อำมหิต...สั่งตาย
-
เขียนโดย SunSand_AB
วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.36 น.
17 ตอน
4 วิจารณ์
19.95K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 23.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) บทเพลงแทนใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ชานนท์ดิ้นพล่าน นอนตัวสั่นอยู่โซฟาในบ้านของภูมิ จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ชานนท์ค่อยๆ ตั้งสติก่อนที่จะกวาดสายตามองรอบๆ ตัวของเขา ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ในบ้านของภูมินั่นเอง
"โธ่..เมื่อกี้ฝันหรอเนี่ย"นนท์ปาดเหงื่อ หากเขาไม่ตื่นขึ้นมาเสียก่อนอาจจะช็อคตายไปก็ได้
ภูมิเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับอ่างใส่น้ำและผ้าผืนเล็กๆ ที่วางบนขอบอ่าง ภูมิเดินมานนท์ ที่กำลังลุกขึ้นนั่งบนโซฟา
"อ้าว ฟื้นแล้วหรอ"ภูมิถามพร้อมกับวางอ่างที่เตรียมมาวางลงบนโต๊ะ พร้อมกับนั่งลงข้างๆ ชานนท์
"ทำไม...นนท์มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ.."นนท์ถาม
"ก็เมื่อกี้บนรถ นนท์เอาหัวโขกกับกระจกรถจนหมดสติไป พี่เลยพามาที่บ้านพี่เนี่ยแหละ"ภูมิบอก
"อ๋อ... นนท์ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ"นนท์พูด
"ว่าแต่ทำไมนนท์เอาหัวโขกกับกระจกแบบนั้นล่ะ พี่ตกใจมากเลยนะที่เห็นเมื่อกี้"ภูมิมองนนท์อย่างสงสัย
"เอ่อ...งั้นนนท์ขอตัวกลับก่อนนะครับ"นนท์รีบลุกขึ้นเก็บข้าวของและเดินออกไปจากบ้าน
ภูมิได้แต่มองนนท์ที่เดินออกจากบ้านไป ในขณะที่กิตติ์ดนัยยืนมองภูมิอยู่ห่างๆ
ภูมิลุกขึ้นนำอ่างที่ใส่น้ำหวังจะมาเช็ดตัวนนท์ นำน้ำในอ่างเททิ้ง ก่อนที่จะวางทิ้งไว้ในห้องน้ำและเดินขึ้นไปห้องนอนของเขา กิตติ์ดนัยตามไปติดๆ จนเข้ามาถึงห้องภูมิ...
ภายในห้องของภูมิสะอาดหู สะอาดตา ข้าวของจัดวางเป็นระเบียบ แต่ที่ดูสะดุดตามากกว่านั้นคือรูปมากมายที่แปะอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า หลายต่อหลายรูป ภูมิเดินไปที่ตู้เสื้อก่อนที่จะนำมือลูบลงบนรูปภาพรูปนึง ซึ่งทุกรูปเป็นรูปของกิตติ์ดนัย
"ถ้ากิตเข้ามหาลัยเมื่อไร พี่จะบอกความในใจ...ที่พี่มีให้กับกิต"ภูมิยิ้มให้กับรูปของกิตติ์ดนัย
"พี่ภูมิ..."กิตติ์ดนัยเข้ามากอดภูมิ แต่เขาไม่สัมผัสกับตัวภูมิได้ กิตติ์ดนัยจึงหายไปกับสายลม
ภูมิหันกลับไปมองรอบๆ ห้องที่มีแต่ความว่างเปล่า แต่ทำไมเขาถึงสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
กิตติ์ดนัยหายกลับมาอยู่ในตึกร้าง เพราะเขาไม่สามารถเขาบ้านของเขาได้ เนื่องจากแม่ของกิตได้ติดกระจกแปดเหลี่ยม และหิ่งพระไว้ภายในบ้านทำให้กิตติ์ดนัยไม่สามารถกลับเข้าบ้านไปได้
ในขณะที่กิตติ์ดนัยนั่งเศร้าอยู่ในตึกร้างอย่างโดดเดี่ยว แสงสว่างสีทองอร่ามบนฟสกฟ้าก็ส่องกระทบที่ตัวของเขา...
"บุญกุศลที่ลูกได้เคยกระทำมา ส่งไปถึงกิตติ์ดนัยลูกชายของฉันได้ด้วยเถิด"สิ้นเสียงคำอธิษฐานของแม่
กิตติ์ดนัยยกมือไหว้ขึ้นมาไหว้ น้ำตารินไหลด้วยความดีใจ ในที่สุดแม่ของเขาก็อุทิศส่วนบุญมาให้
"กิตขอบคุณนะครับแม่.."กิตติ์ดนัยยิ้มอย่างดีใจ เขารู้สึกเหมือนตัวเองมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าา
เช้าวันต่อมาภูมิกำลังเดินลงมาด้านล่าง หลังจากที่เพิ่งตื่นนอน เนื่องจากวันนี้เขาไม่มีเรียน จึงสามารถนอนได้อย่างเต็มอิ่ม ภูมิสังเกตุเห็นใครบางคนกำลั่งนั่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้านของเขา ภูมิได้แต่สงสัย
"ใครมานั่งอยู่ตรงนี้ พ่อแม่น่าจะออกไปทำงานแล้วนิ แล้วใคร..."ภูมิรีบเปิดประตูบ้านออกไป
เขาก้าวเท้าเดินไปที่บุคคลดังกล่าว เพียงแค่ด้านหลังเขาก็คุ้นเคยอบ่างดี ยิ่งใกล้มาก ยิ่งคุ้นตา
"กิต... ใช่มั้ย"ภูมิทัก
กิตติ์ดนัยหันมาหาภูมิ พร้อมกับยิ้มให้ เด็กหนุ่มอยู่ในชุดที่นักเรียน ใบหน้าใสสะอาด หล่อเหลาเอาการ
"พี่ภูมิ.."
"ทำไมมานั่งอยู่หน้าบ้านแบบนี้ล่ะ แดดร้อนนะ"
"คือ กิตไม่กล้าเข้าไปในบ้านน่ะครับ เกรงใจเห็นแม่พี่บอกว่าพี่ภูมิยังไม่ตื่น"
"แหม... เราก็สนิทกันมานานกิตอยากเข้ามาบ้านพี่เมื่อไรก็ได้ แล้วทำไมอยู่ในชุดนักเรียนล่ะ วันนี้วันหยุดไม่ใชาหรอ"
กิตติ์ดนัยไม่ตอบ แต่กลับนิ่งเงียบ ก่อนที่ภูมิจะยิ้มให้เขา
"งั้นเข้าบ้านกันเถอะ"
พูดจบภูมิก็พากิตติ์ดนัยเข้ามาในบ้าน พร้อมกับขึ้นมาบนห้องนอนของเขา
"พี่นึกว่ากิตจะไม่มาติวหนังสือกับพี่แล้วซะอีก"ภูมิหยิบหนังสือออกมาวางเตรียม
"พี่ภูมิไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวกิตเอาโต๊ะมากลางให้เอง"
"เอางั้นหรอ.. พี่เกรงใจเราอ่ะ พี่ทำให้ดีกว่า"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ นี่บ้านพี่ภูมิไม่ต้องเกรงใจกิตหรอกครับ กิตมากกว่าที่ต้องเกรงใจพี่"
กิตติ์ดนัยหันไปมองตู้เสื้อภาพของภูมิ ที่มีรูปของเขาติดเต็มตู้
"เอ่อ.. พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะรีบมาติงหนังสือเรา"ภูมิรีบเกินไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวด้วยท่าทีเขินอาย ก่อนที่จะรีบเดินไปเข้าห้องน้ำ
ผ่านไปหลายชั่วโมง ภูมินั่งติวหนังสือให้กิตติ์ดนัยมาได้นานพอสมควร
"เฮ้อ.. พี่ว่าเราพักสักชั่วโมงนึงก่อนเนอะ ค่อยติวต่อ"ภูมิบอก
"ดีเหมือนกันครบ กิตเริ่มปวดตาแล้วเหมือนกัน"กิตติ์ดนัยหลับตาปี๋ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นช้าๆ
"ไหนพี่ดูหน่อยสิ"ภูมิขยับเข้ามานั่งข้างๆ กิตติ์ดนัย
ภูมิจับแก้มของกิตติ์ดนัย ซึ่งเจ้าตัวแทบไม่อยากจะเชื่อว่าภูมิจะสัมผัสตัวของเขาได้ สายตาของทั้งคู่จ้องมองกันสบตาอย่างอบอุ่น ภูมิค่อยเลื่อนไปหน้าเข้าหากิตติ์ดนัยช้าๆ ยิ่งใกล้มากเท่าไร ใบหน้าของทั้งคู่ยิ่งใกล้ชิดกัน จนจมูกของทั้งคู่ชนกัน
"เอ่อ...กิตหิวแล้วอ่ะครับ"กิตติ์ดนัยดันตัวภูมิออก
"งั้น.. พี่ไปทำอะไรมาให้ทานนะ"ภูมิลุกขึ้นออกจากห้องไป
ภูมิเดินออกมาหยุดหน้าห้อง พยายามคุมสติตัวเอง ถ้าเมื่อครู่กิตติ์ดนัยไม่พูดขึ้น เขาอาจจะเผลอทำไรอะไรที่เขาคิดไม่ถึงก็ได้ ภูมิเดินลงไปในครัวเพื่อทำอาหารให้กิตติ์ดนัย
"กับข้าวมาแล้วกิต"ภูมิเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถือถาดอาหารขึ้นมาบนห้อง
"ในคืนแสงจันทร์ส่อง.."กิตติ์ดนัยกำลังนั่งร้อง ที่เขายังจำเนื้อไม่ค่อยได้
"นี่เรากำลังร้องเพลงอยู่หรอเนี่ย"ภูมิยิ้มพร้อมกับนั่งลงวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ
"คือ กิตพยายามจำเนื้อร้องน่ะครับ แต่ยังจำไม่ได้เลย..ทั้งๆ ที่พี่ภูมิก็ร้องให้ฟังบ่อยๆ"กิตพูด
"งั้นเดี๋ยวพี่จะร้องให้ฟังใหม่นะ"ภูมิบอก
ภูมิมองหน้ากิตพร้อมกับร้องเพลงให้กิตฟัง บทเพลงที่เขามอบให้กิต เพราะทุกครั้งที่เขาร้องเพลงนี้เขามีความสุขทุกครั้ง แม้ว่ามันจะมีเนื้อหาเศร้าแต่ก็โรแมนติกอยู่ในตัว
"ในคืนแสงจันทร์ส่อง ระยิบตาดวงดาราดั่งดวงตา นางฟ้าจ้องมอง เป็นพยานในยามราตรีบรรเลงขับขานเพลงรัก เพื่อเรา..."ภูมิจับมือกิตติ์ดนัย"ฉันขอมือเธอ..เต้นรำกับฉันคืนนี้.."
กิตติ์ดนัยยิ้มให้กับภูมิ "ทำไมพี่ภูมิชอบเพลงนี้ล่ะครับ"
"ไม่รู้สิ พี่ว่ามันโรแมนติกดีนะ แม้ว่ามันจะดป็นเพลงที่ใช้ประกอบละครเวทีก็เถอะ"ภูมิบอก
"ละครเวทีเรื่องอะไรหรอครับ"กิตถาม
"ความรัก ความทรงจำ ความตาย.. มันเป็นความรักของคนกับผีน่ะ ผู้หญิงคนนึงเข้ามาในงานเต้นรำ โดยพบกับชายหนุ่มคนนึงในงานเต้นรำ มันเหมือนรักแท้ แต่...อีกฝ่ายเป็น.."
"กิตว่าไม่เห็นเกี่ยวเลยนะครับ คนเราถ้ารักกันจริงๆ แม้แต่ความตายก็พรากเขาจากกันไม่ได้"กิตบอก
"นั่นสินะ.. กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด"ภูมิบอก
ทั้งคู่ทานข้าวอยู่ในห้องนอนของภูมิอย่างมีความสุขถ้าวันนึงภูมิรู้ว่ากิตติ์ดนัยตายไปแล้ว เขาจะรู้สึกยังไง..
วันเวลาผ่านไปนานหลายเดือน ในที่สุดพวกวินและชานนท์ก็ได้เข้ามหาลัย ซึ่งอีกไม่นานพวกเขาก็จะเปิดเรียนกันอีกไม่นานนี้ มอสกำลังเดินกลับจากมหาลัยหลังจากที่มายื่นเอกสารขอเรื่องทุนของมหาลัย
มอสกำลังนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ ที่มีนถมากมายขับผ่านไปมา มอสสังเกตุเห็นผู้ชายคนนึงที่ยืนรอรถเมล์อยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก สภาพเนื้อตัวของเขาดูโทรมราวกับไม่ใช่คนในเมือง
มอสกลัวว่าบุคคลนั้นจะเป็นคนบ้า เขาจึงไม่รอรถต่อ รีบกวักมือเรียกรถแท็กซี่ทันที
"ไป BTS ครับลุง"มอสเปิดประตูรถบอกคนขับ ก่อนที่จะเข้าไปนั่งในรถ
แท็กซี่ครับไปตามเส้นทางบนถนนเรื่อยๆ ภายในรถเงียบสงัด จนคนขับต้องชวนพูดคุย
"เรียนชั้นไหนแล้วหรอเรา"คนขับถาม
"เพิ่งเข้ามหาลัยครับอีกไม่นานก็เปิดเรียนแล้ว"มอสบอก
"แล้วอีกคนนึงล่ะ เรียนไหน"คนขับถามต่อ
"ใครหรอครับ"มอสมองคนขับอย่างแปลกใจ
"ก็เด็กผู้ชายที่นั่งข้างเราไง เห็นนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จาอะไรเลย เพื่อนเราหรอ"คนขับถาม
"ผมมาคนเดียวครับลุง ไม่ได้พาเพื่อนมาด้วย"มอสบอก
"ก็นี่ไงนั่งข้างๆ เราอยู่เนี่ย แต่ตัวโทรมๆ นั่งนิ่งๆ ว่าแต่ทำไมถึงโทรมจังล่ะ"คนขับยังคงมั่นใจ
มอสหันไปมองข้างๆ ตัวเขาที่มีแต่ความว่างเปล่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนขับเห็น...
"ไม่จริง..นายจะกลับมาอีกทำไม"มอสบ่นพรึมพรำ
"ห๊ะ....ห๊ะ..."คนขับตาโตเมื่อราวกับตกใยอะไรบางอย่าง
มอสมองไปที่คนขับที่กำลังหันมาไปมองถนนไม่ยอมมองกระจกหลังเหมือนเมื่อครู่ คนขับตัวสั่นหวาดกลัวกับอะไรบางอย่าง
"เป็นไรไปครับลุง"มอสถาม
"ปะ..ปะ...เปล่า"โชเฟอร์แท็กซี่เพิ่งเห็นกิตติ์ดนัยที่นั่งตาโตขาวโพลน เลือดไหลออกจากตา จ้องมองมาที่เขา
มอสค่อยๆ หันกลับไปมองเบาะข้างๆ ช้าๆ แต่เพียงแค่หางตาเขาก็รู้ว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ข้างๆ เขาจริงๆ มอสหันไปมองก็พบกิตติ์ดนัยนั่งอยู่ข้างๆ เขา
กิตติ์ดนัยหันควับมาทางมอส พร้อมกับแสยะยิ้มให้อย่างสยอง
"สวัสดี เพื่อนชั่ว ถึงเวลาตายของมึงแล้ว!!!"
"เฮ้ยยย!!!"มอสร้องโวยวาย ไม่แพ้โชเฟอร์คนขับ จนเขาต้องจอดรถและรีบลงจากรถหนีไป ทิ้งให้มอสเผชิญหย้ากับกิตติ์ดนัยสองต่อสอง
"อย่า...อย่าเข้ามานะ อย่านะ"มอสโวยวาย พยายามจะเปิดประตูรถหนีไป แต่ประตูรถกลับล็อกสนิททุกบาน
กิตติ์ดนัยเอื้อมมือมาบีบคอมอส เด็กหนุ่มพยายามดิ้นทุรนทุรายเพื่อหนีตาย มือก็พยายามปลดล็อคประตูรถ
"ได้เวลาที่มึงต้องตายแล้ว มึงไม่รอดมือกูแน่!"กิตติ์ดนัยพูด พร้อมกับบีบคอมอสแรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ
"อย่าฆ่าเราเลย เราไม่ได้อยากปล่อยให้นายตายจริงๆ นะ เราขอโทษ"มอสพูดทั้งๆ ที่พยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากมือของกิตติ์ดนัย
"ไม่ต้องมาอ้าง กูไม่เชื่อมึง มึงช่วยกูได้หลายที แต่มึงไม่คิดที่จะช่วยสักครั้ง ไอ้คนระยำ"
มอสเอื้อมมือปลดล็อคประตูรถสำเร็จ เขาพยายามดิ้นและผลักกิตติ์ดนัยออกสำเร็จ มอสรีบลงจากรถหนีไปทันที
กิตติ์ดนัยยืนมองมอสที่กำลังหนีตายจากเขา
"หนีไปเถอะ ครั้งหน้ากูไม่ปล่อยมึงแน่.."
"โธ่..เมื่อกี้ฝันหรอเนี่ย"นนท์ปาดเหงื่อ หากเขาไม่ตื่นขึ้นมาเสียก่อนอาจจะช็อคตายไปก็ได้
ภูมิเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับอ่างใส่น้ำและผ้าผืนเล็กๆ ที่วางบนขอบอ่าง ภูมิเดินมานนท์ ที่กำลังลุกขึ้นนั่งบนโซฟา
"อ้าว ฟื้นแล้วหรอ"ภูมิถามพร้อมกับวางอ่างที่เตรียมมาวางลงบนโต๊ะ พร้อมกับนั่งลงข้างๆ ชานนท์
"ทำไม...นนท์มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ.."นนท์ถาม
"ก็เมื่อกี้บนรถ นนท์เอาหัวโขกกับกระจกรถจนหมดสติไป พี่เลยพามาที่บ้านพี่เนี่ยแหละ"ภูมิบอก
"อ๋อ... นนท์ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ"นนท์พูด
"ว่าแต่ทำไมนนท์เอาหัวโขกกับกระจกแบบนั้นล่ะ พี่ตกใจมากเลยนะที่เห็นเมื่อกี้"ภูมิมองนนท์อย่างสงสัย
"เอ่อ...งั้นนนท์ขอตัวกลับก่อนนะครับ"นนท์รีบลุกขึ้นเก็บข้าวของและเดินออกไปจากบ้าน
ภูมิได้แต่มองนนท์ที่เดินออกจากบ้านไป ในขณะที่กิตติ์ดนัยยืนมองภูมิอยู่ห่างๆ
ภูมิลุกขึ้นนำอ่างที่ใส่น้ำหวังจะมาเช็ดตัวนนท์ นำน้ำในอ่างเททิ้ง ก่อนที่จะวางทิ้งไว้ในห้องน้ำและเดินขึ้นไปห้องนอนของเขา กิตติ์ดนัยตามไปติดๆ จนเข้ามาถึงห้องภูมิ...
ภายในห้องของภูมิสะอาดหู สะอาดตา ข้าวของจัดวางเป็นระเบียบ แต่ที่ดูสะดุดตามากกว่านั้นคือรูปมากมายที่แปะอยู่ที่ตู้เสื้อผ้า หลายต่อหลายรูป ภูมิเดินไปที่ตู้เสื้อก่อนที่จะนำมือลูบลงบนรูปภาพรูปนึง ซึ่งทุกรูปเป็นรูปของกิตติ์ดนัย
"ถ้ากิตเข้ามหาลัยเมื่อไร พี่จะบอกความในใจ...ที่พี่มีให้กับกิต"ภูมิยิ้มให้กับรูปของกิตติ์ดนัย
"พี่ภูมิ..."กิตติ์ดนัยเข้ามากอดภูมิ แต่เขาไม่สัมผัสกับตัวภูมิได้ กิตติ์ดนัยจึงหายไปกับสายลม
ภูมิหันกลับไปมองรอบๆ ห้องที่มีแต่ความว่างเปล่า แต่ทำไมเขาถึงสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
กิตติ์ดนัยหายกลับมาอยู่ในตึกร้าง เพราะเขาไม่สามารถเขาบ้านของเขาได้ เนื่องจากแม่ของกิตได้ติดกระจกแปดเหลี่ยม และหิ่งพระไว้ภายในบ้านทำให้กิตติ์ดนัยไม่สามารถกลับเข้าบ้านไปได้
ในขณะที่กิตติ์ดนัยนั่งเศร้าอยู่ในตึกร้างอย่างโดดเดี่ยว แสงสว่างสีทองอร่ามบนฟสกฟ้าก็ส่องกระทบที่ตัวของเขา...
"บุญกุศลที่ลูกได้เคยกระทำมา ส่งไปถึงกิตติ์ดนัยลูกชายของฉันได้ด้วยเถิด"สิ้นเสียงคำอธิษฐานของแม่
กิตติ์ดนัยยกมือไหว้ขึ้นมาไหว้ น้ำตารินไหลด้วยความดีใจ ในที่สุดแม่ของเขาก็อุทิศส่วนบุญมาให้
"กิตขอบคุณนะครับแม่.."กิตติ์ดนัยยิ้มอย่างดีใจ เขารู้สึกเหมือนตัวเองมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าา
เช้าวันต่อมาภูมิกำลังเดินลงมาด้านล่าง หลังจากที่เพิ่งตื่นนอน เนื่องจากวันนี้เขาไม่มีเรียน จึงสามารถนอนได้อย่างเต็มอิ่ม ภูมิสังเกตุเห็นใครบางคนกำลั่งนั่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้านของเขา ภูมิได้แต่สงสัย
"ใครมานั่งอยู่ตรงนี้ พ่อแม่น่าจะออกไปทำงานแล้วนิ แล้วใคร..."ภูมิรีบเปิดประตูบ้านออกไป
เขาก้าวเท้าเดินไปที่บุคคลดังกล่าว เพียงแค่ด้านหลังเขาก็คุ้นเคยอบ่างดี ยิ่งใกล้มาก ยิ่งคุ้นตา
"กิต... ใช่มั้ย"ภูมิทัก
กิตติ์ดนัยหันมาหาภูมิ พร้อมกับยิ้มให้ เด็กหนุ่มอยู่ในชุดที่นักเรียน ใบหน้าใสสะอาด หล่อเหลาเอาการ
"พี่ภูมิ.."
"ทำไมมานั่งอยู่หน้าบ้านแบบนี้ล่ะ แดดร้อนนะ"
"คือ กิตไม่กล้าเข้าไปในบ้านน่ะครับ เกรงใจเห็นแม่พี่บอกว่าพี่ภูมิยังไม่ตื่น"
"แหม... เราก็สนิทกันมานานกิตอยากเข้ามาบ้านพี่เมื่อไรก็ได้ แล้วทำไมอยู่ในชุดนักเรียนล่ะ วันนี้วันหยุดไม่ใชาหรอ"
กิตติ์ดนัยไม่ตอบ แต่กลับนิ่งเงียบ ก่อนที่ภูมิจะยิ้มให้เขา
"งั้นเข้าบ้านกันเถอะ"
พูดจบภูมิก็พากิตติ์ดนัยเข้ามาในบ้าน พร้อมกับขึ้นมาบนห้องนอนของเขา
"พี่นึกว่ากิตจะไม่มาติวหนังสือกับพี่แล้วซะอีก"ภูมิหยิบหนังสือออกมาวางเตรียม
"พี่ภูมิไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวกิตเอาโต๊ะมากลางให้เอง"
"เอางั้นหรอ.. พี่เกรงใจเราอ่ะ พี่ทำให้ดีกว่า"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ นี่บ้านพี่ภูมิไม่ต้องเกรงใจกิตหรอกครับ กิตมากกว่าที่ต้องเกรงใจพี่"
กิตติ์ดนัยหันไปมองตู้เสื้อภาพของภูมิ ที่มีรูปของเขาติดเต็มตู้
"เอ่อ.. พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะรีบมาติงหนังสือเรา"ภูมิรีบเกินไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวด้วยท่าทีเขินอาย ก่อนที่จะรีบเดินไปเข้าห้องน้ำ
ผ่านไปหลายชั่วโมง ภูมินั่งติวหนังสือให้กิตติ์ดนัยมาได้นานพอสมควร
"เฮ้อ.. พี่ว่าเราพักสักชั่วโมงนึงก่อนเนอะ ค่อยติวต่อ"ภูมิบอก
"ดีเหมือนกันครบ กิตเริ่มปวดตาแล้วเหมือนกัน"กิตติ์ดนัยหลับตาปี๋ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นช้าๆ
"ไหนพี่ดูหน่อยสิ"ภูมิขยับเข้ามานั่งข้างๆ กิตติ์ดนัย
ภูมิจับแก้มของกิตติ์ดนัย ซึ่งเจ้าตัวแทบไม่อยากจะเชื่อว่าภูมิจะสัมผัสตัวของเขาได้ สายตาของทั้งคู่จ้องมองกันสบตาอย่างอบอุ่น ภูมิค่อยเลื่อนไปหน้าเข้าหากิตติ์ดนัยช้าๆ ยิ่งใกล้มากเท่าไร ใบหน้าของทั้งคู่ยิ่งใกล้ชิดกัน จนจมูกของทั้งคู่ชนกัน
"เอ่อ...กิตหิวแล้วอ่ะครับ"กิตติ์ดนัยดันตัวภูมิออก
"งั้น.. พี่ไปทำอะไรมาให้ทานนะ"ภูมิลุกขึ้นออกจากห้องไป
ภูมิเดินออกมาหยุดหน้าห้อง พยายามคุมสติตัวเอง ถ้าเมื่อครู่กิตติ์ดนัยไม่พูดขึ้น เขาอาจจะเผลอทำไรอะไรที่เขาคิดไม่ถึงก็ได้ ภูมิเดินลงไปในครัวเพื่อทำอาหารให้กิตติ์ดนัย
"กับข้าวมาแล้วกิต"ภูมิเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถือถาดอาหารขึ้นมาบนห้อง
"ในคืนแสงจันทร์ส่อง.."กิตติ์ดนัยกำลังนั่งร้อง ที่เขายังจำเนื้อไม่ค่อยได้
"นี่เรากำลังร้องเพลงอยู่หรอเนี่ย"ภูมิยิ้มพร้อมกับนั่งลงวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ
"คือ กิตพยายามจำเนื้อร้องน่ะครับ แต่ยังจำไม่ได้เลย..ทั้งๆ ที่พี่ภูมิก็ร้องให้ฟังบ่อยๆ"กิตพูด
"งั้นเดี๋ยวพี่จะร้องให้ฟังใหม่นะ"ภูมิบอก
ภูมิมองหน้ากิตพร้อมกับร้องเพลงให้กิตฟัง บทเพลงที่เขามอบให้กิต เพราะทุกครั้งที่เขาร้องเพลงนี้เขามีความสุขทุกครั้ง แม้ว่ามันจะมีเนื้อหาเศร้าแต่ก็โรแมนติกอยู่ในตัว
"ในคืนแสงจันทร์ส่อง ระยิบตาดวงดาราดั่งดวงตา นางฟ้าจ้องมอง เป็นพยานในยามราตรีบรรเลงขับขานเพลงรัก เพื่อเรา..."ภูมิจับมือกิตติ์ดนัย"ฉันขอมือเธอ..เต้นรำกับฉันคืนนี้.."
กิตติ์ดนัยยิ้มให้กับภูมิ "ทำไมพี่ภูมิชอบเพลงนี้ล่ะครับ"
"ไม่รู้สิ พี่ว่ามันโรแมนติกดีนะ แม้ว่ามันจะดป็นเพลงที่ใช้ประกอบละครเวทีก็เถอะ"ภูมิบอก
"ละครเวทีเรื่องอะไรหรอครับ"กิตถาม
"ความรัก ความทรงจำ ความตาย.. มันเป็นความรักของคนกับผีน่ะ ผู้หญิงคนนึงเข้ามาในงานเต้นรำ โดยพบกับชายหนุ่มคนนึงในงานเต้นรำ มันเหมือนรักแท้ แต่...อีกฝ่ายเป็น.."
"กิตว่าไม่เห็นเกี่ยวเลยนะครับ คนเราถ้ารักกันจริงๆ แม้แต่ความตายก็พรากเขาจากกันไม่ได้"กิตบอก
"นั่นสินะ.. กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด"ภูมิบอก
ทั้งคู่ทานข้าวอยู่ในห้องนอนของภูมิอย่างมีความสุขถ้าวันนึงภูมิรู้ว่ากิตติ์ดนัยตายไปแล้ว เขาจะรู้สึกยังไง..
วันเวลาผ่านไปนานหลายเดือน ในที่สุดพวกวินและชานนท์ก็ได้เข้ามหาลัย ซึ่งอีกไม่นานพวกเขาก็จะเปิดเรียนกันอีกไม่นานนี้ มอสกำลังเดินกลับจากมหาลัยหลังจากที่มายื่นเอกสารขอเรื่องทุนของมหาลัย
มอสกำลังนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ ที่มีนถมากมายขับผ่านไปมา มอสสังเกตุเห็นผู้ชายคนนึงที่ยืนรอรถเมล์อยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก สภาพเนื้อตัวของเขาดูโทรมราวกับไม่ใช่คนในเมือง
มอสกลัวว่าบุคคลนั้นจะเป็นคนบ้า เขาจึงไม่รอรถต่อ รีบกวักมือเรียกรถแท็กซี่ทันที
"ไป BTS ครับลุง"มอสเปิดประตูรถบอกคนขับ ก่อนที่จะเข้าไปนั่งในรถ
แท็กซี่ครับไปตามเส้นทางบนถนนเรื่อยๆ ภายในรถเงียบสงัด จนคนขับต้องชวนพูดคุย
"เรียนชั้นไหนแล้วหรอเรา"คนขับถาม
"เพิ่งเข้ามหาลัยครับอีกไม่นานก็เปิดเรียนแล้ว"มอสบอก
"แล้วอีกคนนึงล่ะ เรียนไหน"คนขับถามต่อ
"ใครหรอครับ"มอสมองคนขับอย่างแปลกใจ
"ก็เด็กผู้ชายที่นั่งข้างเราไง เห็นนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จาอะไรเลย เพื่อนเราหรอ"คนขับถาม
"ผมมาคนเดียวครับลุง ไม่ได้พาเพื่อนมาด้วย"มอสบอก
"ก็นี่ไงนั่งข้างๆ เราอยู่เนี่ย แต่ตัวโทรมๆ นั่งนิ่งๆ ว่าแต่ทำไมถึงโทรมจังล่ะ"คนขับยังคงมั่นใจ
มอสหันไปมองข้างๆ ตัวเขาที่มีแต่ความว่างเปล่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนขับเห็น...
"ไม่จริง..นายจะกลับมาอีกทำไม"มอสบ่นพรึมพรำ
"ห๊ะ....ห๊ะ..."คนขับตาโตเมื่อราวกับตกใยอะไรบางอย่าง
มอสมองไปที่คนขับที่กำลังหันมาไปมองถนนไม่ยอมมองกระจกหลังเหมือนเมื่อครู่ คนขับตัวสั่นหวาดกลัวกับอะไรบางอย่าง
"เป็นไรไปครับลุง"มอสถาม
"ปะ..ปะ...เปล่า"โชเฟอร์แท็กซี่เพิ่งเห็นกิตติ์ดนัยที่นั่งตาโตขาวโพลน เลือดไหลออกจากตา จ้องมองมาที่เขา
มอสค่อยๆ หันกลับไปมองเบาะข้างๆ ช้าๆ แต่เพียงแค่หางตาเขาก็รู้ว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ข้างๆ เขาจริงๆ มอสหันไปมองก็พบกิตติ์ดนัยนั่งอยู่ข้างๆ เขา
กิตติ์ดนัยหันควับมาทางมอส พร้อมกับแสยะยิ้มให้อย่างสยอง
"สวัสดี เพื่อนชั่ว ถึงเวลาตายของมึงแล้ว!!!"
"เฮ้ยยย!!!"มอสร้องโวยวาย ไม่แพ้โชเฟอร์คนขับ จนเขาต้องจอดรถและรีบลงจากรถหนีไป ทิ้งให้มอสเผชิญหย้ากับกิตติ์ดนัยสองต่อสอง
"อย่า...อย่าเข้ามานะ อย่านะ"มอสโวยวาย พยายามจะเปิดประตูรถหนีไป แต่ประตูรถกลับล็อกสนิททุกบาน
กิตติ์ดนัยเอื้อมมือมาบีบคอมอส เด็กหนุ่มพยายามดิ้นทุรนทุรายเพื่อหนีตาย มือก็พยายามปลดล็อคประตูรถ
"ได้เวลาที่มึงต้องตายแล้ว มึงไม่รอดมือกูแน่!"กิตติ์ดนัยพูด พร้อมกับบีบคอมอสแรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ
"อย่าฆ่าเราเลย เราไม่ได้อยากปล่อยให้นายตายจริงๆ นะ เราขอโทษ"มอสพูดทั้งๆ ที่พยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากมือของกิตติ์ดนัย
"ไม่ต้องมาอ้าง กูไม่เชื่อมึง มึงช่วยกูได้หลายที แต่มึงไม่คิดที่จะช่วยสักครั้ง ไอ้คนระยำ"
มอสเอื้อมมือปลดล็อคประตูรถสำเร็จ เขาพยายามดิ้นและผลักกิตติ์ดนัยออกสำเร็จ มอสรีบลงจากรถหนีไปทันที
กิตติ์ดนัยยืนมองมอสที่กำลังหนีตายจากเขา
"หนีไปเถอะ ครั้งหน้ากูไม่ปล่อยมึงแน่.."
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ