กาลครั้งหนึ่ง..ถึงปัจจุบัน
10.0
เขียนโดย danniies
วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.28 น.
2 ตอน
3 วิจารณ์
4,569 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) เรื่องเล่าเมื่อวันวานของเด็กชาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ อากาศแจ่มใสยามรุ่งอรุณของอีกวันที่มาเยือนในช่วงฤดูกาลที่กำลังจะเข้าสู่หน้าฝนหลังจากที่ต้องทนอดอู้อยู่แต่ในบ้านทั้งวันกับแดดของประเทศไทยที่ร้อนอบอ้าวราวกับเตาอบนั้นได้ผ่านไป ความเย็นบวกกับการที่ต้องทนติดฝนไปอีกนานได้กลับมาแทนที่อีกครั้ง
ณ บ้านหลังหนึ่ง เด็กชายนามว่า "แทน" กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขบนเตียงนอนที่แสนอ่อนนุ่มนี้กับแม่ของเขาซึ่งตอนนี้กำลังทำกับข้าวอยู่ด้านล่างเพื่อรอให้ลูกชายคนเดียวตื่นมาอาบน้ำพร้อมที่จะกินข้าวจานโตที่เตรียมไว้บนโต๊ะอาหาร
แทนและแม่อาศัยอยู่ด้วยกันแค่ 2 คน พ่อของแทนนั้นได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุร้ายแรงเมื่อ 3 ปี ก่อน จึงเหลือแค่แม่เท่านั้นที่คอยดูแลฟูมฟักทะนุถนอมดูแลแทนมาโดยตลอด แทนไม่เคยมีปมด้อยเรื่องพ่อเลยเพราะคิดว่าแม่ก็เปรียบเสมือนพ่อที่คอยดูแลเขาและรักเขาเสมอ
ดูเหมือนเด็กชายจะยังคงหลับสนิทอย่างมีความสุขพร้อมกับพลิกตัวไปมาบนที่นอนโปรดของเขาอยู่พร้อมกับผ้าห่มคู่ใจที่ใครก็ไม่สามารถหยิบไปจากตัวของเด็กชายได้ จนในที่สุดเขาก็ต้องสะลืมสะลือตื่นมาพร้อมกับทำกิจวัตรประจำวันที่เขาเคยทำเฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา เด็กชายมีความสุขมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาเพราะวันนี้จะเป็นวันที่เขาได้พบเพื่อนใหม่และโรงเรียนเดิมที่คุ้นตา วันนี้เด็กชายตื่นสายกว่าปกติเพราะเคยชินกับการนอนดึกในช่วงวันปิดเทอมกว่า 1 เดือน
"แทน อาบน้ำเสร็จแล้ว ลงมาทานข้าวได้แล้วนะลูก แม่เตรียมของโปรดไว้ให้ลูกเยอะเลย" ผู้เป็นแม่ตะโกนขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อเตือนให้ลูกชายที่กำลังจัดข้าวของแต่งตัวไปโรงเรียนนั้นได้รับรู้
"ครับ แม่ แทนจะลงไปเดี๋ยวนี้เลยครับ" เด็กชายพูดจบก็จึงรีบจัดกระเป๋าแล้ววิ่งกรูไปยังห้องอาหารอย่างตื่นเต้นทันที
"โห อาหารโปรดผมเลยแม่" เด็กชายกินไปพูดไปจนแทบจะสำลักอาหารออกมาจนผู้เป็นแม่อดเอ็ดลูกชายไม่ได้
"ทำไมมูมมามแบบนี้ล่ะลูก เดี๋ยวก็ติดคอหรอก" พลางหัวเราะในท่าทีการกินอาหารของลูกตน
"ก็อาหารอร่อยมากครับแม่ อยากกินอาหารอร่อยๆแบบนี้ของแม่ไปอีกนานๆครับ ของโปรดผมด้วย" เด็กชายพูดอย่างมีความสุขก่อนจะกินข้าวคำสุดท้ายก้อนเบ้อเริ่มเทิ่มลงในท้องอย่างรวดเร็ว โดยไม่ละสายตาไปยังผู้เป็นแม่เลยสักนิด
"อิ่มแล้วก็ได้เวลาไปโรงเรียนแล้วนะลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย ผอ. จะดุเอาว่ามาเรียนวันแรกก็สายนะเรา" พูดจบก็ควักธนบัตรจำนวนหนึ่งให้ลูกชายก่อนที่ตนจะขึ้นไปดูความเรียบร้อยของบ้าน
"ครับแม่ แทนไปก่อนนะครับ" เด็กชายวิ่งพรวดไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะเคารพมารดาผู้ให้กำเนิดของตน มารดามองดูลูกรักของตนเดินทางไปโรงเรียนวันแรกด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเมื่อเด็กชายหายลับไปแล้ว
หมู่บ้านเล็กๆที่แฝงไปด้วยความสุขของคนในหมู่บ้านในยามเช้าที่แสนสบายแห่งนี้นอกจากจะเป็นที่ที่สงบแล้วยังแฝงไปด้วยความรักใคร่กลมเกลียวกันระหว่างครอบครัวหนึ่งไปสู่ครอบครัวหนึ่งเหมือนราวกับว่าทุกคนในหมู่บ้านต่างเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันไปโดยปริยาย ทุกคนต่างรักและรู้สึกผูกพันเหมือนได้รู้จักกันมาก่อนก็ไม่ปาน ถนน ต้นไม้ริมคลอง ไม่ค่อยต่างจากเมื่อก่อนนัก ในอดีตผู้คนมักจะเดินไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยสะดวกสบาย แต่ ณ ตอนนี้หมู่บ้านเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น ทุกอย่างลงตัวขึ้นได้ด้วยเพราะความสามัคคีของคนในชุมชนแห่งนี้
ทุกๆวันเท้าเล็กๆคู่นี้จะต้องเดินทางออกจากบ้านไปยังโรงเรียนใช้เวลาเดินทางเท้าแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว เพราะตัวหมู่บ้านไม่ได้ไกลจากตัวโรงเรียนในเมืองเท่าไหร่นัก พอที่แม่ของแทนจะประหยัดเงินจากเมื่อก่อนที่เคยขับรถจักรยานยนต์ไปส่งเด็กชายไปโรงเรียน ต้องให้ลูกลองเดินทางด้วยเท้าเปล่าไปเรียนบ้างนอกจากจะประหยัดเรื่องน้ำมันแล้วยังได้ออกกำลังไปในตัวด้วยและยังสามารถเก็บเงินที่ได้เป็นค่าศึกษาเล่าเรียนให้กับเด็กชายที่กำลังจะขึ้นระดับชั้นประถมปีที่ 3 ได้
ในระหว่างทาง แทน ชอบที่จะมองบรรยากาศและป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม หมู่มวลดอกไม้และผีเสือที่ต่างพากันบินเพื่อมาตอมดอกไม้สีสวยนั้น เขาเดินผ่านสนามเด็กเล่นที่เมื่อก่อนเขาได้เคยมาเล่นกับเพื่อนๆที่แห่งนี้ เด็กชายคิดไปอมยิ้มไป
เด็กชายใช้เวลาคิดจินตนาการตามประสาเด็กๆ ก่อนจะดิ่งตรงไปยังทางเข้าโรงเรียน
ในที่สุดแทนก็มาถึงโรงเรียนแล้ว เด็กชายรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขารีบวิ่งไปห้องสมุด ซึ่งเป็นสถานที่ๆ เขาชอบไปอ่านหนังสือเป็นประจำในเวลาพักเที่ยงของทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน ในระหว่างที่รอเพื่อนๆมาโรงเรียน เด็กชายครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ในห้องก่อนแล้วจึงจะเดินไปห้องสมุดทันที
ใกล้เวลาเข้ามาทุกทีแล้ว ใกล้เวลาที่โรงเรียนจะเปิดเทอมอย่างเต็มรูปแบบ ใกล้เวลาที่จะมีเสียงออดโรงเรียนดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณว่าได้เวลาเข้าแถวสำหรับนักเรียนแล้ว เพื่อนๆหลายคนต่างทยอยกันมาโรงเรียน แสงอาทิตย์อ่อนๆเริ่มปกคลุมท้องฟ้า เหตุการณ์ครั้งก่อนจะเริ่มกลับมาเริ่มต้นใหม่กับภาคเรียนใหม่ที่แทนจะต้องขยันเรียนมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เสียงเพลงชาติดังขึ้น พร้อมกับเสียงครูจากงานประชาสัมพันธ์ได้เป็นผู้กล่าวบทสวดมนต์ตอนเช้า
"นักเรียนทั้งหมดแถวตรง" สิ้นสุดเสียงครูจากประชาสัมพันธ์ นักเรียนต่างก็พากันยืนตรงนิ่งก่อนจะเริ่มสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนทำกิจกรรมหน้าเสาธง ผอ. ก็ได้กล่าวเป็นพิธีเล็กน้อย เกี่ยวกับวันเปิดเทอมวันแรกและเพื่อนใหม่ๆที่ย้ายเข้ามา
แทนยืนอยู่แถวหน้าสุดของห้อง ป.3/1 โดยปีนี้ มีครูใหม่ ชื่อ คุณครู สุคนธรส มาสอนวิชาภาษาอังกฤษ มาแทนครูยอดชายที่เพิ่งเกษียณไปไม่กี่วันก่อนเปิดเทอมและครูสุคนธรสก็ได้รับหน้าที่เป็นครูประจำชั้นห้องป.3/1 อีกด้วย หลังจากที่ ผอ. กล่าวเสร็จ นักเรียนทุกคนจึงต่างพากันแยกย้ายเข้าห้องเรียนโดย แทนเป็นผู้เดินนำแถวเดินเข้าห้องคนแรก
"สวัสดีค่ะนักเรียนที่น่ารักทุกคน" เสียงหวานใสของครูสุคนธรส หรือคุณครูอ้อนั้นกล่าวทักทายเมื่อนักเรียนมาถึงห้องเรียนของตนหมดแล้ว
"สวัสดีครับ/ค่ะ" ทุกคนกล่าวสวัสดีทำความเคารพครูคนใหม่ด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนน้อมเช่นเดียวกัน
"ค่ะ ครูชื่อ สุคนธรส หรือ ครู อ้อนะคะเด็กๆ เป็นครูประจำชั้นห้องป.3/1 ค่ะ ฝากด้วยนะคะ" ด้วยลักษณะท่าทางใจดีและอ่อนโยนของครูอ้อทำให้เด็กนักเรียนตัวน้อยๆต่างก็ชอบและรักใคร่เธอทันทีที่เห็นครั้งแรกส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่อย่างดีใจ และหนึ่งในนั้นก็มีแทนที่ชอบครูคนนี้ด้วย
ในคาบแรกของวันเปิดเทอม ครูอ้อให้นักเรียนเขียน ชื่อ และแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษกัน โดยจะแบ่งกระดาษให้นักเรียนลองเขียนและสุ่มนักเรียนออกมาพูดหน้าชั้นและแทนก็เป็นผู้ถูกเลือก
นักเรียนหลายคนยังงงๆกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ บางคนไม่รู้เรื่องเพราะไม่เคยเรียน บางคนถึงกับกอดอกร้องไห้ และบางคนก็ไม่ได้เขียนแนะนำตัวลงไป หลายๆคนคิดว่าตนยังไม่ถึงเวลาที่จะเรียนเรื่องนี้ แต่สำหรับแทนแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย
เด็กชายค่อยๆก้าวเท้าเดินออกไปหน้าห้องอย่างช้าๆพร้อมกระดาษแนะนำตัวที่ถือติดมืออย่างเคอะเขินก่อนจะไปยืนอยู่กลางห้อง
"Please! introduce your self" ครูอ้อ กล่าวเป็นภาษาอังกฤษ
"Don't be shy just you try to speak" ครูอ้อกล่าวอีกครั้งเพื่อทำให้แทนมีความมั่นใจมากขึ้น
เด็กชายค่อยๆเงยหน้าสบตาเพื่อนๆทุกคนที่จับจ้องมายังแทนเหมือนลุ้นว่าแทนจะพูดได้ไหมทั้งๆที่ยังอยู่ประถมอยู่เลย แทนเงียบชั่วขณะก่อนจะพูดอย่างกระสับกระส่ายว่า
"Good morning teacher and friends my name is Tan. nice to meet you again ." เด็กชายเริ่มพูดได้อย่างมั่นใจก่อนจะก้มหัวลงตามเดิม
ทันทีที่เพื่อนๆในชั้นได้ยินก็ต่างพากันอึ้งไปสักพักก่อนที่จะมีเสียงปรบมือเริ่มถี่และดังขึ้นมา โดยครูอ้อก็ปรบมือให้กับเด็กชายเช่นกัน เธอเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
"เก่งมาก แทน ตั้งใจและพยายามฝึกฝนต่อไปนะคะครูเชื่อว่าแทนต้องทำได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน" ครูอ้อกล่าวชมเชยเด็กชายก่อนจะให้ไปนั่งที่เดิม
เด็กชายยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างดีใจก่อนจะกลับไปนั่งที่ของตัวเองเช่นเดิม
"นี่ๆ ชื่อแทนใช่มั้ย เรามาเป็นเพื่อนกันนะ" เสียงเด็กผู้หญิงหลังห้องคนหนึ่งทักแทน ในขณะที่เด็กชายกำลังจะล้มตัวลงนั่ง เขาหันกลับไปยังเสียงปริศนาจากทางด้านหลังนั้น...
(ขอบคุณที่อ่านครับ ช่วยเป็นกำลัง ติชมกันได้นะครับจะได้ปรับปรุงแก้ไข ช่วงนี้อาจจะลงช้าหน่อยเพราะติดเรียนจริงจังมากครับ)
ณ บ้านหลังหนึ่ง เด็กชายนามว่า "แทน" กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขบนเตียงนอนที่แสนอ่อนนุ่มนี้กับแม่ของเขาซึ่งตอนนี้กำลังทำกับข้าวอยู่ด้านล่างเพื่อรอให้ลูกชายคนเดียวตื่นมาอาบน้ำพร้อมที่จะกินข้าวจานโตที่เตรียมไว้บนโต๊ะอาหาร
แทนและแม่อาศัยอยู่ด้วยกันแค่ 2 คน พ่อของแทนนั้นได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุร้ายแรงเมื่อ 3 ปี ก่อน จึงเหลือแค่แม่เท่านั้นที่คอยดูแลฟูมฟักทะนุถนอมดูแลแทนมาโดยตลอด แทนไม่เคยมีปมด้อยเรื่องพ่อเลยเพราะคิดว่าแม่ก็เปรียบเสมือนพ่อที่คอยดูแลเขาและรักเขาเสมอ
ดูเหมือนเด็กชายจะยังคงหลับสนิทอย่างมีความสุขพร้อมกับพลิกตัวไปมาบนที่นอนโปรดของเขาอยู่พร้อมกับผ้าห่มคู่ใจที่ใครก็ไม่สามารถหยิบไปจากตัวของเด็กชายได้ จนในที่สุดเขาก็ต้องสะลืมสะลือตื่นมาพร้อมกับทำกิจวัตรประจำวันที่เขาเคยทำเฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา เด็กชายมีความสุขมากกว่าทุกวันที่ผ่านมาเพราะวันนี้จะเป็นวันที่เขาได้พบเพื่อนใหม่และโรงเรียนเดิมที่คุ้นตา วันนี้เด็กชายตื่นสายกว่าปกติเพราะเคยชินกับการนอนดึกในช่วงวันปิดเทอมกว่า 1 เดือน
"แทน อาบน้ำเสร็จแล้ว ลงมาทานข้าวได้แล้วนะลูก แม่เตรียมของโปรดไว้ให้ลูกเยอะเลย" ผู้เป็นแม่ตะโกนขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อเตือนให้ลูกชายที่กำลังจัดข้าวของแต่งตัวไปโรงเรียนนั้นได้รับรู้
"ครับ แม่ แทนจะลงไปเดี๋ยวนี้เลยครับ" เด็กชายพูดจบก็จึงรีบจัดกระเป๋าแล้ววิ่งกรูไปยังห้องอาหารอย่างตื่นเต้นทันที
"โห อาหารโปรดผมเลยแม่" เด็กชายกินไปพูดไปจนแทบจะสำลักอาหารออกมาจนผู้เป็นแม่อดเอ็ดลูกชายไม่ได้
"ทำไมมูมมามแบบนี้ล่ะลูก เดี๋ยวก็ติดคอหรอก" พลางหัวเราะในท่าทีการกินอาหารของลูกตน
"ก็อาหารอร่อยมากครับแม่ อยากกินอาหารอร่อยๆแบบนี้ของแม่ไปอีกนานๆครับ ของโปรดผมด้วย" เด็กชายพูดอย่างมีความสุขก่อนจะกินข้าวคำสุดท้ายก้อนเบ้อเริ่มเทิ่มลงในท้องอย่างรวดเร็ว โดยไม่ละสายตาไปยังผู้เป็นแม่เลยสักนิด
"อิ่มแล้วก็ได้เวลาไปโรงเรียนแล้วนะลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย ผอ. จะดุเอาว่ามาเรียนวันแรกก็สายนะเรา" พูดจบก็ควักธนบัตรจำนวนหนึ่งให้ลูกชายก่อนที่ตนจะขึ้นไปดูความเรียบร้อยของบ้าน
"ครับแม่ แทนไปก่อนนะครับ" เด็กชายวิ่งพรวดไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะเคารพมารดาผู้ให้กำเนิดของตน มารดามองดูลูกรักของตนเดินทางไปโรงเรียนวันแรกด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเมื่อเด็กชายหายลับไปแล้ว
หมู่บ้านเล็กๆที่แฝงไปด้วยความสุขของคนในหมู่บ้านในยามเช้าที่แสนสบายแห่งนี้นอกจากจะเป็นที่ที่สงบแล้วยังแฝงไปด้วยความรักใคร่กลมเกลียวกันระหว่างครอบครัวหนึ่งไปสู่ครอบครัวหนึ่งเหมือนราวกับว่าทุกคนในหมู่บ้านต่างเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันไปโดยปริยาย ทุกคนต่างรักและรู้สึกผูกพันเหมือนได้รู้จักกันมาก่อนก็ไม่ปาน ถนน ต้นไม้ริมคลอง ไม่ค่อยต่างจากเมื่อก่อนนัก ในอดีตผู้คนมักจะเดินไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยสะดวกสบาย แต่ ณ ตอนนี้หมู่บ้านเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น ทุกอย่างลงตัวขึ้นได้ด้วยเพราะความสามัคคีของคนในชุมชนแห่งนี้
ทุกๆวันเท้าเล็กๆคู่นี้จะต้องเดินทางออกจากบ้านไปยังโรงเรียนใช้เวลาเดินทางเท้าแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว เพราะตัวหมู่บ้านไม่ได้ไกลจากตัวโรงเรียนในเมืองเท่าไหร่นัก พอที่แม่ของแทนจะประหยัดเงินจากเมื่อก่อนที่เคยขับรถจักรยานยนต์ไปส่งเด็กชายไปโรงเรียน ต้องให้ลูกลองเดินทางด้วยเท้าเปล่าไปเรียนบ้างนอกจากจะประหยัดเรื่องน้ำมันแล้วยังได้ออกกำลังไปในตัวด้วยและยังสามารถเก็บเงินที่ได้เป็นค่าศึกษาเล่าเรียนให้กับเด็กชายที่กำลังจะขึ้นระดับชั้นประถมปีที่ 3 ได้
ในระหว่างทาง แทน ชอบที่จะมองบรรยากาศและป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม หมู่มวลดอกไม้และผีเสือที่ต่างพากันบินเพื่อมาตอมดอกไม้สีสวยนั้น เขาเดินผ่านสนามเด็กเล่นที่เมื่อก่อนเขาได้เคยมาเล่นกับเพื่อนๆที่แห่งนี้ เด็กชายคิดไปอมยิ้มไป
เด็กชายใช้เวลาคิดจินตนาการตามประสาเด็กๆ ก่อนจะดิ่งตรงไปยังทางเข้าโรงเรียน
ในที่สุดแทนก็มาถึงโรงเรียนแล้ว เด็กชายรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขารีบวิ่งไปห้องสมุด ซึ่งเป็นสถานที่ๆ เขาชอบไปอ่านหนังสือเป็นประจำในเวลาพักเที่ยงของทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน ในระหว่างที่รอเพื่อนๆมาโรงเรียน เด็กชายครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ในห้องก่อนแล้วจึงจะเดินไปห้องสมุดทันที
ใกล้เวลาเข้ามาทุกทีแล้ว ใกล้เวลาที่โรงเรียนจะเปิดเทอมอย่างเต็มรูปแบบ ใกล้เวลาที่จะมีเสียงออดโรงเรียนดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณว่าได้เวลาเข้าแถวสำหรับนักเรียนแล้ว เพื่อนๆหลายคนต่างทยอยกันมาโรงเรียน แสงอาทิตย์อ่อนๆเริ่มปกคลุมท้องฟ้า เหตุการณ์ครั้งก่อนจะเริ่มกลับมาเริ่มต้นใหม่กับภาคเรียนใหม่ที่แทนจะต้องขยันเรียนมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เสียงเพลงชาติดังขึ้น พร้อมกับเสียงครูจากงานประชาสัมพันธ์ได้เป็นผู้กล่าวบทสวดมนต์ตอนเช้า
"นักเรียนทั้งหมดแถวตรง" สิ้นสุดเสียงครูจากประชาสัมพันธ์ นักเรียนต่างก็พากันยืนตรงนิ่งก่อนจะเริ่มสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนทำกิจกรรมหน้าเสาธง ผอ. ก็ได้กล่าวเป็นพิธีเล็กน้อย เกี่ยวกับวันเปิดเทอมวันแรกและเพื่อนใหม่ๆที่ย้ายเข้ามา
แทนยืนอยู่แถวหน้าสุดของห้อง ป.3/1 โดยปีนี้ มีครูใหม่ ชื่อ คุณครู สุคนธรส มาสอนวิชาภาษาอังกฤษ มาแทนครูยอดชายที่เพิ่งเกษียณไปไม่กี่วันก่อนเปิดเทอมและครูสุคนธรสก็ได้รับหน้าที่เป็นครูประจำชั้นห้องป.3/1 อีกด้วย หลังจากที่ ผอ. กล่าวเสร็จ นักเรียนทุกคนจึงต่างพากันแยกย้ายเข้าห้องเรียนโดย แทนเป็นผู้เดินนำแถวเดินเข้าห้องคนแรก
"สวัสดีค่ะนักเรียนที่น่ารักทุกคน" เสียงหวานใสของครูสุคนธรส หรือคุณครูอ้อนั้นกล่าวทักทายเมื่อนักเรียนมาถึงห้องเรียนของตนหมดแล้ว
"สวัสดีครับ/ค่ะ" ทุกคนกล่าวสวัสดีทำความเคารพครูคนใหม่ด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนน้อมเช่นเดียวกัน
"ค่ะ ครูชื่อ สุคนธรส หรือ ครู อ้อนะคะเด็กๆ เป็นครูประจำชั้นห้องป.3/1 ค่ะ ฝากด้วยนะคะ" ด้วยลักษณะท่าทางใจดีและอ่อนโยนของครูอ้อทำให้เด็กนักเรียนตัวน้อยๆต่างก็ชอบและรักใคร่เธอทันทีที่เห็นครั้งแรกส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่อย่างดีใจ และหนึ่งในนั้นก็มีแทนที่ชอบครูคนนี้ด้วย
ในคาบแรกของวันเปิดเทอม ครูอ้อให้นักเรียนเขียน ชื่อ และแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษกัน โดยจะแบ่งกระดาษให้นักเรียนลองเขียนและสุ่มนักเรียนออกมาพูดหน้าชั้นและแทนก็เป็นผู้ถูกเลือก
นักเรียนหลายคนยังงงๆกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ บางคนไม่รู้เรื่องเพราะไม่เคยเรียน บางคนถึงกับกอดอกร้องไห้ และบางคนก็ไม่ได้เขียนแนะนำตัวลงไป หลายๆคนคิดว่าตนยังไม่ถึงเวลาที่จะเรียนเรื่องนี้ แต่สำหรับแทนแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย
เด็กชายค่อยๆก้าวเท้าเดินออกไปหน้าห้องอย่างช้าๆพร้อมกระดาษแนะนำตัวที่ถือติดมืออย่างเคอะเขินก่อนจะไปยืนอยู่กลางห้อง
"Please! introduce your self" ครูอ้อ กล่าวเป็นภาษาอังกฤษ
"Don't be shy just you try to speak" ครูอ้อกล่าวอีกครั้งเพื่อทำให้แทนมีความมั่นใจมากขึ้น
เด็กชายค่อยๆเงยหน้าสบตาเพื่อนๆทุกคนที่จับจ้องมายังแทนเหมือนลุ้นว่าแทนจะพูดได้ไหมทั้งๆที่ยังอยู่ประถมอยู่เลย แทนเงียบชั่วขณะก่อนจะพูดอย่างกระสับกระส่ายว่า
"Good morning teacher and friends my name is Tan. nice to meet you again ." เด็กชายเริ่มพูดได้อย่างมั่นใจก่อนจะก้มหัวลงตามเดิม
ทันทีที่เพื่อนๆในชั้นได้ยินก็ต่างพากันอึ้งไปสักพักก่อนที่จะมีเสียงปรบมือเริ่มถี่และดังขึ้นมา โดยครูอ้อก็ปรบมือให้กับเด็กชายเช่นกัน เธอเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
"เก่งมาก แทน ตั้งใจและพยายามฝึกฝนต่อไปนะคะครูเชื่อว่าแทนต้องทำได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน" ครูอ้อกล่าวชมเชยเด็กชายก่อนจะให้ไปนั่งที่เดิม
เด็กชายยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างดีใจก่อนจะกลับไปนั่งที่ของตัวเองเช่นเดิม
"นี่ๆ ชื่อแทนใช่มั้ย เรามาเป็นเพื่อนกันนะ" เสียงเด็กผู้หญิงหลังห้องคนหนึ่งทักแทน ในขณะที่เด็กชายกำลังจะล้มตัวลงนั่ง เขาหันกลับไปยังเสียงปริศนาจากทางด้านหลังนั้น...
(ขอบคุณที่อ่านครับ ช่วยเป็นกำลัง ติชมกันได้นะครับจะได้ปรับปรุงแก้ไข ช่วงนี้อาจจะลงช้าหน่อยเพราะติดเรียนจริงจังมากครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ