Witch of flaminghill. ความจำลับพราง ในเฟลมมิ่งฮิล
10.0
เขียนโดย เคห์ล่าคีย์
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 16.55 น.
2 session
0 วิจารณ์
4,371 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 19.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ฮิลลาริส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ* ท่านที่ยังไม่ได้อ่านบทนำ กรุณาย้อนกลับไปอ่านก่อนนะคะ
ฮิลลาริสไม่เคยรู้สึกปวดหัวขนาดนี้มาก่อน
เธอลืมตาสีฟ้าใสแจ๋วขึ้นมาเพื่อเจอกับเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย ร่างกายของเธอคล้ายคนไม่มีแรง ราวกับกล้ามเนื้อทุกส่วนพร้อมใจกันลีบ มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่...?
เสียงของหล่นข้างเตียงเรียกความสนใจจากเธอ เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง , ซึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสไตล์วินเทจ , กำลังปิดปากด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ฮิลลาริสอยากจะทำว่าเธอเป็นใคร แต่ริมฝีปากของเธอทั้งแห้งและชาเกินกว่าจะขยับออกเสียง
ดูเหมือนเธอต้องนอนอย่างนี้ต่อไปสักพัก เธอหวังว่ามันจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น
ดูเหมือนผู้หญิงในตอนแรกจะตามผู้ชายอีกคนมา เขาเป็นชายท่าทางภูมิฐาน แต่งตัว มีเส้นผมและหนวดสีน้ำตาลดูสุขุม เขาสวมแว่น และหิ้วกระเป๋าใบหนึ่งมาด้วย "เป็นยังไงบ้าง เธอรู้สึกเจ็บหรือมีอาการตรงไหนไหม"
เธออยากสั่นศีรษะ แต่กล้ามเนื้อคอกลับไม่เอื้ออำนวย เมื่อออกแรงขยับปากเต็มที่ เสียงที่ออกมาช่างแผ่วเบาเหลือเกิน
ผู้หญิงชุดสีน้ำเงินในตอนแรกกล่าวด้วยเสียงเกือบจะกระซิบ "ให้หล่อนดื่มน้ำดีไหมคะ"
ชายมีหนวดพยักหน้า ไม่ช้านานนัก น้ำแก้วหนึ่งถูกส่งมาให้เธอดื่ม จริงดังว่า มันช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เธอรู้สึกว่าปากของตัวเองเริ่มจะขยับได้ และเมื่อเสียงของเธอถูกเปล่งออก คนทั้งสองแสดงความดีใจออกมาอย่างน่าประหลาด
มันเกิดอะไรขึ้นกันหนอ
"อาคิดว่าเธอจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาเสียแล้ว"
เธอเอ่ยขึ้นช้าๆ ลิ้นที่พูดรู้สึกแข็งแปลกยิ่งนัก "คุณเป็นใครคะ"
เขาขยับตัว กระแอม และยื่นมือออกมา "คอสเตอริไซล์ เฟลมเดอฟีล ฉันเป็นคุณอาของเธอ และเป็นแพทย์ผู้ดูแลเธอมาตั้งแต่เกิด ฉันหมายถึง...หลังจากเธอเกิดไม่นาน เธอคงจะจำไม่ได้ นั่นไม่ควรจะอธิบายตอนนี้ แต่เอาเป็นว่าเธอรู้สึกอย่างไรบ้าง"
ฮิลลาริสขยับแขนอ่อนแรงที่สั่นระริก "ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีแรงเลย"
"อ้อ นั่นเป็นผลพวงจากการนอนมาตลอดหลายปี จริงอยู่ที่ลิกเซียคอยขยับแขนเพื่อป้องกันอาการที่ว่า แต่ผลที่ได้คงไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่นัก ใช้เวลาสักพัก เธอก็น่าจะลุกขึ้นได้เหมือนคนทั่วไป แน่นอนว่าในกรณีที่ไม่มีอาการอื่นใดขึ้นมาอีก"
นายแพทย์คอสเตอริไซล์ทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อยืนยันในเรื่องนั้น
แม็กเดอเนียเดินพล่านไม่หยุด
เธอเป็นสุภาพสตรีผมสีน้ำตาล อายุประมาณ 40 ปีเศษ สวมชุดสีแดงเป็นนิจ ดำรงฐานะอาหญิงอีกคนหนึ่งของฮิลลาริส
คนที่นั่งอยู่คือเออร์แธนเนีย ลูกสาวของเธอ มีเค้าโครงความสวยถอดแบบมาจากมารดาอย่างชัดเจน รวมทั้งลำคอทีี่ตั้งตรงแข็งแลดูเย่อหยิ่งนั่นด้วย เธอสวมชุดสีแดงมีราคาเฉกเช่นเดียวกับมารดา และมักจะได้รับคำชมว่ามันเป็นสีชุดที่สวยที่สุดสำหรับเธอ
คอสเตอริไซล์เป็นคนเดียวที่ดูใจเย็นที่สุดในบรรดาคนทั้งสาม แต่ดูเหมือนว่ารัศมีของเขาจะถูกกดไว้มากที่สุดเช่นเดียวกัน
"หล่อนฟื้นขึ้นมาอย่างไร คอสเตอร์!" แม็กเดอเนียร่างกายสั่นเทิ้ม "ฉันคิดว่าเธอน่าจะจัดการเรื่องนั้นด้วยดีมาตลอดไม่ใช่หรือ"
คอสเตอริไซล์พยายามผ่อนคลายโดยการถอนหายใจ "ผมไม่รู้"
เออร์แธนเนียมองมุ่งตรงไปที่เขา ฉับพลันนั้น ริมฝีปากของหล่อนยกขึ้นน้อยๆ พลางหันหนีไปทางอื่น "คุณแม่ ดิฉันคิดว่าคุณอาต้องการกระด้างกระเดื่องต่อการตัดสินใจของเราในอดีตนะคะ"
การตัดสินใจนั้นคือ... 'จงให้หล่อนหลับไปตลอดกาลเถิด'
"นั่นซี" แม็กเดอเนียขมวดคิ้ว "ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งเลวร้ายมาก เหตุใดเธอจึงคิดทรยศต่อการเห็นชอบจากตระกูล คอสเตอร์"
คอสเตอริไซล์ขยับตัวเล็กน้อย "เธอฟื้นขึ้นมาเอง"
"เธอกำลังจะบอกว่ายาที่เธอฉีดใส่ร่างกายของฮิลลาริสเกิดหมดฤทธิ์ขึ้นมาอย่างกะทันหันรึ ทั้งที่มันได้ผลอย่างดีเยี่ยมมาตลอดหลายปีน่ะรึ แก้ตัวไม่เข้าท่า!"
"บางที การที่เธอได้รับมันมาตลอดชีวิต อาจทำให้ร่างกายของเธอสร้างภูมิขึ้นมาเองก็เป็นได้!" คอสเตอริไซล์ขมวดคิ้ว "ผมทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว"
"งั้นก็ได้เวลาส่งเจ้าหญิงเข้านอน" แม็กเดอเนียเลียริมฝีปาก "เธอหลับมาตลอดชีวิต ทำไมจะหลับต่อไม่ได้"
"เกรงว่าถ้าเราทำแบบนั้น ทนายมอฟเกอร์จะเข้ามาตรวจสอบทุกอย่างทันทีน่ะสิ" คอสเตอริไซล์เอ่ยอย่างเรียบง่าย "เพราะเขาแวะมาตอนที่เธอฟื้นพอดี แล้วผมก็บอกเขาไปแล้วว่าร่างกายของเธอปกติดี ไม่น่าจะมีการหลับในสภาวะเจ้าหญิงนิทราได้อีก"
"ก็บอกไปสิ ว่าเธอตรวจผิด!"
"คุณอยากโดนไล่ออกจากบ้านนี้เร็วขนาดนั้นเลยหรือไง ทนายมอฟเกอร์ไม่เคยชอบหน้าเราทั้งสาม เขาเป็นสุนัขรับใช้แสนซื่อสัตย์ของฮิลลาเรีย นั่นหมายความว่าถ้ามีช่องโหว่แม้แต่นิดเดียวในการไล่เราออกไป เขาจะงับมันไว้ไม่ปล่อยเลยทีเดียว!"
แม็กเดอเนียกำพัดในมือแน่นจนแทบจะหักทิ้ง
อีกด้านหนึ่งของบานประตู ฮิลลาริสมองการประชุมลับผ่านทางช่องประตูเล็กๆ โดยมีลิกเซียคอยช่วยเข็นรถเข็น อันของกำนัลชิ้นแรกจากทนายมอฟเกอร์ ออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น เมื่อการประชุมดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว
ลิกเซียตัวสั่นน้อยๆ ระหว่างเข็นรถกลับห้อง เธอกล่าวไปเรื่อยๆ ให้แก่หญิงสาวซึ่งเธอดูแลมาหลายปีฟัง
"ฉันน่ะไม่เคยรู้เลยค่ะ ว่าคุณนายกับคุณหนูมีทัศนคติเช่นไรต่อคุณผู้หญิง ฉันถูกจ้างมาหลังจากที่คุณผู้หญิงอยู่ในสภาพ...เอ่อ...นิทราแล้วน่ะค่ะ พวกท่านไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เท่าที่ได้ยินมา ดูเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุทางรถม้า ระหว่างแล่นผ่านเส้นทางลาดชันปากทางเขาหุบเขาเฟลมมิ่งฮิลนี่"
ฮิลลาริสรู้สึกสับสนมึนงง "แล้วคนอื่นๆ ล่ะ มีใครที่คุณคิดว่าเขาพวกกับคนพวกนั้นไหม"
"อ้อ ถ้าเป็นระดับเจ้านายแล้วล่ะก็ คงไม่มีแล้วล่ะค่ะ เพราะที่คฤหาสน์เฟลมมิ่งนี้มีเจ้านายแค่สาม...เอ้อ...สี่ท่านเท่านั้นแหละค่ะ" ลิกเซียทำหน้านึก “แต่คนที่มาร่วมรับประทาน อาหารกลางวันกับเราบ่อยๆ คือคุณทนายมอฟเกอร์เขาเป็นทนายของคุณผู้หญิงตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานแล้วค่ะ”
“อ้อ งั้นหรือ งั้นฉันก็น่าจะไว้ใจเขาได้” ฮิลลาริสถอนหายใจยาว ความทรงจำของเธอว่างเปล่ามากเสียจนรู้สึกแย่ “แล้วอย่างนี้ฉันควรจะทำยังไงต่อไปดี”
ลิกเซียกล่าว “ฉันคิดว่าคุณผู้หญิงน่าจะระวังตัวอย่างพอเหมาะพอควร แต่ฉันไม่คิดเลยว่าคุณนายกับคุณหนูจะเป็นคนแบบนี้ ฉันหมายถึง...พวกเขาไม่เคยแสดงความร้ายกาจออกมาเลย ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะอยากกำจัดคุณผู้หญิงขนาดนี้ ทั้งที่สมบัติทั้งหมดเป็นของคุณผู้หญิงท่านก่อนแท้ๆ!”
ฮิลลาริสชะงัก “นั่นหมายความว่าอย่างไรหรือ”
“ฉันไม่แน่ใจหรอกนะคะ แต่ดูเหมือนว่าตระกูลของนายท่านจะเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเฟลมเดอฟีลด้วยเหตุผลบางอย่าง ทั้งที่ตระกูลนี้เป็นตระกูลของคุณผู้หญิงท่านก่อน แน่นอนว่าทั้งสมบัติ ทั้งคฤหาสน์ หรือแม้แต่หุบเขานี้ทั้งหมด ต่างเป็นของคุณผู้หญิงฮิลลาเรีย มารดาของคุณผู้หญิงค่ะ” เธอกล่าวเสียงเบา “อย่างน้อยๆ ทนายมอฟเกอร์ก็เคยพูดไว้ว่าทั้งนายท่านคอสเตอริไซล์ คุณนายและคุณหนู ต่างไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่ต้นแล้ว”
ฮิลลาริสอึ้งเมื่อได้ยินข้อความถัดไป
“แต่เป็นเพราะคุณผู้หญิงไม่ได้สติ พวกเขาจึงก้าวขึ้นมาควบคุมสิ่งต่างๆ หรือก็คือ...ถ้าคุณผู้หญิงยังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา สิทธิ์ที่คุณผู้หญิงควรจะมีก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขาทั้งสามค่ะ”
ฮิลลาริสไม่เคยรู้สึกปวดหัวขนาดนี้มาก่อน
เธอลืมตาสีฟ้าใสแจ๋วขึ้นมาเพื่อเจอกับเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย ร่างกายของเธอคล้ายคนไม่มีแรง ราวกับกล้ามเนื้อทุกส่วนพร้อมใจกันลีบ มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่...?
เสียงของหล่นข้างเตียงเรียกความสนใจจากเธอ เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง , ซึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสไตล์วินเทจ , กำลังปิดปากด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ฮิลลาริสอยากจะทำว่าเธอเป็นใคร แต่ริมฝีปากของเธอทั้งแห้งและชาเกินกว่าจะขยับออกเสียง
ดูเหมือนเธอต้องนอนอย่างนี้ต่อไปสักพัก เธอหวังว่ามันจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น
ดูเหมือนผู้หญิงในตอนแรกจะตามผู้ชายอีกคนมา เขาเป็นชายท่าทางภูมิฐาน แต่งตัว มีเส้นผมและหนวดสีน้ำตาลดูสุขุม เขาสวมแว่น และหิ้วกระเป๋าใบหนึ่งมาด้วย "เป็นยังไงบ้าง เธอรู้สึกเจ็บหรือมีอาการตรงไหนไหม"
เธออยากสั่นศีรษะ แต่กล้ามเนื้อคอกลับไม่เอื้ออำนวย เมื่อออกแรงขยับปากเต็มที่ เสียงที่ออกมาช่างแผ่วเบาเหลือเกิน
ผู้หญิงชุดสีน้ำเงินในตอนแรกกล่าวด้วยเสียงเกือบจะกระซิบ "ให้หล่อนดื่มน้ำดีไหมคะ"
ชายมีหนวดพยักหน้า ไม่ช้านานนัก น้ำแก้วหนึ่งถูกส่งมาให้เธอดื่ม จริงดังว่า มันช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เธอรู้สึกว่าปากของตัวเองเริ่มจะขยับได้ และเมื่อเสียงของเธอถูกเปล่งออก คนทั้งสองแสดงความดีใจออกมาอย่างน่าประหลาด
มันเกิดอะไรขึ้นกันหนอ
"อาคิดว่าเธอจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาเสียแล้ว"
เธอเอ่ยขึ้นช้าๆ ลิ้นที่พูดรู้สึกแข็งแปลกยิ่งนัก "คุณเป็นใครคะ"
เขาขยับตัว กระแอม และยื่นมือออกมา "คอสเตอริไซล์ เฟลมเดอฟีล ฉันเป็นคุณอาของเธอ และเป็นแพทย์ผู้ดูแลเธอมาตั้งแต่เกิด ฉันหมายถึง...หลังจากเธอเกิดไม่นาน เธอคงจะจำไม่ได้ นั่นไม่ควรจะอธิบายตอนนี้ แต่เอาเป็นว่าเธอรู้สึกอย่างไรบ้าง"
ฮิลลาริสขยับแขนอ่อนแรงที่สั่นระริก "ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีแรงเลย"
"อ้อ นั่นเป็นผลพวงจากการนอนมาตลอดหลายปี จริงอยู่ที่ลิกเซียคอยขยับแขนเพื่อป้องกันอาการที่ว่า แต่ผลที่ได้คงไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่นัก ใช้เวลาสักพัก เธอก็น่าจะลุกขึ้นได้เหมือนคนทั่วไป แน่นอนว่าในกรณีที่ไม่มีอาการอื่นใดขึ้นมาอีก"
นายแพทย์คอสเตอริไซล์ทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อยืนยันในเรื่องนั้น
แม็กเดอเนียเดินพล่านไม่หยุด
เธอเป็นสุภาพสตรีผมสีน้ำตาล อายุประมาณ 40 ปีเศษ สวมชุดสีแดงเป็นนิจ ดำรงฐานะอาหญิงอีกคนหนึ่งของฮิลลาริส
คนที่นั่งอยู่คือเออร์แธนเนีย ลูกสาวของเธอ มีเค้าโครงความสวยถอดแบบมาจากมารดาอย่างชัดเจน รวมทั้งลำคอทีี่ตั้งตรงแข็งแลดูเย่อหยิ่งนั่นด้วย เธอสวมชุดสีแดงมีราคาเฉกเช่นเดียวกับมารดา และมักจะได้รับคำชมว่ามันเป็นสีชุดที่สวยที่สุดสำหรับเธอ
คอสเตอริไซล์เป็นคนเดียวที่ดูใจเย็นที่สุดในบรรดาคนทั้งสาม แต่ดูเหมือนว่ารัศมีของเขาจะถูกกดไว้มากที่สุดเช่นเดียวกัน
"หล่อนฟื้นขึ้นมาอย่างไร คอสเตอร์!" แม็กเดอเนียร่างกายสั่นเทิ้ม "ฉันคิดว่าเธอน่าจะจัดการเรื่องนั้นด้วยดีมาตลอดไม่ใช่หรือ"
คอสเตอริไซล์พยายามผ่อนคลายโดยการถอนหายใจ "ผมไม่รู้"
เออร์แธนเนียมองมุ่งตรงไปที่เขา ฉับพลันนั้น ริมฝีปากของหล่อนยกขึ้นน้อยๆ พลางหันหนีไปทางอื่น "คุณแม่ ดิฉันคิดว่าคุณอาต้องการกระด้างกระเดื่องต่อการตัดสินใจของเราในอดีตนะคะ"
การตัดสินใจนั้นคือ... 'จงให้หล่อนหลับไปตลอดกาลเถิด'
"นั่นซี" แม็กเดอเนียขมวดคิ้ว "ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งเลวร้ายมาก เหตุใดเธอจึงคิดทรยศต่อการเห็นชอบจากตระกูล คอสเตอร์"
คอสเตอริไซล์ขยับตัวเล็กน้อย "เธอฟื้นขึ้นมาเอง"
"เธอกำลังจะบอกว่ายาที่เธอฉีดใส่ร่างกายของฮิลลาริสเกิดหมดฤทธิ์ขึ้นมาอย่างกะทันหันรึ ทั้งที่มันได้ผลอย่างดีเยี่ยมมาตลอดหลายปีน่ะรึ แก้ตัวไม่เข้าท่า!"
"บางที การที่เธอได้รับมันมาตลอดชีวิต อาจทำให้ร่างกายของเธอสร้างภูมิขึ้นมาเองก็เป็นได้!" คอสเตอริไซล์ขมวดคิ้ว "ผมทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว"
"งั้นก็ได้เวลาส่งเจ้าหญิงเข้านอน" แม็กเดอเนียเลียริมฝีปาก "เธอหลับมาตลอดชีวิต ทำไมจะหลับต่อไม่ได้"
"เกรงว่าถ้าเราทำแบบนั้น ทนายมอฟเกอร์จะเข้ามาตรวจสอบทุกอย่างทันทีน่ะสิ" คอสเตอริไซล์เอ่ยอย่างเรียบง่าย "เพราะเขาแวะมาตอนที่เธอฟื้นพอดี แล้วผมก็บอกเขาไปแล้วว่าร่างกายของเธอปกติดี ไม่น่าจะมีการหลับในสภาวะเจ้าหญิงนิทราได้อีก"
"ก็บอกไปสิ ว่าเธอตรวจผิด!"
"คุณอยากโดนไล่ออกจากบ้านนี้เร็วขนาดนั้นเลยหรือไง ทนายมอฟเกอร์ไม่เคยชอบหน้าเราทั้งสาม เขาเป็นสุนัขรับใช้แสนซื่อสัตย์ของฮิลลาเรีย นั่นหมายความว่าถ้ามีช่องโหว่แม้แต่นิดเดียวในการไล่เราออกไป เขาจะงับมันไว้ไม่ปล่อยเลยทีเดียว!"
แม็กเดอเนียกำพัดในมือแน่นจนแทบจะหักทิ้ง
อีกด้านหนึ่งของบานประตู ฮิลลาริสมองการประชุมลับผ่านทางช่องประตูเล็กๆ โดยมีลิกเซียคอยช่วยเข็นรถเข็น อันของกำนัลชิ้นแรกจากทนายมอฟเกอร์ ออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น เมื่อการประชุมดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว
ลิกเซียตัวสั่นน้อยๆ ระหว่างเข็นรถกลับห้อง เธอกล่าวไปเรื่อยๆ ให้แก่หญิงสาวซึ่งเธอดูแลมาหลายปีฟัง
"ฉันน่ะไม่เคยรู้เลยค่ะ ว่าคุณนายกับคุณหนูมีทัศนคติเช่นไรต่อคุณผู้หญิง ฉันถูกจ้างมาหลังจากที่คุณผู้หญิงอยู่ในสภาพ...เอ่อ...นิทราแล้วน่ะค่ะ พวกท่านไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เท่าที่ได้ยินมา ดูเหมือนจะเป็นอุบัติเหตุทางรถม้า ระหว่างแล่นผ่านเส้นทางลาดชันปากทางเขาหุบเขาเฟลมมิ่งฮิลนี่"
ฮิลลาริสรู้สึกสับสนมึนงง "แล้วคนอื่นๆ ล่ะ มีใครที่คุณคิดว่าเขาพวกกับคนพวกนั้นไหม"
"อ้อ ถ้าเป็นระดับเจ้านายแล้วล่ะก็ คงไม่มีแล้วล่ะค่ะ เพราะที่คฤหาสน์เฟลมมิ่งนี้มีเจ้านายแค่สาม...เอ้อ...สี่ท่านเท่านั้นแหละค่ะ" ลิกเซียทำหน้านึก “แต่คนที่มาร่วมรับประทาน อาหารกลางวันกับเราบ่อยๆ คือคุณทนายมอฟเกอร์เขาเป็นทนายของคุณผู้หญิงตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานแล้วค่ะ”
“อ้อ งั้นหรือ งั้นฉันก็น่าจะไว้ใจเขาได้” ฮิลลาริสถอนหายใจยาว ความทรงจำของเธอว่างเปล่ามากเสียจนรู้สึกแย่ “แล้วอย่างนี้ฉันควรจะทำยังไงต่อไปดี”
ลิกเซียกล่าว “ฉันคิดว่าคุณผู้หญิงน่าจะระวังตัวอย่างพอเหมาะพอควร แต่ฉันไม่คิดเลยว่าคุณนายกับคุณหนูจะเป็นคนแบบนี้ ฉันหมายถึง...พวกเขาไม่เคยแสดงความร้ายกาจออกมาเลย ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะอยากกำจัดคุณผู้หญิงขนาดนี้ ทั้งที่สมบัติทั้งหมดเป็นของคุณผู้หญิงท่านก่อนแท้ๆ!”
ฮิลลาริสชะงัก “นั่นหมายความว่าอย่างไรหรือ”
“ฉันไม่แน่ใจหรอกนะคะ แต่ดูเหมือนว่าตระกูลของนายท่านจะเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเฟลมเดอฟีลด้วยเหตุผลบางอย่าง ทั้งที่ตระกูลนี้เป็นตระกูลของคุณผู้หญิงท่านก่อน แน่นอนว่าทั้งสมบัติ ทั้งคฤหาสน์ หรือแม้แต่หุบเขานี้ทั้งหมด ต่างเป็นของคุณผู้หญิงฮิลลาเรีย มารดาของคุณผู้หญิงค่ะ” เธอกล่าวเสียงเบา “อย่างน้อยๆ ทนายมอฟเกอร์ก็เคยพูดไว้ว่าทั้งนายท่านคอสเตอริไซล์ คุณนายและคุณหนู ต่างไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่ต้นแล้ว”
ฮิลลาริสอึ้งเมื่อได้ยินข้อความถัดไป
“แต่เป็นเพราะคุณผู้หญิงไม่ได้สติ พวกเขาจึงก้าวขึ้นมาควบคุมสิ่งต่างๆ หรือก็คือ...ถ้าคุณผู้หญิงยังนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา สิทธิ์ที่คุณผู้หญิงควรจะมีก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขาทั้งสามค่ะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ