เคลเบรอสเป็นชิคิกามิมันผิดด้วยเหรอ?
7.0
เขียนโดย HaRUnA
วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.20 น.
8 chapter
0 วิจารณ์
10.18K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 00.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) การโจมตีอันหนักหน่วงของ โซเฟีร์ย ดากรูนอฟ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "โจมตีพวกมันด้วยกระแสไฟฟ้าเลย มาคาลอฟ!" ทันใดนั้นอสูรรับใช้'ชิคิกามิ'ของโซเฟียร์ก็ปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงออกมา และโจมตีใส่ฮารุมิกับเอริน่า ทั้งสองจึงพุ่งหลบโดยแยกไปทางซ้ายและขวา กระแสไฟฟ้าและหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างทันท่วงที "ชิ! พลาดเหรอเนี่ย.... มาคาลอฟโจมตีอีกรอบด้วยกระแสไฟฟ้าแต่เล็งไปทางเอริน่านะ!" หมาป่าสีขาวหันไปทางเอริน่าและยิงกระแสไฟฟ้าแบบกระจายใส่อีกฝ่าย เนื่องจากปริมาณของมันมากเกินไป ยากที่จะหลบได้หมด เอริน่าจึงใช้มานาสร้างเป็นบาเรียเพื่อป้องกันโจมตีของอีกฝ่าย "ส่วนนาย อินุกามิ ฮารุมิ ชั้นจะเป็นคู่เล่นให้กับเธอเอง!" โซเฟียร์เล็งปืนมาทางฮารุมิและเริ่มยิง ไรนิ่ง ช็อตหนึ่งชุดใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งฮารุมิก็หลบจากโจมตีนั้นได้ตามที่คาดเอาไว้ เธอจึงกระโดดพุ่งย่นระยะเข้าไปหาฮารุมิอย่างรวดเร็ว [เพร้ง!] เบลสดาบคาตะนะของฮารุมิกับเบลสกระบอกปืนไรเฟิลของโซเฟียร์ปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง และเกิดการเสียดสีกันขึ่น "เธอคงจะไม่ใช่แค่เก่งการโจมตี ในระยะไกลเพียงอย่างเดียวสินะ!?" "แน่นอนอยู่แล้ว! ชั้นก็มีทักษะการต่อสู้ระยะประชิดมากพอที่จะต่อสู้กับนายได้ก็แล้วกัน!" "เธอนี่มันจะเก่งเกินไปแล้วนะ!" "ชั้นขอรับคำชมนั่น เอาไว้ก็แล้วกัน!" จากนั้นดาบคาตานะกับกระบอกปืนไรเฟิลก็แยกออกจากกัน และเข้าปะทะกันอีกครั้ง และอีกหลายๆครั้งจนนับไม่ถ้วน อีกด้านหนึ่งเอริน่าก็กำลังยุ่งอยู่กับชิคิกามิของโซเฟียร์ ที่โจมตีมาอย่างต่อเนื่องจนแทบไม่ได้โจมตีโต้กลับเลยแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงป้องกันด้วยบาเรียเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถกันได้ตลอดเป็นเวลานาน เพราะบาเรียใช้มานาเป็นจำนวนไม่ใช่น้อยเลย ________แย่ล่ะ มานาของเราใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดแล้วสิ! ขืนปล่อยให้ยืดเยื้อมากกว่านี้คงไม่ดีแน่!? มานาที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้เอริน่าอ่อนแอลงอย่างมาก ขืนปล่อยไว้มานาของเอริน่าก็จะหมดลงและถูกมาคาลอฟของโซเฟียร์จัดการแน่นอน ________ไม่มีทางเลือก ลองเสี่ยงดูซักตั้งล่ะกัน! เอริน่าปลดบาเรียออกและเปลี่ยนมาเป็นวิ่งหลบการโจมตีแทน แต่เธอมีแผนอยู่ในหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และระหว่างที่หลบการโจมตีอยู่นั้นเอริน่าก็เหลือบไปมองฮารุมิแล้วคิดอยู่ในใจว่า ________ทำไมมานาของหมอนั่นถึงยังไม่หมดซักทีล่ะ? ฮารุมิที่ต้องคอยหลบการโจมตีจากระยะไกลและใกล้ไปพร้อมๆกัน เป็นเรื่องยากพอสมควร โซเฟียร์ลุกเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งฮารุมิก็โต้ตอบเช่นกัน แต่ก็ต้องคอยระวังการโจมตีจากระยะไกลด้วยไปพร้อมๆกัน จึงทำให้เขาเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว "เป็นไรไป ความเร็วเริ่มตกแล้วนะ เหนื่อยงั้นเหรอ!?" "หึ! เธอก็เหมือนกันนั่นแหละแรงลดลงไปเยอะเลยนะ!?" "งั้นชั้นจะรีบทำให้มันจบๆเร็วๆนี้แหละ!" "แล้วชั้นจะรอดูนะ!" ถ้ามองดูเผินๆแล้วทั้งฮารุมิและโซเฟียร์ ในตอนนี้ทั้งสองยังคงเสมอกันอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้มานาของฮารุมิก็ใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดแล้ว เพราะใช้อีวิลอายไปหลายครั้ง จึงเสียมานาไปมาก และคิดว่ามานาของโซเฟียร์ก็ใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดเช่นกัน แต่ทั้งสองก็ยังสู้ต่อไปโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ******** "โอ้ย........ ปวดหัวจังเลย........" หญิงสาวที่มีผมสีทองที่ปล่อยให้ยาวตามธรรมชาติจนถึงกลางหลัง กับดวงตาสีฟ้าที่อยู่ในสภาพสะลึมสะลือ ยูกิ อาสึนะ ตื่นขึ้นจากผลของเวทย์ที่ทำให้สลบ ซึ่งผลของมันยังคงอยู่จึงทำให้เธอปวดหัวอยู่ในตอนนี้ "นี่มัน.... เกิดอะไรขึ้น?" อาสึนะหันมองไปรอบๆก็พบว่าคนอื่นๆทั้งเพื่อนและอาจารย์ต่างก็สลบกันหมดดูเหมือนว่าจะมีแค่เธอคนเดียวที่ตื่นขึ้นมา และเมื่อเธอเหลือบไปมองที่เวทีการประลอง.... "ฮารุมิคุง!?" สิ่งที่อยู่ในสายตาของเธอคือ อินุกามิ ฮารุมิ ที่กำลังต่อสู้กับหญิงสาวที่เหมือนคนต่างชาติที่เธอไม่ค่อยคุ้นตา ดูจากเครื่องแบบแล้วคงไม่ใช่นักเรียนของที่นี่แน่นอน เอริน่า บิสมาร์คก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน เธอกำลังต่อสู้อยู่กับมหาป่าสีขาวตัวขนาดใหญ่ ซึ่งปล่อยกระแสไฟฟ้าโจมตีใส่เอริน่าอย่างไม่มีหยุดยั้ง ซึ่งทำให้เธอกำลังเสียเปรียบอย่างมาก
อาสึนะพยายามที่จะลุกขึ้นเพื่อที่จะไปช่วยทั้งสองคนนั้น แต่ดูเหมือนจะทำไม่ได้เนื่องจากผลของเวทย์มนตร์ยังคงอยู่เธอจึงขยับร่างกายไม่ค่อยได้ แค่ยกแขนขึ้นยังถือว่ายากเลยในตอนนี้
____ทำไงดีล่ะ.... ร่างกายไม่ทำตามที่ใจต้องการเลย....
“ให้ฉันช่วยไหมล่ะคะ?”
ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงมากระซิบที่ข้างหูของเธอ พออาสึนะหันไปมองว่าเป็นใคร ถึงกับทำให้เธอนิ่งไปเลยทีเดียว
“คะ....คุณคือ........!?”
********
“เข้ามาเลย ไอหมาบ้า”
เอริน่าตัดสินใจวิ่งฝ่าการโจมตีของมาคาลอฟเข้าไป ตอนนี้มานาของเธอใกล้ที่จะหมดแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องปิดฉากด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่การที่จะทำแบบนั้นได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากมากซึ่งเธอก็รู้ตัวดี เพราะมาคาลอฟโจมตีด้วยสายฟ้าอย่างต่อเนื่องจึงหาช่องว่างที่จะโจมตีได้ยาก แต่เอริน่าก็ตัดสินใจที่จะวิ่งเข้าหามันตรงๆ โดยที่เธอเตรียมแผนเอาไว้แล้ว
ระหว่างที่วิ่งฝ่าเข้าไปและหลบการโจมตีไปด้วยนั้น เอริน่าก็ค่อยๆรวมอนูมานาเอาไว้ที่เบลสเพื่อเตรียมที่จะโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย
“อย่ามาหยามกันให้มันมากนักนะ!”
เมื่อเข้ามาในระยะโจมตีที่เอริน่าต้องการ เธอก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศแต่นั่นก็เท่ากับว่าเธอจะไม่สามารถหลบการโจมตีครั้งต่อไปของมาคาลอฟได้อีกแล้ว บริเวณเบลสดาบเบอร์เซิร์กเกอร์ของเอริน่าค่อยๆเรืองแสงมากขึ้นเรื่อยๆและขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว อนูมานาที่ค่อยๆรวมตัวกัน จนในที่สุดปริมาณก็มากพอที่จะทำให้เอริน่าสามารถโจมตีกลับไปได้ ถึงมันจะใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นก็ตาม ถ้าพลาดก็จะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง
“เอานี่ไปกิน โอเวอร์เบลส สแลชเชอร์รรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!”
ลำแสงสีแดงขนาดใหญ่พุ่งตรงลงมายังมาคาลอฟที่อยู่เบื้องล่าง แต่มันก็สวนกลับมาด้วยกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นลำแสงสีฟ้าขนาดใหญ่ ผลคือเกิดการปะทะกันของสองกลุ่มก้อนพลังขนาดใหญ่อยู่บนอากาศ แต่ดูเหมือนว่าพลังการทำลายของเอริน่าจะมากกว่าจึงทำให้ลำแสงสีแดงตัดผ่านลำแสงสีฟ้าไปด้วยอย่างง่ายดาย....
[ตู้มมมมมมมมมม!!!]
เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงตรงบริเวณของมาคาลอฟจึงทำให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่ฝนบริเวณนั้น ดูเหมือนว่าการโจมตีของเอริน่าจะประสบผลสำเร็จ และเมื่อเธอลงมาถึงพื้นก็เล่นทำให้เธอเกือบล้มลงเนื่องจากมานาที่เป็นพลังวิญญาณของเธอได้หมดลง แต่เธอก็เอาเบลสยันตัวเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง
แต่ทว่าเมื่อกลุ่มควันจางหายไป เจ้ามาคาลอฟก็ยังคงอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่าการโจมตีของมาคาลอฟจะเบี่ยงวิถีของการโจมตีของเอริน่าจึงทำให้ได้รับความเสียเพียงปานกลางเท่านั้น ถ้าจะต้องให้สู้อีกก็คงทำไม่ได้แล้วเพราะมานาหมดลงแล้วนั่นเอง
แต่ก็ยังมีความโชคดีในความโชคร้าย เนื่องจากการโจมตีของเอริน่ามันรุนแรงมากจึงทำให้มาคาลอฟไม่สามารถที่จะต่อสู้ต่อได้ มันจึงล้มลงและค่อยๆหายไป
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเอริน่าจะหลดลงแล้วเธอจึงล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น ตอนนี้เธอไม่มีแรงเหลือที่จะสู้ต่อแล้ว สิ่งที่เธอทำได้คือมองไปยังที่ที่ฮารุมิกำลังสู้อยู่กับโซเฟีร์ยอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าฮารุมิจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ในขณะนี้
____อย่ามาแพ้ตรงนี้ง่ายๆล่ะ อินุกามิ ฮารุมิ........
********
“ดูเหมือนมานาจะหมดแล้วสินะ ฮา-รุ-มิคุง!?”
โซเฟีร์ยยืนมองมาที่ฮารุมิผ่านกล้องเล็งของไรเฟิล ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือฮารุมิกำลังยืนโดยใช้ดาบปักพื้นเอาไว้อยู่เพื่อพยุงตัวเอาไว้ไม่ให้ล้ม ที่ตัวดาบก็ไม่มีแสงจากอนูมานาแล้ว ดูเหมือนว่ามานาเขาจะหมดแล้วจริงๆ
“คงจะเป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ!”
____ในที่สุด ก็มาถึงขีดจำกัดของเราแล้วสินะ บ้าจริง!
ฮารุมิบ่นอยู่ในใจ เพราะถึงยังไงตอนนี้กลายเป็นว่าฮารุมิเสียเปรียบเข้าเต็มๆ หลังจากที่ปะทะกับโซเฟีร์ยหลายต่อครั้งต่อเนื่องทำให้มานาของเขานั้นลดลงอย่างรวดเร็ว โดยพื้นฐานแล้วฮารุมิมีปริมาณมานาน้อยมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มานาจะหมดเร็วกว่าปกติ แต่สิ่งที่เขาคิดพลาดมากที่สุดคือมานาของโซเฟีร์ย ดูเหมือนว่ามานาของเธอจะยังไม่หมดทั้งๆที่เธอใช้มากกว่าฮารุมิหลายเท่าตัว
“ชั้นขอชมเลยนะ นายเป็นคนแรกเลยที่หลบการโจมตีของชั้นได้ทั้งหมดน่ะ แน่ใจนะว่าจะไม่เปรียนความคิดเรื่องไม่มาอยู่ฝั่งของพวกเราน่ะ!?”
“เรื่องนั้นยังไงก็ต้องขอปฏิเสธล่ะนะ”
“น่าเสียดายคนที่มีฝีมือดีๆอย่างนายจริงๆ”
“งั้นสุดท้ายนี้ ชั้นขอถามอะไรเธอหน่อยสิ โซเฟีร์ย ดรากูนอฟ”
“คำถามงั้นเหรอ........ ถึงชั้นจะไม่มีเหตุผลต้องมาฟังอะไรทำนองนี้จากปากของนายก็เถอะนะ แต่ชั้นจะลองฟังให้ก็แล้วกัน ว่ามาสิสิ่งที่นายอยากจะรู้น่ะ!”
“ทั้งๆที่เธอใช้มานาไปมากมายขนาดนั้น แต่ทำไมเธอถึงยังดูสบายดีอยู่ได้ล่ะ?”
“........”
“……..”
“ฮุ! ฮา.. ฮา.. ฮา.. ฮา.. นายนี่มันโง่กว่าที่ชั้นคิดอีกนะเนี้ย!”
“มันน่าขำตรงไหนกัน!?”
“งั้นชั้นจะบอกอะไรดีๆให้กับสมองอันโง่เง่าของนายก็แล้วกัน ที่ชั้นยังมีมานาอยู่เหลือเฟือก็เพราะชิคิกามิของชั้นยังล่ะ!”
“ชิคิกามิ?.... งั้นเธอก็กำลังจะบอกว่า ชิคิกามิของเธอมี ’สปิริต’ ที่มีความสามารถในการดูดมานาจากการโจมตีสินะ?”
ชิคิกามิทุกตัวนั้นจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวอยู่ ซึ่งเรียกว่า ‘สปิริต’ โดยที่พลังสปิริตนี้จะมีหลายรูปแบบคือ เพิ่มพลังโจมตี การดูดพลังเวทย์ พลังพื้นฟู และอื่นๆอีกมากมายซึ่งไม่สามารถที่จะอธิบายได้ทั้งหมด สปิริตของชิคิกามิจะมีผลต่อผู้ใช้ของมันด้วย ซึ่งต้องแลกกับที่ต้องคอยส่งพลังวิญญาณหรือมานาให้กับชิคิกามิตลอดเวลาเพื่อยื้อเวลาให้มันคงสภาพต่อไปได้ ถ้ามานาของผู้ใช้หมดลง ชิคิกามิก็จะค่อยๆหายไป
แต่ในกรณีของโซเฟีร์ยนั้นคือ ชิคิกามิมีสปิริตในการดูดมานามาจากการโจมตี ซึ่งส่งผลให้มานาของผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นและลดช้าลง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มานาของโซเฟีร์ยมีให้ใช้อย่างเหลือเฟือ
“ถูกต้อง มาคาลอฟของชั้นมีความสามารถนี้จึงทำให้ชั้นมีมานาอย่างล้นหลามยังไงล่ะ ผลแพ้ชนะมันออกมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้ว!”
“ใช้สปิริตของชิคิกามิให้เป็นประโยชน์สินะ”
____ปล่อยให้ชิคิกามิของตัวเองจัดการกับคนอื่น แล้วเพิ่มพลังให้กับตัวเองขณะต่อสู้กับอีกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้า เป็นการซับพอร์ตที่ดีจริงๆ
“ถ้าอย่างงั้น.... ในเมื่อนายใช้งานไม่ได้ ก็ขอจบเรื่องลงนะที่ตรงนี้เลยละกัน!”
โซเฟีร์ยเตรียมที่จะยิงไรนิ่ง ช็อตใส่ฮารุมิเป็นครั้งสุดท้าย อนูนามาจำนวนมากมารวมตัวกันที่ตรงปากกระบอกปืนไรเฟิลของโซเฟีร์ย เพียงแค่นัดเดียวทุกอย่างก็จะจบลง
“ล่าก่อนนะ อินุกามิ ฮารุมิคุง!”
ก่อนที่การปิดฉากจะเริ่มขึ้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนมาจากฝั่งที่นั่งคนดูซึ่งควรที่จะเงียบเพราะคนอื่นๆสลบกันไปหมดแล้ว
“ฮารุมิคุงหลบเร็วเข้า!!!”
“!!!?”
ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีขาวรูปทรงเสี้ยวพระจันทร์พุ่งตรงเข้ามาทางฮารุมิอย่างรวดเร็ว....!
[ตู้มมมมมมมมม!!!!]
ฮารุมิกระโดดหลบการโจมตีนั้นได้อย่างหวุดหวิดส่วนโซเฟีร์ยก็หลบการโจมตีพ้นเช่นกัน จากการโจมตีนั้นทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างแรงตรงกลางระหว่างฮารุมิกับโซเฟีร์ย และคนที่ทำแบบนั้นก็คือ
“อ.. อาสึนะ!?”
เมื่อฮารุมิหันไปทางบริเวณที่นั่งคนดูก็พบกับ ยูกิ อาสึนะ ยืนอยู่ตรงนั้น โดยที่ในมือของเธอถือเบลสสีขาวบริสุทธิ์ที่มีรูปร่างเป็นดาบสองคมคล้ายๆกับดาบของฝั่งยุโรป และตัวดาบเล่มนั้นมันกำลังส่องแสงประกายสีทองออกมาอยู่….
“หนอยแน่! เธอเป็นใครกันถึงเข้ามาขัดจังหวะการต่อสู้ของชั้น!?”
โซเฟีร์ยตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง
“ชั้นชื่อ ยูกิ อาสึนะ เป็นเพื่อนของฮารุมิคุงที่เธอสู้ด้วยยังไงล่ะ!”
อาสึนะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเข้มแข็งและจริงจัง
“หึ! เป็นเพื่อนกันสินะ?.... งั้นชั้นจะจัดการเธอไปพร้อมๆกับหมอนี่เลยก็แล้วกัน!”
ไม่ทันขาดคำโซเฟีร์ยก็หันปากกระบอกดรากรูนอฟไปทางอาสึนะ และเตรียมที่จะยิงกระสุนเวทย์ใส่อีกฝ่าย.... แต่ทว่า........
“อย่าลืมชั้นคนนี้อีกคนนึงสิ!”
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างพุ่งเข้ามาหาโซเฟียร์ยและชนเข้ากับดากรูนอฟอย่างแรงทำให้มันหลุดจากมือของเจ้าของไป และสิ่งนั้นก็คือเบลสดาบเบอร์เซิร์กเกอร์สีแดงของเอริน่านั่นเอง
“ชิ! มาคาลอฟก็เสร็จมันไปแล้วเหรอเนี้ย!?”
“ยอมซะเถอะโซเฟีร์ย…. มันจบแล้วล่ะ”
ฮารุมิพยายามพูดให้อีกฝ่ายยอมแพ้ เพราะดูยังไงโซเฟีร์ยก็เป็นฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบอยู่แน่นอน การยอมแพ้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่ถ้าต้องสู้กันจริงๆก็ไม่แน่ว่าโซเฟีร์ยอาจจะชนะก็เป็นได้เพราะตอนนี้ทั้งฮารุมิและเอริน่าก็ไม่อยู่ในสภาพที่ต่อสู้ต่อได้ในตอนนี้........ และคำตอบที่ได้คือ
“เฮ้อ____ เอาเถอะชั้นยอมแพ้ก็ได้!”
“อ....เอะ!?”
“เอะอะไรของเธอเอริน่า!?”
“ม.... เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ!?”
“ก็ชั้นบอกว่า ชั้นยอมแพ้ยังไงล่ะ ไม่เข้าใจรึไง!?”
“!?”
คำพูดของโซเฟีร์ยนั้นเหนือการคาดหมายของเอริน่ามาก มันถึงกับทำให้เธอพูดไม่ออกเลยทีเดียว ส่วนที่ว่าทำไมเธอถึงอึ้งกับการที่โซเฟีร์ยประกาศยอมแพ้นั้น ก็ยังไม่มีใครทราบได้นอกจากตัวเธอเอง........
********
“หมายความว่าไงที่บอกว่ายอมแพ้น่ะ!?”
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมความปลอดภัยกำลังควบคุมตัวโซเฟีร์ยอยู่นั้น เอริน่าก็เดินเข้ามาคุยและถามคำถามกับเธอ
“หืม? ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ ชั้นยอมแพ้”
“นั่นดูเหมือนไม่ใช่ตัวเธอเลยนะ ไหนตอนแรกจะพาชั้นกลับไปให้ได้ไม่ใช่เหรอไง?”
“ชั้นเบื่อแล้วล่ะ งานแบบนั้นน่ะ!”
“ฮะ!?”
“นี่เอริน่า ชั้นจะบอกอะไรดีๆให้นะ”
“........”
“คืนนี้เวลาเที่ยงคืน จะมีหน่วยพิเศษเหมือนแบบชั้นออกตามล่าเธอ!”
“ฮะ! หมายความว่ายังไง!?”
“เป็นแผนสำรองของฝั่งเบื่องบนน่ะ ถ้าเกิดชั้นพลาดขึ้นมา พวกนั้นก็จะส่งหน่วยพิเศษอีกทีมออกตามล่าเธอ....”
“........”
“ชั้นแนะนำว่าให้เธอหาที่ซ้อนจะดีกว่านะ....”
“........”
“เจ้าพวกนั้นน่ะเก่งกว่าชั้นมากหลายเท่าตัวเลยล่ะ....”
“........”
“ทางที่ดีอย่าไปสู้กับพวก........!”
“คนโกหก”
“!?”
จู่บรรยากาศรอบๆตัวเอริน่าก็เปลี่ยนไป แววตาที่มองมาที่โซเฟีร์ยนั้น ช่างเยือกเย็นดั่งน่ำแข็ง และดุดันเหมือนปีศาจที่กำลังจ่องมองศัตรูที่ไร้ทางสู้....
“อ.... เอริน่า........?”
“คิดว่าชั้นจะเชื่อเรื่องที่เธอพูดออกมารึไงกัน!!!”
“!?”
“อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย ชั้นไม่มีทางเชื่อเรื่องที่เธอพูดออกมาเด็ดขาด! ไม่มีวัน!”
“ฟังก่อนนะเอริน่า ชั้นรู้ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าชั้น แต่เชื่อชั้นเถอะ มันเป็นเรื่องจริงชั้นไม่ได้โกหก เรื่องในวันนั้นน่ะ........!”
“หยุดพูดพร่ำเพรื่อได้แล้ว!”
“!?”
ทันใดนั้นเอริน่าก็เอาเบลสดาบเบอร์เซิร์กเกอร์จ่อที่คอของโซเฟีร์ย และมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
“อย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าเธออีก!!!”
จากนั้นเอริน่าก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก โซเฟีร์ยทำได้เพียงมองไปยังเอริน่าเท่านั้น........
“นี่โซเฟีร์ย”
“!?”
ฮารุมิเดินเข้าไปหาโซเฟีร์ยและถามคำถามหนึ่งกับเธอ........
“เรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้น่ะ ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อยสิ?”
“ขอโทษนะ เรื่องนั้นชั้นคงบอกอะไรนายไม่ได้มากหรอก!”
“ไม่ใช่เรื่องของเอริน่า ชั้นหมายถึงเรื่องของพวกหน่วยพิเศษที่เธอพูดถึงตากหาก!”
“เอ๊ะ!?”
********
อาสึนะพยายามที่จะลุกขึ้นเพื่อที่จะไปช่วยทั้งสองคนนั้น แต่ดูเหมือนจะทำไม่ได้เนื่องจากผลของเวทย์มนตร์ยังคงอยู่เธอจึงขยับร่างกายไม่ค่อยได้ แค่ยกแขนขึ้นยังถือว่ายากเลยในตอนนี้
____ทำไงดีล่ะ.... ร่างกายไม่ทำตามที่ใจต้องการเลย....
“ให้ฉันช่วยไหมล่ะคะ?”
ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงมากระซิบที่ข้างหูของเธอ พออาสึนะหันไปมองว่าเป็นใคร ถึงกับทำให้เธอนิ่งไปเลยทีเดียว
“คะ....คุณคือ........!?”
********
“เข้ามาเลย ไอหมาบ้า”
เอริน่าตัดสินใจวิ่งฝ่าการโจมตีของมาคาลอฟเข้าไป ตอนนี้มานาของเธอใกล้ที่จะหมดแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องปิดฉากด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่การที่จะทำแบบนั้นได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากมากซึ่งเธอก็รู้ตัวดี เพราะมาคาลอฟโจมตีด้วยสายฟ้าอย่างต่อเนื่องจึงหาช่องว่างที่จะโจมตีได้ยาก แต่เอริน่าก็ตัดสินใจที่จะวิ่งเข้าหามันตรงๆ โดยที่เธอเตรียมแผนเอาไว้แล้ว
ระหว่างที่วิ่งฝ่าเข้าไปและหลบการโจมตีไปด้วยนั้น เอริน่าก็ค่อยๆรวมอนูมานาเอาไว้ที่เบลสเพื่อเตรียมที่จะโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย
“อย่ามาหยามกันให้มันมากนักนะ!”
เมื่อเข้ามาในระยะโจมตีที่เอริน่าต้องการ เธอก็กระโดดขึ้นไปบนอากาศแต่นั่นก็เท่ากับว่าเธอจะไม่สามารถหลบการโจมตีครั้งต่อไปของมาคาลอฟได้อีกแล้ว บริเวณเบลสดาบเบอร์เซิร์กเกอร์ของเอริน่าค่อยๆเรืองแสงมากขึ้นเรื่อยๆและขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว อนูมานาที่ค่อยๆรวมตัวกัน จนในที่สุดปริมาณก็มากพอที่จะทำให้เอริน่าสามารถโจมตีกลับไปได้ ถึงมันจะใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นก็ตาม ถ้าพลาดก็จะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง
“เอานี่ไปกิน โอเวอร์เบลส สแลชเชอร์รรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!”
ลำแสงสีแดงขนาดใหญ่พุ่งตรงลงมายังมาคาลอฟที่อยู่เบื้องล่าง แต่มันก็สวนกลับมาด้วยกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นลำแสงสีฟ้าขนาดใหญ่ ผลคือเกิดการปะทะกันของสองกลุ่มก้อนพลังขนาดใหญ่อยู่บนอากาศ แต่ดูเหมือนว่าพลังการทำลายของเอริน่าจะมากกว่าจึงทำให้ลำแสงสีแดงตัดผ่านลำแสงสีฟ้าไปด้วยอย่างง่ายดาย....
[ตู้มมมมมมมมมม!!!]
เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงตรงบริเวณของมาคาลอฟจึงทำให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่ฝนบริเวณนั้น ดูเหมือนว่าการโจมตีของเอริน่าจะประสบผลสำเร็จ และเมื่อเธอลงมาถึงพื้นก็เล่นทำให้เธอเกือบล้มลงเนื่องจากมานาที่เป็นพลังวิญญาณของเธอได้หมดลง แต่เธอก็เอาเบลสยันตัวเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง
แต่ทว่าเมื่อกลุ่มควันจางหายไป เจ้ามาคาลอฟก็ยังคงอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่าการโจมตีของมาคาลอฟจะเบี่ยงวิถีของการโจมตีของเอริน่าจึงทำให้ได้รับความเสียเพียงปานกลางเท่านั้น ถ้าจะต้องให้สู้อีกก็คงทำไม่ได้แล้วเพราะมานาหมดลงแล้วนั่นเอง
แต่ก็ยังมีความโชคดีในความโชคร้าย เนื่องจากการโจมตีของเอริน่ามันรุนแรงมากจึงทำให้มาคาลอฟไม่สามารถที่จะต่อสู้ต่อได้ มันจึงล้มลงและค่อยๆหายไป
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเอริน่าจะหลดลงแล้วเธอจึงล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น ตอนนี้เธอไม่มีแรงเหลือที่จะสู้ต่อแล้ว สิ่งที่เธอทำได้คือมองไปยังที่ที่ฮารุมิกำลังสู้อยู่กับโซเฟีร์ยอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าฮารุมิจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ในขณะนี้
____อย่ามาแพ้ตรงนี้ง่ายๆล่ะ อินุกามิ ฮารุมิ........
********
“ดูเหมือนมานาจะหมดแล้วสินะ ฮา-รุ-มิคุง!?”
โซเฟีร์ยยืนมองมาที่ฮารุมิผ่านกล้องเล็งของไรเฟิล ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือฮารุมิกำลังยืนโดยใช้ดาบปักพื้นเอาไว้อยู่เพื่อพยุงตัวเอาไว้ไม่ให้ล้ม ที่ตัวดาบก็ไม่มีแสงจากอนูมานาแล้ว ดูเหมือนว่ามานาเขาจะหมดแล้วจริงๆ
“คงจะเป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละ!”
____ในที่สุด ก็มาถึงขีดจำกัดของเราแล้วสินะ บ้าจริง!
ฮารุมิบ่นอยู่ในใจ เพราะถึงยังไงตอนนี้กลายเป็นว่าฮารุมิเสียเปรียบเข้าเต็มๆ หลังจากที่ปะทะกับโซเฟีร์ยหลายต่อครั้งต่อเนื่องทำให้มานาของเขานั้นลดลงอย่างรวดเร็ว โดยพื้นฐานแล้วฮารุมิมีปริมาณมานาน้อยมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มานาจะหมดเร็วกว่าปกติ แต่สิ่งที่เขาคิดพลาดมากที่สุดคือมานาของโซเฟีร์ย ดูเหมือนว่ามานาของเธอจะยังไม่หมดทั้งๆที่เธอใช้มากกว่าฮารุมิหลายเท่าตัว
“ชั้นขอชมเลยนะ นายเป็นคนแรกเลยที่หลบการโจมตีของชั้นได้ทั้งหมดน่ะ แน่ใจนะว่าจะไม่เปรียนความคิดเรื่องไม่มาอยู่ฝั่งของพวกเราน่ะ!?”
“เรื่องนั้นยังไงก็ต้องขอปฏิเสธล่ะนะ”
“น่าเสียดายคนที่มีฝีมือดีๆอย่างนายจริงๆ”
“งั้นสุดท้ายนี้ ชั้นขอถามอะไรเธอหน่อยสิ โซเฟีร์ย ดรากูนอฟ”
“คำถามงั้นเหรอ........ ถึงชั้นจะไม่มีเหตุผลต้องมาฟังอะไรทำนองนี้จากปากของนายก็เถอะนะ แต่ชั้นจะลองฟังให้ก็แล้วกัน ว่ามาสิสิ่งที่นายอยากจะรู้น่ะ!”
“ทั้งๆที่เธอใช้มานาไปมากมายขนาดนั้น แต่ทำไมเธอถึงยังดูสบายดีอยู่ได้ล่ะ?”
“........”
“……..”
“ฮุ! ฮา.. ฮา.. ฮา.. ฮา.. นายนี่มันโง่กว่าที่ชั้นคิดอีกนะเนี้ย!”
“มันน่าขำตรงไหนกัน!?”
“งั้นชั้นจะบอกอะไรดีๆให้กับสมองอันโง่เง่าของนายก็แล้วกัน ที่ชั้นยังมีมานาอยู่เหลือเฟือก็เพราะชิคิกามิของชั้นยังล่ะ!”
“ชิคิกามิ?.... งั้นเธอก็กำลังจะบอกว่า ชิคิกามิของเธอมี ’สปิริต’ ที่มีความสามารถในการดูดมานาจากการโจมตีสินะ?”
ชิคิกามิทุกตัวนั้นจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวอยู่ ซึ่งเรียกว่า ‘สปิริต’ โดยที่พลังสปิริตนี้จะมีหลายรูปแบบคือ เพิ่มพลังโจมตี การดูดพลังเวทย์ พลังพื้นฟู และอื่นๆอีกมากมายซึ่งไม่สามารถที่จะอธิบายได้ทั้งหมด สปิริตของชิคิกามิจะมีผลต่อผู้ใช้ของมันด้วย ซึ่งต้องแลกกับที่ต้องคอยส่งพลังวิญญาณหรือมานาให้กับชิคิกามิตลอดเวลาเพื่อยื้อเวลาให้มันคงสภาพต่อไปได้ ถ้ามานาของผู้ใช้หมดลง ชิคิกามิก็จะค่อยๆหายไป
แต่ในกรณีของโซเฟีร์ยนั้นคือ ชิคิกามิมีสปิริตในการดูดมานามาจากการโจมตี ซึ่งส่งผลให้มานาของผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นและลดช้าลง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มานาของโซเฟีร์ยมีให้ใช้อย่างเหลือเฟือ
“ถูกต้อง มาคาลอฟของชั้นมีความสามารถนี้จึงทำให้ชั้นมีมานาอย่างล้นหลามยังไงล่ะ ผลแพ้ชนะมันออกมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้ว!”
“ใช้สปิริตของชิคิกามิให้เป็นประโยชน์สินะ”
____ปล่อยให้ชิคิกามิของตัวเองจัดการกับคนอื่น แล้วเพิ่มพลังให้กับตัวเองขณะต่อสู้กับอีกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้า เป็นการซับพอร์ตที่ดีจริงๆ
“ถ้าอย่างงั้น.... ในเมื่อนายใช้งานไม่ได้ ก็ขอจบเรื่องลงนะที่ตรงนี้เลยละกัน!”
โซเฟีร์ยเตรียมที่จะยิงไรนิ่ง ช็อตใส่ฮารุมิเป็นครั้งสุดท้าย อนูนามาจำนวนมากมารวมตัวกันที่ตรงปากกระบอกปืนไรเฟิลของโซเฟีร์ย เพียงแค่นัดเดียวทุกอย่างก็จะจบลง
“ล่าก่อนนะ อินุกามิ ฮารุมิคุง!”
ก่อนที่การปิดฉากจะเริ่มขึ้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนมาจากฝั่งที่นั่งคนดูซึ่งควรที่จะเงียบเพราะคนอื่นๆสลบกันไปหมดแล้ว
“ฮารุมิคุงหลบเร็วเข้า!!!”
“!!!?”
ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีขาวรูปทรงเสี้ยวพระจันทร์พุ่งตรงเข้ามาทางฮารุมิอย่างรวดเร็ว....!
[ตู้มมมมมมมมม!!!!]
ฮารุมิกระโดดหลบการโจมตีนั้นได้อย่างหวุดหวิดส่วนโซเฟีร์ยก็หลบการโจมตีพ้นเช่นกัน จากการโจมตีนั้นทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างแรงตรงกลางระหว่างฮารุมิกับโซเฟีร์ย และคนที่ทำแบบนั้นก็คือ
“อ.. อาสึนะ!?”
เมื่อฮารุมิหันไปทางบริเวณที่นั่งคนดูก็พบกับ ยูกิ อาสึนะ ยืนอยู่ตรงนั้น โดยที่ในมือของเธอถือเบลสสีขาวบริสุทธิ์ที่มีรูปร่างเป็นดาบสองคมคล้ายๆกับดาบของฝั่งยุโรป และตัวดาบเล่มนั้นมันกำลังส่องแสงประกายสีทองออกมาอยู่….
“หนอยแน่! เธอเป็นใครกันถึงเข้ามาขัดจังหวะการต่อสู้ของชั้น!?”
โซเฟีร์ยตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง
“ชั้นชื่อ ยูกิ อาสึนะ เป็นเพื่อนของฮารุมิคุงที่เธอสู้ด้วยยังไงล่ะ!”
อาสึนะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเข้มแข็งและจริงจัง
“หึ! เป็นเพื่อนกันสินะ?.... งั้นชั้นจะจัดการเธอไปพร้อมๆกับหมอนี่เลยก็แล้วกัน!”
ไม่ทันขาดคำโซเฟีร์ยก็หันปากกระบอกดรากรูนอฟไปทางอาสึนะ และเตรียมที่จะยิงกระสุนเวทย์ใส่อีกฝ่าย.... แต่ทว่า........
“อย่าลืมชั้นคนนี้อีกคนนึงสิ!”
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างพุ่งเข้ามาหาโซเฟียร์ยและชนเข้ากับดากรูนอฟอย่างแรงทำให้มันหลุดจากมือของเจ้าของไป และสิ่งนั้นก็คือเบลสดาบเบอร์เซิร์กเกอร์สีแดงของเอริน่านั่นเอง
“ชิ! มาคาลอฟก็เสร็จมันไปแล้วเหรอเนี้ย!?”
“ยอมซะเถอะโซเฟีร์ย…. มันจบแล้วล่ะ”
ฮารุมิพยายามพูดให้อีกฝ่ายยอมแพ้ เพราะดูยังไงโซเฟีร์ยก็เป็นฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบอยู่แน่นอน การยอมแพ้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่ถ้าต้องสู้กันจริงๆก็ไม่แน่ว่าโซเฟีร์ยอาจจะชนะก็เป็นได้เพราะตอนนี้ทั้งฮารุมิและเอริน่าก็ไม่อยู่ในสภาพที่ต่อสู้ต่อได้ในตอนนี้........ และคำตอบที่ได้คือ
“เฮ้อ____ เอาเถอะชั้นยอมแพ้ก็ได้!”
“อ....เอะ!?”
“เอะอะไรของเธอเอริน่า!?”
“ม.... เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ!?”
“ก็ชั้นบอกว่า ชั้นยอมแพ้ยังไงล่ะ ไม่เข้าใจรึไง!?”
“!?”
คำพูดของโซเฟีร์ยนั้นเหนือการคาดหมายของเอริน่ามาก มันถึงกับทำให้เธอพูดไม่ออกเลยทีเดียว ส่วนที่ว่าทำไมเธอถึงอึ้งกับการที่โซเฟีร์ยประกาศยอมแพ้นั้น ก็ยังไม่มีใครทราบได้นอกจากตัวเธอเอง........
********
“หมายความว่าไงที่บอกว่ายอมแพ้น่ะ!?”
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมความปลอดภัยกำลังควบคุมตัวโซเฟีร์ยอยู่นั้น เอริน่าก็เดินเข้ามาคุยและถามคำถามกับเธอ
“หืม? ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ ชั้นยอมแพ้”
“นั่นดูเหมือนไม่ใช่ตัวเธอเลยนะ ไหนตอนแรกจะพาชั้นกลับไปให้ได้ไม่ใช่เหรอไง?”
“ชั้นเบื่อแล้วล่ะ งานแบบนั้นน่ะ!”
“ฮะ!?”
“นี่เอริน่า ชั้นจะบอกอะไรดีๆให้นะ”
“........”
“คืนนี้เวลาเที่ยงคืน จะมีหน่วยพิเศษเหมือนแบบชั้นออกตามล่าเธอ!”
“ฮะ! หมายความว่ายังไง!?”
“เป็นแผนสำรองของฝั่งเบื่องบนน่ะ ถ้าเกิดชั้นพลาดขึ้นมา พวกนั้นก็จะส่งหน่วยพิเศษอีกทีมออกตามล่าเธอ....”
“........”
“ชั้นแนะนำว่าให้เธอหาที่ซ้อนจะดีกว่านะ....”
“........”
“เจ้าพวกนั้นน่ะเก่งกว่าชั้นมากหลายเท่าตัวเลยล่ะ....”
“........”
“ทางที่ดีอย่าไปสู้กับพวก........!”
“คนโกหก”
“!?”
จู่บรรยากาศรอบๆตัวเอริน่าก็เปลี่ยนไป แววตาที่มองมาที่โซเฟีร์ยนั้น ช่างเยือกเย็นดั่งน่ำแข็ง และดุดันเหมือนปีศาจที่กำลังจ่องมองศัตรูที่ไร้ทางสู้....
“อ.... เอริน่า........?”
“คิดว่าชั้นจะเชื่อเรื่องที่เธอพูดออกมารึไงกัน!!!”
“!?”
“อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย ชั้นไม่มีทางเชื่อเรื่องที่เธอพูดออกมาเด็ดขาด! ไม่มีวัน!”
“ฟังก่อนนะเอริน่า ชั้นรู้ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าชั้น แต่เชื่อชั้นเถอะ มันเป็นเรื่องจริงชั้นไม่ได้โกหก เรื่องในวันนั้นน่ะ........!”
“หยุดพูดพร่ำเพรื่อได้แล้ว!”
“!?”
ทันใดนั้นเอริน่าก็เอาเบลสดาบเบอร์เซิร์กเกอร์จ่อที่คอของโซเฟีร์ย และมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น!
“อย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าเธออีก!!!”
จากนั้นเอริน่าก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก โซเฟีร์ยทำได้เพียงมองไปยังเอริน่าเท่านั้น........
“นี่โซเฟีร์ย”
“!?”
ฮารุมิเดินเข้าไปหาโซเฟีร์ยและถามคำถามหนึ่งกับเธอ........
“เรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้น่ะ ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อยสิ?”
“ขอโทษนะ เรื่องนั้นชั้นคงบอกอะไรนายไม่ได้มากหรอก!”
“ไม่ใช่เรื่องของเอริน่า ชั้นหมายถึงเรื่องของพวกหน่วยพิเศษที่เธอพูดถึงตากหาก!”
“เอ๊ะ!?”
********
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ