The Ancient Tales : The Awakening

-

เขียนโดย Zcret

วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.13 น.

  5 chapter
  0 วิจารณ์
  8,075 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 12.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) IN THE DEEP BLACK

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

          เศษฝุ่นจากหินผาลอยคลุ้งกระจัดกระจายบดบังทัศนวิสัย พร้อมกับเสียงพูดคุยจอแจที่สะท้อนทั่วผนังหินอย่างไม่ขาดสาย กลุ่มดรอว์ฟนับร้อยชีวิตต่างยืนเบียดเสียดแออัดกันอย่างหนาแน่น ถึงแม้จะเป็นเวลาค่ำคืนดึกดื่นแต่สำหรับย่านคาร์ฮาม ตลาดมืดอัญมณีแห่งโวแรมก็ไม่เคยหลับใหล คาร์ฮาม คือสถาณที่ที่คุณสามารถตามหา อัญมณี เพชร พลอย หรือศิลามีค่าได้เกือบแทบทุกชนิด หากแต่คุณมีเงินทุนมากพอและผู้เชี่ยวชาญสักคนหนึ่งเพื่อที่จะบอกคุณได้ว่า อัญมณีเหล่านั้นเป็นของจริงหรือของปลอม

 

 

          โวแรมมีรายงาน อาชญากรรมเกือบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและแทบจะทุกๆวันในสัปดาห์ โดยคดีส่วนใหญ่ก็คงไม่พ้นการลักเล็กขโมยน้อย หรือบางครั้งอาจลุกลามไปจนถึงทำร้ายร่างกาย ก็แน่ล่ะก็เป็นเพราะปัญหาการแบ่งชนชั้นที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ระหว่าง ลอร์ดดอรว์ฟ และ คอมมอนครอว์ฟ เหล่าคอมมอนดอรว์ฟ หรือ ดรอว์ฟสามัญที่ยากจนต้องต่อสู้ปากกัดตีนถีบทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ตนและ ครอบครัวร่ำรวยมีเงินทอง หรืออาจจะแค่พอมีชีวิตอยู่รอดอยู่ต่อไปให้ได้

 

 

          ปัญหาความยากจนของดรอว์ฟอาจเกิดจากการที่เผ่าพันธุ์ดรอว์ฟตัดขาดจากโลกภายนอก เกือบร้อยเปอร์เซนต์ จะมีก็แต่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนหนึ่งที่ตัดสินออกจากเมืองสู่โลกภายนอก ติดต่อทำการค้าและแวะเวียนกลับเข้ามาบ้างเนระยะ แต่ก็จะถูกกล่าวหาจากครอว์ฟภายในโวแรมว่า พวกนอกรีต ส่วนใหญ่จึงยากจนอยู่ในนครโวแรม ขนบธรรมเนียมความเป็นอยู่จึงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากบรรพบุรุษของพวกเขา ดรอว์ฟรู้สึกอุ่นใจที่จะอยู่ในเมืองของตนและขุดหาอัญมณีที่พวกเขาโปรดปราน แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่รับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก ทางราชวงค์ดรอว์ฟได้มีการส่งสายสืบในคราปพ่อค้าแม่ค้ามากมายปะปนกระจัด กระจายไปทั่วเซดัสห์

 

 

          “เอ้า!! มีงานด่วนนนนนนนน” เสียงของดรอว์ฟตนหนึ่งตะโกนขึ้น เขาแปลกจากตนอื่นๆในคาร์ฮามแห่งนี้ ดูจากเสื้อผ้าที่ฝุ่นยังไม่จับมากนัก และเนื้อตัวที่สะอาดสะอ้านกว่าดรอว์ฟตนอื่นๆ ชายร่างสั้นตัวหนาลงพุงในชุดสีแดงเลือดหมู ลูบเครารุงรังใต้คางของตนพร้อมทั้งยิ้มเห็นฟันสีเหลืองซี่โตเรียงเป็นแถว

 

 

“ฮาร์ฟร็อค ต้องการแรงงานฝีมือดี ร่วมขบวนขุดเจาะเขตเหมืองทางใต้ ในคืนพรุ่งนี้ !! ”

 

 

          เขาหยุดเว้นช่วง พลางมองบรรยากาศรอบๆกายของตนที่เขาดึงความสนใจมาได้

 

 

“ค่าแรงดี ดีมากพอที่จะทำให้พวกเจ้าทุกคนกินอิ่มไปอีกนาน !!”

 

 

          สิ้นเสียงตะโกนเหล่าดรอว์ฟในคาห์ฮามต่างพากันกรูเข้ามาเขาอย่างรวดเร็ว บางตนถึงกับถูกชนล้มลงไปนอนกับพื้น ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือเด็กพวกเขาไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมขบวนขุดเจาะแม้ แต้น้อย ไม่รู้ว่าจะมีความเสี่ยงแค่ไหน ค่าแรงมากน้อยเพียงใด คุ้มหรือไม่คุ้มรึเปล่า พวกเขาเพียงต้องการเข้ามาให้เร็วที่สุด เผื่อว่าชายคนนั้นจะประกาศปิดรับสมัครงานไปเสียก่อน ถ้าหากตัดสินใจช้าไปล่ะก็ พวกเขาจะไม่ได้อะไรเลย

 

 

          ผู้ป่าวประกาศเผยยิ้มตรงมุมปาก เขารู้อยู่แล้วว่าเขาสามารถหาแรงงานจำนานมากและราคาถูกได้จากที่ไหน ว่าแล้วลูกน้องอีกสามตนของเขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับสมุดเล่มหนาเตอะ พวกเขาวางมันลงตนโต้ะศิลาและจัดเรียงแถวของผู้สมัครให้เป็นระเบียบ ไม่นานนักสมุดเล่มหนาก็เต็มไปด้วยนามของเหล่าดรอว์ฟที่สมัครเข้าทำงาน “เอาล่ะ !! ขบวนจะออกเดินทางพรุ่งนี้ เก้าโมงเช้า ณ ลาน อาร์คร็อค !! ” พวกนายจ้างเก็บสมุดพร้อมกับนัดแนะเวลาออกเดินทาง “ใครมาสาย ถูกหักค่าแรง !!” เขาฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนที่ร่างของนายจ้างทั้งสามจะเดินออกจากเขตคาร์ฮามไป

 

 

          เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงแสงอาทิตย์ได้ลอดผ่านช่องหินบนผนังถ้ำที่ถูกเจาะเอาไว้ เป็นกลไกลธรรมาชาติที่ดรอว์ฟ นำมาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องเตือนเวลาแบบคราวๆ พวกเขาได้เจาะผนังถ้ำเอาไว้และรอเมื่อมีแสงลอดผ่านเข้ามา นั้นแสดงว่าเป็นเวลากลางวันแล้วนั้นเอง เหล่าดรอว์ฟที่ลงชื่อสมัครงานไว้ต่างทยอยเก็บข้าวของที่จำเป็นลงกระเป๋า บางครอบครัวก็ล่ำลากันก่อนที่จะออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ จัตุรัสอาร์คร็อค นัยต์ตาสีหม่นของพวกเขานั้นไม่มีวี่แววของความสุขเลย ถึงแม้งานที่พวกเขากำลังจะเริ่มนั้นให้ค่าแรงมากก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะต้องไปเจอกับอะไรบ้างในเขตเหมืองทางใต้ เขตที่มีคนเหมืองเข้าไปทำงานมากที่สุด และกลับออกมาน้อยที่สุด

 

 

          ไม่นานนักบนทางเดินช่องหินของดรอว์ฟ เหล่าคนงานก็มาถึงจัตุรัสอาร์คร็อคภายในไม่กี่ชั่วโมง จัตุรัสอาร์คร็อคคือสถาณที่ทรงสี่เหลี่ยมกว้าง ตรงกลางปรากฏปฎิมากรรมศิลาขนาดยักษ์ รูปร่างโค้งเรียวคล้ายจันทร์เสี้ยว ความสูงของอาร์คร็อคสูงราวๆเจ็ดเมตร และกว้างเกือบจะเท่าๆกัน ถือเป็นงานศิลปะของครอว์ฟที่หรูหราและอลังการมากเลยทีเดียว บรรยากาศ ณ จัตุรัสก็แตกต่างจากตลาดมืดคาร์ฮาม อากาศสะอาดสดชื้น เศษฝุ่นที่มีมากในย่านสลัมได้จางหายไป ไร้เสียงดังจอแจของเหล่าพ่อค่าแม่ค้า บริเวณรอบๆก็สะอาดสะอ้าน เริ่มมีดรอว์ฟที่แต่งตัวดูมีภูมิฐานให้เห็น แน่นอนจัตุรัสอาร์คร็อคนับเป็นเขตเชื่อมต่อระหว่างลอร์ดดรอว์ฟและคอมม่อนดรอว์ฟนั้นเอง

 

 

“พวกเจ้าทั้งหมดนั้น รีบมาจัดแถวตรงนี้ !!”

 

          กลุ่มนายจ้างเริ่มการตรวจสอบรายชื่อ พวกเขาจัดเรียงแถวแรงงานให้เป็นขบวน แบ่งออกเป็นสามขบวน ขบวนล่ะห้าแถว แถวล่ะหกคน

 

“เจ้า !! มารับของทางนี้”

 

          แต่ละขบวนจะได้รับอุปกรณ์สำหรับการขุดเจาะและเต้นท์สำหรับการค้างคืน และยังมีอาหารให้อีกด้วย แต่อาหารก็ไม่ได้เลิศหรูมากนักหรอก เป็นพืชตระกูลถั่ว ขนมปัง และน้ำซะส่วนใหญ่ จะมีเนื้อสัตว์บ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย ถ้าเทียบหนึ่งวันก็ได้กินเนื้อสัตว์เพียงพอแค่หนึ่งมื้อสำหรับดรอว์ฟหนึ่งตน แต่นั้นก็มากพอสำหรับคนงานบางคนที่เขาเคยได้กินในแต่ละวันด้วยซ้ำ

 

 

“เอาล่ะพวกเราจะออกเดินทางกันแล้ว !! ”

 

 

          เมื่อจัดขบวนและแจกอุปกรณ์กันเรียบร้อย กลุ่มนักขุดเจาะก็เริ่มออกเดินทาง

 

 

 

1 เดือนผ่านไป

 

 

          ประตูศิลาแผ่นหนาถูกเปิดออก ดรอว์ฟในเครื่องแบบทหารสองนายหิ้วปีกของร่างโทรมเข้ามาอย่างเร่งรีบ พวกเขานำร่างสบักสบอมเคลื่อนไปบนพื้นพรมหรูหราในห้องโถงศิลาขนาดใหญ่ ทำเอาเหล่าลอร์ดดรอว์ฟที่อยุ่ภายในที่แห่งนั้นหันมามองด้วยความประหลาดใจ สองนายทหารที่ดูเร่งรีบปล่อยร่างที่พวกเขานำมานั้นลงตรงหน้าบัลลังค์ ก่อนที่พวกเขาจะถอดหมวกเหล็กของทหารและคุกเข่าลงต่อหน้าราชา “พูดสิ่งที่เจ้าพบออกมา” นายทหารคนหนึ่งใช้ศอกกระแทกไปยังร่างที่ดูเหมือนคนเสียสติ ร่างนั้นนอนทรุดอยู่กับพื้น เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยเศษหินเศษกรวด นัยต์ตาเขาเบิกโผลงและกรอกไปมา ปากสั่น มือสั่น ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวหวาดระแวงอะไรบาง ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดอะไรบ้างอย่างออกมา

 

 

“ด ด ….เดมอนิค…ด..เดมอนิค..”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

          อีกฟากฝั่งของเซดัสห์  บนทางเดินอันลาดชันในยามค่ำคืนบรรยากาศหนาวเย็นขั้นติดลบ เปลวไฟบนคบเพลิงถูกสายลมเย็นเยือกปะทะจนริบหรี่ หันมองไปทางไหนก็พบเห็นเเต่เทือกเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน เเละ ก้อนน้ำเเข็งขนาดน้อยใหญ่บนเเหล่งน้ำที่ไหลผ่านตีนเขา เลยผ่านเส้นทางอันลาดชันปรากฎกำเเพงเมืองสูงตระหงาน บรรยากาศมืดสนิท มีเพียงเเสงสว่างที่ลอดผ่อนจากครัวเรือน เเละคบเพลิงของทหารเวรยามที่ทำให้มองเห็นอะไรได้บ้าง  

 

 

"พวกเมย์ทรอน เหยาะเเหยะ พวกมันไม่สำควรจะครอบครอง เซดัสห์ " 

 

 

        ต้นเสียงอันเเข็งกราวเป็นของชายรายสูงใหญ่ ผมบลอนด์หนวดเครายาวที่เเทบจะถักเปียได้ ร่างนั้นยืนอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มชายร่างสูงใหญ่อีกกว่าร้อยชีวิต กลุ่มชาว นอร์ ชนเผ่าพื้นเมืองทางเขตเหนือของเซดัสห์ ด้วยร่างกายสูงใหญ่กำยำ เเละความเขี่ยวชาญชำนาญด้านการศึก พวกเขาถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดนักรบ กองทหารที่โหดเหี้ยมที่ในเซดัสห์

 

 

เดอะพเลกสิ้นสุดลงเพราะนักรบนอร์

       มนุษย์จึงสามารถเอาชนะสงครามได้ เพราะพวกเราชาวนอร์ ” 

 

 

          ชายด้านหน้ากล่าวเสียงแข็งอีกครั้ง

          เขากระแทกเสียงอย่างดุดันทำเอาขนลุกกันเลยทีเดียว

 

 

“ เเต่พวกเมย์ทรอน กับได้ครองเซดัสห์ !!? "      

 

 

          ชายอีกคนกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเอาเรื่อง ในมือของเขาชูขวานขึ้นในขณะที่พูด เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อของท่อนเเขนเเละหัวไหล่ที่กำลังบีดรัดเข้าหากัน นี้เป็นการปลุกระดับกองกำลังกบฏชาวนอร์ พวกเขาคิดที่จะล้มล้างชาวเมย์ทรอนที่ปกครองเซดัสห์ กลุ่มกบฏนอร์อาวุธครบมือเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบ เป้าหมายของพวกเขาคือค่ายทหารของเมย์ทรอน ที่ประจำอยู่ในนอร์ อาวุธของนักรบนอร์ส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่ใช้ทุบตีสร้างเเรงกระเเทก เช่น ค้อน กระบอง คทา หากเป็นของมีคมก็จะเป็น ขวาน 

 

 

"อากาศมันหนาวจริงๆเลย ไม่รู้พวกนอร์มันทนกันไปได้ยังไง"

 

          ทหารเมย์ทรอนพูดขึ้น  

 

"เสื้อหนังสัตว์ของพวกมันคงอุ่นละมั้ง" 

 

 

       ทหารยามอีกคนที่กำลังเข้ามาเเลกเวรกันพูดขึ้น ทหารเมย์ทรอนสวมชุดเกราะที่มีน้ำหนักเบาสะดวกในการเคลื่อนไหว มากกว่าจะสวมชุดเกราะหนักๆ  ชุดเกราะหรือเครื่องเเบบของเมย์ทรอนเป็นเเผ่นโลหะสีทองบางๆเเละหนังสัตว์ซะส่วนใหญ่ 

 

 

ฟิ้วว ฉึก !!!     

 

 

            เสียงของโลหะปลายเเหลมเล็กพุ่งทะลุเเผ่นโลหะเเละหนังสัตว์  ของเหลวสีเเดงสดกระฉูดออกจากกลางอกนายทหารเมย์ทรอน นายทหารอีกคนชักดาบที่เหน็บข้างเอวขึ้น มืออีกข้างยกโลห์ทรงคริสตอลตั้งกำบัง เขาย่อตัวลงปกปิดช่องว่างของร่างกาย ก่อนที่จะสืบเท้าอย่างระมัดระวังมุ่งตรงสู่ระฆังบนสุดทางเดิน หวังที่จะลั้นระฆังเเจ้งทหารเวรยามทั้งหมด 

 

 

ตุบ !! อั้กก 

 

        คทาเหล็กฟาดลงท้ายทอยของทหารเมย์ทรอนจากด้านหลัง กบฎนอร์ดึงความสนใจด้วยธนูเพื่อให้เพื่อนเข้าประชิดได้ง่ายขึ้น เหล่ากบฎกลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้าบุกโจมตีการ์ดบนหอคอยโดยไม่ได้ตั้งตัว เพียงไม่กี่นาทีการ์ดเมย์ทรอนที่เดินราดตระเวณบนหอเฝ้าระวังก็ถูกเก็บจนหมด  กลุ่มกบฏสามารถเข้าประจำที่เหนือกำเเพงเมืองได้สำเร็จ  

 

"ระดมพล !! ระดมพล !!” 

 

 

        ดูเหมื่อนการลอบสังหารจะเป็นงานที่นอร์ไม่ถนัด การยืนอยู่บนกำเเพงอย่างไม่ระมัดระวังทำให้พวกกบฏถูกการ์ดเห็นอย่างงายดาย การ์ดเมย์ทรอนเคลื่อนด้วยอย่างรวดเร็วออกจากค่ายพัก เเละกระจายกำลังคลุมพื้นที่ได้สำเร็จในเวลาสั้นๆ เผยให้เห็นความชำนาญที่ฝึกฝนมา กบฎนอร์ไม่รอช้าพวกเขาเปิดฉากเข้าจู่โจมทันที       

 

           ทหารเมย์ทรอนเรียงสี่เเถวชิดติดกัน คนที่อยู่ด้านหน้าสุดเเละปลายเเถวของด้านข้างเเละด้านหลัง ตั้งการ์ดโล่โลหะทรงคริสตอลของตนขึ้น  พวกเขาย่อตัวลงพร้อมทั้งสอดคมหอกยาวยื่นออกมา ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนเข้าหากลุ่มกบฏอย่างพร้อมเพียง

 

ย่าาห์ !! เกร๊ง !!      

 

          เสียงค้อนเหล็กกระเเทกกับโล่ห์ของหนาทหารเมย์ทรอนทำเอาจนเสียหลักถอยหลัง เเต่นายทหารคนด้านหลังก็ช่วยส่งเเรงพลักด้วยโล่ส่งเขากลับเข้าขบวน ตามด้วยการกระเเทกด้วยโล่ก่อนที่จะเเทงคมหอกสวนกลับอย่างพร้อมเพรียง  

 

 

ฉึก ! ฉึก !  ฉึก !!!        

 

 

          ร่างหนาของกบฎสามคนล้มลมทันทีที่ถูกเสียบตรงกลางอก ขบวนการ์ดก้าวเท้าอย่างมั่นคงเดินหน้ากระเเทกด้วยโล่พร้อมจ้วงเเทงหอกเป็นจังหวะ ด้วยขบวนรบของการ์ดกบฏจึงร้นถอยและแตกกลุ่มกระจัดกระจาย 

 

 

          อีกด้านหนึ่งของเหตุการณ์ ขบวนรบของทหารเมย์ทรอนถูกทำลายด้วยกบฏนอร์ร่างสูงใหญ่ที่มาพร้อมกับขวานสองมือ เขาเหวี่ยงมันด้วยกำลัง ซัดปลายหอกจนหัก ก่อนที่จะจามคมขวานลงอย่างรุนเเรงในจังหวะต่อเนื่องบนหัวของการ์ดคนหนึ่ง  

 

 ฉึก!!!!       

 

          การ์ดเมย์ทรอนร่วงลงพื้นทันที และเมื่อขบวนมีช่องโหว่ทำให้กบฏคนอื่นๆที่พุ่งตามเข้ามาติดๆ สามารถเข้าโจมตีได้ง่ายขึ้น ถึงแม้เหล่าการ์ดจะพยายามรักษาขบวนแถวด้วยการลากคนเจ็บลงมาและแทนที่ด้วยคนใหม่เพื่ออุดช่องโหว่ของขบวน แต่การเสียขบวนเมื่อครู่ทำให้เสียทหารไปหลายนาย 

 

 

       ไม่ทันไรลูกธนูนับสิบก็พุ่งเสียบร่างกบฏจนล้มลง ถึงแม้นักรบนอร์จะสวมชุดเกราะหนาแต่ด้วยลูกธนูดัดแปลงของชาวเมย์ทรอนก็สามารถเจาะทะลวงได้สบายๆ เช่นเดียวกับคมหอกและดาบของพวกเขาที่มีความคมและแข็งแกร่งเป็นพิเศษ เป็นหนึ่งในจุดเด่นของทหารเมย์ทรอน กลุ่มกบฏที่รอดจากธนูรีบก้มลงต่ำเเละถอยหาที่กำบังทันที พวกเขาดึงลูกธนูออกจากร่างของตนด้วยมือเปล่าอย่าบ้าเลือด  ลูงธนูของเมย์ทรอนดีจริงแต่มันก็เจาะเกราะไม่ได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เกราะหนาของนอร์ก็ยังช่วยลดความลึกของลูกธนูได้อยู่บ้าง

 

 

       พลธนูของการ์ดเมย์ทรอนเตรียมยิงอีกครั้ง ในขณะที่ขบวนการ์ดอีกขบวนกำลังวิ่งเข้ามา พวกที่หลบหลังที่กำบังไม่สามารถกลับออกทางเดิมเพราะมีพลธนูดักรออยู่ ส่วนทางออกอีกด้านก็มีกลุ่มการ์ดเมย์ทรอนกลุ่มใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา กบฏคนหนึ่งลากเอาเกวียนออกมา และใช้มันเป็นเครื่องกำบังลูกธนู พวกเขาหลบหลังเกวียนในขณะที่กำลังเคลื่อนที่

 

 

ครึก !!!

 

 

        ค้อนขนาดใหญ่เหวี่ยงอย่างรุนแรงเข้าที่หัวของมือธนูเมย์ทรอน ชาวนอร์อีกกลุ่มเข้าโจมตีจากด้านหลังของแนวพลธนู ร่างสูงใหญ่เหวี่ยงอาวุธในมืออย่างบ้าคลั่งโดยที่ไม่ให้ศัตรูตั้งตัว ไม่กี่วินาทีร่างของพลธนูเมย์ทรอนก็กลายเป็นศพบาดแผลกรรจ์กองอยู่บนพื้น

 

 

“ บุกเข้าไป !!!”   

 

 

          พวกกบฏโห่ร้องพร้อมตะโกนส่งเสียงดังก้องไปทั่วเมือง ตามด้วยเสียงของโอดครวญจากความเจ็บบวด และเสียงของอาวุธที่ปะทะกันตลอดทั้งคืน เหตุการณ์กบฏกินเวลาไปเกือบสามชั่วโมง กองกำลังทหารเมย์ทรอนถูกไล่สังหารและต้อนจนมุม พวกเขาถูกล้อมด้วยกำลังกบฎและถูกจับเป็นนักโทษภายในเมืองนอร์         

 

 

          เเสงสว่างจากกองเพลิงลุกโชน สายลมหนาวได้พัดผ่านเข้ามา นำเอาไอเย็นที่ปะปนกับกลิ่นคาวเลือดเเละกลิ่นไหม้ส่งผ่านไปทั่วเมือง ทางเดินหินที่เคยถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวถูกละเลงด้วยโลหิตของทหารชาวเมย์ทรอน ของเหลวสีเเดงสดไหลนองทั่วทุกซอกมุมของนอร์ หลายครัวเรือนตื่นขึ้นกลางดึกบ้างก็หยิบจับอาวุธเเละเข้าร่วมกับกลุ่มกบฐ บ้างก็หลบอยู่ในบ้านด้วยความหวาดกลัว  

 

 

 “กอตแล็ก จะเอายังไงกับตัวหัวหน้า”  หนึ่งในกลุ่มกบฏถาม

 

 

       ชายร่างสูงใหญ่สวมหมวกที่มีเขาสองข้างหันกลับมาทางต้นเสียง ชุดเกราะของเขาเต็มไปด้วยรอยคมหอก ดาบและคราบเลือดสดๆ มือหนาถอดหมวกรบที่ตนสวมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยบ่งบอกถึงอายุ เรือนผมสีบลอนด์ยาวประบ่า หนวดเคราหนารอบปากและคาง นัยต์ตาสีฟ้าเข้ม เขาเดินตรงไปยังนายทหารเมย์ทรอนนายหนึ่งที่ถูกคุมตัวอยู่ 

 

 

 “กลับไปเมย์ทรอน บอกกับ เบรทิส ” 

 

 “ราชา !! เบรทิส ทาฟิออน !!! ”    

 

นายทหารเมย์ทรอนตะคอกสวนกลับมา

 

 

 ผวัะ !!!   

 

          เขาถูกชกเข้าที่ปากเต็มๆ ก่อนที่จะถูกบีบที่คอและยกขึ้นด้วยมือและแขนข้างเดียว

 

 

ชาวนอร์สมควรที่จะได้ครองเซดัสห์”  

 

 

          สิ้นเสียงของกอตแล็กผู้นำกลุ่มกบฏ เขาเหวี่ยงร่างนายกองเมย์ทรอนลงกับพื้นทันที ก่อนที่จะหันหลังกลับและออกคำสั่งอีกครั้ง

 

“ฆ่าที่เหลือให้หมด....”

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา