ใต้เงาแห่งปีกสีดำ

-

เขียนโดย อาม่า

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 00.46 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,922 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 01.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่ 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

             บทที่ 5

             ความทรงจำในภาพเขียน

                “ข้าจะไปเตรียมยา ฝากเจ้าช่วยดูแลนางด้วย”

                ราเซียเอ่ยกับโรสหลังจากพาหญิงสาวชาวมนุษย์ทั้งสองมายังอีกห้องหนึ่งซึ่งยังคงสภาพดี แต่ก่อนที่นางจะออกไปยังไม่วายหันมาเตือนหญิงสาวผมแดงอีกครั้ง

                “หวังว่าเจ้าคงไม่คิดทำอะไรโง่ ๆ อย่างการพานางหนีไปทั้งที่มีสภาพแบบนั้นหรอกนะ”

                โรสมุ่นคิ้วอย่างเคืองใจ แต่ก็ไม่ได้คิดจะต่อปากต่อคำอะไร ตอนนี้เธอห่วงใยคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงมากกว่า เลอาดูอ่อนแอและบอบบางราวกับตุ๊กตาแก้วที่เพียงแค่แตะต้องก็อาจจะแตกสลายหายไป

                ใบหน้าโรสแสดงความกังวลอย่างเด่นชัด ทำให้คนป่วยต้องเป็นฝ่ายปลอบโยนคนเฝ้าเสียเอง

                “ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ แค่รู้สึกเพลียนิดหน่อยเท่านั้นเอง อย่าได้กังวลไปเลย”

                “ท่านน่าจะได้รับการเยียวยาที่ดีกว่านี้... ที่มิเนอร์เวี่ยน” โรสยังไม่ยอมแพ้

                “อย่าพยายามเกลี้ยกล่อมข้าเลย โรส ถึงอย่างไรข้าก็ไม่คิดจะกลับไปยังมิเนอร์เวี่ยนอีก” เลอายิ้มบางแล้วหลุบตาลง “เจ้าคงพอจะรู้ ข้าไม่แข็งแรงตั้งแต่ตอนอยู่มิเนอร์เวี่ยนแล้ว”

                “ที่ท่านไม่อยากกลับมิเนอร์เวี่ยน เป็นเพราะรักเจ้าปีศาจนั่นหรือคะ เพราะท่านเห็นเจ้าฆาตกรที่สังหารคนในอาณาจักรของตัวเองอย่างเลือดเย็นสำคัญกว่าใช่ไหม” โรสพูดเสียงเบาอย่างพยายามข่มกลั้นความเกลียดชังไม่ให้ออกมาทางน้ำเสียงมากเกินไป

                “อาจจะใช่ เพราะเขาเป็นเพียงคนแรกและคนเดียวที่เห็นถึงความสำคัญของข้า ตัวข้า... ที่ไม่เคยมีใครต้องการ”

                เลอาตอบพลางเลื่อนมือขึ้นไปแนบไว้บนทรวงอก เมื่อนึกถึงบุรุษที่เคียงข้างนางเสมอมา

                ‘แม้ว่าในโลกนี้ที่ข้าไม่มีใคร อย่างน้อยยังมีเขาที่ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจของข้าเสมอมา’

                “ไม่จริงค่ะ ท่านเลอา ยังมีข้าที่ต้องการท่าน”

                โรสจับมือเลอากระชับแน่น ต้องการจะสื่อให้นางได้รับรู้ถึงความรู้สึกของตน

                “ท่านเปรียบดั่งมารดา เสมือนพี่สาว เป็นคนที่ข้าเคารพรัก ไม่เคยมีใครดีต่อข้าได้มากไปกว่าท่าน หากไม่มีท่านก็ไม่รู้ว่าข้าจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าเมื่อไหร่ท่านคือคนสำคัญต่อข้าที่สุดเสมอ”

                ฟังดังนั้นแล้วเลอาก็ได้แต่แย้มยิ้มบาง

                “ไม่ใช่ข้าคนเดียวหรอกที่ให้ความสำคัญกับเจ้า น่าเสียดายนัก เจ้ากลับจดจำเรื่องราวของคนที่เคยสำคัญต่อตนเองที่สุดอีกคนไม่ได้ แม้ว่าการนึกถึงคนผู้นั้นจะทำให้เจ้าต้องนึกถึงเรื่องราวเลวร้ายออกไปด้วยก็ตาม”

                โรสฉงนใจ ไม่อาจเข้าใจความหมายในคำพูดและความเวทนาที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มอ่อนโยนของหญิงสาวตรงหน้าได้

                ใครคือคนสำคัญที่เธอลืมเลือน ใช่ผู้ชายคนนั้นที่นางเคยบอกออกมาหรือไม่ อะไรคือเรื่องเลวร้ายที่เธอจำไม่ได้อย่างนั้นหรือ

                เลอาจับมือหญิงสาวผู้อ่อนเยาว์และบีบมันเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอร้องในสิ่งที่โรสยอมรับไม่ได้

                “ข้าอยากให้เจ้าปล่อยวางความเคืองแค้นที่มีต่อซาการ์ทเสีย จะได้หรือไม่”

                “เรื่องนั้นข้าคงทำให้ท่านไม่ได้” โรสตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด

                “อย่างน้อยก็ขอแค่ช่วงเวลาที่ไม้ใกล้ฝั่งอย่างข้าจะมีชีวิตอยู่เท่านั้นไม่ได้หรือ”

                “พูดอะไรอย่างนั้นคะ” โรสร้องอย่างตกใจ “ท่านป่วยขนาดไหนกัน”

                เลอาไม่ตอบ ดวงตาสีฟ้าใสของนางจ้องลึกเข้าไปในตาสีเขียวของโรสอย่างคาดหวังจนเธอทำท่าอึกอักอยู่พักใหญ่กว่าจะยอมตกปากรับคำอย่างไม่เต็มใจในที่สุด

                เธอจะพยายามไม่เข้าไปหาเรื่องหรือทำร้ายเจ้าปีศาจตนนั้นจนกว่าอาการป่วยของนางจะหายดี

                เพื่อเลอา เธอจะยอมอดทนต่อความชิงชังที่มีต่อชายผู้นั้นให้ก็ได้

                */*/*/*/*

 

                เมื่อแสงอรุณรุ่งขับไล่ม่านแห่งราตรีจนหายลับไปจากขอบฟ้า อาหารเช้าสองที่จึงถูกยกเข้ามาในห้อง ที่หนึ่งสำหรับเลอา ส่วนอีกที่ถูกวางลงตรงหน้าหญิงสาวผมแดง

                “ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะอยากกินมื้อเช้ากับนางที่นี่มากกว่าไปร่วมโต๊ะอาหารกับปีศาจอย่างพวกข้า กินเสียเถอะ ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นหรอก เพราะหากจะต้องฆ่าใครสักคน ข้าชอบที่จะไล่ล่าและจับมันมาฉีกกระชากทั้งเป็นมากกว่า”

                โรสนิ่วหน้ามองตามราเซียซึ่งเดินหัวเราะออกไปอย่างอารมณ์ดีท่ามกลางเสียงคิกคักจากเลอาอีกคน ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า นางปีศาจเฒ่ากำลังสนุกสนานที่ได้พูดจายียวนกวนโทสะเธอ

                “นางคงจะเหงา ที่นี่นอกจากคนป่วยอย่างข้ากับซาการ์ทแล้วก็ไม่มีใครที่นางจะหยอกล้อด้วยได้อีก เจ้าก็ช่วยเป็นเพื่อนคุยกับนางบ้างเถอะนะ “ เลอาอธิบายขณะโรสช่วยให้นางได้นั่งในท่าที่สะดวกสบายต่อการรับประทานอาหาร

                โรสนั่งมองชามข้าวต้มร้อน ๆ ของตัวเองอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง ไอหอมกรุ่นลอยคว้างมาต้องจมูก ชวนให้กระเพาะร้องประท้วง ในที่สุดเธอก็ยอมพ่ายแพ้ต่อความหิว เพราะเมื่อวันก่อนก็ไม่ได้กินอิ่มนัก

                “ทำไมถึงบอกว่าที่นี่มีแต่พวกท่านล่ะคะ คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด” โรสถามด้วยความสงสัยหลังจากจัดการกับอาหารของตนจนหมดเกลี้ยง

                “หลังจากเปิดสงครามกับมิเนอร์เวี่ยนแล้ว พวกเขารู้ดีว่าไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้อีกบนแผ่นดินนี้ ซาการ์ทจึงสั่งให้ชาวปีศาจเหยี่ยวทั้งหมดอพยพไปสถานที่ห่างไกล ซึ่งจะไม่มีใครตามไปรุกรานพวกเขาได้อีก”

                “หากจำไม่ผิด ซาการ์ทเป็นหัวหน้าเผ่าปีศาจเหยี่ยวดำ ในเมื่อเผ่าของตัวเองอพยพไปแล้วทำไมเขายังอยู่ที่นี่อีก”

                 แม้การที่ซาการ์ทไม่ได้อพยพตามเผ่าพันธุ์ไปจะทำให้โรสมีโอกาสได้พบกับเลอา แต่หญิงสาวก็อดสงสัยในข้อนี้ไม่ได้

                “เพราะร่างกายของนายหญิงอ่อนแอเกินกว่าจะเดินทางไปไหนได้ไกลน่ะสิ” นางปีศาจเฒ่าที่เข้ามาได้ยินบทสนทนาตั้งแต่เมื่อครู่เป็นฝ่ายตอบ “และเพราะท่านซาการ์ทคิดว่าต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จึงยอมสละตำแหน่งหัวหน้าและตัดใจทิ้งเผ่าเพื่อนาง”

                “ใช่ เป็นเพราะข้า เขาจึงต้องสูญเสียทุกสิ่งที่ควรมี” เลอากล่าวเสียงเศร้าด้วยความสำนึกผิด

                “อา...นายหญิงข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น คนที่ผิดจริง ๆ คือ อาเดียร์ ราชาแห่งมิเนอร์เวี่ยนต่างหาก เป็นเพราะมัน ทุกอย่างจึงพินาศสิ้นเช่นนี้” แววตานางปีศาจเฒ่าทอประกายวาววามยามนึกถึงมนุษย์ที่ชิงชัง

            “จริงสิ! วันนี้อากาศดี ท่านซาการ์ทฝากมาบอกท่านว่าหากอาการดีขึ้นแล้วให้ลงไปเดินเล่นในสวนข้างล่างดีกว่า แล้วอีกสักพักท่านก็จะตามไป” ราเซียรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เลอาคิดมาก

            โรสยังสงสัยอีกหลายเรื่อง แต่เธอเลือกจะหยุดคำถามเอาไว้ก่อน เพราะไม่อยากเห็นเลอาคิดมากเช่นกัน

            นักล่าสาวพาอดีตเจ้าหญิงแห่งมิเนอร์เวี่ยนลงไปยังสวนด้านหน้าของปราสาทตามคำบอกของราเซีย สวนสวยร่มรื่นแห่งนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ชูดอกสีสดแข่งกันรับแสงอุทัยยามเช้า ธรรมชาติอันงดงามส่งความชุ่มฉ่ำคืนสู่หัวใจ เรียกรอยยิ้มให้แก่ใครบางคนซึ่งมีสีหน้าหมองหม่นมาตั้งแต่เมื่อครู่

            โรสเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความงดงามของต้นไม้นานาพันธุ์  แต่ไม่รวมไปถึงต้นไม้กินคนข้างล่างนั่นหรอกนะ

            โรสพาเลอาไปนั่งเก้าอี้ใต้ร่มไม้มุมหนึ่งของสวนสวย เธอคิดว่าควรจะรู้ทางหนีทีไล่ในปราสาทแห่งนี้เอาไว้บ้าง จึงขอปลีกตัวแยกออกไปเดินสำรวจรอบบริเวณ กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงพุ่มไม้กอหนึ่ง

            ดอกไม้สีแดงบนลำต้นซึ่งมีหนามแหลมไหวเอนไปตามแรงลมที่พัดมา กลีบดอกสีแดงสดห่อซ้อนทับกันหลายชั้นสร้างมิติสีสันให้งดงาม เธออดจะเอื้อมมือไปเด็ดมันออกมาชื่นชม ดอมดมกลิ่นหอมอ่อนละมุนนั้นไม่ได้

            “โรส ดอกไม้สีแดงที่งดงามโดดเด่นกว่าใครและมีหนามแหลมไว้ป้องกันตัว ต่อไปนี้มันคือชื่อของเจ้า เด็กน้อย”

            ดอกไม้สีแดงพลันร่วงหล่นจากมือสู่ผืนดิน เมื่อถ้อยคำของใครบางคนแวบผ่านเข้ามาในความคิด

            นั่นเป็นเสียงของใครกัน

            น้ำเสียงนั้นทุ้มนุ่มอ่อนโยนชวนถวิล แต่เธอกลับนึกหน้าเจ้าของเสียงออกมาไม่ได้ เขาเป็นใคร ใช่บุรุษที่เลอาเคยเอ่ยออกมาว่าเป็นประดุจพี่ชายของเธอหรือไม่

            หญิงสาวก้มลงมองดอกไม้ซึ่งตกอยู่ปลายเท้า ถึงคราวจะถามความเป็นมาในอดีตของตนได้แล้วกระมัง

            โรสยืนนิ่งคิดฟุ้งซ่านอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปหาเลอา แต่ปรากฏว่าซาการ์ทได้มายืนอยู่เคียงข้างนางแล้ว เธอจึงยืนหลบหลังพุ่มไม้มองทั้งคู่พูดคุยกัน เจ้าหญิงของเธอกำลังยิ้มแย้มอย่างสดใสขณะที่ปีศาจหนุ่มทอดมองนางด้วยสายตาอ่อนโยนและห่วงใย ให้อคติเพียงใดก็คงปฏิเสธความหมายจากสายตาที่เห็นไม่ได้ 

            เมื่อคืนโรสโวยวายเสียยกใหญ่ว่าเจ้าบุรุษปีศาจคงบังคับข่มเหงรังแกเลอา นางจึงได้ยอมตกต้องเป็นภรรยาปีศาจเหยี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าเลอาจะพูดแก้เพียงไร โรสก็ไม่ยอมเชื่อเป็นอันขาด กระทั่งเวลาน

            ท่ามกลางแสงตะวันอันสดใสและมวลไม้นานาพันธุ์ บุรุษสูงสง่าเคียงสตรีผู้งดงาม ราวกับภาพวาดในจินตนาการแห่งความฝัน โรสเผลอไผลเหม่อมองไปชั่วครู่ กระทั่งเมื่อรู้สึกว่าจู่ ๆ หัวใจของตนเต้นแปลก ๆ

            โรสกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ เธอเป็นอะไร ไยดวงใจจึงสั่นไหวอย่างนี้

            นักล่าสาวมุ่นคิ้วมองปีศาจกับเจ้าหญิงก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในปราสาท ภายในห้องโถงที่กลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อมเมื่อคืนก่อนถูกราเซียเก็บกวาดจนสะอาดเรียบร้อย เหลือไว้เพียงร่องรอยความเสียหายตามเสา พื้นและผนังที่รอการซ่อมแซมเท่านั้น

            “ไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมให้สวยงามเกินไปนักหรอก แค่ยังแข็งแรงดีอยู่ก็พอ อีกหน่อยที่นี่ก็คงไม่มีใครอยู่แล้ว” ปีศาจเฒ่าบอกพลางยัดห่อกระดาษที่มีขนมปังอุ่น ๆ ใส่มือโรส

            “เอ่อ...ยายชื่อราเซียใช่ไหม แล้วทำไมท่านไม่อพยพไปกับคนอื่น ๆ ล่ะ” โรสถามไปเรื่อยเปื่อย เธอคิดว่าในเมื่อยังต้องอยู่ที่นี่ต่อไปโดยไม่มีกำหนด ผูกมิตรกันไว้ก่อนก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย

            “ข้าชราเกินกว่าจะเดินทางไปไหนไกล ๆ ได้แล้ว ตามไปก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วงคนอื่นเขา อย่างไรเสีย สามีและลูกของข้าก็ตายที่นี่ ข้าก็ขอตายในสถานที่มีครอบครัวของข้าสถิตอยู่ดีกว่า” นางปีศาจเอ่ยเสียงเศร้า

            โรสกระแอมเบา ๆ แล้วถามต่อ

            “ท่านเคยเจอกับข้าตอนที่ยังเป็นเด็กอย่างนั้นหรือ”

            “หึ เรื่องนั้นถ้าอยากรู้ ก็ลองนึกให้ออกด้วยตัวเองสิ” ราเซียยิ้มแสยะอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อพร้อมกับออกปากไล่โรสให้ไปพ้น ๆ จะได้ไม่เกะกะขวางการทำงาน “ข้างบนชั้นสองมีห้องหนังสือ หากเจ้าสนใจจะเข้าไปก็ใช้ได้ แต่ช่วยรักษาความสะอาดหน่อยล่ะ”

            ราเซียลอบมองตามหลังหญิงสาวซึ่งเดินบ่นพึมพำขึ้นไปชั้นบนพลางถอนหายใจ    

            “ในเมื่อคนที่รักเจ้าเองยังไม่อยากให้จดจำอดีตได้ มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้าที่จะไปรื้อฟื้น ขออย่าได้พลั้งพลาดทำสิ่งที่ต้องมาเสียใจในภายหลังก็แล้วกันนะ”

 

            โรสเดินเลยขึ้นชั้นบนวนไปตามทางเดิน ผ่านประตูห้องไหนก็แวะเข้าดูห้องนั้น แสดงเจตนาแน่ชัดว่าไม่ได้คิดจะหาห้องหนังสือเลยสักนิด

            ‘แน่ล่ะ อยู่ในถิ่นศัตรูที่ไม่คุ้นเคย ใครจะสนใจไปอ่านหนังสือกันเล่า สำรวจตรวจตราพื้นที่แบบนี้สนุกกว่ากันเยอะ’

            หลังจากผ่านมาหลายห้องโรสสังเกตว่าทุกที่แทบจะไม่มีฝุ่นเลย หญิงสาวรับทราบจากเลอาว่านางปีศาจเฒ่าเป็นคนดูแลปราสาทแทบทั้งหมดตนเดียวโดยมีปีศาจหนุ่มคอยช่วยเป็นบางครั้ง จึงอดยกย่องราเซียอยู่ในใจมิได้

            แล้วเธอก็หัวเราะพรืดออกมาครู่ใหญ่เมื่อนึกภาพซาการ์ทสวมผ้ากันเปื้อน คาดศีรษะและปิดปากขณะช่วยราเซียทำความสะอาดปราสาทอย่างขะมักเขม้น ใบหน้าคมคายซึ่งเคร่งขรึมอยู่เป็นนิตย์คงเปื้อนฝุ่นไม่น่าชม

            โรสทรุดกายลงนั่งก่ายผนังตัวสั่นเทิ้ม กว่าจะอดกลั้นหยุดการหัวเราะได้ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ เธอปาดน้ำที่หางตาแล้วเริ่มออกเดินสำรวจอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            หญิงสาวจอมซุกซนชะงักเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องหนึ่ง ภายในตกแต่งอย่างหรูหราต่างจากห้องอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ผ้าม่าน โต๊ะ เตียง และเก้าอี้บุนวมใช้ผ้าสีน้ำตาลปักดิ้นทองมันวาวเข้าชุดสวย โรสเดินเข้าไปสำรวจจับต้องสิ่งของต่างๆ อย่างถือวิสาสะด้วยความสนใจ กระทั่งสายตาไพล่ไปเห็นรูปที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ภาพบุรุษเจ้าของดวงเนตรสีอำพันอันคุ้นตานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ซาการ์ทนั่นเอง

            ‘เจ้าปีศาจ ทำเป็นแต่หน้าเคร่งขรึมหรือยังไง ขี้เก๊กชะมัด’

            โรสพึมพำพลางจ้องภาพเด็กชายตัวเล็กอายุราวสิบขวบซึ่งยืนเยื้องอยู่ข้างหน้าซาการ์ท เค้าโครงหน้าตลอดจนเส้นผมและดวงตาซึ่งเหมือนซาการ์ทราวกับถอดแบบกันมา จะต่างก็เพียงรอยยิ้มที่เด็กคนนั้นยิ้มได้สดใสกว่าเขามาก หญิงสาวหยิบรูปขึ้นมาพิจารณาใกล้ ๆ อย่างสนใจ เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีอำพันของเด็กในภาพเขียน

            รู้สึกคุ้นเหมือนเคยรู้จัก น่าเสียดายนักที่จำเด็กน่ารักอย่างนี้ไม่ได้ แม้ว่าเด็กคนนี้คงเป็นปีศาจเผ่าพันธุ์เดียวกับซาการ์ทที่น่าชังก็ตาม

            โรสตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด ราวได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กดังแว่วอยู่รอบตัว พลันภาพความทรงจำบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง

            “โรส...”ใครบางคนกำลังเรียก

            หญิงสาวหมุนร่างกวาดมองไปรอบตัวอย่างช้า ๆ แล้วสายตาก็สบเข้ากับร่างหนึ่ง

         เด็กชายในภาพเขียนกำลังกวักมือเรียกเธอ เขาส่งรอยยิ้มอันสดใสไม่ต่างจากในภาพมาให้ แต่แล้วใบหน้านั้นกลับบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เด็กชายกรีดร้องอย่างโหยหวนเมื่อร่างนั้นถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ ผิวหนังถูกความร้อนแผดเผาจนปริแยกเห็นเนื้อในที่สุกแดง เปลวไฟร้อนแรงโขติช่วงจนกระทั่งเนื้อของเด็กชายไหม้เกรียมอย่างรวดเร็ว ร่างนั้นมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีเหลือไว้เพียงซากกระดูกขาวโพลน

         โรสเซถอยหลังพลางยกสองมือขึ้นปิดหน้า ทว่าภาพสยดสยองซึ่งเห็นผ่านดวงตากลับยังไม่หายไป หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาอย่างรุนแรงเพื่อให้หลุดจากภาพนั้นแต่มันไม่ได้ผล  เธอกรีดร้องเรียกชื่อคนที่ไม่รู้จักด้วยความรู้สึกกลัวและเจ็บปวดในใจอย่างสุดแสน

            “ซามูเอล!!!”

            “โรส!!”

            ใบหน้าคมคายที่เคยสงบนิ่งแปรไปด้วยความตระหนก ซาการ์ทเดินเข้ามาพยายามรั้งตัวโรสให้หยุดนิ่ง แต่คล้ายเธอจะไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้ว หญิงสาวร้องไห้ตัวสั่นสะท้านและเรียกชื่อเดิมซ้ำไปซ้ำมา ปีศาจหนุ่มจึงโอบเธอไว้และลูบไปตามเรือนผมสีแดงอย่างปลอบประโลมพักใหญ่กว่าหญิงสาวจะยอมสงบลง

            “ลืมชื่อนั้นไปซะ เจ้าไม่เคยรู้จักเขา”

            อ้อมแขนจากร่างบางเลื่อนไปโอบกระชับร่างปีศาจหนุ่ม เสียงสะอื้นพึมพำแผ่วเบา

            “อย่าทิ้งข้าไปนะ อย่าปล่อยข้าไว้เพียงลำพัง ข้าไม่อยากเหลือตัวคนเดียวอีกแล้ว”

            โรสพึมพำซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้นกระทั่งหลับไปในอ้อมกอดของปีศาจ ซาการ์ทถอนหายใจแล้วอุ้มหญิงสาวไปวางไว้บนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา เขาเบือนหน้ามองไปยังภาพเขียน นัยน์ตาสีอำพันทอประกายปวดร้าวยามเห็นใบหน้าไร้เดียงสาในรูปนั้น แต่มันก็แปรเปลี่ยนกลับสู่ความว่างเปล่าเฉยชาเช่นเดิมอย่างรวดเร็ว เขาเก็บภาพนั้นลงลิ้นชักและลงกลอน จะไม่ให้ใครได้เห็นหรือแตะต้องมันอีก

            ปีศาจหนุ่มทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ นัยน์ตาสีอำพันมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงพลางผ่อนลมหายใจออกมา

            “เจ้าไม่ควรกลับมาที่นี้เลย...”

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา