Creepypasta Family The Broken Myth
9.5
เขียนโดย Leragan
วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.43 น.
24 chapter
9 วิจารณ์
41.51K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 14.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ภารกิจ (Mission)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “สเลนดี้..ทางนั้นพร้อมหรือยัง” ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อกันหนาวสีขาวกล่าวขึ้นบอกผู้ฟังที่อยู่ภายในระบบสื่อสารระยะไกล
“ทางผมพร้อมแล้วล่ะครับ..คุณเจฟ” ชายไร้หน้าผู้มีอายุมากกว่าพันปีกล่าวขึ้น “หากจะเริ่มแผนการแล้วช่วยบอกผมด้วยนะครับ”
“เดี๋ยวชั้นบอกนายให้นะสเลนดี้..ลาละ” เจฟกล่าวเสร็จ เขาก็ปิดระบบสื่อสารทันทีก่อนจะเดินตรงไปที่ลอสต์ที่กำลังพูดคุยบางอย่างอยู่
นักวิจัยลึกลับผู้สวมชุดกันหนาวสีดำ มีฮู้ดปิดบังใบหน้าถึงแม้ว่าภายในฮู้ดและชุดนั้นจะไม่มีสิ่งใดอยู่เลย เจฟเดินกรู่ตรงเข้าไปก็ได้พบกับลีโอน่าในชุดนักวิจัย เบน ดราวน์ ลาฟฟิ้ง แจ็ก บุชเชอร์ชาย แต่ที่สะดูดตาที่สุดคือบุรุษผู้อยู่ในชุดเกราะหนาของทหารหน่วยพิเศษที่กำลังถือปืนสไนเปอร์ไรเฟิลทันสมัยไว้ข้างกาย เพียงสายตาทั้งสองของเจฟสังเกตเห็น ฝ่ามือของเขาก็ผายออกทำให้มีดที่อยู่ภายในแขนเสื้อร่วงหล่นลงมาสู่มือของเขาก่อนจะเร่งฝีเท้าเตรียมโจมตี แต่ลอสต์ที่กำลังเอ่ยบางอย่างอยู่นั้นก็ต้องหยุดลงเพื่อมาหยุดยั้งเจฟไม่ให้เค้าทำร้ายทหารผู้นั้น แต่วิธีการของลอสต์มัน...
ปั้ก! ลอสต์ขัดขาของเจฟที่พุ่งตัวมาด้วยความเร็วสูงทำให้ใบหน้าของเจฟทิ่มและไถลไปไกลพื้นไปกว่าหนึ่งเมตรแล้วจึงแน่นิ่งไป ไม่นานเจฟก็ใช้มือทั้งสองยันร่างของตนขึ้น เขาหันหน้าที่ผิวหนังส่วนใหญ่ในบริเวณนั้นถูกเสียดสีจนเผาไหม้และมีรอยเลือดติดอยู่ที่บริเวณปาก เขามองไปทางลอสต์ด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ รอยแผลที่เกิดขึ้นนั้นไม่นานก็เริ่มหายไปเหลือไว้เพียงแต่คราบเลือดบริเวณปาก ที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะความสามารถพิเศษขั้นสุดยอดของเขา..การฟื้นฟู ซ่อมแซม และผลิตใหม่ หรือในอีกนามคือ ‘เดธเลสส์ ฮีลลิ่ง(Deathless’s Healing)’ ซึ่งเป็นชื่อที่ลอสต์ตั้งให้กับความสามารถการฟื้นฟูของเจฟ และเอเบิล
“พลังน่ะก็มีมหาศาลนะ..วิธีหยุดชั้นก็มีโค-ตะ-ระเยอะ เอ็งยังจะเลือกขัดขาตูอีกนะ” เจฟ เดอะ คิลเลอร์เอ่ยบ่นเล็กน้อยแล้วจึงยันตัวลุกขึ้น
"มีเหตุผลอะไรที่แกต้องช่วยมันด้วย" เจฟชี้นิ้วไปทางบุรุษสวมชุดเกราะหนักที่ยังคงนิ่งเฉย
"เจ้านี่เป็นคนรู้จักของชั้นในมิติที่สอง..ตอนนี้เจ้านี่ยังไม่สำคัญอะไรหรอก แต่ถ้าภารกิจของพวกนายล้มเหลว นายก็จะรู้ถึงความสำคัญของมันเองแหละ" ลอสต์กล่าวขึ้น พร้อมกับมีกล่องข้อความสามมิติและอีโมติคอนที่ทำท่าทางอารมณ์เสีย
"เรียก 'มัน' เลยเหรอ" เสียงภายใต้หน้ากากของทหารปริศนาถูกเปล่งออกมาเบาๆ แต่ด้วยความสามารถพิเศษของเจฟและลอสต์ ทำให้ทั้งสองได้ยินในสิ่งที่บุรุษปริศนาเอ่ยแล้วจึงเบือนหน้าไปทางผู้พูดทันที ทำเอาทหารผู้เข้มแข็งรู้สึกเกร็งทันที
"ไปที่กลุ่ม เดี๋ยวชั้นจะอธิบายถึงภารกิจให้" ลอสต์บอกชายปากฉีก ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปร่วมกลุ่มของภารกิจที่หนึ่ง
"ชั้นจะอธิบายพวกนายเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...แผนของพวกเราคือไปที่ศูนย์-76 เข้าไปที่ห้องของเอสซีพี 140 ไปเอาหนังสือที่อยู่บนโต๊ะมา รีบหนีแต่อย่าให้ใครสงสัยหรือจับได้ กลับไปที่คฤหาสน์เป็นอันจบภารกิจ" ลอสต์กล่าวถึงเรื่องแผนการที่เขาวางไว้ เมื่อเอ่ยเสร็จเขาก็เบือนหน้าหันมองรอบตัว แล้วจึงเอ่ยต่อ "มีใครจะถามอะไรมั้ย ถ้ามีก็รีบๆถาม ชั้นต้องรีบไปทำการวิจัยที่ไซต์ 189 ต่อ"
"มันจำเป็นด้วยเหรอค่ะ..ที่ชั้นต้องอยู่ร่างนี้" ลาอ้อนในร่างของหญิงสาวที่ถูกตั้งชื่อว่า 'เลโอน่า' ได้เอ่ยขึ้น
"จำเป็นมาก เพราะข่าวมันดังไปทั่วถึงร่างจริงของนาย..คนเค้าจำได้กันหมด ชั้นถึงต้องเปลี่ยนนายให้เป็นผู้หญิงตั้งแต่เนิ่นๆจะได้เกิดความเคยชินกับร่างนี้" ลอสต์ตอบคำถามของหญิงสาวผมสีเหลืองทอง แล้วจึงเอ่ยต่อ
"ในช่วงเวลานี้มีการขนส่งเอสซีพีระดับเซฟและยูคลิดเข้าออกศูนย์ 76 เยอะมาก ดังนั้นพวกผู้คุมและบุคคลภายในองค์กรจะเยอะมาก ทำให้ต้องระวังตัวสูง แต่ในทางกลับกันก็ทำให้สามารถแนบเนียนไปในฝูงชนได้ สำหรับหน้าที่ของเลโอน่าคือการไปเอาหนังสือเล่มนั้นมาโดยตรง ส่วนเบนจะคอยช่วยเหลือทางด้านการรบกวนเครื่องมือสื่อสารและบังกล้องวงจรปิด"
"แจ็คจะคอยตามติดเลโอน่าในสภาพที่อยู่ในจินตนาการ และเจฟฟฟ..." ลอสต์พูดชื่อของชายปากฉีกด้วยเสียงลากยาว "นายเป็นคนทำความสะอาด"
"ให้ตูเป็นคนทำความสะอาดเนี่ยนะ" เจฟแสดงท่าทางจะคัดค้าน แต่กลับถูกลอสต์ตัดบทไปซะก่อน
"นายไม่รู้หรอก..ไอ้คนทำความสะอาดขององค์กรนี่น่ะมันเป็นยังงายย.." ลอสต์พูดด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก บรรยากาศดำมืดแผ่ขยายออกไปทั่วร่างของชายปริศนา ทำเอาบางคนเริ่มแสดงท่าทางหวาดกลัว ยกเว้นแต่เจฟ บุชเชอร์ ชายและเพื่อนทหารต่างมิติที่มีเพียงอาการแค่ขาสั่นในขณะที่ยังคงทำหน้านิ่งเฉย
"เอสซีพีจ้างพนักงานทำความสะอาดไปมากกว่าร้อยพันคน แต่ไม่มีใครจะอยู่ในศูนย์ได้นานถึงหนึ่งวัน บ้างก็ลาออกตั้งแต่วันแรกบ้างก็ตายตั้งแต่วันแรก และมีเพียงไม่กี่สิบคนที่รอดพ้นจากวันแรก แต่ก็ลาออกหรือตายในวันอื่นๆ เหลือเพียงไม่ถึงห้าคนที่ยังคงทำงานอยู่ในองค์กร " เจฟเริ่มมีเหงื่อออกแล้วขาเริ่มสั่นมากขึ้น ลอสต์ที่สังเกตเห็นก็(น่าจะ)แสดงสีหน้ายิ้มถึงแม้ว่าจะไม่มีใบหน้าก็ตาม "ปอดแหกอย่างนี้จะไปปกป้องใครกันได้"
"ก็ได้! งั้นหน้าที่ของชั้นคืออะไร จะปกป้อง ไล่ฆ่า หรือทั้งสองอย่างตูก็ทำได้" เจฟเริ่มแสดงท่าทางโมโหกลับคำพูดของลอสต์ ขาที่เคยสั่นกลับมานิ่งมั่นคงดังเดิม นักวิจัยปริศนาเริ่มยิ้มกว้างขึ้นอีกถึงแม้ว่าจะไม่มีใบหน้า ศีรษะ หรือร่างกายก็ตาม
"แล้วคนทำความสะอาดเค้าทำอะไรกันล่ะ..ทำความสะอาดไง" ลอสต์พูดติดตลก แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าจริงจังของเจฟ ลอสต์ก็ถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ "นายก็แฝงตัวเป็นพนักงานทำความสะอาดเข้าไปในศูนย์คอยตามป้องกันเลโอน่า ส่วนบุชเชอร์ชายกับเจ้านั่นจะช่วยคุ้มกันเมื่อแผนล้มเหลว"
ลอสต์กล่าวเสร็จสิ้นก็ดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ปรากฎเครื่องแต่งกายของพนักงานทำความสะอาดสีเทาขึ้นที่ร่างของเจฟทันที ส่วนเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมก็มาอยู่ในมือของลอสต์แทน นักวิจัยปริศนาดีดนิ้วอีกครั้งนึงบังเกิดผ้าปิดปาก หมวกสีเทา และไม้ถูพื้นลอยอยู่เบื้องหน้าของเจฟ เจฟยื่นมือไปจับผ้าปิดปากและหมวกมาสวมใส่ แล้วจึงหยิบไม้ถูพื้นมาไว้ข้างกาย
"ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม อีกไม่นานชั้นจะส่งพวกนายไปที่ศูนย์ 76 จริงๆแล้วก็อีกประมาณ...สาม สอง หนึ่ง.." เมื่อลอสต์เอ่ยจบ ทุกคนกลับเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว "เร็วดีนี่ ..ศูนย์ ขอให้โชคดี" ลอสต์ดีดนิ้วอีกครั้ง ทำให้เจฟและคนอื่นๆถูกวาร์ปหายไปจากสายตาของลอสต์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีตา(เหมือนเดิม)
เหล่าผู้กล้าทั้งหกปรากฎกายบริเวณใกล้เคียงกับจุดหมาย พวกเขามองไปรอบกายของตนก่อนจะเริ่มทำตามแผนการที่ลอสต์ได้วางไว้
'เอาล่ะ..บุชเชอร์ชายไปหลบตรงพุ่มไม้ใกล้ๆทางเข้า ส่วนมือสไนเปอร์ไปประจำที่บนตึกขององค์กรคอยสังเกตการณ์และคุ้มครองอีกห้าคนจากด้านบน' เสียงของลอสต์แล่นผ่านภายในหัวของผู้กล้าทั้งหก เหมือนกับการพูดคุยด้วยระบบสื่อสารระยะไกลที่พูดคุยกันภายในจิตใจ
'ส่วนเลโอน่า..เธอใส่ผ้าปิดปากเดินก้มหน้าเข้าไปทางประตูหน้า พยายามก้มหน้าและไม่ส่งเสียง ...เบน นายแทรกตัวเข้าไปในกล้อง คอยดูเลโอน่าอยู่ห่างๆ ถ้ากล้องวงจรปิดเห็นเธอให้นายรีบเข้ามารบกวนกล้องนี้ และแจ็ค นายใช้พลังเข้าไปอยู่ในจินตนาการของเลโอน่า คอยดูแลเลโอน่าเอาไว้ หากเกิดเหตุร้ายจริงๆค่อยปรากฎตัว"
'เจฟนายเข้าทางด้านหลังของศูนย์ คอยทำความสะอาดบริเวณใกล้ๆที่เลโอน่าอยู่'
'แล้วชั้นจะรู้ได้ยังไงว่าเลโอน่าอยู่ที่ไหน' เจฟเอ่ยถามทางโทรจิต แต่แล้วตรงข้อมือของเขาก็ปรากฎนาฬิกาข้อมือที่แสดงตำแหน่งของบางอย่าง ตรงกลางนั้นเป็นลูกศรสีขาว ส่วนเบื้องหน้านั้นเป็นวงกลมสีเหลือง เมื่อเขาเบือนหน้าไปทางด้านหน้าก็พบเลโอน่าพอดี 'เข้าใจละ'
'โอเค งั้นพวกนายทำตามแผนที่วางไว้ พยายามอย่าให้พวกมันเห็นพิรุธถ้าถูกจับได้พวกนายจะถูกฆ่าทั้งหมด..เข้าใจนะ' ลอสต์เอ่ยขึ้น
'เข้าใจแล้วละ' เจฟเอ่ยขึ้นภายในจิตใจ
'งั้นก็ไปกันได้แล้ว ตัดสาย..' ลอสต์เอ่ยเสร็จ ก็ไม่มีสัญญาณเสียงใดๆเกิดขึ้นอีกเลย
เจฟเปิดเครื่องสื่อสารของตนขึ้นแล้วจึงบอกให้สเลนเดอร์แมนเริ่มภารกิจของตน ก่อนจะปิดลงแล้วมองไปที่เลโอน่าที่มีเบนและลาฟฟิ้ง แจ็คคอยติดตามไปด้วยเข้าไปในทางเข้าหน้าองค์กร ทางเจฟที่เห็นก็ไม่ลีลอพร้อมจะเดินทางเข้าไป
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! เสียงเตือนถึงบางสิ่งดังขึ้นจากขึ้นจากข้อมือของเจฟ เขาเบือนหน้ามามองที่นาฬิกาข้อมือทันที นั่นทำให้เขาได้สังเกตเห็นถึงข้อความภายในนั้น
'เจฟ นายไม่ต้องเข้าข้างหน้า..ให้นายเข้าข้างหลังแทน ที่นี่ปกติทางเข้าข้างหลังศูนย์ไม่ค่อยมีคนคุม - ลอสต์'
เมื่อเจฟอ่านจบก็ก้าวเดินตรงไปที่ด้านหลังของศูนย์ทันที ด้วยความคล่องตัวและความว่องไวของตัวเขา ทำให้ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูทางด้านหลัง แต่กลับพบว่ามีผู้คุมขององค์กรกว่าสิบคน กำลังควบคุมการขนส่งบางอย่าง..น่าจะเป็นเอสซีพี แต่ยังไม่หมดเท่านั้น..ข้างหน้าประตูทางเข้ากลับมีผู้คุมอีกสามคนยืนคุมอยู่ พร้อมทั้งยังมีนักวิจัยเข้าออกเป็นจำนวนหลายสิบคน เจฟรีบเบี่ยงร่างมาหลบบริเวณพุ่มไม้ เพื่อไม่ให้เหล่าคนในองค์กรเอสซีพีสังเกตเห็น
"นี่น่ะเหรอ..ไม่ค่อยมีคนของเอ็งน่ะลอสต์" เจฟบ่นเบาๆ แต่ทันใดนั้นเสียงเตือนจากนาฬิกาข้อมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
'ชั้นบอกว่าถ้าปกติจะไม่ค่อยมีคนเดินไปมาไง..แต่นี่วันนี้น่าจะไม่ค่อยปกติ นายไม่ต้องเข้าทางประตูแล้ว ให้นายเข้าทางอื่นแทน - ลอสต์'
เจฟนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยด้วยความงงงวยออกมาเบาๆ "มันได้ยินเราพูดได้ยังไงเนี่ย"
แล้วเสียงเตือนจากนาฬิกาก็ดังขึ้นอีกครั้ง บังเกิดข้อความภายในจอของนาฬิกา 'ชั้นได้ยินหมดแระ..ใครพูดอะไร ทำอะไร คิดอะไร พลังของชั้นมันเชื่อมต่อกับบางสิ่งที่ถึงชั้นจะอธิบายไปนายก็ไม่เข้าใจ - ลอสต์'
"เฮ้อ..โอเค แล้วไงต่อ" เจฟเอ่ยด้วยความเบื่อหน่ายกับคำพูดของนักวิจัยแปลกประหลาดที่ชอบพูดในสิ่งที่เหนือกว่าความเข้าใจของมนุษย์
'จากตรงที่นายอยู่ ให้นายมองไปที่สิบเอ็ดนาฬิกาทางด้านบนอาคาร นายจะเจอกับทางเข้าช่องแอร์มันอยู่สูงสักประมาณสี่เมตรได้มั้ง!? ให้นายหลอกล้อความสนใจของพวกผู้คุมกับนักวิจัยแถวนั้นแล้วค่อยปีนเข้าทางช่องแอร์ - ลอสต์'
"แล้วจะหลอกล้อความสนใจมันยังไงล่ะ ดูท่าจะหลอกได้ยากพอสมควร..หนึ่งคนสองตา ถ้ารวมๆแล้วก็เกือบห้าสิบตาเข้าไปแล้ว" เจฟเอ่ยต่อ
'ที่นายพูดมาก็มีเหตุผลนะ มันก็ใช่อยู่ที่จะหาวิธีไหนหลอกล้อ ...อืม เอายังไงดี - ลอสต์'
"เออ..เอายังไงดีว่ะ คิดไม่ออกเลย" เจฟกุมขมับครุ่นคิดถึงวิธีที่จะหลอกล้อเหล่าคนในองค์กรที่ขวางกั้นทางเข้าศูนย์
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน.." เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านขวาของเจฟ เขาเบือนหน้าตัวเองไปอย่างช้าๆ ก่อนจะพบกับไอ้คนที่ชอบโผล่มาแล้วไม่บอกไม่กล่าว ทำเอาเจฟสะดุ้งโหยทันที ลอสต์เอียงคอเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยต่อ "นายยังไม่ชินอีกเหรอพวก"
"มันจะไปชินได้ยังไงกันเล่า..นายเกือบทำให้ชั้นหัวใจวายตายนะ" เจฟบ่นใส่นักวิจัยปริศนา
"ตายไปก็ไม่เป็นไร..ชั้นรับฝากลูกเมียนายให้" ลอสต์พูดติดตลก เขาทำท่าครุ่นคิดสักพักนึง แล้วจึงเอ่ยต่อ "เจนกับมิลโร่ไง"
"ไม่ใช่ซะหน่อย เจนน่ะเป็นแฟนชั้นก็จริง แต่มิลโร่น่ะไม่ใช่ลูกของชั้นจริงๆ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่นชอบในตัวชั้นกับเจนก็เท่านั้น" เจฟพูดโต้กลับลอสต์ไป "อีกอย่าง..ถึงชั้นตายไปก็ไม่ยอมให้เจนกับใครหรอกเฟ้ย"
"แล้วถ้าชั้นเป็นอย่างนี้..." ลอสต์ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ทำให้เกิดบางสิ่งขึ้น เสื้อกันหนาวของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว ภายใต้เงาที่เกิดขึ้นบดบังใบหน้าที่มีสันของจมูกและริมฝีปากนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขอบปากที่ฉีกขาดยาวพร้อมทั้งยังเปรอะเปรื้อนไปด้วยคราบเลือดที่แห้ง ชายผู้นี้เปิดดวงตาที่ดูไร้ชีวิตชีวาขึ้นมา ปรากฏนัยน์ตาสีขาวดุจหิมะ พร้อมกับจุดดำเล็กภายในนั้น ลอสต์นั้นได้เปลี่ยนร่างของตนไปเป็นเจฟ เดอะ คิลเลอร์ภายในเวลาเพียงสามวินาที เขาเบือนหน้าไปมองเจฟที่กำลังอ้าปากเหวอกับภาพที่ตนเห็น ลอสต์ยิ้มขึ้นแล้วจึงเอ่ยต่อ "นายจะยกเธอให้ชั้นมั้ย"
เจฟสะบัดใบหน้าไปมาเรียกสติให้หวนคืน แล้วจึงเอ่ยโต้กลับ "ถึงข้างนอกนายจะเป็นชั้น แต่ข้างในน่ะไม่ใช่ ...นายน่ะไม่ได้รักเธอ แต่ชั้นรักเธอ..ชั้นรักเจน!"
"ขอบคุณมาก..." ลอสต์เอ่ยขึ้นในขณะที่ร่างของเขากลับมาเป็นดังเดิม คำๆนี้สร้างความฉงนแก่เจฟเป็นอย่างมาก
"นายขอบคุณชั้นทำไม" เจฟแสดงสีหน้าสงสัย
"ชั้นอัดเสียงที่นายพูดเมื่อกี้ไว้แล้ว เดี๋ยวว่างๆจะไปเปิดให้ศรีภรรยาของนายฟัง" ลอสต์เอ่ยจบก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้วเดินออกไปจากพุ่มไม้ "ถือว่านี่เป็นค่าตอบแทนสำหรับการที่ชั้นต้องช่วยเหลือนายก็แล้วกัน"
"ไอ้ลอสต์..เอ็งไม่ตายดีแน่" เจฟกัดฟันกรอดด้วยความโกรธปนเปไปกับความอาย แต่เค้าก็กลับฉุกคิดได้ว่า "เอิ่ม..ไอ้ลอสต์มันไม่ตายนี่หว่า เจ้านี่เป็นอมตะนี่นา...แล้วตูจะฆ่ามันยังไงฟะเนี่ย!"
ทันที่ลอสต์เดินออกไปจากพุ่มไม้ เจฟก็เงี่ยหูฟังพร้อมกับดูสถานการณ์
"เฮ้! พวกนาย..." ลอสต์กล่าวออกไป ทำให้เหล่าผู้คุม และนักวิจัยหลายๆคนหยุดกิจที่ตนทำอยู่ แล้วเบือนหน้าหันมองเขา
"ที่ไซต์ 283 ต้องการผู้คุมกับนักวิจัยอย่างละสามคนไปทำงานที่นั่น" ลอสต์กล่าวเชิญชวน ทำให้เหล่านักวิจัยและผู้คุมแถวนั้นเริ่มปรึกษากัน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ว่าไซต์นั้นเป็นยังไง เอสซีพีระดับคีเตอร์เยอะมั้ย หัวหน้าเป็นผู้หญิงผู้ชาย ลอสต์ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวต่อ "ที่ไซต์ 283 เป็นไซต์ที่รวบรวมเอสซีพีระดับเซฟไว้มากที่สุด แล้วยังเป็นไซต์ที่เลื่อนระดับได้ง่ายๆ ถ้าทำงานดีน่ะนะ"
เพียงลอสต์เอ่ยจบเหล่าผู้คุมและนักวิจัยต่างแย่งยกมือขอไปทำงานที่ไซต์นั้นทันที ลอสต์ที่ทำการเบี่ยงเบนความสนใจสำเร็จก็เอ่ยกับเจฟจากทางโทรจิต 'ตอนนี้แหละ..ไปเลย'
เจฟพยักหน้าแล้วจึงขว้างมีดที่อยู่ในแขนเสื้อพุ่งไปปักที่กำแพงของอาคารใกล้ๆช่องระบายอากาศ ก่อนจะกดเครื่องมือดึงลวดสลิงที่ติดมีดของเขา ทำให้ร่างของเจฟทะยานขึ้นสู่อากาศ พุ่งไปในทิศทางที่มีดปักไว้ เมื่อไปถึงเขารีบเปิดบานพับของช่องระบายอากาศ มุดร่างของเขาเข้าไปแล้วจึงยื่นมือของตนมาเก็บมีดที่ปักไว้ที่กำแพงให้กลับไปใต้แขนเสื้อดังเดิม
หลังจากที่เข้ามาภายในช่องระบายอากาศ เจฟก็ค่อยๆคืบคลานมาตามเส้นทาง อย่างเชื่องช้าและเงียบเชียบด้วยความระมัดระวังทำให้ไม่เกิดเสียงใดๆขึ้นหรืออาจเบาๆมากจนแทบไม่ได้ยิน เขาเคลื่อนที่ไปมาภายในช่องระบายอากาศสักระยะหนึ่งก่อนจะพบทางออก เขาเปิดบานพับขึ้นอย่างระมัดระวัง แล้วจึงชะเง้อหน้าออกไปดูลาดราว เมื่อสำรวจดูแล้วว่าไม่มีคนเขาก็ทิ้งตัวลงมาที่พื้นอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะจับที่ปีกหมวกสีเทาแล้วทำเป็นเดินกวาดพื้นไปเรื่อยๆตามสัญญาณแผนที่ เขาเดินกวาดไปมา คอยหลีกเลี่ยงจากสายตาของเหล่าผู้คุมและนักวิจัย ก่อนจะเดินไปพบกับบางสิ่งที่ดูแปลกประหลาดออกไปจากผู้คุมและนักวิจัย
...บุรุษปริศนาในเสื้อคลุมสีดำที่มิดชิดกำลังนั่งยองๆไป ทำอะไรบางอย่างกับเหล่าศพของผู้คุมกว่าหกนายที่ถูกฆ่าตาย
บุรุษผู้นี้นั่งหันหลังให้กับเจฟ ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ แต่กลับรู้ได้ว่า...หายนะกำลังจะมาเยือน เจฟจึงรีบก้าวเท้าหนีทันที แต่ทันใดนั้น!!!
"คุณจะไปไหนเหรอขอรับ..." เสียงแหบแห้งของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากบุรุษผู้นั้น สร้างบรรยากาศน่าหวาดผวาแก่เจฟเป็นอย่างมาก "กระผมยังไม่ได้รักษาโรคให้คุณเลยนะขอรับ"
"คุณจะรักษาผมทำไม..ผมไม่ได้เป็นโรคอะไรสักหน่อย" เจฟตอบออกไปด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่ภายในจิตใจกลับเกิดความกลัวขึ้น
"เป็นสิขอรับ..กระผมสัมผัสถึงมันได้" บุรุษในชุดคลุมหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา ก่อนจะทำการผ่าตัดศพของผู้คุมคนหนึ่ง แล้วจึงใส่ของเหลวบางอย่างลงไป "โปรดรอสักครู่นะขอรับ..เดี๋ยวกระผมจะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากโลกนี้เอง กระผมหมายถึงโรคน่ะขอรับ"
คำพูดของบุรุษปริศนาสร้างบรรยากาศความน่าหวาดกลัวขึ้นมามากแต่เจฟเริ่มตั้งสติได้ แต่มันกลับช้าเกินไป เพราะชายในชุดคลุมนั้นได้ทำการเย็บบาดแผลจนเสร็จสิ้นแล้ว มันยืนขึ้นมา ทำให้เจฟได้รู่ว่าตัวมันสูงกว่าตัวเขาในระดับหนึ่ง มันเก็บอุปกรณ์กลับไปภายในเสื้อคลุม แล้วจึงเบือนร่างของตนไปทางเจฟ และนั่นเป็นครั้งที่ทำให้เจฟได้เห็นว่ามันใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ หน้ากากที่ถูกเรียกว่า..หมอกาดำ ที่เจฟเคยได้อ่านเกี่ยวกับคนเหล่านี้จากหนังสือประวัติศาสตร์ยามเป็นเด็ก แต่สิ่งที่เขาสงสัยนั่นคือ หมอกาดำที่ควรจะอยู่ในยุคศตวรรษที่ 15-16 ทำไมถึงมาอยู่ในที่แห่งนี้และเวลานี้ได้
"ช่วงเวลานี้แหละขอรับ..กระผมจะรักษาท่านจากกาฬโรคเองขอรับ" หมอกาดำเอ่ยออกมา
"สมัยนี้ไม่มีใครเค้าเป็นกาฬโรคกันแล้ว..แกจะมารักษาชั้นทำไม ชั้นไม่ได้เป็นนะเฟ้ย" เจฟเริ่มขึ้นเสียง แต่ทางหมอประหลาดกลับยังคงนิ่งเฉย
"ผู้ป่วยไม่ควรทำการสนทนามากนะขอรับ..ทุกลมหายใจที่คุณพ่นออกมา ทำให้อากาศเป็นพิษนะขอรับ ดังนั้นกรุณาอย่าเอ่ยปากพูดนะขอรับ" หมอกาดำเอ่ยจบ ก็ย่างก้าวเข้าไปใกล้เจฟขึ้นเรื่อย เจฟเห็นดังนั้นก็ได้จับด้านปลายของไม้ถูพื้นกระทุ้งใส่กลางหน้าอกของร่างหมอกาดำ ทำให้บุรุษผู้นี้ถอยหลังออกไปกุมจุดที่ถูกโจมตี
"กระผมรูว่าท่านหวาดกลัวต่อการที่รู้ว่าตนเป็นโรคนะขอรับ..แต่ท่านควรจะตั้งสติให้เสียก่อนอย่าได้หวาดกลัวไปนะขอรับ กระผมจะช่วยรักษาคุณให้หายเอง" หมอกาดำเอ่ยขึ้นแล้วยืนนิ่งไปพักหนึ่ง เพีงแต่สิ่งที่เคลื่อนที่ในตอนนี้ไม่ใช่มัน แต่เป็นเหล่าศพทั้งหกที่ถูกผ่าตัด พวกมันลุกขึ้นมาดั่งคนที่ยังมีชีวิต แล้วมองไปเจฟเป็นตาเดียว ก่อนจะกรีดร้องแล้ววิ่งตรงมาที่เจฟ
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงคว้ามีดทั้งสองจากใต้แขนเสื้อมาถือไว้บนฝ่ามือ แล้วพุ่งร่างไปในทิศทางที่ศพเหล่านั้นพุ่งมา ศพหนึ่งพยายามจะโจมตีเขาด้วยเล็บที่แหลมคม มือข้างนั้นพุ่งมาที่บริเวณท้องของชายหนุ่มแต่ด้วยความที่รวดเร็วกว่า ทำให้เจฟหลบการโจมตีไปได้ เขาวิ่งไปตรงกำแพงใกล้เคียง แล้วกระโดดไปที่กำแพง ก่อนจะเท้าทั้งสองดีดร่างของตนให้พุ่งไปใส่เหล่าศพที่จะมาโจมตีเขา เขาหมุนร่างเป็นพายุฟาดฟันเหล่าศพเดินดินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดฉากด้วยการใช้มีดแทงไปที่หัวใจเรียงตัว เจฟมองที่ศพเหล่านั้นครู่หนึ่ง แต่กลับฉุกคิดได้ถึงบางอย่าง เขารีบหันไปในทิศทางที่หมอกาดำยืนอยู่ทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้ว หมอกาดำได้มาอยู่ประชิดตัว มันใช้ฝ่ามือของมันสัมผัสบริเวณใบหน้าของเจฟบังเกิดความเจ็บปวดอันมหาศาลแก่ชายหนุ่ม เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เจ้าหมอกาดำกลับไม่สนใจ มันปลดเสื้อของเจฟออก ก่อนจะหยิบมีดผ่าตัดจากในเสื้อคลุมของมันขึ้นมาผ่ากลางหน้าอกของเจฟ แต่เมื่อมันผ่าเสร็จกลับพบว่ารอยแผลที่ถูกผ่ากลับสมานเป็นเนื้อเดียวกันอย่างรวดเร็ว
"คุณช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆนะขอรับ..บาดแผลจากการผ่าตัดกลับสมานหายไปได้ในชั่วพริบตา แต่ความสามารถนี้แหละขอรับ ที่จะฆ่าตัวคุณเอง" หมอกาดำเอ่ยขึ้น ก่อนจะผ่าอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันใช้มือของมันแหวกผิวหนังของเจฟออกมาไม่ให้เกิดการฟื้นฟูอีก ก่อนจะหยิบเข็มที่ร้อยด้ายแล้วมาหกเล่ม มันนำเข็มเหล่านั้นเจาะที่บริเวณผิวหนังของเจฟที่มันผ่าออกเมื่อเสร็จมันก็นำเข็มเหล่านั้นปักที่พื้น "เท่านี้คุณก็ไม่สามารถขัดขืนได้แล้วละขอรับ"
ผิวหนังและกล้ามแนื้อถูกผ่าออกมาจนเจฟเห็นซี่โครงและอวัยวะภายในร่างกายของตนอย่างชัดเจน เจฟที่ตอนนี้ถูกกดหัวเอาไว้นั้นไม่สามารถยันหัวขึ้นมาได้ เขาจึงจับมีดทั้งสองฟันไปที่หมอกาดำ แต่ไม่สำเร็จ หมอกาดำกลับจับมีดทั้งสองได้แล้วพุ่งแทงไปที่ฝ่ามือของเจฟทันที ทำให้ตอนนี้มือทั้งสองที่เคยใช้มีดโจมตีกลับถูกมีดเหล่านั้นทำร้ายซะเอง มันแทงทะลุพื้นจนเจฟไม่สามารถขยับฝ่ามือออกจากจุดนั้นได้เลยแม้แต่น้อย ทางหมอโรคจิตก็กำลังทำการหักกระดูกซี่โครงของเจฟทิ้งก่อนจะจับไปที่หัวใจของชายหนุ่มพร้อมสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมากมหาศาลแก่เขา
"ได้เวลาเริ่มทำการรักษาแล้วล่ะขอรับ" หมอกาดำเอ่ยขึ้น มันเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อคลุมหยิบสารเคมีบางอย่างออกมา มันเทใส่ภายในหน้าอกและภายนอกหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของเจฟ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดหลั่งไหลออกมา
เมื่อหมอกาดำใส่สารเคมีชนิดนั้นเสร็จ กำลังจะเตรียมเทสารเคมีชนิดต่อไปใส่ภายในหน้าอกที่ถูกเปิดอ้าของเจฟ แต่กลับทำไม่สำเร็จเพราะท่อนขาของชายหนุ่มเตะร่างของหมอกระเด็นออกไปก่อนจะชายหนุ่มใช้กลไกลวดสลิงดึงมีดทั้งสองที่ปักมือของนกลับไปไว้ใต้แขนเสื้อตามเดิม เจฟจับไปที่หัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของตนแล้วนำเก็บใส่ไว้ที่เดิม แล้วจึงดึงเข็มทั้งหกที่ปักตรึงผิวหนังและกล้ามเนื้อของตนออกทั้งหมด ทำให้ความสามารถฟื้นฟูทำงานอีกครั้ง มันซ่อมแซมรอยบาดเจ็บของหัวใจ ใบหน้า ฝ่ามือ และผิวหนังจนเชื่อมต่อกันดังเดิม ในเวลานั้นเองเจ้าหมอกาดำก็ลุกขึ้นมาพอดี มันรีบก้าวเท้าพุ่งตัวมาที่เจฟ แต่ด้วยความชำนาญด้านการต่อสู้ เจฟย่อตัวลงไปจับไม้ถูพื้นที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนจะเบี่ยงร่างพร้อมลุกขึ้นมาฟาดใส่ท้ายทอยของหมอกาดำอย่างแรง ทำให้มันล้มลงนอนแน่นิ่งที่พื้น
เจฟยืนมองที่ร่างของหมอกาดำสักพักนึงก็นึกขึ้นได้ เขารีบหันไปมองที่นาฬิกาข้อมือของเขาทันที
"เลโอน่าจะไปถึงห้องแล้วนี่หว่า!!!" เจฟเอ่ยด้วยความตกใจ ก่อนจะวิ่งไปตามเส้นที่ภายในนาฬิการะบุไว้
แต่ชายหนุ่มไม่ได้ฉุกคิดถึงบางสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ภายในร่างกาย บางสิ่งที่พลังการฟื้นฟูไม่สามารถขับมันออกมาได้ ...สารเคมีปริศนาที่หมอกาดำใส่เข้าไปในหน้าอกของเขานั้นยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเจฟอยู่
"มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหลังจากนี้..โปรดติดตามตอนต่อไป" ลอสต์เอ่ยออกมา หลังจากที่เขาออกมาจากฉากในเนื้อเรื่อง ที่ภายนอกมีเพียงแต่สีดำมืด
"เอ่อ..ลอสต์ นายมาทำอะไรอยู่ที่นี่" พิงกาเมน่าเอ่ยถามในขณะที่เธอกำลังนั่งจิบชาในถ้วยสีชมพูอยู่
"ชั้นมาเป็นโฆษกให้กับเรื่องนี้ไง พยายามจะหารายได้" ลอสต์ตอบกลับ "แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ..พิงกี้"
"ชั้นไม่มีบทในชาปเตอร์นี้ก็เลยมานั่งจิบชาเงียบๆคนเดียวในที่มืดๆ" พิงกาเมน่ายกขามานั่งไขว่ห้าง ก่อนจะยกถ้วยชามาจิบเล็กน้อยแล้วเลื่อนลงไปไว้ตามเดิม
"อีกอย่าง..ชั้นไม่ใช่พิงกี้พาย ชั้นคือพิงกาเมน่า ไดอาเน่ พาย ..เรียกให้ถูกๆด้วย" เธอพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งเย็นชา
"จ้าา! แม่หัวชมพู" ลอสต์พูดติดตลก แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ลอสต์จึงหันมาที่จุดๆหนึ่งแล้วจึงเอ่ยตามหน้าที่โฆษกต่อ "เอาเป็นว่าติดตามตอนต่อไปด้วยละกันนะครับ"
ก่อนที่ฉากที่เหมือนกับการ์ตูนของยุโรปจะปิดตัวลง บทสนทนาบางอย่างก็หลุดรอดออกมาจากฉากที่ปิดตัวลง
"พี่ๆ ผมได้ค่าตัวเท่าไหร่"
"อ้าว..คุณบอกว่าจะมาช่วยผมฟรีนิ"
"อันนั้นผมพูดเล่น"
"อืม..งั้นไม่ทันแล้วละครับ ตังไม่เหลือแล้วครับ"
"นี่..นี่..นี่แปลว่า..ผมมาทำงานให้คุณฟรีเหรอครับ"
"จะพูดอย่างนั้นก็ถูกครับ เอ่อ..ผมมีงานต่อขอไปก่อนนะครับ"
"กรอด...ไอ้สิ่งมีชีวิตประเภทที่ยี่สิบ ไอ้สิ่งมีชีวิตที่ลากไก่ไปกินน้ำ ไอ้สิ่งมีชีวิตที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า 'Varanus salvator' อย่าให้พ่อเจออีกนะพ่อจะสับแม่งให้เละ"
"แต่ก่อนที่แกจะไปสับชาวบ้าน..แม่ขอสับหัวแกก่อนละกัน บังอาจรบกวนความสงบของชั้น"
"พิงกาเมน่า..พิงกาเมน่า ใจเย็นๆๆๆ ...อ๊ากกกก!!!"
.
.
.
'R.I.P Doctor Lost Secret - พิงกาเมน่า'
'ตูยังไม่ตายเฟ้ย!!! - ลอสต์'
'อยากตายจริงๆมั้ยล่ะ - พิงกาเมน่า'
'ไม่อยากครับแม่ T-T - ลอสต์'
ผมต้องกล่าวขอโทษท่านผู้อ่านทุกท่านที่ห่างหายจากนิยายเรื่องนี้กันไปนานพอสมควร แต่ครั้งนี้ผมจะกลับมาสานต่อเจตนารมย์ของนิยายเรื่องนี้จนจบ ไทม์ไลน์นั้นถูกวางไว้แล้ว เหลือเพียงการเขียนเนื้อเรื่องเท่านั้น ผมขอบอกว่าหลังจากจบภารกิจทั้งสาม เหล่าเอสซีพีหน้าใหม่ๆจะเพิ่มเข้ามาอยู่ในเนื้อเรื่องมากขึ้น และต้องขอขอบคุณทางคุณ FactoryNovel และคุณ SPRIE ที่ให้คำแนะนำและกำลังใจ และขอขอบคุณทุกๆท่านผู้อ่านที่ยังคงติดตามนิยายเรื่องนี้อยู่ถึงแม้ว่านิยายเรื่องนี้จะค่อนข้างจบเร็วไปมาก มีเนื้อเรื่องเพียง 40 ตอนโดยประมาณ แต่ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ
“ทางผมพร้อมแล้วล่ะครับ..คุณเจฟ” ชายไร้หน้าผู้มีอายุมากกว่าพันปีกล่าวขึ้น “หากจะเริ่มแผนการแล้วช่วยบอกผมด้วยนะครับ”
“เดี๋ยวชั้นบอกนายให้นะสเลนดี้..ลาละ” เจฟกล่าวเสร็จ เขาก็ปิดระบบสื่อสารทันทีก่อนจะเดินตรงไปที่ลอสต์ที่กำลังพูดคุยบางอย่างอยู่
นักวิจัยลึกลับผู้สวมชุดกันหนาวสีดำ มีฮู้ดปิดบังใบหน้าถึงแม้ว่าภายในฮู้ดและชุดนั้นจะไม่มีสิ่งใดอยู่เลย เจฟเดินกรู่ตรงเข้าไปก็ได้พบกับลีโอน่าในชุดนักวิจัย เบน ดราวน์ ลาฟฟิ้ง แจ็ก บุชเชอร์ชาย แต่ที่สะดูดตาที่สุดคือบุรุษผู้อยู่ในชุดเกราะหนาของทหารหน่วยพิเศษที่กำลังถือปืนสไนเปอร์ไรเฟิลทันสมัยไว้ข้างกาย เพียงสายตาทั้งสองของเจฟสังเกตเห็น ฝ่ามือของเขาก็ผายออกทำให้มีดที่อยู่ภายในแขนเสื้อร่วงหล่นลงมาสู่มือของเขาก่อนจะเร่งฝีเท้าเตรียมโจมตี แต่ลอสต์ที่กำลังเอ่ยบางอย่างอยู่นั้นก็ต้องหยุดลงเพื่อมาหยุดยั้งเจฟไม่ให้เค้าทำร้ายทหารผู้นั้น แต่วิธีการของลอสต์มัน...
ปั้ก! ลอสต์ขัดขาของเจฟที่พุ่งตัวมาด้วยความเร็วสูงทำให้ใบหน้าของเจฟทิ่มและไถลไปไกลพื้นไปกว่าหนึ่งเมตรแล้วจึงแน่นิ่งไป ไม่นานเจฟก็ใช้มือทั้งสองยันร่างของตนขึ้น เขาหันหน้าที่ผิวหนังส่วนใหญ่ในบริเวณนั้นถูกเสียดสีจนเผาไหม้และมีรอยเลือดติดอยู่ที่บริเวณปาก เขามองไปทางลอสต์ด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ รอยแผลที่เกิดขึ้นนั้นไม่นานก็เริ่มหายไปเหลือไว้เพียงแต่คราบเลือดบริเวณปาก ที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะความสามารถพิเศษขั้นสุดยอดของเขา..การฟื้นฟู ซ่อมแซม และผลิตใหม่ หรือในอีกนามคือ ‘เดธเลสส์ ฮีลลิ่ง(Deathless’s Healing)’ ซึ่งเป็นชื่อที่ลอสต์ตั้งให้กับความสามารถการฟื้นฟูของเจฟ และเอเบิล
“พลังน่ะก็มีมหาศาลนะ..วิธีหยุดชั้นก็มีโค-ตะ-ระเยอะ เอ็งยังจะเลือกขัดขาตูอีกนะ” เจฟ เดอะ คิลเลอร์เอ่ยบ่นเล็กน้อยแล้วจึงยันตัวลุกขึ้น
"มีเหตุผลอะไรที่แกต้องช่วยมันด้วย" เจฟชี้นิ้วไปทางบุรุษสวมชุดเกราะหนักที่ยังคงนิ่งเฉย
"เจ้านี่เป็นคนรู้จักของชั้นในมิติที่สอง..ตอนนี้เจ้านี่ยังไม่สำคัญอะไรหรอก แต่ถ้าภารกิจของพวกนายล้มเหลว นายก็จะรู้ถึงความสำคัญของมันเองแหละ" ลอสต์กล่าวขึ้น พร้อมกับมีกล่องข้อความสามมิติและอีโมติคอนที่ทำท่าทางอารมณ์เสีย
"เรียก 'มัน' เลยเหรอ" เสียงภายใต้หน้ากากของทหารปริศนาถูกเปล่งออกมาเบาๆ แต่ด้วยความสามารถพิเศษของเจฟและลอสต์ ทำให้ทั้งสองได้ยินในสิ่งที่บุรุษปริศนาเอ่ยแล้วจึงเบือนหน้าไปทางผู้พูดทันที ทำเอาทหารผู้เข้มแข็งรู้สึกเกร็งทันที
"ไปที่กลุ่ม เดี๋ยวชั้นจะอธิบายถึงภารกิจให้" ลอสต์บอกชายปากฉีก ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปร่วมกลุ่มของภารกิจที่หนึ่ง
"ชั้นจะอธิบายพวกนายเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...แผนของพวกเราคือไปที่ศูนย์-76 เข้าไปที่ห้องของเอสซีพี 140 ไปเอาหนังสือที่อยู่บนโต๊ะมา รีบหนีแต่อย่าให้ใครสงสัยหรือจับได้ กลับไปที่คฤหาสน์เป็นอันจบภารกิจ" ลอสต์กล่าวถึงเรื่องแผนการที่เขาวางไว้ เมื่อเอ่ยเสร็จเขาก็เบือนหน้าหันมองรอบตัว แล้วจึงเอ่ยต่อ "มีใครจะถามอะไรมั้ย ถ้ามีก็รีบๆถาม ชั้นต้องรีบไปทำการวิจัยที่ไซต์ 189 ต่อ"
"มันจำเป็นด้วยเหรอค่ะ..ที่ชั้นต้องอยู่ร่างนี้" ลาอ้อนในร่างของหญิงสาวที่ถูกตั้งชื่อว่า 'เลโอน่า' ได้เอ่ยขึ้น
"จำเป็นมาก เพราะข่าวมันดังไปทั่วถึงร่างจริงของนาย..คนเค้าจำได้กันหมด ชั้นถึงต้องเปลี่ยนนายให้เป็นผู้หญิงตั้งแต่เนิ่นๆจะได้เกิดความเคยชินกับร่างนี้" ลอสต์ตอบคำถามของหญิงสาวผมสีเหลืองทอง แล้วจึงเอ่ยต่อ
"ในช่วงเวลานี้มีการขนส่งเอสซีพีระดับเซฟและยูคลิดเข้าออกศูนย์ 76 เยอะมาก ดังนั้นพวกผู้คุมและบุคคลภายในองค์กรจะเยอะมาก ทำให้ต้องระวังตัวสูง แต่ในทางกลับกันก็ทำให้สามารถแนบเนียนไปในฝูงชนได้ สำหรับหน้าที่ของเลโอน่าคือการไปเอาหนังสือเล่มนั้นมาโดยตรง ส่วนเบนจะคอยช่วยเหลือทางด้านการรบกวนเครื่องมือสื่อสารและบังกล้องวงจรปิด"
"แจ็คจะคอยตามติดเลโอน่าในสภาพที่อยู่ในจินตนาการ และเจฟฟฟ..." ลอสต์พูดชื่อของชายปากฉีกด้วยเสียงลากยาว "นายเป็นคนทำความสะอาด"
"ให้ตูเป็นคนทำความสะอาดเนี่ยนะ" เจฟแสดงท่าทางจะคัดค้าน แต่กลับถูกลอสต์ตัดบทไปซะก่อน
"นายไม่รู้หรอก..ไอ้คนทำความสะอาดขององค์กรนี่น่ะมันเป็นยังงายย.." ลอสต์พูดด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก บรรยากาศดำมืดแผ่ขยายออกไปทั่วร่างของชายปริศนา ทำเอาบางคนเริ่มแสดงท่าทางหวาดกลัว ยกเว้นแต่เจฟ บุชเชอร์ ชายและเพื่อนทหารต่างมิติที่มีเพียงอาการแค่ขาสั่นในขณะที่ยังคงทำหน้านิ่งเฉย
"เอสซีพีจ้างพนักงานทำความสะอาดไปมากกว่าร้อยพันคน แต่ไม่มีใครจะอยู่ในศูนย์ได้นานถึงหนึ่งวัน บ้างก็ลาออกตั้งแต่วันแรกบ้างก็ตายตั้งแต่วันแรก และมีเพียงไม่กี่สิบคนที่รอดพ้นจากวันแรก แต่ก็ลาออกหรือตายในวันอื่นๆ เหลือเพียงไม่ถึงห้าคนที่ยังคงทำงานอยู่ในองค์กร " เจฟเริ่มมีเหงื่อออกแล้วขาเริ่มสั่นมากขึ้น ลอสต์ที่สังเกตเห็นก็(น่าจะ)แสดงสีหน้ายิ้มถึงแม้ว่าจะไม่มีใบหน้าก็ตาม "ปอดแหกอย่างนี้จะไปปกป้องใครกันได้"
"ก็ได้! งั้นหน้าที่ของชั้นคืออะไร จะปกป้อง ไล่ฆ่า หรือทั้งสองอย่างตูก็ทำได้" เจฟเริ่มแสดงท่าทางโมโหกลับคำพูดของลอสต์ ขาที่เคยสั่นกลับมานิ่งมั่นคงดังเดิม นักวิจัยปริศนาเริ่มยิ้มกว้างขึ้นอีกถึงแม้ว่าจะไม่มีใบหน้า ศีรษะ หรือร่างกายก็ตาม
"แล้วคนทำความสะอาดเค้าทำอะไรกันล่ะ..ทำความสะอาดไง" ลอสต์พูดติดตลก แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าจริงจังของเจฟ ลอสต์ก็ถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ "นายก็แฝงตัวเป็นพนักงานทำความสะอาดเข้าไปในศูนย์คอยตามป้องกันเลโอน่า ส่วนบุชเชอร์ชายกับเจ้านั่นจะช่วยคุ้มกันเมื่อแผนล้มเหลว"
ลอสต์กล่าวเสร็จสิ้นก็ดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ปรากฎเครื่องแต่งกายของพนักงานทำความสะอาดสีเทาขึ้นที่ร่างของเจฟทันที ส่วนเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมก็มาอยู่ในมือของลอสต์แทน นักวิจัยปริศนาดีดนิ้วอีกครั้งนึงบังเกิดผ้าปิดปาก หมวกสีเทา และไม้ถูพื้นลอยอยู่เบื้องหน้าของเจฟ เจฟยื่นมือไปจับผ้าปิดปากและหมวกมาสวมใส่ แล้วจึงหยิบไม้ถูพื้นมาไว้ข้างกาย
"ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม อีกไม่นานชั้นจะส่งพวกนายไปที่ศูนย์ 76 จริงๆแล้วก็อีกประมาณ...สาม สอง หนึ่ง.." เมื่อลอสต์เอ่ยจบ ทุกคนกลับเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว "เร็วดีนี่ ..ศูนย์ ขอให้โชคดี" ลอสต์ดีดนิ้วอีกครั้ง ทำให้เจฟและคนอื่นๆถูกวาร์ปหายไปจากสายตาของลอสต์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีตา(เหมือนเดิม)
เหล่าผู้กล้าทั้งหกปรากฎกายบริเวณใกล้เคียงกับจุดหมาย พวกเขามองไปรอบกายของตนก่อนจะเริ่มทำตามแผนการที่ลอสต์ได้วางไว้
'เอาล่ะ..บุชเชอร์ชายไปหลบตรงพุ่มไม้ใกล้ๆทางเข้า ส่วนมือสไนเปอร์ไปประจำที่บนตึกขององค์กรคอยสังเกตการณ์และคุ้มครองอีกห้าคนจากด้านบน' เสียงของลอสต์แล่นผ่านภายในหัวของผู้กล้าทั้งหก เหมือนกับการพูดคุยด้วยระบบสื่อสารระยะไกลที่พูดคุยกันภายในจิตใจ
'ส่วนเลโอน่า..เธอใส่ผ้าปิดปากเดินก้มหน้าเข้าไปทางประตูหน้า พยายามก้มหน้าและไม่ส่งเสียง ...เบน นายแทรกตัวเข้าไปในกล้อง คอยดูเลโอน่าอยู่ห่างๆ ถ้ากล้องวงจรปิดเห็นเธอให้นายรีบเข้ามารบกวนกล้องนี้ และแจ็ค นายใช้พลังเข้าไปอยู่ในจินตนาการของเลโอน่า คอยดูแลเลโอน่าเอาไว้ หากเกิดเหตุร้ายจริงๆค่อยปรากฎตัว"
'เจฟนายเข้าทางด้านหลังของศูนย์ คอยทำความสะอาดบริเวณใกล้ๆที่เลโอน่าอยู่'
'แล้วชั้นจะรู้ได้ยังไงว่าเลโอน่าอยู่ที่ไหน' เจฟเอ่ยถามทางโทรจิต แต่แล้วตรงข้อมือของเขาก็ปรากฎนาฬิกาข้อมือที่แสดงตำแหน่งของบางอย่าง ตรงกลางนั้นเป็นลูกศรสีขาว ส่วนเบื้องหน้านั้นเป็นวงกลมสีเหลือง เมื่อเขาเบือนหน้าไปทางด้านหน้าก็พบเลโอน่าพอดี 'เข้าใจละ'
'โอเค งั้นพวกนายทำตามแผนที่วางไว้ พยายามอย่าให้พวกมันเห็นพิรุธถ้าถูกจับได้พวกนายจะถูกฆ่าทั้งหมด..เข้าใจนะ' ลอสต์เอ่ยขึ้น
'เข้าใจแล้วละ' เจฟเอ่ยขึ้นภายในจิตใจ
'งั้นก็ไปกันได้แล้ว ตัดสาย..' ลอสต์เอ่ยเสร็จ ก็ไม่มีสัญญาณเสียงใดๆเกิดขึ้นอีกเลย
เจฟเปิดเครื่องสื่อสารของตนขึ้นแล้วจึงบอกให้สเลนเดอร์แมนเริ่มภารกิจของตน ก่อนจะปิดลงแล้วมองไปที่เลโอน่าที่มีเบนและลาฟฟิ้ง แจ็คคอยติดตามไปด้วยเข้าไปในทางเข้าหน้าองค์กร ทางเจฟที่เห็นก็ไม่ลีลอพร้อมจะเดินทางเข้าไป
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! เสียงเตือนถึงบางสิ่งดังขึ้นจากขึ้นจากข้อมือของเจฟ เขาเบือนหน้ามามองที่นาฬิกาข้อมือทันที นั่นทำให้เขาได้สังเกตเห็นถึงข้อความภายในนั้น
'เจฟ นายไม่ต้องเข้าข้างหน้า..ให้นายเข้าข้างหลังแทน ที่นี่ปกติทางเข้าข้างหลังศูนย์ไม่ค่อยมีคนคุม - ลอสต์'
เมื่อเจฟอ่านจบก็ก้าวเดินตรงไปที่ด้านหลังของศูนย์ทันที ด้วยความคล่องตัวและความว่องไวของตัวเขา ทำให้ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูทางด้านหลัง แต่กลับพบว่ามีผู้คุมขององค์กรกว่าสิบคน กำลังควบคุมการขนส่งบางอย่าง..น่าจะเป็นเอสซีพี แต่ยังไม่หมดเท่านั้น..ข้างหน้าประตูทางเข้ากลับมีผู้คุมอีกสามคนยืนคุมอยู่ พร้อมทั้งยังมีนักวิจัยเข้าออกเป็นจำนวนหลายสิบคน เจฟรีบเบี่ยงร่างมาหลบบริเวณพุ่มไม้ เพื่อไม่ให้เหล่าคนในองค์กรเอสซีพีสังเกตเห็น
"นี่น่ะเหรอ..ไม่ค่อยมีคนของเอ็งน่ะลอสต์" เจฟบ่นเบาๆ แต่ทันใดนั้นเสียงเตือนจากนาฬิกาข้อมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
'ชั้นบอกว่าถ้าปกติจะไม่ค่อยมีคนเดินไปมาไง..แต่นี่วันนี้น่าจะไม่ค่อยปกติ นายไม่ต้องเข้าทางประตูแล้ว ให้นายเข้าทางอื่นแทน - ลอสต์'
เจฟนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยด้วยความงงงวยออกมาเบาๆ "มันได้ยินเราพูดได้ยังไงเนี่ย"
แล้วเสียงเตือนจากนาฬิกาก็ดังขึ้นอีกครั้ง บังเกิดข้อความภายในจอของนาฬิกา 'ชั้นได้ยินหมดแระ..ใครพูดอะไร ทำอะไร คิดอะไร พลังของชั้นมันเชื่อมต่อกับบางสิ่งที่ถึงชั้นจะอธิบายไปนายก็ไม่เข้าใจ - ลอสต์'
"เฮ้อ..โอเค แล้วไงต่อ" เจฟเอ่ยด้วยความเบื่อหน่ายกับคำพูดของนักวิจัยแปลกประหลาดที่ชอบพูดในสิ่งที่เหนือกว่าความเข้าใจของมนุษย์
'จากตรงที่นายอยู่ ให้นายมองไปที่สิบเอ็ดนาฬิกาทางด้านบนอาคาร นายจะเจอกับทางเข้าช่องแอร์มันอยู่สูงสักประมาณสี่เมตรได้มั้ง!? ให้นายหลอกล้อความสนใจของพวกผู้คุมกับนักวิจัยแถวนั้นแล้วค่อยปีนเข้าทางช่องแอร์ - ลอสต์'
"แล้วจะหลอกล้อความสนใจมันยังไงล่ะ ดูท่าจะหลอกได้ยากพอสมควร..หนึ่งคนสองตา ถ้ารวมๆแล้วก็เกือบห้าสิบตาเข้าไปแล้ว" เจฟเอ่ยต่อ
'ที่นายพูดมาก็มีเหตุผลนะ มันก็ใช่อยู่ที่จะหาวิธีไหนหลอกล้อ ...อืม เอายังไงดี - ลอสต์'
"เออ..เอายังไงดีว่ะ คิดไม่ออกเลย" เจฟกุมขมับครุ่นคิดถึงวิธีที่จะหลอกล้อเหล่าคนในองค์กรที่ขวางกั้นทางเข้าศูนย์
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน.." เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านขวาของเจฟ เขาเบือนหน้าตัวเองไปอย่างช้าๆ ก่อนจะพบกับไอ้คนที่ชอบโผล่มาแล้วไม่บอกไม่กล่าว ทำเอาเจฟสะดุ้งโหยทันที ลอสต์เอียงคอเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยต่อ "นายยังไม่ชินอีกเหรอพวก"
"มันจะไปชินได้ยังไงกันเล่า..นายเกือบทำให้ชั้นหัวใจวายตายนะ" เจฟบ่นใส่นักวิจัยปริศนา
"ตายไปก็ไม่เป็นไร..ชั้นรับฝากลูกเมียนายให้" ลอสต์พูดติดตลก เขาทำท่าครุ่นคิดสักพักนึง แล้วจึงเอ่ยต่อ "เจนกับมิลโร่ไง"
"ไม่ใช่ซะหน่อย เจนน่ะเป็นแฟนชั้นก็จริง แต่มิลโร่น่ะไม่ใช่ลูกของชั้นจริงๆ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่นชอบในตัวชั้นกับเจนก็เท่านั้น" เจฟพูดโต้กลับลอสต์ไป "อีกอย่าง..ถึงชั้นตายไปก็ไม่ยอมให้เจนกับใครหรอกเฟ้ย"
"แล้วถ้าชั้นเป็นอย่างนี้..." ลอสต์ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ทำให้เกิดบางสิ่งขึ้น เสื้อกันหนาวของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว ภายใต้เงาที่เกิดขึ้นบดบังใบหน้าที่มีสันของจมูกและริมฝีปากนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขอบปากที่ฉีกขาดยาวพร้อมทั้งยังเปรอะเปรื้อนไปด้วยคราบเลือดที่แห้ง ชายผู้นี้เปิดดวงตาที่ดูไร้ชีวิตชีวาขึ้นมา ปรากฏนัยน์ตาสีขาวดุจหิมะ พร้อมกับจุดดำเล็กภายในนั้น ลอสต์นั้นได้เปลี่ยนร่างของตนไปเป็นเจฟ เดอะ คิลเลอร์ภายในเวลาเพียงสามวินาที เขาเบือนหน้าไปมองเจฟที่กำลังอ้าปากเหวอกับภาพที่ตนเห็น ลอสต์ยิ้มขึ้นแล้วจึงเอ่ยต่อ "นายจะยกเธอให้ชั้นมั้ย"
เจฟสะบัดใบหน้าไปมาเรียกสติให้หวนคืน แล้วจึงเอ่ยโต้กลับ "ถึงข้างนอกนายจะเป็นชั้น แต่ข้างในน่ะไม่ใช่ ...นายน่ะไม่ได้รักเธอ แต่ชั้นรักเธอ..ชั้นรักเจน!"
"ขอบคุณมาก..." ลอสต์เอ่ยขึ้นในขณะที่ร่างของเขากลับมาเป็นดังเดิม คำๆนี้สร้างความฉงนแก่เจฟเป็นอย่างมาก
"นายขอบคุณชั้นทำไม" เจฟแสดงสีหน้าสงสัย
"ชั้นอัดเสียงที่นายพูดเมื่อกี้ไว้แล้ว เดี๋ยวว่างๆจะไปเปิดให้ศรีภรรยาของนายฟัง" ลอสต์เอ่ยจบก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้วเดินออกไปจากพุ่มไม้ "ถือว่านี่เป็นค่าตอบแทนสำหรับการที่ชั้นต้องช่วยเหลือนายก็แล้วกัน"
"ไอ้ลอสต์..เอ็งไม่ตายดีแน่" เจฟกัดฟันกรอดด้วยความโกรธปนเปไปกับความอาย แต่เค้าก็กลับฉุกคิดได้ว่า "เอิ่ม..ไอ้ลอสต์มันไม่ตายนี่หว่า เจ้านี่เป็นอมตะนี่นา...แล้วตูจะฆ่ามันยังไงฟะเนี่ย!"
ทันที่ลอสต์เดินออกไปจากพุ่มไม้ เจฟก็เงี่ยหูฟังพร้อมกับดูสถานการณ์
"เฮ้! พวกนาย..." ลอสต์กล่าวออกไป ทำให้เหล่าผู้คุม และนักวิจัยหลายๆคนหยุดกิจที่ตนทำอยู่ แล้วเบือนหน้าหันมองเขา
"ที่ไซต์ 283 ต้องการผู้คุมกับนักวิจัยอย่างละสามคนไปทำงานที่นั่น" ลอสต์กล่าวเชิญชวน ทำให้เหล่านักวิจัยและผู้คุมแถวนั้นเริ่มปรึกษากัน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ว่าไซต์นั้นเป็นยังไง เอสซีพีระดับคีเตอร์เยอะมั้ย หัวหน้าเป็นผู้หญิงผู้ชาย ลอสต์ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวต่อ "ที่ไซต์ 283 เป็นไซต์ที่รวบรวมเอสซีพีระดับเซฟไว้มากที่สุด แล้วยังเป็นไซต์ที่เลื่อนระดับได้ง่ายๆ ถ้าทำงานดีน่ะนะ"
เพียงลอสต์เอ่ยจบเหล่าผู้คุมและนักวิจัยต่างแย่งยกมือขอไปทำงานที่ไซต์นั้นทันที ลอสต์ที่ทำการเบี่ยงเบนความสนใจสำเร็จก็เอ่ยกับเจฟจากทางโทรจิต 'ตอนนี้แหละ..ไปเลย'
เจฟพยักหน้าแล้วจึงขว้างมีดที่อยู่ในแขนเสื้อพุ่งไปปักที่กำแพงของอาคารใกล้ๆช่องระบายอากาศ ก่อนจะกดเครื่องมือดึงลวดสลิงที่ติดมีดของเขา ทำให้ร่างของเจฟทะยานขึ้นสู่อากาศ พุ่งไปในทิศทางที่มีดปักไว้ เมื่อไปถึงเขารีบเปิดบานพับของช่องระบายอากาศ มุดร่างของเขาเข้าไปแล้วจึงยื่นมือของตนมาเก็บมีดที่ปักไว้ที่กำแพงให้กลับไปใต้แขนเสื้อดังเดิม
หลังจากที่เข้ามาภายในช่องระบายอากาศ เจฟก็ค่อยๆคืบคลานมาตามเส้นทาง อย่างเชื่องช้าและเงียบเชียบด้วยความระมัดระวังทำให้ไม่เกิดเสียงใดๆขึ้นหรืออาจเบาๆมากจนแทบไม่ได้ยิน เขาเคลื่อนที่ไปมาภายในช่องระบายอากาศสักระยะหนึ่งก่อนจะพบทางออก เขาเปิดบานพับขึ้นอย่างระมัดระวัง แล้วจึงชะเง้อหน้าออกไปดูลาดราว เมื่อสำรวจดูแล้วว่าไม่มีคนเขาก็ทิ้งตัวลงมาที่พื้นอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะจับที่ปีกหมวกสีเทาแล้วทำเป็นเดินกวาดพื้นไปเรื่อยๆตามสัญญาณแผนที่ เขาเดินกวาดไปมา คอยหลีกเลี่ยงจากสายตาของเหล่าผู้คุมและนักวิจัย ก่อนจะเดินไปพบกับบางสิ่งที่ดูแปลกประหลาดออกไปจากผู้คุมและนักวิจัย
...บุรุษปริศนาในเสื้อคลุมสีดำที่มิดชิดกำลังนั่งยองๆไป ทำอะไรบางอย่างกับเหล่าศพของผู้คุมกว่าหกนายที่ถูกฆ่าตาย
บุรุษผู้นี้นั่งหันหลังให้กับเจฟ ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ แต่กลับรู้ได้ว่า...หายนะกำลังจะมาเยือน เจฟจึงรีบก้าวเท้าหนีทันที แต่ทันใดนั้น!!!
"คุณจะไปไหนเหรอขอรับ..." เสียงแหบแห้งของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากบุรุษผู้นั้น สร้างบรรยากาศน่าหวาดผวาแก่เจฟเป็นอย่างมาก "กระผมยังไม่ได้รักษาโรคให้คุณเลยนะขอรับ"
"คุณจะรักษาผมทำไม..ผมไม่ได้เป็นโรคอะไรสักหน่อย" เจฟตอบออกไปด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่ภายในจิตใจกลับเกิดความกลัวขึ้น
"เป็นสิขอรับ..กระผมสัมผัสถึงมันได้" บุรุษในชุดคลุมหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา ก่อนจะทำการผ่าตัดศพของผู้คุมคนหนึ่ง แล้วจึงใส่ของเหลวบางอย่างลงไป "โปรดรอสักครู่นะขอรับ..เดี๋ยวกระผมจะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากโลกนี้เอง กระผมหมายถึงโรคน่ะขอรับ"
คำพูดของบุรุษปริศนาสร้างบรรยากาศความน่าหวาดกลัวขึ้นมามากแต่เจฟเริ่มตั้งสติได้ แต่มันกลับช้าเกินไป เพราะชายในชุดคลุมนั้นได้ทำการเย็บบาดแผลจนเสร็จสิ้นแล้ว มันยืนขึ้นมา ทำให้เจฟได้รู่ว่าตัวมันสูงกว่าตัวเขาในระดับหนึ่ง มันเก็บอุปกรณ์กลับไปภายในเสื้อคลุม แล้วจึงเบือนร่างของตนไปทางเจฟ และนั่นเป็นครั้งที่ทำให้เจฟได้เห็นว่ามันใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ หน้ากากที่ถูกเรียกว่า..หมอกาดำ ที่เจฟเคยได้อ่านเกี่ยวกับคนเหล่านี้จากหนังสือประวัติศาสตร์ยามเป็นเด็ก แต่สิ่งที่เขาสงสัยนั่นคือ หมอกาดำที่ควรจะอยู่ในยุคศตวรรษที่ 15-16 ทำไมถึงมาอยู่ในที่แห่งนี้และเวลานี้ได้
"ช่วงเวลานี้แหละขอรับ..กระผมจะรักษาท่านจากกาฬโรคเองขอรับ" หมอกาดำเอ่ยออกมา
"สมัยนี้ไม่มีใครเค้าเป็นกาฬโรคกันแล้ว..แกจะมารักษาชั้นทำไม ชั้นไม่ได้เป็นนะเฟ้ย" เจฟเริ่มขึ้นเสียง แต่ทางหมอประหลาดกลับยังคงนิ่งเฉย
"ผู้ป่วยไม่ควรทำการสนทนามากนะขอรับ..ทุกลมหายใจที่คุณพ่นออกมา ทำให้อากาศเป็นพิษนะขอรับ ดังนั้นกรุณาอย่าเอ่ยปากพูดนะขอรับ" หมอกาดำเอ่ยจบ ก็ย่างก้าวเข้าไปใกล้เจฟขึ้นเรื่อย เจฟเห็นดังนั้นก็ได้จับด้านปลายของไม้ถูพื้นกระทุ้งใส่กลางหน้าอกของร่างหมอกาดำ ทำให้บุรุษผู้นี้ถอยหลังออกไปกุมจุดที่ถูกโจมตี
"กระผมรูว่าท่านหวาดกลัวต่อการที่รู้ว่าตนเป็นโรคนะขอรับ..แต่ท่านควรจะตั้งสติให้เสียก่อนอย่าได้หวาดกลัวไปนะขอรับ กระผมจะช่วยรักษาคุณให้หายเอง" หมอกาดำเอ่ยขึ้นแล้วยืนนิ่งไปพักหนึ่ง เพีงแต่สิ่งที่เคลื่อนที่ในตอนนี้ไม่ใช่มัน แต่เป็นเหล่าศพทั้งหกที่ถูกผ่าตัด พวกมันลุกขึ้นมาดั่งคนที่ยังมีชีวิต แล้วมองไปเจฟเป็นตาเดียว ก่อนจะกรีดร้องแล้ววิ่งตรงมาที่เจฟ
ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงคว้ามีดทั้งสองจากใต้แขนเสื้อมาถือไว้บนฝ่ามือ แล้วพุ่งร่างไปในทิศทางที่ศพเหล่านั้นพุ่งมา ศพหนึ่งพยายามจะโจมตีเขาด้วยเล็บที่แหลมคม มือข้างนั้นพุ่งมาที่บริเวณท้องของชายหนุ่มแต่ด้วยความที่รวดเร็วกว่า ทำให้เจฟหลบการโจมตีไปได้ เขาวิ่งไปตรงกำแพงใกล้เคียง แล้วกระโดดไปที่กำแพง ก่อนจะเท้าทั้งสองดีดร่างของตนให้พุ่งไปใส่เหล่าศพที่จะมาโจมตีเขา เขาหมุนร่างเป็นพายุฟาดฟันเหล่าศพเดินดินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดฉากด้วยการใช้มีดแทงไปที่หัวใจเรียงตัว เจฟมองที่ศพเหล่านั้นครู่หนึ่ง แต่กลับฉุกคิดได้ถึงบางอย่าง เขารีบหันไปในทิศทางที่หมอกาดำยืนอยู่ทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้ว หมอกาดำได้มาอยู่ประชิดตัว มันใช้ฝ่ามือของมันสัมผัสบริเวณใบหน้าของเจฟบังเกิดความเจ็บปวดอันมหาศาลแก่ชายหนุ่ม เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เจ้าหมอกาดำกลับไม่สนใจ มันปลดเสื้อของเจฟออก ก่อนจะหยิบมีดผ่าตัดจากในเสื้อคลุมของมันขึ้นมาผ่ากลางหน้าอกของเจฟ แต่เมื่อมันผ่าเสร็จกลับพบว่ารอยแผลที่ถูกผ่ากลับสมานเป็นเนื้อเดียวกันอย่างรวดเร็ว
"คุณช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆนะขอรับ..บาดแผลจากการผ่าตัดกลับสมานหายไปได้ในชั่วพริบตา แต่ความสามารถนี้แหละขอรับ ที่จะฆ่าตัวคุณเอง" หมอกาดำเอ่ยขึ้น ก่อนจะผ่าอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันใช้มือของมันแหวกผิวหนังของเจฟออกมาไม่ให้เกิดการฟื้นฟูอีก ก่อนจะหยิบเข็มที่ร้อยด้ายแล้วมาหกเล่ม มันนำเข็มเหล่านั้นเจาะที่บริเวณผิวหนังของเจฟที่มันผ่าออกเมื่อเสร็จมันก็นำเข็มเหล่านั้นปักที่พื้น "เท่านี้คุณก็ไม่สามารถขัดขืนได้แล้วละขอรับ"
ผิวหนังและกล้ามแนื้อถูกผ่าออกมาจนเจฟเห็นซี่โครงและอวัยวะภายในร่างกายของตนอย่างชัดเจน เจฟที่ตอนนี้ถูกกดหัวเอาไว้นั้นไม่สามารถยันหัวขึ้นมาได้ เขาจึงจับมีดทั้งสองฟันไปที่หมอกาดำ แต่ไม่สำเร็จ หมอกาดำกลับจับมีดทั้งสองได้แล้วพุ่งแทงไปที่ฝ่ามือของเจฟทันที ทำให้ตอนนี้มือทั้งสองที่เคยใช้มีดโจมตีกลับถูกมีดเหล่านั้นทำร้ายซะเอง มันแทงทะลุพื้นจนเจฟไม่สามารถขยับฝ่ามือออกจากจุดนั้นได้เลยแม้แต่น้อย ทางหมอโรคจิตก็กำลังทำการหักกระดูกซี่โครงของเจฟทิ้งก่อนจะจับไปที่หัวใจของชายหนุ่มพร้อมสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมากมหาศาลแก่เขา
"ได้เวลาเริ่มทำการรักษาแล้วล่ะขอรับ" หมอกาดำเอ่ยขึ้น มันเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อคลุมหยิบสารเคมีบางอย่างออกมา มันเทใส่ภายในหน้าอกและภายนอกหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของเจฟ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดหลั่งไหลออกมา
เมื่อหมอกาดำใส่สารเคมีชนิดนั้นเสร็จ กำลังจะเตรียมเทสารเคมีชนิดต่อไปใส่ภายในหน้าอกที่ถูกเปิดอ้าของเจฟ แต่กลับทำไม่สำเร็จเพราะท่อนขาของชายหนุ่มเตะร่างของหมอกระเด็นออกไปก่อนจะชายหนุ่มใช้กลไกลวดสลิงดึงมีดทั้งสองที่ปักมือของนกลับไปไว้ใต้แขนเสื้อตามเดิม เจฟจับไปที่หัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของตนแล้วนำเก็บใส่ไว้ที่เดิม แล้วจึงดึงเข็มทั้งหกที่ปักตรึงผิวหนังและกล้ามเนื้อของตนออกทั้งหมด ทำให้ความสามารถฟื้นฟูทำงานอีกครั้ง มันซ่อมแซมรอยบาดเจ็บของหัวใจ ใบหน้า ฝ่ามือ และผิวหนังจนเชื่อมต่อกันดังเดิม ในเวลานั้นเองเจ้าหมอกาดำก็ลุกขึ้นมาพอดี มันรีบก้าวเท้าพุ่งตัวมาที่เจฟ แต่ด้วยความชำนาญด้านการต่อสู้ เจฟย่อตัวลงไปจับไม้ถูพื้นที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนจะเบี่ยงร่างพร้อมลุกขึ้นมาฟาดใส่ท้ายทอยของหมอกาดำอย่างแรง ทำให้มันล้มลงนอนแน่นิ่งที่พื้น
เจฟยืนมองที่ร่างของหมอกาดำสักพักนึงก็นึกขึ้นได้ เขารีบหันไปมองที่นาฬิกาข้อมือของเขาทันที
"เลโอน่าจะไปถึงห้องแล้วนี่หว่า!!!" เจฟเอ่ยด้วยความตกใจ ก่อนจะวิ่งไปตามเส้นที่ภายในนาฬิการะบุไว้
แต่ชายหนุ่มไม่ได้ฉุกคิดถึงบางสิ่งที่ถูกทิ้งไว้ภายในร่างกาย บางสิ่งที่พลังการฟื้นฟูไม่สามารถขับมันออกมาได้ ...สารเคมีปริศนาที่หมอกาดำใส่เข้าไปในหน้าอกของเขานั้นยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเจฟอยู่
"มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหลังจากนี้..โปรดติดตามตอนต่อไป" ลอสต์เอ่ยออกมา หลังจากที่เขาออกมาจากฉากในเนื้อเรื่อง ที่ภายนอกมีเพียงแต่สีดำมืด
"เอ่อ..ลอสต์ นายมาทำอะไรอยู่ที่นี่" พิงกาเมน่าเอ่ยถามในขณะที่เธอกำลังนั่งจิบชาในถ้วยสีชมพูอยู่
"ชั้นมาเป็นโฆษกให้กับเรื่องนี้ไง พยายามจะหารายได้" ลอสต์ตอบกลับ "แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ..พิงกี้"
"ชั้นไม่มีบทในชาปเตอร์นี้ก็เลยมานั่งจิบชาเงียบๆคนเดียวในที่มืดๆ" พิงกาเมน่ายกขามานั่งไขว่ห้าง ก่อนจะยกถ้วยชามาจิบเล็กน้อยแล้วเลื่อนลงไปไว้ตามเดิม
"อีกอย่าง..ชั้นไม่ใช่พิงกี้พาย ชั้นคือพิงกาเมน่า ไดอาเน่ พาย ..เรียกให้ถูกๆด้วย" เธอพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งเย็นชา
"จ้าา! แม่หัวชมพู" ลอสต์พูดติดตลก แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ลอสต์จึงหันมาที่จุดๆหนึ่งแล้วจึงเอ่ยตามหน้าที่โฆษกต่อ "เอาเป็นว่าติดตามตอนต่อไปด้วยละกันนะครับ"
ก่อนที่ฉากที่เหมือนกับการ์ตูนของยุโรปจะปิดตัวลง บทสนทนาบางอย่างก็หลุดรอดออกมาจากฉากที่ปิดตัวลง
"พี่ๆ ผมได้ค่าตัวเท่าไหร่"
"อ้าว..คุณบอกว่าจะมาช่วยผมฟรีนิ"
"อันนั้นผมพูดเล่น"
"อืม..งั้นไม่ทันแล้วละครับ ตังไม่เหลือแล้วครับ"
"นี่..นี่..นี่แปลว่า..ผมมาทำงานให้คุณฟรีเหรอครับ"
"จะพูดอย่างนั้นก็ถูกครับ เอ่อ..ผมมีงานต่อขอไปก่อนนะครับ"
"กรอด...ไอ้สิ่งมีชีวิตประเภทที่ยี่สิบ ไอ้สิ่งมีชีวิตที่ลากไก่ไปกินน้ำ ไอ้สิ่งมีชีวิตที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า 'Varanus salvator' อย่าให้พ่อเจออีกนะพ่อจะสับแม่งให้เละ"
"แต่ก่อนที่แกจะไปสับชาวบ้าน..แม่ขอสับหัวแกก่อนละกัน บังอาจรบกวนความสงบของชั้น"
"พิงกาเมน่า..พิงกาเมน่า ใจเย็นๆๆๆ ...อ๊ากกกก!!!"
.
.
.
'R.I.P Doctor Lost Secret - พิงกาเมน่า'
'ตูยังไม่ตายเฟ้ย!!! - ลอสต์'
'อยากตายจริงๆมั้ยล่ะ - พิงกาเมน่า'
'ไม่อยากครับแม่ T-T - ลอสต์'
ผมต้องกล่าวขอโทษท่านผู้อ่านทุกท่านที่ห่างหายจากนิยายเรื่องนี้กันไปนานพอสมควร แต่ครั้งนี้ผมจะกลับมาสานต่อเจตนารมย์ของนิยายเรื่องนี้จนจบ ไทม์ไลน์นั้นถูกวางไว้แล้ว เหลือเพียงการเขียนเนื้อเรื่องเท่านั้น ผมขอบอกว่าหลังจากจบภารกิจทั้งสาม เหล่าเอสซีพีหน้าใหม่ๆจะเพิ่มเข้ามาอยู่ในเนื้อเรื่องมากขึ้น และต้องขอขอบคุณทางคุณ FactoryNovel และคุณ SPRIE ที่ให้คำแนะนำและกำลังใจ และขอขอบคุณทุกๆท่านผู้อ่านที่ยังคงติดตามนิยายเรื่องนี้อยู่ถึงแม้ว่านิยายเรื่องนี้จะค่อนข้างจบเร็วไปมาก มีเนื้อเรื่องเพียง 40 ตอนโดยประมาณ แต่ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ