หนี้รัก...สัญญข้ามภพ

10.0

วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.52 น.

  3 ตอนที่
  1 วิจารณ์
  6,228 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เสียง...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เสียง...

                ‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เสียงนุ่มทุ่มของใครบางคนกำลังเรียกชื่อเธอ เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศ หญิงสาวพยายามจับที่มาของต้นเสียงแต่สายหมอกที่ปกคลุมจนรอบด้านมืดมิดช่างเป็นอุปสรรคเหลือเกิน

                ‘ใครคะ ใครเรียกฉัน’ หญิงสาวตะโกนออกไปแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมาเลย

จู่ๆ หมอกก็เริ่มจางลงจนเห็นเส้นทางเบื้องหน้า บ้านเรือนไทยหลังใหญ่ดูงดงาม ด้านหน้ามีแม่น้ำสายเล็กไหลเอื่อยรอบเรือนมีต้นไม้น้อยใหญ่ผลิดอกเบ่งบานให้ได้ชื่นชม ทั้งที่มองดูโดยรอบจะรู้สึกสบายใจแต่เธอกลับรู้สึกเศร้า แม้จะงดงามแต่ไร้ซึ่งชีวิต

หญิงสาวมองสำรวจไปทั่วอย่างสนใจก่อนจะสะดุดเข้ากับแผ่นหลังใหญ่ เขาหรือเปล่าที่เรียกเธอ

                 ‘คุณคะ คุณใช่มั๊ยที่เรียกชื่อฉัน’ เธอตะโกนถามเขา ร่างของเขายืนนิ่ง ไม่มีการขยับตัวและไม่มีท่าทีว่าจะตอบรับ หรือเขาจะไม่ได้ยิน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็ลองเดินเข้าไปใกล้เขาดูแต่เหมือนยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งห่างไกลจากตัวเธอออกไปมากเท่านั้น

ทำไมวิ่งไปไม่ถึงซะทีนะ เธอคิดอย่างหัวเสีย

               ‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้นอีก คราวนี้เธอมั่นใจแน่นอนแล้วว่าเขาเป็นคนเรียกเธอ

               ‘ฉันอยู่นี่ค่ะ คุณเป็นใคร’ เธอถามอีกครั้ง หญิงสาวหวังลึกๆ ว่าเธอจะได้คำตอบจากเขาแต่ไม่ เขายังคงเงียบ ครั้งนี้เธอไม่ยอมให้เขายืนเงียบอีกแล้ว หญิงสาวออกวิ่งเพื่อให้ถึงตัวเขาให้เร็วที่สุด อีกนิดเดียวเท่านั้น

               ‘อ๊ะ’ เธออุทาน เมื่อรู้ว่าตัวเธอวิ่งทะลุผ่านร่างของเขามาจนเกือบล้มแต่ดีที่ตั้งหลักได้ทัน

               นี่มันอะไรกัน!!

               เธอหันกลับไปหาเขาแต่เมื่อหันกลับไปก็พบแต่ความว่างเปล่า เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งที่ฝันแบบนี้มาตลอดสายหมอกหนาเข้าปกคลุมรอบด้านอีกครั้ง คราวนี้เธอแทบไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงมืดมิด...

               ‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’

 

               เฮือก

               สุพรรณิการ์สะดุ้งตื่น เหงื่อโทรมกายทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในห้องก็ยังหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เธอหันไปมองนาฬิกา นี่พึงจะตีสามกว่าเอง หญิงสาวล้มตัวนอนและพยายามข่มตาให้หลับอีกครั้งแต่ไม่เป็นผล ความฝันนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในจิตใจ ความเย็นเหยียบของบางสิ่งที่โดนตัวเธอ ความหวาดกลัว สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปเดินเล่นด้านนอกแทน

               วิวในยามกลางคืนของชนบทช่างสวยงามผิดกับเมืองกรุงที่เธออยู่ลิบลับแม้ความศิวิไลซ์ของเมืองกรุงจะงดงามแต่ก็แฝงไปด้วยพิษภัยของผู้คนในสังคม นี่ถ้าไม่เพราะพี่สาวเธอจะแต่งงานกับพี่ปกรณ์เจ้าของไร่ตะวันแห่งนี้และจัดพิธีแต่งงานที่นี่ เธอจะได้เห็นบรรยากาศสวยๆแบบนี้มั๊ยนะ เธอคิด หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่นานทีจะได้พบเห็นจนลืมเรื่องความฝันไปชั่วครู่

               “สุพรรณิการ์” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังอยู่ข้างหูเธอ หญิงสาวหันมองด้านหลังก็พบแต่ความว่างเปล่า เสียงของเขายังคงดังก้องในหูเธอ น้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น

               “ณิ...ณิ...สุพรรณิการ์...ยัยณิ!!!” เสียงเรียกของหญิงสาวจากด้านหลังทำให้เธอสะดุ้ง เธอมองพี่สาวที่ย่อตัวลงมานั่งข้างเธออย่างแปลกใจ

               “นอนไม่หลับเหรอคะพี่แพร”

               “พี่ต่างหากที่ต้องถามเรา มานั่งเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้จ้ะ”

               “ณินอนไม่หลับค่ะ”

               “ตื่นเต้นหรือไง” แพรวาแกล้งหยอก

               “ณิว่าคนที่ตื่นเต้นน่าจะเป็นพี่แพรมากกว่า จริงมั๊ยคะว่าที่เจ้าสาว” เธอล้อกลับ

               “ยัยณิ” พี่สาวเธอทำเสียงเข้มแต่ใบหน้ากลับขึ้นสีเรื่อ

               “อย่าค่ะ อย่าดุ เดี๋ยวหน้าแก่เร็วแล้วพรุ่งนี้ไม่สวย พี่กรจะไม่รักเอานะ”

               “ยัยณิ!!!”

               คราวนี้พี่สาวเธอหน้าแดงปลั่ง ไม่รู้ว่าแดงเพราะโกรธหรือแดงเพราะเขินกันแน่แต่ที่แน่ๆ ถ้าเธอยังนั่งอยู่ คงไม่รอดพ้นฝ่ามืออรหันของพี่แพรเป็นแน่

               “ยัยณิ กลับมานี่เลยนะ”

               “ไม่กลับ ถ้ากลับก็กลัวสิค่ะ”

               สองพี่น้องวิ่งไล่กันไปมาจนเหนื่อยหอบ ทั้งคู่นอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าอย่างสบายใจ เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังขึ้นไม่ขาดสายแล้วจู่ๆ เสียงของคนเป็นน้องก็เงียบไป

               “ณิ...”

               “พี่แพรค่ะ”

               “จ้ะ”

               “พี่แพรเชื่อเรื่องชาติภพ...มั๊ยคะ”

               คำถามของสุพรรณิการ์ทำให้แพรวารู้สึกแปลกใจ เธอไม่คิดว่าเด็กที่เรียนหมออย่างน้องสาวของเธอจะถามคำถามที่อยู่เหนือคำอธิบายของวิทยาศาสตร์ออกมา เธอหันมองหน้าน้องสาว ยัยณิยังคงเหม่อมองไปยังท้องฟ้ากว้างที่มีดวงดาวอยู่พร่างพรายด้วยรอยยิ้ม

               “ไม่รู้ซิจ้ะ บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่เชื่อยากแต่ในบางทีมันก็เป็นเรื่องที่น่าเชื่อ”

               “ยังไงคะ ณิไม่เข้าใจ”

               “เชื่อยากเพราะเราไม่เคยเห็นกับตา ไม่เคยได้สัมผัส ไม่เคยมีใครบนโลกนี้ที่ระลึกชาติและรู้ได้ว่าชาติก่อนตัวเองเคยเป็นใคร ทำอะไรไว้...” แพรวาหยุดพูด

               “แล้วเรื่องที่น่าเชื่อล่ะคะ”

               “การที่เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกัน พบกัน รู้จักกัน รักกัน และเป็นครอบครัวเดียวกันไงจ้ะ...ณิลองคิดดูนะ คนบนโลกนี้มีเป็นร้อยล้านคนแต่ทำไมเราถึงได้โคจรมาเจอกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเคยทำบุญกรรมร่วมกันมา”

               “งั้นเหรอค่ะ” หญิงสาวรับอย่างเหม่อลอยพลางคิดว่าแล้วที่เธอได้ยินเสียงประหลาดๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคืออะไรล่ะ

               พรหมลิขิต ชาตะกรรม หรือเวรกรรม

                “ยัยแพร ยัยณิ” เสียงตะโกนเรียกชื่อของหญิงสาวทั้งสองดังมาแต่ไกลและเสียงแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสริยัน พี่ชายของหญิงสาวทั้งสอง

               “แพรกับน้องอยู่นี่ค่ะ” แพรวาโบกมือให้รู้ว่าพวกเธออยู่ตรงนี้

               “มาหลบกันอยู่นี่เอง พี่หาซะทั่ว”   

               “แพรกับน้องมาเดินเล่นน่ะ”

               “เดินเสร็จก็เข้าบ้านได้แล้ว ตอนเช้าเรายังต้องยุ่งกันอีกมาก”

               “ค่ะ” แพรวารับคำ

               “พี่ริกับพี่แพรเข้าไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวณิตามเข้าไป ขอนอนดูดาวอีกสักหน่อย”

               “แต่...”

               “นะคะพี่ริ” สุพรรณิการ์ทำสายตาอ้อนๆ จนสุริยันยอมใจอ่อน อนุญาตให้อยู่ต่ออีกสักพัก

               “อย่าให้นานนักล่ะ เข้าใจมั๊ย”

               “ค่ะ”

               เธอมองจนร่างของพี่สาวและพี่ชายลับตาไปถึงได้ล้มตัวลงนอนดูดาวต่อพลางครุ่นคิดถึงเสียงเรียกที่เธอได้ยินก่อนหน้าที่พี่แพรจะมา ในความรู้สึกของเธอ เธออยากหาเจ้าของเสียงเรียกนี้ให้เจอ เธออยากรู้ว่าเขาเป็นใครแต่สมองและหัวใจกลับสั่งให้ลืมซะ ความขัดแย้งนี้ทำให้เธอปวดหัว

               หญิงสาวหลับตาลงเพื่อพักสายตาแต่บรรยากาศเย็นสบายกลับทำให้เผลอหลับไป

               ‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ มือหนาลูบใบหน้าหวานของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม

               ‘ใครค่ะ คุณเป็นใครคะ’ เธอถามทั้งที่ตัวเองยังไม่ลืมตา

               ‘…’

               เสียงเรียกเงียบหายไปแต่เธอรู้ว่าเขายังอยู่ อยู่ใกล้จนเธอสามารถเอื้อมคว้า จับต้องได้

               ‘ทำไมถึงเงียบคะ’ เธอถามซ้ำ

               ‘สุพรรณิการ์’ ชื่อเธอ เขาเรียกชื่อเธออีกแล้วแต่กลับไม่เคยพูดตอบ

               หญิงสาวพยายามจะลืมตาแต่ลืมไม่ขึ้น ร่างกายก็เช่นกันไม่ว่าจะพยายามขยับแค่ไหนก็ไม่มีท่าทีว่าจะเป็นไปดังที่เธอต้องการเลย นี่เธอเป็นอะไร

               ‘สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์’ เขายังคงเรียกชื่อเธอซ้ำๆ อยู่แบบนั้น

                สุพรรณิการ์รู้สึกว่าร่างกายของเธอลอยขึ้นโดยมีใครบางคนกำลังอุ้มอยู่ เขาทำทุกสิ่งอย่างเบามือราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลาย ทุกย่างก้าวมั่นคงจนเธออุ่นใจที่ได้อยู่ในอ้อมแขนเขา

                เมื่อเขาหยุดยืน ร่างเธอค่อยๆ ถูกว่างลงบนที่นุ่มนิ่มซึ่งเธอคิดว่ามันคงเป็นเตียงนอน เขาลากผ้าขึ้นมาห่มให้เธอ มือหนาลูบใบหน้าของเธอแผ่วเบา เธอรู้สึกถึงลมหายใจและริมฝีปากอุ่นๆ ที่สัมผัสลงบนหน้าผากมน ความง่วงเข้าครอบง้ำเธออีกครั้ง เธอพยายามฝืนแต่จนแล้วจนรอดเธอก็หลับไปอยู่ดี

                ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้างหู ‘หลับเสียเถิด พี่จักอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปแม่ณิ’

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา