ทาสรักเพลิงเเค้น
เขียนโดย ลูกแก้ว
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.15 น.
แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 13.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) สุภาพบุรุษอสูร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความธีรภัทรอาศัยอยู่กับตระกูล ธนาวรเวช ตั้งแต่ท่านทั้งสองรับเขามาอุปการะเลี้ยงดูและส่งเสียจนเรียนจบปริญญาตรีทางด้านบริหารเพื่อให้เขาได้มาช่วยงานที่บริษัทตอนนี้เขาได้เข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยของนายเกริกพล และได้รับความไว้วางใจมากที่สุดที่ให้ไปคุยธุรกิจกับลูกค้าแทนเขาในบางครั้งซึ่งธีรภัทรก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
ชายหนุ่มทำให้นายเกริกพลและนางพิมพ์แข ภูมิใจที่ได้ทำให้เด็กกำพร้าคนหนึ่งได้มีชีวิตใหม่ที่ดีและที่สำคัญเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้ทั้งคู่ต้องเสียหายทั้งความประพฤติการใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด และการทำงาน แต่กลับมีอยู่หนึ่งคนที่คิดว่าทุกการกระทำของชายหนุ่ม คือการประจบบิดามารดาหญิงสาวจึงคอยจับตาดูเขาอยู่เสมอหากเขาทำอะไรไม่ดีจะได้ไปฟ้องบิดามารดาแล้วเอาข้ออ้างนั้นไล่เขาออกจากบ้านแต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววถึงพฤติกรรมไม่ดี
หลังจากเสร็จสิ้นจากการทำงานหนักมาทั้งวัน นายเกริกพลก็อนุญาตให้ธีรภัทรผ่อนคลายจากการทำงานตามแหล่งสถานบันเทิงได้ตามแต่ที่ธีรภัทรจะไปแค่ไม่ทำให้เสียการเสียงานก็พอ ซึ่งนานๆทีเขาก็จะมาที่นี่ซักครั้งถ้าไม่ทำงานหนักเกินไปครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่เข้ามาเยือนเขาเลือกนั่งในมุมมืดของสถานที่เพราะไม่ชอบความวุ่นวายถึงเขาจะมีฐานะที่ยากจนแต่ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา ผิวขาว รูปร่างสูงจึงมักมีผู้หญิงมาคอยเกาะแกะเขาอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจใครเป็นพิเศษ ชายหนุ่มรู้ตัวดีกว่าคนระดับอย่างเขาคงไม่มีใครที่ต้องการมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยและด้วยฐานะที่ไม่ได้ดีมากนักเขาจึงยังไม่พร้อมที่จะดูแลใครในแต่ละวันจึงทุ่มเทให้กับงานเพียงอย่างเดียว
“จะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ” พนักงานเสิร์ฟสาวนามว่า ใยไหม เดินเข้ามาถามหลังจากที่เขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“เอา Sidecar แล้วกันครับ” เขาเอ่ยตอบอย่าสุภาพเขาเลือกที่จะดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มากนักแค่ดื่มเพื่อผ่อนคลายแล้วอยู่ในบรรยากาศดนตรีสนุกๆเท่านั้น
“ซักครู่นะคะ”หญิงสาวรับออเดอร์แล้วเดินเข้าไปบอกบริกรที่ทำการผสมเครื่องดื่มก่อนนำมาเสิร์ฟให้เขา
ใยไหม อายุ 21 ปีเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่ได้เกือบ สี่ ปีแล้วหลังจากที่เธอเรียนจบมัธยมปลายหญิงสาวไม่ได้ศึกษาต่อเนื่องด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยดีนักเธออาศัยอยู่กับแม่สองคนส่วนพ่อของเธอนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตอนเธออายุได้เพียง 3 ขวบเท่านั้นและนางไพลินแม่ของเธอก็ป่วยหนักต้องเขารักษาตัวที่โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งก็ไม่ใช่น้อยๆลำพังแค่งานเป็นพี่เลี้ยงของโรงเรียนชั้นอนุบาลอย่างเดียวจึงไม่พอ เธอจึงต้องหางานทำที่ได้เงินเยอะๆและเป็นงานที่สุจริต ซึ่งนั่นก็คือพนักงานเสิร์ฟตามสถานบันเทิงที่เธอกำลังทำอยู่ ถึงแม้งานแบบนี้จะเสี่ยงจากพวกนักท่องราตรีที่ชอบลวนลามและเสนอเงินให้เพื่อนอนด้วย หญิงสาวก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบเจอเพราะเธอจำเป็นต้องทำและเธอก็ปฏิเสธมันมาได้ทุกครั้ง แต่เธอก็ไม่รู้จะรอดไปได้เมื่อไหร่และเธอก็จะระวังตัวเองอยู่เสมอ
ธีรภัทรยกนาฬิกาข้อมือราคาแค่ไม่กี่พันบาทขึ้นดูเวลาเมื่อเห็นว่านาฬิกาบอกเวลาว่าเที่ยงคืนแล้ว เขาจึงเรียกพนักงานมาเช็คบิลแล้วเดินออกไป เพื่อจะกลับบ้าน แต่ขณะที่เขากำลังจะเดินไปขึ้นรถนั้นเขาได้ยินเสียงของผู้หญิงขอความช่วยเหลือเขาจึงเดินไปทางที่มาของเสียงนั้น
“ช่วยด้วยยยยย!!....ช่วยด้วยค่ะ” เสียงหญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่เธอกำลังจะกลับบ้านหลังจากเลิกเวลาทำงานของเธอแล้วก็มีชายคนนึ่งกระชากแขน และลากเธอให้เดินไปทางมุมอับของตึกซึ่งไม่มีคนพลุกพล่านแสงไฟก็มีเพียงดวงเล็กๆไม่กี่ดวงที่จะสามารถส่งให้เห็นทาง
“เงียบ!! ถ้าไม่อยากตาย” ผู้ชายปริศนาคนนั้นตะคอกใส่หญิงสาวพร้อมกับเอามีดขึ้นมาขู่
“แกเป็นใคร แล้วจับฉันมาทำไม” ถึงแม้ว่าเธอจะกลัวว่าเขาจะทำอะไร หญิงสาวก็พยายามที่จะถามออกไปอย่างหวั่นๆ
“ถามโง่ๆ ก็จับมาปล้ำซิวะ” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะ เขานั้นจ้องมองเธอมาตั้งนานแล้วตอนที่เธออยู่ในผับแต่ยังหาโอกาสไม่ได้ เมื่อสบโอกาสที่เธอเลิกงานจึงสะกดรอยตามเธอม
า
“ไม่นะ อย่ามายุ่งกับฉัน” เธอกัดเข้าที่แขนเพื่อให้ข้อมือหนาที่จับเธอไว้หลุดออกแล้วผลักเขาให้ออกห่างก่อนจะวิ่งหนีเพื่อหวังให้คนที่เดินผ่านไปมาแถวนี้ได้ยิน “ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด....”
“มานี่นังตัวดี ปากดีนักนะ”เขารีบวิ่งตามเธอมาจนทันแล้วกระชากแขนเธออีกครั้ง เมื่อเธอหันมาเขาจึงตบเธอเพื่อหวังจะให้เธอเงียบ
เพี๊ยะ
“หึ โทษฐานที่ปากดี”
“ไอ้เลว” เธอตะโกนด่าใส่หน้าเขา ทั้งๆที่มุมปากยังเจ็บและมีรอยเลือดติดอยู่ เมื่อได้ยินคำด่าเขาก็เงือบมือหวังจะตบอีกครั้งแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“ทำร้ายผู้หญิงเขาไม่เรียกว่าลูกผู้ชายหรอกนะ” เมื่อธีรภัทรเดินตามเสียงมาก็ยิ่งได้ยินเสียงดังและชัดขึ้นเรื่อยๆจนมาเจอผู้ชายรายนี้กำลังทำร้ายผู้หญิง
“แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยวะ” เขาถามออกไปด้วยความโมโหที่มาขัดจังหวะ เมื่อเธอถูกมือหนาปล่อยตอนหันมาคุยกับธีรภัทร เธอจึงรีบวิ่งมาหลบหลังธีรภัทรทันที “เสือกๆแบบนี้ต้องเจอดี” เมื่อพูดจบเขาก็ชักมีดปลายแหลมออกมาเพื่อจะฟันเข้าไปที่แขนธีรภัทร แต่ธีรภัทรหลบทันเสียก่อน แล้วใช้มือบิดที่แขนจนมีดหลุดมือ แล้วร่วงลงพื้น ก่อนจะต่อยที่ใบหน้าและเตะเข้าที่ขาทำให้คนร้ายทรุดลงไปกับพื้นก่อนจะเตะไปที่ก้านคออีกครั้งจนคนร้ายหมดสติ จึงรีบพาหญิงสาวออกมาให้พ้นจากที่นั้นทันที
“ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยไหม ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ไหมคงไม่รอดแน่ๆค่ะเพราะทางนี้ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านเลย”ใยไหมเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ขณะที่กำลังเดินไปทางด้านหน้าของสถานบันเทิง “ว่าแต่คุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ” เธอถามพร้อมกับสำรวจดูรอบๆตัวธีรภัทร
“ไม่เป็นอะไรเลยครับ แค่เจ็บมือนิดหน่อยตอนต่อยหน้ามันแค่นั้นเอง เดี๋ยวก็หายครับ”ธีรภัทรตอบเธออย่างสุภาพ “ไหมต้องกลับบ้านดึกแบบนี้ทุกคืนเลยหรอ” เขาถามหลังจากที่ได้ยินเธอแทนตัวเองว่าใยไหม และเขาจำได้ว่าเธอคือพนักงานเสิร์ฟที่เข้ามาถามเขาเมื่อตอนที่เขาเพิ่งเข้าไปนั่นเอง
“ใช่ค่ะ ไหมทำงานที่นี่ทุกคืน แต่กลางวันไหมต้องไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กค่ะ” เธอเอ่ยตอบเขาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ทำไมไม่เรียนหนังสือหละไหม”ดูจากหน้าตาแล้วเธอไม่น่าจะอายุถึง 20 ปีด้วยซ้ำ “ทำงานหนักขนาดนี้ต้องใช้เงินไปทำอะไร หืม...เด็กดี” ธีรภัทรเอ่ยถามอย่างเอ็นดู ปนความสงสารที่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอต้องมาทำงานหนักขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อน แต่ถึงจะมีก็คงแค่ไม่กี่ชั่วโมงขนาดตัวเขาเองทำงานเป็นเวลในตอนช่วงกลางวันยังเหนื่อยเลย แล้วนับประสาอะไรเธอที่จะไม่เหนื่อย
“ไหมอายุ 21 ปีแล้วค่ะแต่พอจบมัธยมปลายก็ไม่ได้เรียนต่อค่ะต้องหาเงินมารักษาแม่ที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลค่ะ”ใยไหมอธิบายให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ
“พี่ชื่อภัทรนะถ้ามีอะไรให้ช่วยก็โทรมาหาพี่ได้ตลอดเลย ไม่ต้องเกรงใจ”เขาหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าที่เขาไว้ใช้ยื่นกับลูกค้าเวลาไปติดต่อธุรกิจแทนนายเกริกพลให้กับเธอ
ที่เขายอมยื่นมือให้ความช่วยเหลือเธอนั้นก็เพราะเขาสงสารที่เธอต้องมาแบกรับภาระหนักขนาดนี้ และเขาเองก็รู้สึกถูกชะตากับเธอแม้จะคุยกันได้เพียงไม่นานก็ตามถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เธอมาเป็นน้องสาวของเขานัก
“พี่ภัทรเป็นเจ้าของบริษัทนี้หรอคะ” เมื่อเธออ่านกระดาษแผ่นเล็กๆที่เขายื่นให้แล้วจึงเอ่ยถามเขาด้วยความแปลกใจที่เขารวยขนาดนี้เลยหรอนี่
“ไม่ใช่ หรอกไหม พี่เป็นแค่ผู้ช่วยของเจ้าของบริษัทที่ท่านรับพี่มาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่เด็กๆ”เขารีบอธิบายให้เธอฟังทันทีก่อนที่เธอจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ถึงเขาจะได้รับโอกาสให้มีชีวิตที่สุขสบายมีงานดีๆทำ และรู้ตัวดีว่าต้องเจียมตัวอยู่เสมอไม่ลืมว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
“ไหมต้องทำงานดึกๆแบบนี้ทุกวัน มันอันตรายนะเอางี้พี่จะมารับไหมไปส่งบ้านทุกวันเลยนะจะได้ปลอดภัย”
“อย่าเลยค่ะ ไหมเกรงใจ”เธอชินแล้วกับการที่ต้องเดินทางกลับบ้านคนเดียวในเวลาแบบนี้และเธอก็กลัวชายหนุ่มจะลำบากด้วยจึงปฏิเสธเขาไป
“อย่าปฏิเสธเลย ตกลงตามนี้นะ ไปขึ้นรถพี่จะไปส่ง”เขามาเจอเธอในสถานการณ์แบบนี้แล้วจะปล่อยให้หญิงสาวกลับบ้านคนเดียวได้ยังไงกัน
..........................................................................................
หลังจากที่ธีรภัทรพาใยไหมไปส่งที่บ้านอย่างปลอดภัยแล้วนั้นเขาจึงขับรถยนต์กลับเข้ามาในบ้าน ซึ่งรถยนต์คันนี้เป็นรถที่นายเกริกพลซื้อให้เขาไว้ใช้ส่วนตัวเป็นของขวัญวันรับปริญญา เขาจะใช้รถคนนี้ไปคุยธุรกิจกับลูกค้าที่นัดกันไว้นอกสถานที่ และไว้ใช้นอกเวลางานส่วนเวลาไปทำงานแต่ละวันที่เข้าบริษัทเขาจะใช้รถอีกคันหนึ่งซึ่งเป็นรถของนายเกริกพลโดยเขาจะเป็นคนขับให้นายเกริกพลแล้วไปทำงานพร้อมกัน
“หึ พอมีรถใช้เองแล้วก็ใช้ จนไม่ดูเวลาร่ำเวลาเลยนะนึกอยากจะไปตอนไหนก็ไปจะกลับตอนไหนก็กลับ ความเกรงใจหัดมีบ้างนะ”แค่ได้ยินเสียงเขาก็รู้แล้วว่าเป็นใคร พอก้าวเท้าลงจากรถก็โดนคำพูดถากถางจากเธอทันที เธอคงจะดักรอต่อว่าเขาอยู่ซินะ
“.....................”เขาไม่อยากจะเสียเวลาที่จะมาต่อปากต่อคำกับเธอจึงเลี่ยงที่จะเดินหนีเข้าห้องพักแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมง่ายๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ