ทาสรักเพลิงเเค้น
เขียนโดย ลูกแก้ว
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.15 น.
แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 13.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ความแค้นกำลังปะทุ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ สนามบินสุวรรณภูมิ
“อยู่บ้าน อย่าดื้อ อย่าเอาแต่ใจตัวเองนะลูกจะไปไหนก็ให้ภัทรพาไปนะเราเป็นผู้หญิงขับรถไปไหนคนเดียวมันอันตราย” นางพิมพ์แขบอกลูกสาวก่อนที่จะได้เวลาขึ้นเครื่องกับสามีถึงแม้ลูกสาวจะโตแล้ว แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็ย่อมห่วงอยู่ดี
“ค่ะคุณแม่” เธอรับคำแล้วเข้าไปสวมกอดมารดาและบิดา “เดินทางปลอดภัยนะคะ” เธอโบกมือลาขณะที่ประตูเครื่องกำลังจะปิดลง เมื่อเครื่องบินเคลื่อนตัวออกจากท่าอากาศยานแล้ว แพรวา หันมาออกคำสั่งกับธีรภัทรทันที
“เอากุญแจรถมาฉันจะไปเที่ยวกับเพื่อน ส่วนแกขึ้นแท็กซี่กลับไปเองแล้วกัน” เธอยื่นมือมาหวังจะเอากุญแจรถจากเขา “เร็วๆซิ ยะ ฉันรีบ” เมื่อไม่ได้ดั่งใจ เธอจังตะคอกใส่เขาทันทีด้วยความหงุดหงิด
“แต่คุณท่านบอกให้ผมไปกับคุณหนูและไม่อนุญาตให้คุณหนูขับรถคนเดียว คุณหนูก็รับปากท่านแล้วนี่ครับ” ธีรภัทรอธิบายถึงสาเหตุที่ไม่ยอมยื่นกุญแจมาให้เธอ
จริงๆแล้วเขาก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ เพราะเธอเป็นคนที่ใจร้อน และเอาแต่ใจตัวเอง ถ้าหากเธอเป็นอะไรไป เขาจะมีหน้าไปสู้ท่านทั้งสองได้อย่างไร ถึงแม้เขาจะมีความแค้นอยู่ในใจมากเพียงใดกับสิ่งที่เธอทำกับเขา แต่ด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและความไว้วางใจจึงทำให้เขาต้องทิ้งเรื่องส่วนตัวไว้ข้างหลังและทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด
“ไอ้โง่ !! ฉันก็รับปากให้พวกท่านสบายใจเท่านั้นแหละ ฉันไม่คิดเลยนะว่านอกจากแกจะจนแล้วยังจะโง่ๆๆๆ อีก เฮอะ” แพรวาตะหวาดใส่ธีรภัทรพร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มไปที่ศีรษะของเขาในขณะที่ด่าคำว่าโง่ ไปด้วย ถึงเธอจะสูงไม่เท่ากับเขาแต่ด้วยที่เธอใส่ส้นสูงเกือบสี่นิ้ว ทำให้เธอสูงเทียบเท่าเขา จึงสามารถยื่นแขนมาจิ้มที่ศีรษะเขาได้อย่างสบาย
ธีรภัทรจึงจำเป็นต้องหยิบกุญแจที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาให้เธอ เมื่อเธอหยิบไปแล้วก็หันหลังเดินออกไปด้วยท่าทางที่มั่นใจในตัวเอง และไม่สนสายตาที่ใครต่างหันมามองเธอด้วยสายตาเป็นประกายกับความสวย แบบฉบับของลูกคุณหนู
การกระทำและคำพูดของแพรวาเมื่อครู่ทำให้ธีรภัทรต้องอับอาย คนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นเป็นอย่างมาก ด้วยน้ำเสียงของเธอที่พูดไม่ใช่เบาๆเลยและแถมยังไม่สนใจใครที่อยู่บริเวณนั้นด้วย เขาจึงต้องเก็บความแค้นและความอับอายนี้ไว้ในใจแล้วรอวันที่จะระเบิดมันออกมาแล้วเมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เธอต้องอ้อนวอนขอร้องเขาแทบเท้า เขาก็ไม่มีวันให้อภัย
................................................................
เมื่อธีรภัทรนั่งแท็กซี่กลับบ้านก็ต้องแปลกใจที่บ้านเงียบผิดปกติเหมือนไม่มีใครอยู่เลย ขณะที่เขากำลังเดินสำรวจรอบตัวบ้านว่ามีอะไรเสียหายหรือหายไปรึเปล่าก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ครับคุณหนู” เขากดรับทันทีเมื่อชื่อที่ขึ้นเป็นใคร เพราะเกรงว่าถ้าจะเกิดอันตรายกับเธอขึ้นมาเขาจะได้ตามไปช่วยได้ทัน และเขาจะได้บอกกล่าวถึงความผิดปกติของบ้านด้วย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยออกไป เธอก็ไขข้อสงสัยให้เขาเสียก่อน ซึ่งความบอกกล่าวของเธอนั้นสร้างความหนักใจให้เขาไม่น้อย
“ไอ้ภัทร เย็นนี้แกจัดสถานที่ไว้สำหรับงานวันเกิดฉันคืนนี้ด้วยหละ ส่วนอาหารจากโรงแรมพี่กรจะไปถึงช่วงหกโมงเย็น แกต้องจัดใส่จานไว้ให้พร้อม แกไม่ต้องหวังว่าจะให้แม่บ้านหรือใครมาช่วยนะเพราะฉันได้สั่งให้ลาพักร้อนในช่วงที่คุณแม่คุณพ่อไม่อยู่ไปแล้ว ฉะนั้น งานฉันสั่งทุกอย่างแกต้องจัดการคนเดียว”เมื่อเธอสั่งเสร็จก็วางสายไปทันทีแล้วก็หันมาหัวเราะต่อกระซิกกับบรรดาเพื่อนของเธอที่นั่งอยู่ด้วยกันในร้านอาหารของห้างดังที่เธอและเพื่อนมากันเป็นประจำ “พวกเธอคอยดูงานวันเกิดฉันคืนนี้นะ ฉันจะทำให้ไอ้กระจอกนั่นมันอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครได้อีกเลย คอยดูซิ” แพรวานึกถึงแผนการที่เธอได้วางไว้ตั้งแต่ที่บิดาบอกว่าธีรภัทรจะอยู่กับเธอในช่วงที่บิดามารดาไม่อยู่และเธอก็คิดว่าแผนการนี้จะทำให้เธอสะใจเป็นอย่างมาก
ทางด้านธีรภัทรเมื่อรู้ว่าเขานั้นโดนเธอแกล้งให้จัดงานวันเกิดเพียงคนเดียวยิ่งเพิ่มความขุ่นเคืองในใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิม “ยัยคุณหนู..!! เธอจะแกล้งฉันไปถึงไหน อย่าให้ฉันต้องความอดทนกับเธอนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสเอ่ยปากเถียงเขาได้แม้แต่คำเดียว” ธีรภัทรคาดโทษเธอไว้ในใจ
บริเวณลานกว้างภายในบ้านที่ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวซึ่งถูกจัดเป็นงานวันเกิดของแพรวา ลูกสาวเจ้าของบ้าน ด้วยฝีมือของธีรภัทรเพียงคนเดียว! โดยจัดให้มีโต๊ะตัวใหญ่ขนาดสีเหลี่ยมผืนผ้าคลุมด้วยผ้าคลุมโต๊ะลูกไม้สีฟ้าอ่อน ไว้สำหรับวางอาหารบุฟเฟ่ ที่สั่งมาจากโรงแรมระดับห้าดาว และมีโต๊ะไว้สำหรับให้แขกที่มาในงานนั่งสังสรรค์กันราวๆสิบโต๊ะ เนื่องจากแพรวาเป็นบุคคลที่ใครๆต่างก็รู้จักจึงไม่แปลกเลยหากงานนี้จะมีคนมาร่วมงานเกือบสามสิบคน และโต๊ะอีกตัวไว้สำหรับวางของขวัญที่บรรดาแขกที่มาร่วมงานนำมาให้เจ้าของวันเกิด
รอบๆบริเวณงานถูกจัดตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สีขาวสลับชมพู บนพุ่มต้อนไม้เล็กๆที่ถูกตัดแต่งจากคนสวนที่จะมาทำสวนสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ประดับด้วยไฟด้วงเล็กๆกระพริบสลับกันไปมา และยังมีเครื่องเสียงเปิดเพลงเสียงดังกระหึ่มให้ทุกคนในงานได้สนุกกัน และเนื่องจากแพรวาสั่งให้แม่บ้านบ้านลาพักงานกันหมดจึงทำให้เหลือแค่ธีรภัทรคนเดียวที่จะต้องคอยเสิร์ฟอาหารและบริการให้แกแขกภายในงานที่เขาจะเรียก
“ฉันขอบคุณทุกคนมากนะที่มาร่วมในงานวันเกิดฉัน ใครอยากทานอะไรตักทานได้เต็มที่เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” แพรวาบอกกล่าวแก่บรรดาแขกในงานกับการเป็นเจ้าภาพในคืนนี้ “และถ้าใครอยากได้อะไรเพิ่ม สั่งที่นายภัทรได้เลยนะ คืนนี้เขาจะเป็นคนคอยบริการเราตลอดงานเลย” แพรว่าเอ่ยบอกเพื่อนๆพร้อมกับแนะนำเขาให้ทุกคนรู้จักเป็นนัยๆว่าเขาคือคนรับใช้พร้อมกับส่งสายตาดูถูกอย่างคนที่เหนือชั้นกว่ามาทางเขา
แพรวายกนาฬิกาขึ้นดูเวลาก็เห็นว่างานเลี้ยงล่วงเลยมาได้สามชั่วโมงกว่าๆแล้วเธอคิดว่าคงถึงเวลาที่เธอจะทำตามแผนที่คิดไว้ได้แล้ว เธอจึงสั่งธีรภัทรไปนำเค้กก้อนโตขนาดสองชั้นมาวางไว้ในงานแล้วปิดเสียงเพลงในระหว่างที่ทุกคนร่วมกันร้องเพลงวันเกิดให้เธอ
ทุกๆคำอวยพรที่เธอได้รับจากเพื่อนๆพร้อมกับขวัญที่นำมาให้นั้นทำให้เธอรู้สึกว่าวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอมีความสุขมาก แพรวาตัดเค้กแบ่งให้ทุกคนในงานจนครบเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือแค่ถาดเค้กที่มีเศษขนมปังและครีมหวานๆติดหลงเหลืออยู่ เธอแอบยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะเรียกธีรภัทรให้มาหา
“ภัทร มานี่หน่อย” แพรวากวักมือเรียกเขาให้มายื่นใกล้ๆเธอ
“อะ..ฉันให้” แพรวายื่นถาดเค้กที่มีเพียงแค่เศษๆติดเหลืออยู่เท่านั้น “รับไปซิ ยืนเฉยๆทำไมหละ อ้อ...ฉันลืมไปว่านายคงจะทานไม่สะดวกหากยืนแบบนี้” เมื่อกล่าวจบเธอจึงวางถาดเค้กลงที่พื้นสนามหญ้า การกระทำของเธอสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในงาน แม้กระทั่งชินกรที่มาร่วมอยู่ในงานนี้ด้วย “ทุกคนไม่ต้องตกใจไปหรอกนายภัทรเขาไม่ถนัดใช้ช้อนทานอย่างเราหรอก” แล้วเธอก็ใช้เท้าถีบไปที่ขาของธีรภัทร ทำให้เขาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวล้มลงไปนั่งในท่าคุกเข่า “เห็นไหมว่านายภัทรเขาทานกับพื้น เพราะเขาไม่ได้ใช่เหมือนอย่างเราๆหรอก แต่เป็นแค่หมาข้างถนนที่คุณพ่อเก็บมาเลี้ยงน่ะ...อ้อ ! ฉันลืมให้น้ำแกเลยเจ้าหมา” แพรวาหันไปหยิบแก้วน้ำเปล่าที่วางอยู่ใกล้มือเธอที่สุด เทลงไปที่ธีรภัทร ทำให้ศีรษะและเสื้อเขาต้องเปียก ส่วนเธอก็ยืนหัวเราะกับความสะใจในการกระทำของตัวเอง
ธีรภัทรเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยที่เคืองแค้น ก่อนจะหันมองไปรอบๆเธอ เพื่อนทุกคนของเธอต่างก็หัวเราะเยาะเย้ย และสมเพสเขาที่ถูกแพรวากระทำเหมือนเป็นแค่หมาตัวหนึ่งเท่านั้น!!
แพรวาหัวเราะได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์จากเครื่องราคาหรูก็ดังขึ้นแต่ด้วยภายในงานเปิดเสียงดังกระหึ่มเธอจึงของตัวออกมาคุยด้านนอกที่ปราศจากเสียงเพลงรบกวน ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็แยกย้ายไปนั่งสังสรรค์กับต่อที่โต๊ะโดยไม่ใครในใจธีรภัทรอีกเลย
“ฮัลโหล อัญ” แพรวากดรับทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นเป็นชื่อของเพื่อนรักตั้งแต่สมัยวัยเยาว์
“[สุขสันต์วันเกิดนะแพร ฉันขอโทษน๊า ที่ไม่ได้ไปร่วมงาน]”อัญญาอวยพรวันเกิดให้เพื่อนรักพร้อมกับขอโทษที่ไม่สามารถมาร่วมงานวันเกิดเธอได้ เนื่องจากเธอติดสอบวิชาเอกของคณะที่เธอกำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาโท ในช่วงวันรุ่งขึ้นจำทำให้เธอไม่สะดวกหากจะมาค้างคืนและเดินทางแต่เช้ามืด
“ไม่เป็นอะไรเลยอัญฉันเข้าใจ ไว้เธอสอบเสร็จค่อยมาฉลองให้ฉันก็ได้”
“[จ้ะแพรขอบใจนะที่เข้าใจ แล้วคุณลุงคุณป้าจะจะกลับเมื่อไหร่หรอ]”อัญญาเอ่ยถมถึงบิดามารดาของเพื่อนรักที่ทราบว่าเดินทางไปธุระที่ญี่ปุ่น
“อีกสี่วันน่ะอัญ”เธอตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆที่เมื่อนึกถึงบิดามารดาไม่ได้อยู่ร่วมงานวันเกิดเธอด้วย
“[ถ้าท่านกลับมาบอกฉันนะ ฉันจะขอไปรับที่สนามบินด้วยคน...เอ่อ แพรฉันต้องวางสายก่อนแล้วหละ ต้องรีบนอนเดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทันไปสอบ]”
“ได้เลย ถ้าฉันจะไปรับท่านเมื่อไหร่จะโทรไปบอกนะ”เมื่อวางสายจากเพื่อนรักแล้ว เธอหมุนตัวกลับมาเพื่อจะเข้าไปในงานแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใครยื่นจ้องเธอตาเขม็งอยู่ก่อนแล้ว
“แกจ้องอะไร กินเค้กที่ฉันให้หมดแล้วหรอ เป็นไงอร่อยไหมหละที่ได้กินของราคาแพงๆแบบนี้ หึ ไอ้คนชั้นต่ำ” ยังไม่ทันที่เธอจะเดินผ่านเขาไปหลังจากพูดจบก็ถูกมือหนาจับแขนไว้ก่อน
“ปล่อยแขนฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ภัทร ไอ้สกปรก ฉันไม่อยากติดเชื่อโรคจากแก”แพรวาร้องโวยวายพยายามดิ้นให้หลุดจากข้อมือหนา
“ไม่ปล่อย”ธีรภัทรตะคอกใส่หน้าเธอ พร้อมกับเอามือปิดปากเธอไว้แล้วพาเธอมาทางด้านหลังของบริเวณรั้วบ้านที่อาคารหลังเล็กซึ่งเป็นห้องของคนใช้ในบ้าน “หึ ผมอยากจะรู้นักว่าถ้าคุณหนูจอมหยิ่งยโส ชอบดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า เป็นเมียไอ้หมาข้างถนนแล้วยังจะปากดีอยู่อีกไหม!!” เขาระเบิดอารมณ์ที่สั่งสมมานานโดยเฉพาะวันนี้ที่เธอดูถูกและประจานเขาต่อหน้าแขกที่มาในงานจนทำให้เขาต้องอับอายจนไม่สามารถที่จะระงับความอดทนได้อีกต่อไปแล้ว
“เงียบเถอะครับเพราะต่อให้คุณหนูส่งเสียงร้องจนสุดเสียง ก็ไม่มีใครได้ยินหรอกครับ”ชายหนุ่มมั่นใจนักว่าไม่มีใครได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอแน่ เพราะทางที่เธอและเขายืนอยู่มันไกลจากตึกใหญ่มาก ประกอบกับเสียงเพลงในงานที่ดังกลบเสียงบริเวณโดยรอบยิ่งให้ไม่มีใครได้ยิน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ