ทาสรักเพลิงเเค้น
เขียนโดย ลูกแก้ว
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.15 น.
แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 13.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
ผลั๊ก!!
ตู๊ม!!! เสียงน้ำจากสระว่ายน้ำที่เหมือนมีคนกระโดดลงไปเล่นซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่เลยแต่มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกผลักให้ตกไปในสระนั้นทำให้เขาเปียกไปทั้งตัวเขารู้ดีว่านี่เป็นฝีมือใครเพราะครั้งนี้มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนเธอแกล้งแต่เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้เพราะเธอเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านส่วนเขาเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าที่บิดามารดาเธอรับมาเลี้ยงเด็กชายจึงต้องเจียมตัวว่าตนนั้นอยู่ในฐานะใดเขาจึงทำได้เพียงจ้องมองเธอเท่านั้น
“มองทำไม ไอ้กระจอก” เสียงเด็กหญิงวัย 9 ปี ตะคอกถามเมื่อเห็นสายตาเด็กชายวัย 13ปี ที่จ้องมองมาด้วยแววตาโกรธเคืองที่ถูกเธอผลักให้ตกสระว่ายน้ำกลางบ้านซึ่งเขานั่งพักอยู่ริมสระหลังจากที่เขาเพิ่งช่วยงานคนสวนเสร็จ
ด.ญ.แพรวา ธนาวรเวช ลูกสาวสุดรักสุดหวงของนายเกริกพลและนางพิมพ์แขซึ่งนายเกริกพล เป็นเจ้าของส่งออกอัญมณีระดับต้นๆของประเทศ และมีเหมืองแร่ที่ใช้ขุดเจาะเพื่อผลิตและส่งออกด้วยซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ ด้วยความที่เธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านมีบิดามารดาคอยตามใจ เด็กสาวจึงมีนิสัยที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เคยสนใจว่าใครจะรู้สึกยังไงกับคำพูดและการกระทำตัวเองเธอถือว่าตนเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย เด็กสาวจึงกลายเป็นคนที่นิสัยเสีย
“คุณหนูผลักผมทำไม” เด็กชาย ธีรภัทรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคืองขุ่นและดวงตาโกรธเคืองบนใบหน้าที่เปียกปอนจ้องเขม็งมาที่เด็กหญิงแพรวา
“สมน้ำหน้า!!! อยากเสนอหน้ามานั่งตรงนี้ทำไมที่ตรงนี้ไม่เหมาะกับแกโน่นหลังบ้านโน่นไป๊” เธอออกปากไล่ด้วยท่าทางรังเกียจ “อัญช่วยไล่มันออกไปไกลๆถ้าไล่แล้วไม่ไปเราเอาก้อนหินปาใส่มันเลย”
“พอเถอะแพรสงสารพี่เขา” เด็กหญิงอัญญา เพื่อนสนิทของเธอซึ่งมักมาเล่นที่บ้านในช่วงวันหยุดเป็นประจำเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแพรวาแกล้งธีรภัทรมากไป “พี่ภัทรรีบไปเถอะ” อัญบอกให้ภัทรไปเสียจากตรงนั้นก่อนจะโดนแพรวาปาหินใส่ แพรวาหยิบก้อนหินขึ้นมาและปาใส่ธีรภัทร
“พี่ภัทรไปซิ เร็วๆ พี่ภัทร”เด็กหญิงอัญญาร้องบอกให้เด็กชายรีบออกไปจากตรงนั้นก่อนที่จะเจ็บตัวไปมากกว่านี้
“ไปสิ ไปให้พ้น” เด็กหญิงแพรวายังคงใช้หินปาใส่เด็กชายและเอ่ยปากไล่เหมือนกับเขาไม่ใช่คน
เด็กชายธีรภัทรรีบเดินออกมาจากตรงนั้นมาพร้อมกับความคับแค้นใจที่โดนเธอดูถูกและใช้ถ้อยคำดูแคลนตลอดที่เจอหน้ากัน “ยัยคุณหนูบ้าซักวันผมจะเอาคืนเหมือนอย่างที่คุณทำกับผม!!” เขาตั้งใจไว้แล้วว่าเขาจะต้องเอาคืนเธอให้ได้ “จะกี่ สิบปีก็จะรอ” และถ้าวันนั้นมาถึงเธอจะขอร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือดเขาก็ไม่สนใจ
“คุณแม่ทำไมเราต้องให้มันร่วมโต๊ะทานข้าวกับเราด้วยคะ” เด็กหญิงแพรนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารเอ่ยถามอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นเด็กชายภัทรเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอ
“ไม่เห็นเป็นไรเลยลูกแล้วทำไมเราต้องไปเกลียดพี่เขาด้วยอย่าลืมสิว่าพี่เขาเคยช่วยชีวิตพ่อไว้” พิมพ์แขเอ่ยปรามลูกสาว “แล้วเลิกเรียกพี่เขาว่ามันได้แล้วยังไงภัทรก็อายุมากกว่าเราตั้ง 4 ปีนะ” เธอพยายามเอ่ยเตือนลูกสาวอีกครั้ง ตั้งแต่เธอและสามีพาธีรภัทรเข้ามาอยู่ในบ้านไม่มีซักครั้งเลยที่แพรวาจะเรียกพี่ทั้งๆที่เธอก็พูดย้ำแล้วแต่แพรวาก็ไม่ฟัง
“ไม่ค่ะแพรไม่เรียก มันไม่ใช่พี่ชายของแพรนี่คะ” เด็กหญิงเอ่ยตอบมารดาโดยไม่รู้สึกกับคำตักเตือนของมารดาและยังส่งสายตาอาฆาตไปให้เด็กชาย
ทำไมคุณพ่อคุณแม่ต้องพามันมาอยู่ที่นี่ด้วยนะ แค่ให้ๆเงินมันไปก็พอ คนจนอย่างมันแค่เห็นเงินก็ตาโตละเด็กสาวคิดน้อยใจ ตั้งแต่ที่แกเข้ามาอยู่ในบ้านเธอก็เหมือนถูกแย่งความรักจากบิดามารดาและรวมทั้งเงินที่เป็นของครอบครัวเธอด้วยก็ต้องแบ่งให้มันใช้ญาติก็ไม่ใช่ ชิ ไอ้เด็กไม่มีพ่อแม่
“ไม่เป็นไรหรอกครับท่านผมก็ทานข้าวในครัวทุกวันอยู่แล้วครับ”เด็กชายภัทรเอ่ยขึ้นเพราะไม่อยากให้ท่านทั้งสองต้องหนักใจเขาจึงเอ่ยขอตัวออกมาเองจะดีเสียกว่า
“ไม่ต้องหรอกภัทรนั่งทานด้วยกันที่นี่แหละฉันจำได้นะว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดเธอ ฉันเลยสั่งอาหารจากโรงแรมมาเลี้ยงให้เธอโดยเฉพาะเลยทานเยอะๆนะ” เกริกพลพูดตัดบทเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศและเขาก็ไม่อยากให้ภัทรต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก ทั้งเขาและภรรยานั้นก็อยากมีลูกชายเพื่อหวังจะให้มาสืบทอดบริษัทแต่เขาก็ต้องผิดหวังเพราะได้ลูกสาวและภรรยาก็มีลูกยากด้วยจึงทำให้เขามีลูกเพียงคนเดียวเขาจึงทั้งรักและหวงลูกสาวคนนี้มากและเมื่อมาเจอเด็กชายธีรภัทรที่ช่วยชีวิตเขาไว้เขาก็รู้สึกเอ็นดูและถูกชะตาจึงรับมาเลี้ยงและดูแลอย่างดี
นึกย้อนไปเมื่อ 3 เดือนก่อน เขาพาภรรยาและลูกไปสถานสงเคราะห์ซึ่งเขาจะไปบริจาคเงินทุกๆปี แต่ด้วยวันนั้นขณะที่เขาเดินกลับมาเอาเงินสดในรถที่ลืมไว้ก็มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งใส่หมวกปิดบังใบหน้าใช้ปืนจี้ทางด้านหลังบังคับให้ส่งเงินไปให้แต่เขาขัดขืนจึงถูกคนร้ายต่อยที่ท้องไปหายครั้งจนจุกและล้มลงข้างรถ คนร้ายเห็นโอกาสเหมาะจึงคิดจะใช้ปืนยิงเขาซ้ำแต่โชคดีที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดไปที่แขนคนร้ายข้างที่ถือปืนทำให้ปืนลั่นแต่โชคดีที่กระสุนปืนไม่ไปในทิศทางที่เขาและเด็กชายอยู่จึงทำให้ทั้งคู่ปลอดภัยคนร้ายเห็นว่าเสียงปืนลั่นเมื่อกี้จะต้องมีคนแห่กันมาแน่จึงรีบไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่เพื่อนจอดรอไว้แล้วขับหนีออกไปทันที
“ท่านเป็นอะไรมั้ยครับ”เด็กชายถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นคนร้ายหนีไปแล้วจึงรีบมาดูอาการ
“ไม่เป็นไรๆแค่จุกนิดหน่อยขอบใจมากนะ” เกริกพลเอ่ยขอบใจอย่างซาบซึ้งนี่ถ้าไม่ได้เด็กคนนี้ช่วยไว้คงตายไปแล้วแน่ๆ เขาเลยคิดอยากจะตอบแทนความมีน้ำใจและความกล้าหาญที่เข้ามาช่วยตนไว้ด้วยการรับมาอุปการะเลี้ยงดูอย่างดีให้เหมือนกับเป็นลูกของตัวเอง
หลังจากวันนั้นเขาจึงปรึกษากับภรรยาที่จะรับเด็กชายมาเลี้ยงดูเหมือนกับลูกของเขาคนหนึ่งซึ่งทางพิมพ์แขเองก็ยินดีที่จะรับเด็กชายเข้ามาอยู่ด้วย วันถัดมาจึงไปยื่นเรื่องกับทางสถานสงเคราะห์ที่จะรับเด็กชายมาอยู่ถึงแม้จะถูกลูกสาวแย้งก็ตามเมื่อเขาพาเด็กชายภัทรเข้ามาในบ้านก็สั่งแม่บ้านให้ไปจัดห้องนอนข้างๆห้องนอนลูกสาวที่ยังว่างอยู่ แต่……เด็กหญิงแพรวาไม่ยอม เธอโวยวายลั่นบ้านไม่ยอมให้เด็กชายมานอนห้องข้างๆเด็ดขาด
“แพรไม่ยอมนะคะที่จะให้มันมาอยู่ชั้นเดียวกับเรา”เสียงเล็กๆของเด็กสาวโววายขึ้นทันทีที่ได้ยินบิดามารดาบอกว่าจะให้เด็กชายเข้ามาอยู่ร่วมชายคาด้วยโดยเฉพาะห้องชั้นบน
“แล้วแพรจะให้พ่อกับแม่ทำยังไงเรารับพี่เขามาแล้วนะพ่อทำไม่ได้หรอกหากจะให้พี่เขากลับไปอยู่ที่เดิม”นายเกริกพลถามบุตรสาวอย่างเหนื่อยใจกับนิสัยที่ชอบดูถูกคนอื่นที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักทีถ้าจะโทษก็คงต้องโทษที่ตัวเขาและภรรยาที่เลี้ยงเธออย่างตามใจจนมีนิสัยเสียแบบนี้
“ถ้าจะให้อยู่ที่บ้านก็ให้ไปอยู่เรือนคนใช้ซิคะยังมีห้องว่างอีกหลายห้อง ไม่งั้นแพรก็จะไม่ยอมให้มันอยู่ในบ้าน”เมื่อให้ออกไปไม่ได้ก็ให้อยู่ที่เรือนคนใช้นั่นแหละถึงจะเหมาะ
“เอาแบบนั้นก็ได้”เขาจึงจำเป็นต้องให้เด็กชายภัทรไปอยู่เรือนหลังเล็กที่เป็นเรือนคนใช้แทนไม่เช่นนั้นเด็กชายภัทรก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่ “ฉันต้องขอโทษแทนยัยแพรด้วยนะภัทร”เมื่อมาถึงห้องพักเขาจึงบอกกับเด็กชายด้วยความรู้สึกผิดทั้งที่บอกเขาไปแล้วว่าจะเลี้ยงเหมือนลูกชาย
“ไม่เป็นไรหรอกครับท่านแค่ท่านรับผมมาเลี้ยงก็เป็นพระคุณมากแล้วครับ”เขารู้ถึงความตั้งใจเขาท่านที่ต้องการจะทำอย่างที่บอกก่อนจะเข้ามาจัดการห้องพักให้เรียบร้อย
ซึ่งในบ้านหลังนี้มีห้องพักอยู่ประมาณแปดห้องโดยจะแบ่งเป็นด้านละสี่ห้องซึ่งเป็นของแม่บ้านสองคนคนละห้องและของคนขับรถท่านอีกหนึ่งห้อง จึงมีห้องว่างเหลืออยู่หลายห้อง ห้องของเด็กชายอยู่ถัดจากห้องของคนขับรถซึ่งอยู่ด้านริมสุดของตึก
นับตั้งแต่ที่ตัวเขาย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้นายเกริกพลไม่ได้ให้เขาทำงานอะไรเลยช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ ซึ่งเขาและคุณหนูจะเรียนกันคนละโรงเรียนเนื่องจากระดับชั้นที่ต่างกันในแต่ละวันเด็กชายจะเดินทางโดยรถประจำทางซึ่งจะต้องเดินมารอรถที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยระยะทางห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตรจริงๆแล้วนายเกริกพลและนางพิมพ์แขจะให้เด็กชายภัทรนั่งรถไปพร้อมบุตรสาวด้วยเลยแต่คุณหนูเธอไม่ยอมที่จะร่วมนั่งรถคันเดียวกันกับเขาเพราะอะไรนั้นเขารู้ดี สำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละวันนางพิมพ์แขจะให้เป็นรายเดือนๆละหกพันบาท
ส่วนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เด็กชายภัทรจะช่วยงานคนในสวนเท่าที่ตนจะช่วยได้ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ทำจะเป็นงานในสวนเสียมากกว่าเพราะเป็นงานของคนงานชายเขาจึงไม่ได้เข้าไปอยู่ในครัวเลยจะมีก็แต่ตอนกินข้าว เท่านั้นแต่หลังจากกินเสร็จเขาก็มักจะอาสาเก็บชามและล้างจากให้ การดำเนินชีวิตเป็นแบบนี้ทุกวันจนกระทั่งจบมัธยมปลาย
พอเข้าสู่มหาวิทยาลัยนายเกริกพลส่งให้เขามาเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนการเดินทางไปเรียนชายหนุ่มก็ขึ้นรถประจำทางเหมือนเช่นเคย ส่วนค่าใช่จ่ายเขาจะได้รับเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่านางพิมพ์แขเห็นว่าเขาโตขึ้นแล้วต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปด้วย เช่นค่าใช่จ่ายการเดินทางที่ไกลมากขึ้นกว่าเดิมและค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเขาด้วย
แต่ชายหนุ่มจะใช้จ่ายอย่างประหยัดซื้อเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นเท่านั้น ประกอบกับที่ไม่ต้องเสียทั้งค่ากินและค่าห้องเช่า เขาจึงมีเงินเหลือเก็บในบัญชีซึ่งเปิดมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปลายจนตอนนี้เขาอายุ 28 ปีแล้ว ซึ่งเป็นเวลาเกือบสิบปีเงินบัญชีจึงมีมากเป็นหลักล้าน โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดจะโอ้อวดใครที่สามารถเก็บเงินได้มาขนาดนี้ และก็ไม่ได้บอกกับนายเกริกพลถึงเงินจำนวนนี้ด้วย และท่านทั้งสองก็ไม่เคยมายุ่งเรื่องส่วนตัวอะไรด้วยเขาหวังเพียงว่าหากวันใดวันหนึ่งที่ต้องออกไปจากบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามจะได้มีเงินสักก้อนพอที่เขาจะสามารถตั้งตัวได้เท่านั้นก็พอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ