้งสองของเขารวบอยู่ที่ไม้เท้า ขณะที่ใช้แววตาคมวาวดุจเหยี่ยวจับจ้องมองเธอ “เมื่อคืนนี้ ในห้องของเธอ ถ้าลิกเซียไม่ตรวจตราเวรกลางคืนตามคำแนะนำลับๆ ของฉัน เราคงไปช่วยเธอที่ตกอยู่ในกองไฟไม่ทันแน่”
ฮิลลาริสตกใจ มือของเธอเย็นเฉียบขึ้นมาแทบจะทันทีทันใด น้ำเสียงอันเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจของเธอกลับละล่ำละลักขึ้นกะทันหัน “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“เมื่อคืนในห้องของคุณผู้หญิงไฟไหม้ค่ะ” ลิกเซียอธิบาย “ฉันรีบส่งพิราบสื่อสารไปที่บ้านคุณทนายมอฟเกอร์ เราถึงพาคุณผู้หญิงมาที่นี่ยังไงล่ะคะ”
ฮิลลาริสนึกถึงคนทั้งสาม “แล้วพวก...”
“พวกเขาขัดข้องที่จะพาคุณออกมาในทีแรกค่ะ แต่คุณทนายมอฟเกอร์ยืนกรานชัดเจนจนพวกเขายอมแพ้ไปเอง” ลิกเซียกุมมือคุณผู้หญิงของเธอด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง “บางที...พวกเขาอาจไม่ต้องการทำให้คุณ ‘แค่หลับ’ อีกต่อไปแล้วกระมังคะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ