หนี้รัก...สัญญข้ามภพ
10.0
เขียนโดย กระต่ายพระจันทร์
วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.52 น.
3 ตอนที่
1 วิจารณ์
6,141 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เสียง...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเสียง...
‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เสียงนุ่มทุ่มของใครบางคนกำลังเรียกชื่อเธอ เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศ หญิงสาวพยายามจับที่มาของต้นเสียงแต่สายหมอกที่ปกคลุมจนรอบด้านมืดมิดช่างเป็นอุปสรรคเหลือเกิน
‘ใครคะ ใครเรียกฉัน’ หญิงสาวตะโกนออกไปแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมาเลย
จู่ๆ หมอกก็เริ่มจางลงจนเห็นเส้นทางเบื้องหน้า บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ดูงดงาม ด้านหน้ามีแม่น้ำสายเล็กไหลเอื่อยรอบเรือนมีต้นไม้น้อยใหญ่ผลิดอกเบ่งบานให้ได้ชื่นชม ทั้งที่มองดูโดยรอบจะรู้สึกสบายใจแต่เธอกลับรู้สึกเศร้า แม้จะงดงามแต่ไร้ซึ่งชีวิต
หญิงสาวมองสำรวจไปทั่วอย่างสนใจก่อนจะสะดุดเข้ากับแผ่นหลังใหญ่ เขาหรือเปล่าที่เรียกเธอ
‘คุณคะ คุณใช่มั๊ยที่เรียกชื่อฉัน’ เธอตะโกนถามเขา ร่างของเขายืนนิ่ง ไม่มีการขยับตัวและไม่มีท่าทีว่าจะตอบรับ หรือเขาจะไม่ได้ยิน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็ลองเดินเข้าไปใกล้เขาดูแต่เหมือนยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งห่างไกลจากตัวเธอออกไปมากเท่านั้น
ทำไมวิ่งไปไม่ถึงซะทีนะ เธอคิดอย่างหัวเสีย
‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้นอีก คราวนี้เธอมั่นใจแน่นอนแล้วว่าเขาเป็นคนเรียกเธอ
‘ฉันอยู่นี่ค่ะ คุณเป็นใคร’ เธอถามอีกครั้ง หญิงสาวหวังลึกๆ ว่าเธอจะได้คำตอบจากเขาแต่ไม่ เขายังคงเงียบ ครั้งนี้เธอไม่ยอมให้เขายืนเงียบอีกแล้ว หญิงสาวออกวิ่งเพื่อให้ถึงตัวเขาให้เร็วที่สุด อีกนิดเดียวเท่านั้น
‘อ๊ะ’ เธออุทาน เมื่อรู้ว่าตัวเธอวิ่งทะลุผ่านร่างของเขามาจนเกือบล้มแต่ดีที่ตั้งหลักได้ทัน
นี่มันอะไรกัน!!
เธอหันกลับไปหาเขาแต่เมื่อหันกลับไปก็พบแต่ความว่างเปล่า เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งที่ฝันแบบนี้มาตลอดสายหมอกหนาเข้าปกคลุมรอบด้านอีกครั้ง คราวนี้เธอแทบไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงมืดมิด...
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’
เฮือก
สุพรรณิการ์สะดุ้งตื่น เหงื่อโทรมกายทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในห้องก็ยังหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เธอหันไปมองนาฬิกา นี่พึงจะตีสามกว่าเอง หญิงสาวล้มตัวนอนและพยายามข่มตาให้หลับอีกครั้งแต่ไม่เป็นผล ความฝันนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในจิตใจ ความเย็นเหยียบของบางสิ่งที่โดนตัวเธอ ความหวาดกลัว สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปเดินเล่นด้านนอกแทน
วิวในยามกลางคืนของชนบทช่างสวยงามผิดกับเมืองกรุงที่เธออยู่ลิบลับแม้ความศิวิไลซ์ของเมืองกรุงจะงดงามแต่ก็แฝงไปด้วยพิษภัยของผู้คนในสังคม นี่ถ้าไม่เพราะพี่สาวเธอจะแต่งงานกับพี่ปกรณ์เจ้าของไร่ตะวันแห่งนี้และจัดพิธีแต่งงานที่นี่ เธอจะได้เห็นบรรยากาศสวยๆแบบนี้มั๊ยนะ เธอคิด หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่นานทีจะได้พบเห็นจนลืมเรื่องความฝันไปชั่วครู่
“สุพรรณิการ์” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังอยู่ข้างหูเธอ หญิงสาวหันมองด้านหลังก็พบแต่ความว่างเปล่า เสียงของเขายังคงดังก้องในหูเธอ น้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น
“ณิ...ณิ...สุพรรณิการ์...ยัยณิ!!!” เสียงเรียกของหญิงสาวจากด้านหลังทำให้เธอสะดุ้ง เธอมองพี่สาวที่ย่อตัวลงมานั่งข้างเธออย่างแปลกใจ
“นอนไม่หลับเหรอคะพี่แพร”
“พี่ต่างหากที่ต้องถามเรา มานั่งเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้จ้ะ”
“ณินอนไม่หลับค่ะ”
“ตื่นเต้นหรือไง” แพรวาแกล้งหยอก
“ณิว่าคนที่ตื่นเต้นน่าจะเป็นพี่แพรมากกว่า จริงมั๊ยคะว่าที่เจ้าสาว” เธอล้อกลับ
“ยัยณิ” พี่สาวเธอทำเสียงเข้มแต่ใบหน้ากลับขึ้นสีเรื่อ
“อย่าค่ะ อย่าดุ เดี๋ยวหน้าแก่เร็วแล้วพรุ่งนี้ไม่สวย พี่กรจะไม่รักเอานะ”
“ยัยณิ!!!”
คราวนี้พี่สาวเธอหน้าแดงปลั่ง ไม่รู้ว่าแดงเพราะโกรธหรือแดงเพราะเขินกันแน่แต่ที่แน่ๆ ถ้าเธอยังนั่งอยู่ คงไม่รอดพ้นฝ่ามืออรหันของพี่แพรเป็นแน่
“ยัยณิ กลับมานี่เลยนะ”
“ไม่กลับ ถ้ากลับก็กลัวสิค่ะ”
สองพี่น้องวิ่งไล่กันไปมาจนเหนื่อยหอบ ทั้งคู่นอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าอย่างสบายใจ เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังขึ้นไม่ขาดสายแล้วจู่ๆ เสียงของคนเป็นน้องก็เงียบไป
“ณิ...”
“พี่แพรค่ะ”
“จ้ะ”
“พี่แพรเชื่อเรื่องชาติภพ...มั๊ยคะ”
คำถามของสุพรรณิการ์ทำให้แพรวารู้สึกแปลกใจ เธอไม่คิดว่าเด็กที่เรียนหมออย่างน้องสาวของเธอจะถามคำถามที่อยู่เหนือคำอธิบายของวิทยาศาสตร์ออกมา เธอหันมองหน้าน้องสาว ยัยณิยังคงเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้างที่มีดวงดาวอยู่พร่างพรายด้วยรอยยิ้ม
“ไม่รู้ซิจ้ะ บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่เชื่อยากแต่ในบางทีมันก็เป็นเรื่องที่น่าเชื่อ”
“ยังไงคะ ณิไม่เข้าใจ”
“เชื่อยากเพราะเราไม่เคยเห็นกับตา ไม่เคยได้สัมผัส ไม่เคยมีใครบนโลกนี้ที่ระลึกชาติและรู้ได้ว่าชาติก่อนตัวเองเคยเป็นใคร ทำอะไรไว้...” แพรวาหยุดพูด
“แล้วเรื่องที่น่าเชื่อล่ะคะ”
“การที่เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกัน พบกัน รู้จักกัน รักกัน และเป็นครอบครัวเดียวกันไงจ้ะ...ณิลองคิดดูนะ คนบนโลกนี้มีเป็นร้อยล้านคนแต่ทำไมเราถึงได้โคจรมาเจอกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเคยทำบุญกรรมร่วมกันมา”
“งั้นเหรอค่ะ” หญิงสาวรับอย่างเหม่อลอยพลางคิดว่าแล้วที่เธอได้ยินเสียงประหลาดๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคืออะไรล่ะ
พรหมลิขิต ชาตะกรรม หรือเวรกรรม
“ยัยแพร ยัยณิ” เสียงตะโกนเรียกชื่อของหญิงสาวทั้งสองดังมาแต่ไกลและเสียงแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสริยัน พี่ชายของหญิงสาวทั้งสอง
“แพรกับน้องอยู่นี่ค่ะ” แพรวาโบกมือให้รู้ว่าพวกเธออยู่ตรงนี้
“มาหลบกันอยู่นี่เอง พี่หาซะทั่ว”
“แพรกับน้องมาเดินเล่นน่ะ”
“เดินเสร็จก็เข้าบ้านได้แล้ว ตอนเช้าเรายังต้องยุ่งกันอีกมาก”
“ค่ะ” แพรวารับคำ
“พี่ริกับพี่แพรเข้าไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวณิตามเข้าไป ขอนอนดูดาวอีกสักหน่อย”
“แต่...”
“นะคะพี่ริ” สุพรรณิการ์ทำสายตาอ้อนๆ จนสุริยันยอมใจอ่อน อนุญาตให้อยู่ต่ออีกสักพัก
“อย่าให้นานนักล่ะ เข้าใจมั๊ย”
“ค่ะ”
เธอมองจนร่างของพี่สาวและพี่ชายลับตาไปถึงได้ล้มตัวลงนอนดูดาวต่อพลางครุ่นคิดถึงเสียงเรียกที่เธอได้ยินก่อนหน้าที่พี่แพรจะมา ในความรู้สึกของเธอ เธออยากหาเจ้าของเสียงเรียกนี้ให้เจอ เธออยากรู้ว่าเขาเป็นใครแต่สมองและหัวใจกลับสั่งให้ลืมซะ ความขัดแย้งนี้ทำให้เธอปวดหัว
หญิงสาวหลับตาลงเพื่อพักสายตาแต่บรรยากาศเย็นสบายกลับทำให้เผลอหลับไป
‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ มือหนาลูบใบหน้าหวานของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม
‘ใครค่ะ คุณเป็นใครคะ’ เธอถามทั้งที่ตัวเองยังไม่ลืมตา
‘…’
เสียงเรียกเงียบหายไปแต่เธอรู้ว่าเขายังอยู่ อยู่ใกล้จนเธอสามารถเอื้อมคว้า จับต้องได้
‘ทำไมถึงเงียบคะ’ เธอถามซ้ำ
‘สุพรรณิการ์’ ชื่อเธอ เขาเรียกชื่อเธออีกแล้วแต่กลับไม่เคยพูดตอบ
หญิงสาวพยายามจะลืมตาแต่ลืมไม่ขึ้น ร่างกายก็เช่นกันไม่ว่าจะพยายามขยับแค่ไหนก็ไม่มีท่าทีว่าจะเป็นไปดังที่เธอต้องการเลย นี่เธอเป็นอะไร
‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เขายังคงเรียกชื่อเธอซ้ำๆ อยู่แบบนั้น
สุพรรณิการ์รู้สึกว่าร่างกายของเธอลอยขึ้นโดยมีใครบางคนกำลังอุ้มอยู่ เขาทำทุกสิ่งอย่างเบามือราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลาย ทุกย่างก้าวมั่นคงจนเธออุ่นใจที่ได้อยู่ในอ้อมแขนเขา
เมื่อเขาหยุดยืน ร่างเธอค่อยๆ ถูกว่างลงบนที่นุ่มนิ่มซึ่งเธอคิดว่ามันคงเป็นเตียงนอน เขาลากผ้าขึ้นมาห่มให้เธอ มือหนาลูบใบหน้าของเธอแผ่วเบา เธอรู้สึกถึงลมหายใจและริมฝีปากอุ่นๆ ที่สัมผัสลงบนหน้าผากมน ความง่วงเข้าครอบง้ำเธออีกครั้ง เธอพยายามฝืนแต่จนแล้วจนรอดเธอก็หลับไปอยู่ดี
ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างหู ‘หลับเสียเถิด พี่จักอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปแม่ณิ’
‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เสียงนุ่มทุ่มของใครบางคนกำลังเรียกชื่อเธอ เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศ หญิงสาวพยายามจับที่มาของต้นเสียงแต่สายหมอกที่ปกคลุมจนรอบด้านมืดมิดช่างเป็นอุปสรรคเหลือเกิน
‘ใครคะ ใครเรียกฉัน’ หญิงสาวตะโกนออกไปแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมาเลย
จู่ๆ หมอกก็เริ่มจางลงจนเห็นเส้นทางเบื้องหน้า บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ดูงดงาม ด้านหน้ามีแม่น้ำสายเล็กไหลเอื่อยรอบเรือนมีต้นไม้น้อยใหญ่ผลิดอกเบ่งบานให้ได้ชื่นชม ทั้งที่มองดูโดยรอบจะรู้สึกสบายใจแต่เธอกลับรู้สึกเศร้า แม้จะงดงามแต่ไร้ซึ่งชีวิต
หญิงสาวมองสำรวจไปทั่วอย่างสนใจก่อนจะสะดุดเข้ากับแผ่นหลังใหญ่ เขาหรือเปล่าที่เรียกเธอ
‘คุณคะ คุณใช่มั๊ยที่เรียกชื่อฉัน’ เธอตะโกนถามเขา ร่างของเขายืนนิ่ง ไม่มีการขยับตัวและไม่มีท่าทีว่าจะตอบรับ หรือเขาจะไม่ได้ยิน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็ลองเดินเข้าไปใกล้เขาดูแต่เหมือนยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งห่างไกลจากตัวเธอออกไปมากเท่านั้น
ทำไมวิ่งไปไม่ถึงซะทีนะ เธอคิดอย่างหัวเสีย
‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้นอีก คราวนี้เธอมั่นใจแน่นอนแล้วว่าเขาเป็นคนเรียกเธอ
‘ฉันอยู่นี่ค่ะ คุณเป็นใคร’ เธอถามอีกครั้ง หญิงสาวหวังลึกๆ ว่าเธอจะได้คำตอบจากเขาแต่ไม่ เขายังคงเงียบ ครั้งนี้เธอไม่ยอมให้เขายืนเงียบอีกแล้ว หญิงสาวออกวิ่งเพื่อให้ถึงตัวเขาให้เร็วที่สุด อีกนิดเดียวเท่านั้น
‘อ๊ะ’ เธออุทาน เมื่อรู้ว่าตัวเธอวิ่งทะลุผ่านร่างของเขามาจนเกือบล้มแต่ดีที่ตั้งหลักได้ทัน
นี่มันอะไรกัน!!
เธอหันกลับไปหาเขาแต่เมื่อหันกลับไปก็พบแต่ความว่างเปล่า เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งที่ฝันแบบนี้มาตลอดสายหมอกหนาเข้าปกคลุมรอบด้านอีกครั้ง คราวนี้เธอแทบไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงมืดมิด...
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’
เฮือก
สุพรรณิการ์สะดุ้งตื่น เหงื่อโทรมกายทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในห้องก็ยังหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เธอหันไปมองนาฬิกา นี่พึงจะตีสามกว่าเอง หญิงสาวล้มตัวนอนและพยายามข่มตาให้หลับอีกครั้งแต่ไม่เป็นผล ความฝันนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในจิตใจ ความเย็นเหยียบของบางสิ่งที่โดนตัวเธอ ความหวาดกลัว สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปเดินเล่นด้านนอกแทน
วิวในยามกลางคืนของชนบทช่างสวยงามผิดกับเมืองกรุงที่เธออยู่ลิบลับแม้ความศิวิไลซ์ของเมืองกรุงจะงดงามแต่ก็แฝงไปด้วยพิษภัยของผู้คนในสังคม นี่ถ้าไม่เพราะพี่สาวเธอจะแต่งงานกับพี่ปกรณ์เจ้าของไร่ตะวันแห่งนี้และจัดพิธีแต่งงานที่นี่ เธอจะได้เห็นบรรยากาศสวยๆแบบนี้มั๊ยนะ เธอคิด หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่นานทีจะได้พบเห็นจนลืมเรื่องความฝันไปชั่วครู่
“สุพรรณิการ์” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังอยู่ข้างหูเธอ หญิงสาวหันมองด้านหลังก็พบแต่ความว่างเปล่า เสียงของเขายังคงดังก้องในหูเธอ น้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น
“ณิ...ณิ...สุพรรณิการ์...ยัยณิ!!!” เสียงเรียกของหญิงสาวจากด้านหลังทำให้เธอสะดุ้ง เธอมองพี่สาวที่ย่อตัวลงมานั่งข้างเธออย่างแปลกใจ
“นอนไม่หลับเหรอคะพี่แพร”
“พี่ต่างหากที่ต้องถามเรา มานั่งเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้จ้ะ”
“ณินอนไม่หลับค่ะ”
“ตื่นเต้นหรือไง” แพรวาแกล้งหยอก
“ณิว่าคนที่ตื่นเต้นน่าจะเป็นพี่แพรมากกว่า จริงมั๊ยคะว่าที่เจ้าสาว” เธอล้อกลับ
“ยัยณิ” พี่สาวเธอทำเสียงเข้มแต่ใบหน้ากลับขึ้นสีเรื่อ
“อย่าค่ะ อย่าดุ เดี๋ยวหน้าแก่เร็วแล้วพรุ่งนี้ไม่สวย พี่กรจะไม่รักเอานะ”
“ยัยณิ!!!”
คราวนี้พี่สาวเธอหน้าแดงปลั่ง ไม่รู้ว่าแดงเพราะโกรธหรือแดงเพราะเขินกันแน่แต่ที่แน่ๆ ถ้าเธอยังนั่งอยู่ คงไม่รอดพ้นฝ่ามืออรหันของพี่แพรเป็นแน่
“ยัยณิ กลับมานี่เลยนะ”
“ไม่กลับ ถ้ากลับก็กลัวสิค่ะ”
สองพี่น้องวิ่งไล่กันไปมาจนเหนื่อยหอบ ทั้งคู่นอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าอย่างสบายใจ เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังขึ้นไม่ขาดสายแล้วจู่ๆ เสียงของคนเป็นน้องก็เงียบไป
“ณิ...”
“พี่แพรค่ะ”
“จ้ะ”
“พี่แพรเชื่อเรื่องชาติภพ...มั๊ยคะ”
คำถามของสุพรรณิการ์ทำให้แพรวารู้สึกแปลกใจ เธอไม่คิดว่าเด็กที่เรียนหมออย่างน้องสาวของเธอจะถามคำถามที่อยู่เหนือคำอธิบายของวิทยาศาสตร์ออกมา เธอหันมองหน้าน้องสาว ยัยณิยังคงเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้างที่มีดวงดาวอยู่พร่างพรายด้วยรอยยิ้ม
“ไม่รู้ซิจ้ะ บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่เชื่อยากแต่ในบางทีมันก็เป็นเรื่องที่น่าเชื่อ”
“ยังไงคะ ณิไม่เข้าใจ”
“เชื่อยากเพราะเราไม่เคยเห็นกับตา ไม่เคยได้สัมผัส ไม่เคยมีใครบนโลกนี้ที่ระลึกชาติและรู้ได้ว่าชาติก่อนตัวเองเคยเป็นใคร ทำอะไรไว้...” แพรวาหยุดพูด
“แล้วเรื่องที่น่าเชื่อล่ะคะ”
“การที่เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกัน พบกัน รู้จักกัน รักกัน และเป็นครอบครัวเดียวกันไงจ้ะ...ณิลองคิดดูนะ คนบนโลกนี้มีเป็นร้อยล้านคนแต่ทำไมเราถึงได้โคจรมาเจอกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเคยทำบุญกรรมร่วมกันมา”
“งั้นเหรอค่ะ” หญิงสาวรับอย่างเหม่อลอยพลางคิดว่าแล้วที่เธอได้ยินเสียงประหลาดๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคืออะไรล่ะ
พรหมลิขิต ชาตะกรรม หรือเวรกรรม
“ยัยแพร ยัยณิ” เสียงตะโกนเรียกชื่อของหญิงสาวทั้งสองดังมาแต่ไกลและเสียงแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสริยัน พี่ชายของหญิงสาวทั้งสอง
“แพรกับน้องอยู่นี่ค่ะ” แพรวาโบกมือให้รู้ว่าพวกเธออยู่ตรงนี้
“มาหลบกันอยู่นี่เอง พี่หาซะทั่ว”
“แพรกับน้องมาเดินเล่นน่ะ”
“เดินเสร็จก็เข้าบ้านได้แล้ว ตอนเช้าเรายังต้องยุ่งกันอีกมาก”
“ค่ะ” แพรวารับคำ
“พี่ริกับพี่แพรเข้าไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวณิตามเข้าไป ขอนอนดูดาวอีกสักหน่อย”
“แต่...”
“นะคะพี่ริ” สุพรรณิการ์ทำสายตาอ้อนๆ จนสุริยันยอมใจอ่อน อนุญาตให้อยู่ต่ออีกสักพัก
“อย่าให้นานนักล่ะ เข้าใจมั๊ย”
“ค่ะ”
เธอมองจนร่างของพี่สาวและพี่ชายลับตาไปถึงได้ล้มตัวลงนอนดูดาวต่อพลางครุ่นคิดถึงเสียงเรียกที่เธอได้ยินก่อนหน้าที่พี่แพรจะมา ในความรู้สึกของเธอ เธออยากหาเจ้าของเสียงเรียกนี้ให้เจอ เธออยากรู้ว่าเขาเป็นใครแต่สมองและหัวใจกลับสั่งให้ลืมซะ ความขัดแย้งนี้ทำให้เธอปวดหัว
หญิงสาวหลับตาลงเพื่อพักสายตาแต่บรรยากาศเย็นสบายกลับทำให้เผลอหลับไป
‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ มือหนาลูบใบหน้าหวานของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม
‘ใครค่ะ คุณเป็นใครคะ’ เธอถามทั้งที่ตัวเองยังไม่ลืมตา
‘…’
เสียงเรียกเงียบหายไปแต่เธอรู้ว่าเขายังอยู่ อยู่ใกล้จนเธอสามารถเอื้อมคว้า จับต้องได้
‘ทำไมถึงเงียบคะ’ เธอถามซ้ำ
‘สุพรรณิการ์’ ชื่อเธอ เขาเรียกชื่อเธออีกแล้วแต่กลับไม่เคยพูดตอบ
หญิงสาวพยายามจะลืมตาแต่ลืมไม่ขึ้น ร่างกายก็เช่นกันไม่ว่าจะพยายามขยับแค่ไหนก็ไม่มีท่าทีว่าจะเป็นไปดังที่เธอต้องการเลย นี่เธอเป็นอะไร
‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เขายังคงเรียกชื่อเธอซ้ำๆ อยู่แบบนั้น
สุพรรณิการ์รู้สึกว่าร่างกายของเธอลอยขึ้นโดยมีใครบางคนกำลังอุ้มอยู่ เขาทำทุกสิ่งอย่างเบามือราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลาย ทุกย่างก้าวมั่นคงจนเธออุ่นใจที่ได้อยู่ในอ้อมแขนเขา
เมื่อเขาหยุดยืน ร่างเธอค่อยๆ ถูกว่างลงบนที่นุ่มนิ่มซึ่งเธอคิดว่ามันคงเป็นเตียงนอน เขาลากผ้าขึ้นมาห่มให้เธอ มือหนาลูบใบหน้าของเธอแผ่วเบา เธอรู้สึกถึงลมหายใจและริมฝีปากอุ่นๆ ที่สัมผัสลงบนหน้าผากมน ความง่วงเข้าครอบง้ำเธออีกครั้ง เธอพยายามฝืนแต่จนแล้วจนรอดเธอก็หลับไปอยู่ดี
ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างหู ‘หลับเสียเถิด พี่จักอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปแม่ณิ’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ