เมื่อหุ่นยนต์อย่างผมเข้าโรงเรียนมนุษย์!

9.0

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.22 น.

  5 chapter
  1 วิจารณ์
  7,478 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) วันแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


◊ ◊ ◊

 

[มุมมองของเฟลิกซ์]

[06:21] [06/04/2055]

[Area TH-7 เขตกลาง, โซนปลอดภัย, บ้านเดซี่]

เฟลิกซ์หน่าเฟลิกซ์

ทำไมชีวิตของเธอดวงกุดเผลอเข้าเกี่ยวข้ององค์กรทั้งสองนั้นด้วย...

ไฮเทคอัพเปอร์กับเวิลด์เจเนรัล

หนึ่งเอกชนที่มีอิทธิพลด้านเทคโนโลยีและอาวุธกับหนึ่งกองกำลังที่เป็นผู้ชนะสงครามโลกที่สามที่ปกครองโลกใบนี้มากกว่าห้าสิบปี

ถ้าไม่เผอิญพลาดท่าเข้าตู้แช่แข็งในวันนั้น องค์กรทั้งสองก็เข้ามาวุ่นวายกับฉันอยู่ดี

เพราะว่าสิ่งที่ติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิดคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ

แต่ฉันไม่มีวันยอมให้พวกเขาแปรสภาพเป็นอาวุธมหาประลัยนั่นเด็ดขาด

แม้ตัวฉันเองที่ได้พีทูหรือพลังจิตอันมหาศาลมาครอบครอง ยังหวั่นใจว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายคนรอบข้างและตัวเอง

ถ้าพวกเขาถึงจะใช้กำลัง...อ่า ไม่สิ พวกเขาเคยใช้มันแล้วด้วย ผลก็คือพินาศยับเหยิน

ฉันทำคนตายมากมายใน Area RU และเป็นครั้งแรกที่ตายเพราะพีทูของฉันเอง

ยังจำวันนั่นได้ดี ตัวฉันสั่นสะท้านกับสิ่งที่ตัวเองทำไป...แต่ด้วยนิสัยปากดีเลยออกตัวขู่ว่าจะทำแบบนั้นอีก ถ้ายังเข้ามาวุ่นวาย

ผลก็คือพวกนั้นแทบจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพีทูของฉันอีกเลย

แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ฉันทำอยู่ทำให้ต้องข้องแวะเกี่ยวบ้าง แต่จะไม่มีการพูดถึงพีทู

ภาพผู้คนที่สถาบันวิจัยนั่นที่ถูกลำแสงหลอมละลายจากตัวฉัน ยังติดตาอยู่ถึงทุกวันนี้

แม้ขอย้ายหนีมาทำงานที่ Area TH-7 หลังเกิดเรื่องที่เกาะดิไวน์แล้วก็ตาม มันก็ยังคงหลอกหลอนอยู่เรื่อย

แต่ชักจะชินแล้ว...และเริ่มคิดได้ว่า ดีขนาดไหนแล้วที่ฉันเป็นคนครอบครองพลังนั่น

ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็...

เฮ้อ...คิดไปก็เท่านั้น เอาเบียร์ในตู้เย็นเพิ่มดีกว่า

[มุมมองของแอลเจียร์]

เป็นเช้าที่ไม่เหมือนวันก่อนๆ

หากเป็นที่ค่าย ผมก็จะลุกขึ้นมาเช็คร่างกายให้พร้อมเพรียงเพื่อที่จะเตรียมตัวฝึกตามโปรแกรมของทางค่ายที่จัดไว้

แต่นี้ต้องลุกขึ้นมาจัดแจงตัวเองให้สะอาด ใส่ชุดนักเรียนชายสีเขียวขาวของโรงเรียนซิสเซลที่อยู่ห่างออกไปสามร้อยเมตร

อืม...เพิ่งได้ส่องกระจกดูตัวเองเวลาอยู่ในชุดนี้...

ก็พอใช้ได้

ถ้าแขนเสื้อสั้นๆ หน่อยจะดีมาก

และผมก็เดินลงจากชั้นสองไปเพื่อที่จะทานอาหารเช้า โดยเดซี่อาสาเป็นแม่ครัวให้ทุกวัน

แต่ในครัวกลับว่างเปล่า ไม่มีร่างเดซี่อยู่ มีแต่คุณเฟลิกซ์ที่เพิ่งหยิบเบียร์ออกจากตู้เย็น

“หือ? แอล...มาหาอะไรกินใช่ไหม?”

“ใช่ครับ...เห็นเดซี่ไหมครับ?”

“เดซี่...อ๋อ ฉันเดินเข้าห้องเอาของเห็นนอนหลับอยู่นะ”

พอผมได้ยินแบบนั้นก็เอามือเกยหน้าผากตัวเอง

ผมลืมไปว่าเดซี่ค่อนข้างซี่เซ้า...ก็ว่าอยู่ ตอนที่ได้ยินว่าเธอจะอาสาเป็นแม่ครัว มันแปลกๆ

ในตู้เย็นคงมีของกินบ้างล่ะน่ะ

พอผมเดินไปเปิดตู้เย็นต่อจากคุณเฟลิกซ์ พบว่ามีแต่น้ำและของสด คุณเฟลิกซ์ที่ซดเบียร์อยู่หันมาเห็นผมกำลังขุ้ยตู้เย็นเลยถาม

“นาย...ถ้าทำอาหารไม่เป็น ในตู้นั้นไม่มีของที่กินได้เลยหรอกนะ...เออ...ว่าแต่เรพลอยด์นี่ กินอาหารมนุษย์ได้หรือ?”

“ก็ได้ล่ะครับ พอเข้าไปในปากผมมันก็จะถูกย่อยด้วยกระบวนการภายในแล้วแปลงเป็นพลังงานระดับที่สองครับ...อยากจะรู้ไหมครับว่าเรพลอยด์มีพลังงาน...”

“พอๆ ยังไม่อยากฟังตอนนี้นะ” เฟลิกซ์ทำหน้าเซ็ง “ทั้งคืนที่ฉันเข้าเวรเพิ่งโดนหัวหน้าอัดงานให้ไม่ยั้ง นี่เพิ่งกลับมาเนี่ย...อ๊า! ดื่มเบียร์หลังทำงานเสร็จนี่มันชื่นใจจริงๆ”

“สงสัยวันหลังผมต้องนั่งอัพโหลดวิธีการทำอาหารแล้วล่ะครับ แต่ถึงอย่างงั้นต้องฝึกปฏิบัติอีกร้อยรอบกว่าจะทำได้แน่ๆ”

“งืม...ฉันอยากได้พ่อครัวอยู่พอดี แต่วันนี้นายไปหาอะไรกินข้างนอกแทนก่อน”

“แล้วคุณเฟลิกซ์ทำอาหารไม่เป็นเหรอครับ”

คำถามนั่นทำให้เบียร์ที่เธอดื่มอยู่พุ่งออกมา

“เป็นโว้ย! แต่...ฉันขี้เกียจ จบไหม?”

“เอ่อ...จบก็จบครับ ฮ่าๆ”

ที่ผมยอมจบเพราะกลัวจะโดนลูกถีบเมื่อวานนี้อีกรอบ ผมหยิบกระเป๋าที่เอาลงมาแล้วเตรียมออกจากบ้าน แต่ถูกเฟลิกซ์ที่หมุนแขนซ้ายเล่นทักก่อนไป

“นี่...แอล...วันหลังไม่ต้องเรียกชื่อฉันเต็มๆ ก็ได้”

“งั้นเหรอครับ..งืม...เจ๊ได้ไหมครับ”

คำที่ผมเรียกนั่นทำให้เฟลิกซ์หน้านิ่งไปชั่วครู่ ผมเห็นว่าหล่อนไม่ตอบอะไรเลยบอกลาก่อนออกจากบ้าน

“งั้นผมไปก่อนนะครับ”

[มุมมองของเฟลิกซ์]

หลังจากที่แอลเจียร์ออกจากบ้านไป เธอที่เพิ่งละลายจากการเป็นหินเพราะคำพูดของแอลเจียร์เดินไปห้องน้ำส่องหน้าหาตีนกา

“ก็ยัง...มีไม่เยอะหน่า”

เจ้าตัวส่องแล้วส่องอีกจนเดซี่เดินลงมาในสภาพเพิ่งตื่น เธอหันเขย่าตัวเดซี่แล้วถาม

ฉันยังไม่แก่ใช่ไหม!?”

 

◊ ◊ ◊

 

[06:58] [06/04/2055]

น้ำส้มซันซายน์กับขนมปังเนยถั่ว...คงจะพอแล้วล่ะมั้ง

ตอนนี้ผมเพิ่งเดินออกจากร้านสะดวกซื้อระหว่างทางไปโรงเรียน และน่าจะได้กินของที่เพิ่งซื้อมาให้อิ่มท้อง ถ้าไม่ใช่มีใครบางคนเดินไม่ดูตาม้าตาเรือชนผมจนขนมปังเนยถั่วร่วงลงไปกับพื้น เลยมองหน้าคนที่ทำให้เป็นแบบนั้น...

ผู้หญิงผมทองยาวเลยติ่งหูเล็กน้อยดัดลอนใส่แว่นตาเซฟตี้สีใสกรอบใหญ่ที่กำลังฉายของข้อมูลบางอย่างบนเลนส์ซ้าย ก่อนที่จะถูกปิดลงไปเผยให้เห็นนัยน์ตาสีม่วงที่สั่นคลอตกใจกับการกระทำของตนเอง เธอก้มหัวลง

“ขออภัยด้วยคะ! อุ้ย! ขนมปังของคุณ...”

“อ่า...ไม่เป็นไรครับ” ผมก้มหยิบขนมปังที่หล่นทิ้งถังขยะ

“ไม่ได้คะ! เดี๋ยวฉัน...” สาวผมทองล้วงมือลงในเป๋สีดำที่สะพายหลัง เธอยืมขนมปังใส่สลัดผักที่ห่อพลาสติกอย่างดียื่นให้ “โปรดรับของสิ่งนี้เป็นการขอโทษด้วยคะ!”

ผมรับของจากเธออย่างช่วยไม่ได้และไม่อยากจะรับมากนักเพราะไม่ค่อยชอบผัก แต่แล้วผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอใส่ชุดนักเรียนสีขาวเขียวซึ่งเป็นของโรงเรียนซิสเซลเลยถาม

“อ้าว? นี่เธอก็อยู่โรงเรียนซิสเซลเหมือนกันใช่ไหมครับ?”

“หือ? อ๋อ! ขออภัยด้วยคะ! รุ่นพี่! เพิ่งเห็นว่าอยู่โรงเรียนเดียวกันก็เลย...”

“ผมอยู่ปีหนึ่ง”

“ห๊ะ? ขออภัยด้วยคะ! ที่เข้าใจผิด ฉันชื่อโนวแวร์...แล้วคุณชื่อ...”

ป๊าง!

มีวัตถุทรงกลมสีขาวคาดดำบินเข้ากระแทกศีรษะข้างหลังของสาวผมทองจนหน้าคว่ำลงกับพื้นไป เธอร้องครวญครางก่อนที่จะลุกมาตวาดใส่ลูกบอลที่ลอยเข้าหัวเธอ

“แมทวัน! ไหงแกทำแบบนี้! จะฆ่าฉันใช่ไหม!”

“ขออภัยด้วยครับ! เพิ่งชาร์จเสร็จเลยรีบบินตามนายหญิงมา แต่บินเร็วมากไปหน่อยเลยเบรกไม่ทันครับ”

ผมเห็นการทะเลาะกันระหว่างมนุษย์สาวและแอนดรอยด์แล้วอยากเดินถอยหนี จะว่าไปแอนดรอย์ที่เป็นหุ่นยนต์รับใช้มนุษย์ขนาดเล็กๆ นี่เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่มนุษย์มาหลายปีแล้ว แต่นึกๆ ไปก็แอบสงสารเหล่าแอนดรอยด์ที่ปฏิเสธคำสั่งมนุษย์ไม่ได้ ถึงแม้จะมีความคิดเป็นของตนเองในระดับหนึ่ง

ว่าแต่การพุ่งเข้าชนหัวเจ้านายตัวเองนี่มัน...บัคหรือไง?

“ข้ออ้าง!” สาวผมทองสบถใส่ก่อนที่จะรู้ตัวว่าผมมองอยู่ “อ่า...ตะกี้ไม่ใช่ตัวตนของฉันนะ...”

“นายหญิงครับ...อีกสิบห้านาทีโรงเรียนจะเริ่มสอนแล้วนะครับ”

“เอ๋! แย่ล่ะ วันแรกจะสายไม่ได้...ขอตัวก่อนนะคะ!” สาวผมทองวิ่งผ่านผมไปพร้อมกับแอนดรอย์ของเธอ

เหลืออีกสิบห้านาทีโรงเรียนเริ่มสอน?

เฮ้ย!

พอผมรู้ตัวก็ออกตัววิ่งกินของที่อยู่ในมือทั้งสองไปด้วย ขณะในใจของเขาก็งุนงงกับเรื่องที่คาดไว้ไม่ถึง

ทำไมชีวิตนักเรียนมันไม่เห็นจะเหมือนในซี่รีย์กับมังงะเลย?

 

◊ ◊ ◊

 

[07:21] [06/04/2055]

[Area TH-7 เขตกลาง, โซนปลอดภัย, โรงเรียนมัธยมปลายซิสเซล]

“อรุณสวัสดิ์จ้า! นักเรียนทุกๆ คน”

“สวัสดีคะ”

คำทักทายระหว่างอาจารย์สาวทั้งสองที่ยืนต้อนรับนักเรียนหน้าทางเข้าโรงเรียนซิสเซล ผมที่เพิ่งวิ่งมาถึงหายใจหอบ อีกทั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเริ่มเรียน ตัวผมจะรีบมาทำไมก็ไม่รู้ แต่คงเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตนักเรียน เลยไม่อยากจะพลาดอะไรในช่วงแรกๆ

ผมเดินผ่านเข้าตัวโรงเรียนโดยอยู่บนถนนคนเดินเส้นหลักที่ทอดไปยังตึกอาคารเรียนหลักตรงกลางโรงเรียน ทางซ้ายมือมีทางแยกไปสวนน้ำพุที่มีรูปปั้นรวงข้าวทั้งหกเส้นที่พาดกันเป็นกากบากอยู่เหนือใจกลางน้ำพุ ซึ่งผมเพิ่งสังเกตเห็น อาจเป็นเพราะเมื่อวานวันปฐมนิเทศสวนน้ำพุแห่งนั้นไม่ได้เปิดน้ำให้พุ่งไว้เลยมองไม่เห็น และผมก็รีบเดินมุ่งตรงไปตึกข้างหน้าเพราะต้องไปรีบดูว่าตัวเองอยู่ห้องไหน ณ ป้ายประชาสัมพันธ์ที่ชั้นสอง พอถึงหน้าอาคารเรียน ผมรีบกระโดหลบทางขวามืออยู่รีบกำแพงเพราะเห็นคู่กรณีเมื่อวานเดินออกมาคุยกันพร้อมกับเพื่อนเธอสองคน

“บอกแล้ว ว่าพวกเราได้อยู่ห้องเดียวกัน โธ่...” ผู้หญิงผมแดงยาวที่ผมจำได้ว่าชื่อเฟียน่าจิกตาใส่ผู้ชายผมแดงสั้นที่ใส่ผ้าคาดหัวสีดำ “ทอมมี่ นายแพ้พนันฉันแล้ว วันนี้เลี้ยงข้าวด้วย แหม...พนันมาได้ว่าฉันเป็นคนเดียวที่จะไม่ได้อยู่กับนายสองคน”

“เสียดายนะครับที่มันไม่เป็นจริง น่าเสียดายจริงๆ” น้ำเสียงของผู้ชายที่ชื่อว่าทอมมี่ ผมฟังดูก็ร็ว่าประชดอยู่ “มื้อเที่ยงใช่ไหม...ครับ”

“แน่นอน!” เฟียน่าโพล่งเสียงดังขึ้นมา

“ขอเป็นวันอื่นนะครับ พอดีมีธุระส่วนตัว” ทอมมี่ว่าเช่นนั้น

“หือ? เห...” ผมเห็นรุ่นพี่เฟียน่าทำสีหน้าประหลาดใจอย่างแรง “คนอย่างแก...มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? เห็นทุกทีตัวพันติดกับพีประจำไม่เคยห่างเลย”

“อ่า...เบาๆ หน่อยสิคะ เฟียน่า” ผู้หญิง เฮ้ย ผู้ชายที่คล้ายผู้หญิงที่ชื่อว่าพีห้ามปรามเพื่อน “เออ...นายไม่ค่อยสบายหรือ? ทอมมี่”

“พีจังเป็นห่วงผมด้วย!”

ทอมมี่ทำแววตาน่าขนลุกและจะเข้าสวมกอดพี แต่ถูกเฟียน่าเอามือขวาดันหน้าไว้

“นี่มันที่สาธารณะ ทำอะไรเกร็งใจชาวบ้านหน่อยและฉันไม่อนุญาติทำอะไรวิปริตกับพีเด็ดขาด”

“ครับ...” ทอมมี่ทำหน้าเฉื่อน

“เออ มีอะไรอยากถามนายหน่อย...ช่วยปิดภาคฤดูร้อน นายหายไปไหนมา ทำไมติดต่อไม่ได้?”

คำถามของเฟียน่าทำให้รุ่นพี่ทอมมี่แสดงสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาอย่างชัดเจน

“ไม่มี...นี่ครับ ก็แค่ไปเที่ยวยาวๆ นอก Area แล้วลืมเอามือถือไปเท่านั้นเอง”

“เหรอ...”

เฟียน่าหรี่ตายื่นหน้าใส่ทอมมี่ที่เหงื่อเริ่มตก สักพักเธอถอยออกมา

“นึกว่าอะไร หนีเที่ยวคนเดียวนี่เอง” เฟียน่ากรอกตาขึ้นฟ้า “บอกแล้วใช่ไหมพี ว่าหมอนี่ไม่เป็นอะไรหรอก”

“หือ? นี่พีฝากคำถามตะกี้มาถึงผม?” ทอมมี่ว่า “ว้าว! พีจังที่รักของผม!”

“เฮ้ยๆ! นายมานี่เลย!”

“โอ้ย!”

และแล้วทอมมี่ก็ถูกเฟียน่าดึงหูลากไปสวนน้ำพุ พีที่ยืนดูทั้งสองคนเล่นกันส่ายหัวก่อนที่จะเดินตามไป ส่วนผมที่ซ่อนอยู่เดินออกมา

เฮ้อ...เกือบไปแล้ว

เดซี่ก็เคยทำแบบนี้กับผม...แต่ลากขาแทน

เดี๋ยวๆ ไม่น่านึกถึงเรื่องเมื่อวันนั้นเลย รู้สึกเจ็บขาขึ้นมาเลยแฮะ

 

◊ ◊ ◊

 

[07:58] [06/04/2055]

[Area TH-7 เขตกลาง, โซนปลอดภัย, โรงเรียนมัธยมปลายซิสเซล – ห้อง A-2]

“ตื่นเต้นตื่นเต้น! ในที่สุดก็ได้มาเรียนที่นี่!”

เสียงเอะอะของสาวๆ สามสี่คนที่จับกลุ่มอยู่หลังห้อง ทำให้ผมที่นั่งเหม่ออยู่ริมหน้าต่างระหว่างรอครูประจำชั้นคิดอะไรขึ้นมาบ้าง…

โรงเรียนซิสเซลแห่งนี้เป็นหนึ่งในสิบโรงเรียนทั่วโลกที่รับรองโดยไฮเทคอัพเปอร์ว่ามีความก้าวหน้าทางด้านการศึกษาและเทคโนโลยีที่สุด แม้จะตั้งอยู่ใจกลาง Area TH-7 ที่ถูกจัดอันดับเทคโนโลยีหรือ Tech อยู่ระดับล่างสุดก็ตามที ซึ่งเป็นข้อดีเพราะการมีโรงเรียนระดับสูงมาตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไรพัฒนาเท่ากับ Area RU จะได้เกิดผลพลอยในระยะยาวคือสร้างความเจริญและก็อีกหลายเรื่อยๆ

ถึงเป็นอย่างงั้น เวิลด์เจเนรัลก็คงไม่ยอมให้หลาย Area ยกระดับ Tech ขึ้นมาง่ายๆ หรอก

“นายๆ”

มีคนเข้ามาเรียกข้างๆ พอหันไปดูเป็นผู้หญิงผมมัดรวบสีเขียวน้ำทะเล นัยน์ตาสีดำในชุดนักเรียนซิสเซลปีหนึ่ง ซึ่งผมจำได้ว่าเห็นเธออยู่ในห้องนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว และนั่นทำให้ผมย้อนนึกถึงภารกิจทั้งห้าข้อที่ได้รับมา

อย่างแรก...หาเพื่อนสองคนขึ้นไป...ของกล้วยๆ

“เรามาเป็นเพื่อนกันไหม?”

ผมเผลอพูดออกไปเพราะมัวจมปรักกับความคิดเรื่องภารกิจมากไปหน่อย ผู้หญิงตรงหน้าถึงได้ขมวดคิ้วใส่ แน่นอนผมรีบแก้ตัว

“โทษทีครับ เมื่อกี้คิดเพลินๆ อยู่เลยพูดอะไรแปลกๆ ออกไปน่ะครับ”

“อืม...ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรหรอกนะ เพราะเราคงได้เป็นเพื่อนกัน ถ้าอยู่ห้องนี้” ผู้หญิงผมเขียวว่าเช่นนั้นแล้วแนะนำตัว “ฉัน...นาโน”

“ห๊ะ?”

“นา...โน”

“นาโน?”

“เออ...นั่นแหละ ถ้านายลำบากที่จะเรียกชื่อฉัน ก็เรียก ‘นานะ’ แทนก็ได้” นาโนหรือนานะเกาหัว “แล้วนายละ?”

“แอลเจียร์ครับ”

“แอล...เจียร์?”

นาโนทวนชื่ออย่างช้าๆ ก่อนที่จะเอียงตัวไปริมหน้าต่างแล้วระเบิดหัวเราะออกมา

ชื่อมันแปลกมากสินะ...

“ฮ่า! คนอะไรชื่อแอลเจียร์…ฮ่าๆ นายมันจี้จริงๆ”

และนาโนก็หัวเราะต่อไป

หล่อนเป็นอะไรมากหรือเปล่านั่น…ทีชื่อเธอ ผมยังไม่หัวเราะขนาดนั้นเลย

“ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะคะ”

มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาก้มหัวอยู่ข้างๆ เธอเป็นคนๆ เดียวกับที่เดินชนเขาที่หน้าร้านสะดวกซื้อโดยที่ด้านหลังบนหัวเธอมีแอนดรอยด์ลูกบอลลอยได้สีขาวอยู่ด้วย

“อ่า...ไม่เป็น...”

“อ๊าก! ฮ่าๆๆๆ”

“...ไร...หรอกครับ”

ผมพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองจนพูดในสิ่งที่ต้องสมควรพูดหมด คนในห้องทั้งหมดเริ่มมองมาหาเดียวกัน ซึ่งผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าอัตราส่วนผู้ชายผู้หญิงในห้องนี้อยู่ที่หนึ่งต่อสิบ...ซึ่งที่จริงมันเป็นอัตราทั้งโลกเลยก็ว่าได้ เพราะอัตราการเกิดของมนุษย์เพศชายถดถอยในช่วงยี่สิบหลังมานี้ จนเริ่มมีการจับคู่ DNA มนุษย์ที่มีโอกาสให้กำเนิดเพศชายมากขึ้น...

อ่า...นี่ผมมัวคิดอะไรอยู่เนี่ย...ผู้หญิงตรงหน้ากำลังหัวเราะเราอยู่นะ

ไม่ๆ ไม่ได้ ขืนคิดแบบนั้นมันก็ขัดกับภารกิจสิ

แล้วทำไงดี...

ระหว่างผมหาทางออกก็มีครูท่านหนึ่งเดินเข้าห้องมา ทำให้ทุกคนพากันแยกย้ายนั่งลงในที่นั่งในห้องและแล้วการเรียนปรับพื้นฐานก็เริ่มต้นขึ้น

 

◊ ◊ ◊

 

[12:10] [06/04/2055]

[Area TH-7 เขตกลาง, โซนปลอดภัย, โรงเรียนมัธยมปลายซิสเซล – สวนน้ำพุ]

“น่าเบื่อ น่าเบื่อ”

ผมกำลังยืนซดน้ำส้มซันซายน์อย่างเบื่อหน่ายหลังจากที่โดนให้นั่งฟังข้อมูลเก่าๆ หรือปรับพื้นฐานเรียนจนจบแล้วในนี้ มีแต่เรื่องที่รู้แล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบอบการปกครองที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปทั้งโลกโดยเวิลด์เจเนรัล จากประเทศสู่ Area แถมยังมีเรื่องเขต Zone ต่างๆ ที่ถูกแบ่งเป็นสามประเภทตามลักษณะกายภาพที่เกิดขึ้นหลังช่วงสงครามโลกครั้งสาม ไม่ว่าจะเป็นเซฟโซน (Safe-Zone) หรือโซนปลอดภัย…อิลลิจิททิเมทโซน (illegitimate-Zone) หรือโซนนอกกฎหมายที่ไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปดูแลและแดนเจอร์โซน (Danger-Zone) หรือโซนอันตรายซึ่งเป็นพื้นที่ที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ไม่ได้เพราะได้รับผลจากสงครามโลกครั้งสามไม่ว่าจะเป็นสารกัมมันตภาพรังสี สภาพอากาศแปรปรวน อาวุธสงครามกับระเบิดต่างๆ ที่หลงเหลือในพื้นที่นั้นๆ และเรื่องอื่นๆ ที่เป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตของมนุษย์มากมายที่ถูกบันทึกลงความจำในหัวผมมาตั้งนานแล้ว

แต่ผมก็เห็นใจอยู่...ว่ามนุษย์นั้นมีปัญหาเรื่องการเรียกความจำขึ้นมาเพราะรอยหยักสมองของพวกมนุษย์มันซับซ้อนมาก

พอนึกถึงภาพเครื่องในหัวมนุษย์แล้วสยองขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

ป๊าง!

ผมเห็นคาตาว่ามีนักเรียนชายปีหนึ่งผมทองสั้นที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าน้ำพุเอียงตัวล้มลงหัวพาดกับม้านั่งอย่างแรง นัยน์ตาสีฟ้าเหม่อลอยแทบจะออกนอกลูกตาแล้ว ผมรีบเข้าไปหา

“คุณ! คุณ! เป็นอะไรมากไหม?”

“เหอ? น้ำตาล...น้ำตาล...”

น้ำตาล?

ผมงงไปชั่วครู่ก่อนที่จะเดินกลับไปหยอดตู้กดน้ำแล้วเอาน้ำสตอเบอรี่กระป๋องมาให้ชายที่นอนหมดแรง พอได้รับน้ำกระป๋องเขารีบแกะแล้วกระดกดื่มอย่างรวดเร็ว

“อ๊า! ค่อยอย่างชั่ว”

“อ่า ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”

ผมถามไปตามมารยาทและเพิ่งสังเกตหน้าของหมอนี่ชัดๆ ใบหน้าที่คมคาย แววตาที่มีแต่ความมั่นใจ ซึ่งในบรรดามนุษย์ผู้หญิงทั้งหลายมักยกยอให้ผู้ชายที่มีลักษณะนี่ว่า ‘เจ้าชาย’

แย่ล่ะ เท่าที่รู้มา การเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนประเภทนี่มักทำให้ตนเองหม่นหมองหายไปจากสายตาคนอื่น

หรือบางทีผมคิดมากไปเองก็เป็นได้

“โอ้ว ใช่ครับ คุณผู้หญิง”

หือ? เมื่อกี้ว่าอะไรนะ...

ผมอึ้งๆ กับประโยคที่คนตรงหน้าพูดกลับมา ซึ่งพูดดังมากพอที่ทำให้ผู้หญิงรอบๆ สวนน้ำพุหัดมามองแล้วเริ่มซุบซิบจินตนาการอะไรบางอย่าง

“ให้กระผมได้เลี้ยงซะมื้อเป็นการตอบแทนจะได้ไหมครับ”

“อ๊าย!”

ผมสะดุ้งกับประโยคเชิญชวนพร้อมกับสายตาหวานๆ เหมือนหวังอะไรบางอย่างและเสียงร้องกรี๊ดของสาวๆ ที่สังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ก่อนที่ผมจะรู้สึกได้ว่า ชายตรงหน้ายังมีอาการเหม่อ

อย่าบอกนะว่า...ฝันค้าง?

โธ่ มนุษย์...

เปรี๊ยะ!

“กรี๊ด! เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว นางเอกตบเจ้าชาย...จูบคืนเลยสิคะ! เจ้าชาย!”

เมื่อกี้ผมตบหน้าชายผมทองเบาๆ ให้ได้สติ แต่เมื่อจะแรงไปหน่อยสำหรับมนุษย์ หน้าเจ้าชายถึงได้แดงก่ำ ส่วนสาวๆ โดยรอบก็จิ้นกันไปไกลแล้ว...ชายที่โดนตบหันกลับมากแล้วขยี้ตาจนได้สติ ซึ่งผมเสียวๆ อยู่ว่าจะโดนหมัดสวนคืนหรือเปล่า แต่แล้วกลับเป็นคำขอบคุณกลับมาแทน

“โอ้ไม่นะ...ละเมออีกแล้วเหรอนี่ ขอโทษด้วย เมื่อครู่ทำเป็นลืมๆ ไปเถอะนะครับ” ชายผมมองซ้ายขวามาเห็นกระป๋องน้ำสตอเบอรี่ที่วางไว้อยู่แล้วมาสบตาผม “นาย? คนในห้องนิ?”

“หือ?”

พอได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกคุ้นๆ ผมทองขึ้นมาทันที

เขาน่าจะเป็นคนที่อยู่ข้างหลังสุดริมหน้าต่าง ซึ่งตอนอยู่ในห้องไม่เห็นหน้าเพราะเอาแต่ก้มหน้าอยู่ พอครูสังเกตเห็นก็เข้ามาเตือน ก็ได้รับคำตอบว่าตาลายไม่สามารถมองอะไรได้ชั่วคราว เลยขอฟุบหน้าฟังที่สอนอย่างเดียว...คุณครูในห้องว่าจะพาไปห้องพยาบาล แต่เจ้าตัวปฏิเสธ

เออ...แล้วเขาเห็นผมได้ยังไง? ตาลายไม่ใช่เหรอ...แต่คงเห็นๆ บ้างล่ะมั้ง

“อ๋อ...ที่ไม่สบายในห้องใช่หรือเปล่าครับ”

“อือๆ นั่นแหละ บังเอิญเมื่อคืนไปเที่ยว...อ่า...นอนดึกไปหน่อย” เจ้าชายว่าก่อนที่จะแนะนำตัว “ฉันชื่อปริ้น แล้วนายล่ะ”

“อะ...”

เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าพูดชื่อเต็มๆ จะโดนแบบเดียวกับยัยนั่นไหม?

งั้นเอาสั้นๆ ล่ะกัน

“แอลครับ”

“งืม แอล...จำง่ายดี ฉันจำชื่อสองพยานขึ้นไปไม่ค่อยได้นะ”

แล้วจู่ๆ คนตรงเขาเข้ามากอดคอ สาวๆ รอบข้างพากันกรี๊ด

“ช่วยพาฉันออกจากแถวนี้ที ขืนอยู่ต่อหูฉันแตกแน่ๆ”

“อ่า ผมก็เห็นด้วยหรอก แต่ทำไมต้องมากอดคอด้วย?”

“ตอนนี้ฉันอยู่ในสภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนะ ไปไหนไม่ค่อยได้ ถึงได้น้ำกระป๋องมาโดฟตะกี้ก็ยังช่วยไม่มากหรอก ขอร้องล่ะ...พาฉันไปหาแถวๆ ที่มีของกินเยอะๆ ที”

“งั้นไปส่งที่โรงอาหารนะครับ”

และแล้วผมก็ประคองไหล่ปริ้นท่ามกลางสายตาของสาวๆ ที่จ้องตาเป็นมัน

ไม่เข้าใจมนุษย์จริงๆ...แบบนี้ล่ะมั้ง มนุษย์เพศชายถึงได้เกิดน้อยเรื่อยๆ

แต่ไม่รู้แฮะว่าแบบนี้นับเป็นเพื่อนได้หรือยัง? คงนับคงผ่านภารกิจอย่างฉลุยละนะ

 

◊ ◊ ◊

 

[12:27] [06/04/2055]

[Area TH-7 เขตกลาง, โซนปลอดภัย, หน้าโรงเรียนมัธยมปลายซิสเซล – ต้นซากุระทั้งสาม]

“ไว้แล้วเจอกันครับ”

ผมวางสายจากคุณเฟลิกซ์ที่โทรมาอาสามารับผมที่หน้าโรงเรียนเพราะผ่านทางมาพอดี สาเหตุที่ได้กลับก่อนเวลาเพราะว่าวันนี้เป็นแค่ปรับพื้นฐานเท่านั้น จะเริ่มเรียนจริงๆ คือวันพรุ่งนี้และในช่วงหลังเที่ยงทุกๆ คนได้รับใบสมัครชมรมมาเพื่อไปหาชมรมที่อยากเข้าในช่วงบ่าย ซึ่งเลือกที่จะกลับบ้านเลยก็ได้เพราะวันกำหนดส่งใบคือสัปดาห์หน้า และตอนนี้ผมเดินมายังหน้าโรงเรียนแล้วมองไปยังต้นซากุระทั้งสามซ้ายมือที่ขัดกับภูมิประเทศที่ไม่น่าจะปลูกต้นนี้ได้และที่ใต้ต้นทั้งสามก็มีชายผมแดงคนหนึ่งยืนเงยหน้ามองดอกซากุระอยู่

นั่นมัน...เพื่อนของรุ่นพี่พี...คุณทอมมี่

เขาไปยืนทำอะไรตรงนั้นนะ?

ผมก็เดินเข้าไปยืนข้างๆ เขา ที่ทำแบบนั้นเพราะเฟลิกซ์สั่งให้รอตรงใต้ต้นซากุระ...ไม่ได้เป็นเพราะอยากรู้เรื่องของรุ่นพี่เฟียน่าที่กระโดดถีบหน้าผม...จริงๆ นะ

และแล้วรุ่นพี่ทอมมี่ก็เอ่ยขึ้นก่อน

“อยากรู้ไหมครับ ว่าทำไมถึงมีต้นซากุระตรงนี้”

“อ่า...ก็อยากรู้เหมือนกันครับ”

อันที่จริงผมก็พอๆ ทราบมาจากประวัติโรงเรียนแล้วล่ะ แต่ต้องเล่นตามรุ่นพี่เขาหน่อย

“งืม...ทั้งสามต้นนี้เป็นตัวแทนสัมพันธไมตรีจากไฮเทคอัพเปอร์...และเดิมทีโรงเรียนนี้ไม่ได้ชื่อว่าซิสเซลหรอกครับ”

“เอะ?” ผมร้องขึ้นมาเพราะประโยคหลังนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน “ยังไงครับ”

ทอมมี่หันมองโรงเรียนซิสเซลอีกครั้ง

“โรงเรียน...ไม่ใช่สิ เมื่อก่อนเป็นแค่สถานรับเลี้ยงและพัฒนาเด็กให้กับกองทัพเรือนะครับ ก่อนที่จะถูกยุบรวมกับวิทยาลัยพยาบาลใกล้ๆ จนกลายเป็นโรงเรียนซิลเซลแห่งนี้ล่ะครับ และปู่ผมเคยเป็นผู้อำนวยการ”

สถาบันที่ผลิตคนให้กับกองทัพเรือ...ระบบทหารแบบเก่าเมื่อก่อน...เคยได้ยินอยู่มาบางแฮะ ว่าอยู่แถวๆ นี้ แต่เรื่องที่ปู่ของมนุษย์คนนี้เป็น...

ไม่ๆ มันไม่เห็นจะเป็นเรื่องที่ผมต้องรู้เลยนิ

แต่คงต้องปล่อยให้รุ่นพี่เขาพูดไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์...อ่า...หวังว่ามีเพื่อนเป็นรุ่นพี่คงจะนับนะ

“แล้วนายมาทำอะไรตรงนี้ละครับ?” ทอมมี่ถามก่อนที่ทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรออก “หือ? นายคล้ายๆ กับเพื่อนของผมบอกเลย ผมสีขาว ผิวสีหน่อยและเป็นรุ่น...”

ปรี๊ดๆ!

เสียงแตรรถเก๋งคันดำที่มีตัวอักษร ‘MLA’ แปะอยู่ข้างรถที่เข้ามาจอดข้างๆ แล้วเลื่อนเปิดกระจกลงให้เห็นคุณเฟลิกซ์ที่อยู่ในตำแหน่งคนขับและมีอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงผมบรอนทองเปียถักยาวที่หลับอยู่ เฟลิกซ์โผล่หน้ามาพร้อมประโยคที่ทำให้ผมและรุ่นพี่ทอมมี่ตกใจ

“พวกนายสองคนขึ้นรถมาเลย...”

 

◊ ◊ ◊

 

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า Ch.5 ภารกิจทั้งห้า บทที่ 1 [มิซากะ เมงุมิ]

เมื่อผมหุ่นยนต์อย่างผมต้องเข้าโรงเรียนมนุษย์! มันจะอลหม่านขนาดไหนกันเชียว!

ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา