Creepypasta Family The Broken Myth
เขียนโดย Leragan
วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.43 น.
แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 14.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) การไล่ล่า (Manhunt)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภายในหน่วยงานหลักขององค์กรเอสซีพี ฟาวด์เดชั่น ภายในหน่วยงานนี้มีเพียงแค่เหล่านักวิจัย ผู้คุม และสิ่งที่เป็นของเอสซีพี จำพวกสัตว์ประหลาดและสิ่งของที่มีพลังพิเศษต่างๆ โดยเจ้าพวกนี้จะถูกทำการทดลอง บ้างก็ลองให้มาฆ่าล้างกัน บ้างก็ทดสอบผลกระทบ ในหน่วยงานนี้ เหล่านักวิจัยและผู้คุมต่างเดินสวนทางกันไปมา พวกเขาเดินไปตามทางเพื่อไปยังจุดหมายของพวกเขา แต่มีนักวิจัยคนหนึ่งเดินไปในเส้นทางที่ไร้ซึ่งคนเดิน เขาเดินไปเรื่อยก่อนจะพบกับประตูที่ทำจากโลหะพิเศษเพื่อป้องกันห้องนี้จากเหตุการณ์เอสซีพีอาละวาด เขาหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะป้อนรหัสผ่านไปบนเครื่อง หลังจากนั้นไม่นานนักประตูก็ถูกเปิด ชายคนนั้นจึงได้เข้าไปก่อนที่ประตูจะถูกปิด ในห้องนี้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับคนๆเดียวเท่านั้น และยังมืดสนิท
"โอฟายฟ์เรพอร์ต" นักวิจัยคนนี้กล่าวขึ้น หลังจากนั้นก็มีแสงมารอบทิศทาง โดยมันเป็นแสงจากหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่ากับหน้าจอโทรทัศน์ โดยภายในหน้าจอเหล่านั้นนั้นล้วนมีบุคคลปริศนาที่ถูกความมืดบดบังร่างกาย
"โอฟายฟ์อะกรี...ท่านมีเหตุจำเป็นสิ่งใดจึงต้องใช้เครื่องเอสอาร์โออาเธนน่าทรีซิกตี้วันในเวลานี้ ถ้าสิ่งที่ท่านกำลังจะพูดกับพวกเราอยู่นั้นไม่สำคัญ พวกเราจะยกเลิกการสนทนาครั้งนี้ทันที พวกเรากำลังประชุมกันเรื่องชายปริศนาที่ขัดขวางกระบวนการของเอสซีพีอยู่ ดังนั้นพวกเราไม่มีเวลาทั้งวัน จงรายงานในสิ่งที่ท่านต้องการรายงานมาเลย" ชายคนหนึ่งในหน้าจอพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด
"สิ่งที่ผมจะรายงานคือสิ่งที่พวกท่านกำลังประชุมกันอยู่ เรามีข้อมูลอัปเดตใหม่จากข้อมูลเดิม ท่านช่วยพิจารณาต่อหัวข้อนี้ที่ผมรายงานด้วย" นักวิจัยที่อยู่ลำพังในห้องสนทนาหมู่กล่าวอย่างสุภาพ และรอคำตอบ
"อนุมัติ...กล่าวต่อได้เลยท่านนักวิจัย เรากำลังฟังท่านอยู่" ทุกคนในหน้าจอเอ่ยกล่าวพร้อมกัน
"ตามที่พวกเราได้ทำการหาข้อมูลจากหลักฐานอันน้อยนิด ซึ่งได้แก่ ชายปริศนาคนนี้มีผิวสีเทา ข้อมูลจากการใช้กล้องซูมไปในบริเวณดวงตาก็บ่งบอกว่าตัวชายคนนั้นไม่มีลูกตามีแต่ความว่างเปล่า สารสีดำที่ระบุไม่ได้ที่ตกอยู่ตรงที่ที่ชายคนนั้นยืนในเวลานั้น แต่สารนี้มีพลังในการกัดกร่อนสูงมาก รวมถึงยังยับยั้งการซ่อมแซมเซลล์ของสิ่งมีชีวิต และอย่างสุดท้ายจากการให้การของผู้คุมที่เผชิญหน้ากับชายปริศนารายนี้ทุกๆนาย บอกให้การเหมือนกันว่าสิ่งที่อยู่ในถุงกระดาษนั้นเป็นอวัยวะไตของสัตว์บางชนิด ซึ่งคาดว่าไตน่าจะเป็นสิ่งที่ชายคนนี้รับประทาน" นักวิจัยอธิบายข้อมูลต่างๆอย่างละเอียด "ตามที่เหล่านักวิจัยที่มาช่วยผมค้นหาสิ่งเหล่านี้เพื่อสืบค้นว่าชายคนนี้เป็นใคร และแล้วเหล่านักวิจัยทุกคนก็ได้ข้อสรุปที่เห็นตรงกัน คือชายคนนี้อาจจะเป็นฆาตกรปริศนาชื่อดังในอินเทอร์เน็ตที่ชื่อ อายเลส แจ็ก"
"จากข้อมูลเก่าที่ทางหัวหน้านักวิจัยให้กับเรามานั้นมันเป็นไปได้จริงๆ ทางเราทุกๆคนจะขอพิจารณาเรื่องนี้กันสักครู่" ชายคนเดิมในหน้าจอกล่าวขึ้นก่อนที่ทุกคนในหน้าจอจะหันหลังกลับไป ไม่นานนักพวกเขาก็หันกลับมา "พวกเรามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเราจะต้องจับตัวชายคนนี้มาให้ได้ แม้จะต้องพลิกแผ่นดินหาก็ตาม เจ้าสารสีดำนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราถือไพ่สูงกว่าเหล่าพวกผู้ต่อต้านอีกด้วย ดังนั้นจงไปเตรียมทำในสิ่งนี้ ทางเราจะทำให้รัฐบาลมาเห็นด้วยกับเราเอง และถ้าสื่อหรือคนในหน่วยงานใดๆถามให้บอกไปว่ามันเป็น 'ปฏิบัติการการไล่ล่าพวกตัวประหลาดเพื่อป้องกันอนาคตจากการถูกโจมตี' จบการสนทนาเพียงเท่านี้ โอฟายฟ์มีททิ่งเอนด์"
"รับทราบครับท่าน" นักวิจัยคนนี้เอ่ยก่อนจะเดินออกไปจากห้องที่ตอนนี้กลับไปมืดสนิทอีกครั้ง
หลังจากวันที่นักวิจัยคนหนึ่งได้ทำการคุยกับโอฟายฟ์เรื่องชายปริศนาซึ่งตอนนี้ได้ผ่านมาเป็นเวลาสองอาทิตย์แล้ว มีข่าวลือออกมาว่ารัฐบาลได้จับมือกับเอสซีพีเพื่อไล่ล่าและกำจัดเหล่ามนุษย์ที่ลักษณะแปลกประหลาด เนื่องมาจากเข้าข่ายพวกผู้ติดเชื้อจากสารสีดำของฆาตกรอายเลส แจ็ก โดยในเวลานี้มีผู้ถูกล่าตามลักษณะได้เสียชีวิตไป 2 คน และมีบางส่วนยอมมอบตัวกับเอสซีพี ในขณะนี้มีจำนวน 13 คน และมีข่าวลือออกมาอีกว่ามนุษย์ที่มีลักษณะต่างๆ เหล่านี้ที่ยังเหลือรอด พวกเขาได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มปกป้องมนุษย์ หรือ พีเอชจี พวกเขาได้อยู่อย่างปลอดภัยในนั้นอย่างลับๆ โดยไม่ให้เอสซีพีรู้ แต่เวลานี้เอสซีพีได้ล่วงรู้แล้ว และได้บอกว่าผู้ที่อยู่ในแหล่งที่อยู่ของพีเอชจี ถ้ายังไม่ยอมมอบตัว ทุกคนในนั้นจะต้องถูกฆ่าตาย และยังบอกอีกว่าพวกเขาดักรออยู่หน้าที่อยู่ลับของพีเอชจีแล้ว ถ้ายังไม่ยอมมอบตัวภายในช่วงเวลาสิบหกนาฬิกา พวกเขาจะต้องทำตามในสิ่งที่บอกในข้างต้น
"นี่มันเผด็จการชัดๆ นี่พวกมันสั่งการกำจัดมนุษย์เป็นว่าเล่นเลยรึ" เจน เดอะ คิลเลอร์ พูดคัดค้านการกระทำขององค์กรเอสซีพี ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างคิดชื่นชมเธอ ก่อนจะทำหน้าบอกกับตัวเอง 'ตูคิดผิด' "ชั้นเลยออกไปซื้อเสื้อผ้าไม่ได้เลย"
"จากสิ่งต่างๆ นี้ที่หนังสือพิมพ์บอกไว้ ผมคิดว่าเขาต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแฝงอยู่อย่างแน่นอน" มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้าพูดขึ้น "ดังนั้น พวกเราทุกคนในช่วงนี้อย่าพึ่งออกไปจากที่นี่ เพราะเมื่อยามกลับมามันอาจจะสืบเนื่องตามมาที่นี่ได้ ทุกคนรับทราบมั้ย...เอ้ะ..อย่าพึ่งนะ คุณเจฟกับคุณโทบี้หายตัวไป"
หลังจากบุรุษผิวฟ้าพูดขึ้น ทุกคนก็หันไปมามองหาเจฟ เดอะ คิลเลอร์ กับทิกกิ โทบี้ แต่ก็ไม่พบ และทันใดนั้นสเลนเดอร์แมนที่วาร์ปหายไป ก็กลับมา
"มีดของเจฟกับขวานคู่หมายเลขสองของทิกกิ โทบี้หายไปครับ ท่าน..มิสเตอร์ครีปปี้พาสต้า" สเลนเดอร์กล่าวต่อชายผิวฟ้าในขณะโน้มคำนับ
"ตาบ้าเอ้ย! ถ้าถูกจับไป จะไม่พูดด้วยตลอดชาติเล้ยย ฮือ..ฮึก..ฮึก" คล็อกพูดขึ้นด้วยท่าทางโมโหก่อนจะร้องไห้ เพราะเป็นห่วงคนที่รัก ส่วนเจน เดอะ คิลเลอร์ก็ทำท่างเป็นห่วงเจฟอย่างลับๆ เพื่อไม่ให้มีใครรู้ว่าเธอนั้นได้แอบชอบเจฟ เดอะ คิลเลอร์บ้างในบางส่วน
ในที่พักพิงของผู้ถูกล่า ในที่แห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยเหล่าคนที่กำลังใช้ชีวิตหลบซ่อนอย่างหวาดกลัว ถึงแม้ว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะยังปลอดภัยจากผู้ล่า แต่ตอนนี้กลับเป็นการรอคอยการจับกุมเท่านั้น เพราะภายนอกมีพวกเอสซีพีรอจับกุมอยู่เต็มทางเข้าที่พัก เหล่าพวกพีเอชจี ผู้ใจบุญกลับต้องโดนทารุณอยู่หน้าที่พักพิง
"เอ็งจะตอบมั้ย..ฮ่ะ!!" ผู้คุมคนหนึ่งตะคอกใส่ชายที่เป็นพวกพีเอชจีอย่างรุนแรง พร้อมกับต่อยและถีบชายคนนั้นอย่างรุนแรง
"ฉันไม่มีวันบอกแกหรอก..ไอ้พวกชั่ว ต่อให้ชั้นต้องตายก็ไม่มีทาง" ชายคนนั้นพูดอย่างไม่มีความเกรงกลัว
"ไอ้สลัดเอ้ย..เอ็งอยากตายมากใช่มั้ย ด้ายยย! เดี๋ยวข้าจัดให้" ผู้คุมคนนั้นเตะเข้าไปที่ท้องของชายผู้โชคร้ายอย่างเต็มแรงก่อนจะสั่งการผู้คุมคนอื่นๆ "เฮ้ย! ฆ่าไอ้นี่ดิ..เชือดไก่สักตัวให้ฝูงลิงมันดู มันจะได้รู้ว่าพวกมันควรจะทำอะไร"
หลังจากนั้นผู้คุมคนหนึ่งที่มาตามคำสั่ง เขาหยิบปืนพกขึ้นมา และจ่อไปที่หัวของเหยื่อ เขานั้นกำลังจะกดลั่นไก แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะ
"ช้าก่อน!!!" เสียงนั้นมาจากชายที่ใส่เสื้อกันหนาวสีขาว ฮู้ดจากเสื้อของเขาปิดบังใบหน้าของชายผู้นั้น ด้วยเสียงนั้นทำให้ทุกคนในที่นี้ หันมามองเป็นตาเดียว
"ไม่ต้องสนว่ามันเป็นใคร..ยิงมันให้พรุนเลย" หลังจากได้คำสั่ง ผู้คุมทุกคนก็ยิงชายในฮู้ดสีขาวด้วยอาวุธที่ตนเองมี ทั้งปืนไรเฟิลจู่โจม ปืนพก ปืนกลหนัก และปืนอีกหลายประเภทไม่หยุด จนปืนทุกกระบอกไร้ซึ่งกระสุน
ชายในฮู้ดสีขาวขณะนี้อยู่ในสภาพที่ถูกยิงจนตัวพรุน เลือดไหลเต็มร่าง แต่ก็ยังคงยืนอยู่อย่างมั่นคง โดยร่างที่พรุนของเขานั้นดูเหมือนกำลังค่อยๆฟื้นฟูกลับมาเป็นเช่นเดิม
"ไอ้ตัวประหลาดเอ้ย!!! จัดมันอีกสักชุดสิว่ะ...เอ่อ" ผู้คุมคนนั้นพูดด้วยภาษาที่แย่ และสั่งผู้คุมคนอื่นให้ยิงชายในฮู้ดสีขาวอีกรอบ แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนมาสัมผัสไหล่ของเขาก่อน จึงทำให้ผู้คุมคนอื่นๆ ไม่สามารถยิงได้
"ได้โปรด..หยุดยิงสักพักนึงนะจอน ไอ้หนูเมื่อกี้เธอจะพูดอะไรนะ..ก่อนถูกยิงน่ะ" ชายที่ใช้มือสัมผัสไหล่ของผู้คุมจอน พูดขึ้น ดูจากเครื่องแบบแล้วนั้นเป็นของทหารยศสูงพอตัว
"ขอบคุณท่านมากที่สั่งหยุดยิง ไม่งั้นเสื้อผมขาดหมดแน่" ชายในฮู้ดสีขาว โค้งขอบคุณ ในขณะที่ผู้คุมจอนมองแบบว่า 'ที่ชั้นสั่งยิงมานี่..มีค่าแค่เสื้อกันหนาวตัวนึงเหรอฟ้ะ'
"ที่ผมจะพูดก็คือ...ช่วยปล่อยคนเหล่านั้นจะได้มั้ย พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ดังนั้นได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะครับ" ชายในฮู้ดสีขาวพูดในขณะที่ยังโค้งอยู่
"ชั้นก็อยากจะปล่อยไปหรอก แต่มันเป็นคำสั่งจากทางเบื้องบน..ชั้นเป็นเพียงแค่พลตรี ไม่มีอำนาจสั่งการหรือขัดขืนได้หรอก..ขอโทษด้วย ผู้คุมจอนทำตามหน้าที่ต่อได้เลย" พลตรีนายนั้นเดินกลับไปที่รถของตนเอง พร้อมสั่งการผู้คุมจอนให้ทำหน้าที่ต่อ
"ชั้นไม่อยากจะทำอย่างนี้เลยนะแต่..มันไม่มีทางเลือกนี่" ชายในฮู้ดสีขาวพูดด้วยเสียงเบาๆ ก่อนจะถอดฮู้ดสีขาวบนหัวของเขา มันทำให้เห็นใบหน้าของชายคนนี้อย่างชัดเจน เขาคนนี้เป็นชายผมสีดำ ผิวสีขาวซีด ปากของเขานั้นฉีกไปจนครึ่งแก้ม พร้อมกับทอแววตาที่วิปริต "สงสัยจะต้องลงมือเองซะแล้ว"
"นั่นมัน!! เจฟ เดอะ คิลเลอร์ นี่..ไอบ้าเอ้ย พวกเอ็งอย่ายืนนิ่งสิว่ะ ยิงมันให้เละเลย..ยิง!!!" ผู้คุมจอนสั่งยิงด้วยเสียงที่หวาดหวั่นเล็กน้อย
เหล่าลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากกระบอกปืนออกมาอย่างถี่รัว แต่ก็ไม่สามารถพุ่งโดนร่างกายหรือแม้แต่เสื้อของเจฟ เดอะ คิลเลอร์ ที่กำลังพุ่งเข้าหากลุ่มผู้คุมด้วยความเร็วสูง ในขณะที่ใกล้จะถึงเป้าหมาย เจฟขยับข้อมือขวาจนเกิดเสียงกลไกดังคริ้ก แล้วมีดของเขาก็เลื่อนมาโผล่ที่มือขวา โดยมีดนั้นถูกพันติดกับเชือกโลหะบางๆอยู่ เขาขว้างมีดในมือไปที่แขนซ้ายของผู้คุมจอน ทำให้ผู้คุมจอนไถลไปทางด้านซ้าย เจฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูงนั้นก็ได้กระโดดเหยียบเข่าและหน้าของผู้คุมจอน ไปในกลางอากาศ ก่อนจะกดกลไกดึงมีดที่เสียบร่างของผู้คุมจอนอยู่ ทำให้ร่างผู้คุมจอนนั้นมาตามเส้นเชือกโลหะ เจฟหมุนตัวกลางอากาศก่อนจะทุ่มร่างของผู้คุมจอนลงไปที่กลุ่มผู้คุม ด้วยแรงต่างๆนั้น ทำให้ร่างของจอนพุ่งลงที่พื้นด้วยความเร็วสูงมาก ทำให้ผู้อยู่ด้านล่างถูกแรงกระแทกอย่างแรงจนบางคนถึงกับสลบไปเลย แต่เจฟยังคงไม่หยุด เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงไปฟาดฟันใส่ผู้คุมคนอื่นอย่างรวดเร็ว แต่แล้วเขาก็ดันสะดุดศพขณะหมุนตัว ทำให้เสียหลักล้มลง ขณะที่ล้มผู้คุมจอนที่ฟื้นมาในสภาพระบมนำมีดยาวที่หลังของเขาออกมา แล้วตั้งท่าที่จะแทงใส่เจฟที่กลางอก
"เวรเอ้ย!!" เจฟอุทาน ก่อนที่มีดยาวของจอนจะแทงลงที่กลางอกของเจฟ แต่ก่อนจะได้แทงนั้นก็มีขวานสั้นปริศนาแทงหลังของจอนแล้วกระชากจอนไปหาเจ้าของของขวานสั้น
"นึกว่าแกจะไม่ช่วยชั้นแล้วนะ..โทบี้"เจฟพูดขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมตั้งท่าสู้ "หนึ่งคนหัวหาย สองคน'เพื่อน!?'ตายล่ะว่ะ ยังไงสำนวนของคนเอเชียสำนวนนี้มันก็เป็นความจริง"
"เออ...มันก็เป็นความจริง จริงๆนั่นแหละ..แต่นายรู้มั้ย ความจริงมันเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดนั้นแหละจะตาย" บุรุษที่มีนามว่า โทบี้ พูดในขณะที่นำขวานจากร่างของผู้คุมจอนออกมาจากหลัง แล้วทุบเข้าไปที่ท้ายทอยของจอนอย่างแรง ทำให้จอนสิ้นสติและทิ้งตัวนอนราบไปกับพื้น
"พลตรีคับ..พวกเราถูกโจมตีแล้วครับท่าน กองกำลังของผู้คุมเอสซีพีกำลังถูกเล่นงานอยู่คับ" ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้าไปบอกผู้นำของตนที่กำลังจะเข้าไปในรถของตน
"ใครล่ะที่มาโจมตีน่ะ" พลตรีหันกลับมาพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความกล้าหาญ
"เด็กหนุ่มที่ท่านได้สนทนาด้วยน่ะครับ แท้จริงแล้วเขาคือเจฟ เดอะ คิลเลอร์ ฆาตกรปริศนาครับท่าน" ทหารนายนั้นกล่าวถึงผู้โจมตีคนแรก แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้พลตรีเกิดความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
"แล้วอีกคนล่ะเป็นใคร" พลตรีพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งเช่นเคย
"เด็กหนุ่มปริศนาใช้ขวานคู่เป็นอาวุธครับท่าน ถ้าผมฟังไม่ผิด เจฟ เดอะ คิลเลอร์ เรียกเด็กคนนี้ว่า โทบี้ ครับท่าน" หลังจากชื่อของเด็กหนุ่มปริศนาหลุดออกมา มันก็ได้ทำให้พลตรีที่มีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตลอด กลับเปลี่ยนเป็นทำสีหน้าเคร่งเครียด
"ทหาร!! เตรียมกองกำลังติดอาวุธทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้..ด่วน! เราจะต้องจัดการกำจัดเจ้าเด็กถือขวานนั่นให้เร็วที่สุด" พลตรีสั่งนายทหารคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่มีความหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย
"ท่านครับ..ทำไมท่านถึงดูหวั่นแปลกๆ" นายทหารคนนั้นถามด้วยความสงสัย
"ที่ชั้นดูหวั่น ก็เพราะกำลังคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นถ้าเราไม่จัดการเจ้าเด็กถือขวาน ถ้าชั้นเดาไม่ผิด เจ้าเด็กนั่นน่าจะเป็นทิกกิ โทบี้ ทิกกิ โทบี้น่ะเคยสู้กับทหารนับหมื่นด้วยตัวคนเดียวอยากไม่หวาดหวั่น แล้วก็สามารถชนะได้ ไม่มีเวลาแล้ว..เตรียมสั่งทัพโจมตีทิกกิ โทบี้ได้เลย ไม่ต้องรอชั้นสั่งยิง" พลตรีเข้าไปในรถ เข้าไปไม่นานก็ออกมาด้วยเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไปจากเครื่องแบบยศทหารกลายเป็นชุดเกราะหนักที่ทำจากโลหะหลากหลายชนิดมาผสมกัน ทำให้เกิดเป็นหนึ่งในสิ่งที่คงกระพันที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยถูกเรียกสั้นว่า "เฮวี่" ที่ชื่ออย่างนี้ด้วยสาเหตุที่ว่ามันหนักซะจนยากที่จะเคลื่อนไหวในขณะที่ยกมัน และพลตรีก็ยังนำสิ่งนึงออกมาอีกด้วย นั่นก็คืออาวุธประจำตัวของเขา ซึ่งเป็นโล่ที่เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมที่มีขนาดยักษ์ยาวกว่าสามเมตรที่ทำจากทังสเตนคาร์ไบด์ โดยความสามารถของอาวุธชนิดนี้คือการที่สามารถเพิ่มน้ำหนักได้ตามต้องการ "เพราะพลตรีนอร์ทสตาร์คนนี้จะเข้าสู่สนามรบ"
"ครับท่าน!!!" นายทหารคนนั้นยืนตัวตรงทำความเคารพ ก่อนจะวิ่งออกไปเตรียมทัพโจมตีเด็กหนุ่มทั้งสอง
"ชั้นอยากจะรู้จริงๆเลยว่าข่าวลือของแกจะเป็นจริงหรือเปล่า..โทบี้" พลตรีนอร์ทสตาร์พูดกับตัวเองด้วยเสียงเบาๆ ก่อนจะวิ่งตามไป
ทหารและผู้คุมจำนวนราวๆห้าหมื่นนายกำลังล้อมวงถาโถมโจมตีใส่เด็กหนุ่มทั้งสองอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เด็กทั้งสองดูเหมือนจะได้เปรียบกว่าซะงั้น โดยเจฟ เดอะ คิลเลอร์ ใช้มีดสร้างกระบวนท่ากำจัดศัตรูอย่างรวดเร็ว ทั้งการหมุนตัวเป็นพายุมีด ทุ่มศัตรูลงพื้นเหมือนกับที่ทำกับผู้คุมจอน และอีกมากมายนับไม่ถ้วน ส่วนทางทิกิ โทบี้นั้นใช้ขวานคู่ของเขาตามปกติ แต่การกวัดแกว่งขวานทั้งสองของเขานั้นทำให้เกิดการโจมตีรอบตัว ทำให้โทบี้สามารถจัดการเหล่าผู้คุมและทหารได้มากกว่า ผ่านไปไม่ถึงห้านาที จำนวนทหารและผู้คุมก็ลดลงจนเหลือไม่ถึงห้าสิบนาย เจฟเล็งเป้าหมายก่อนจะพุ่งไปหาผู้คุมคนนึง แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปเฉือนผู้คุมคนนั้น รอยแตกของแผ่นดินก็เกิดขึ้น พร้อมกับแผ่นหินขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามาปะทะกับตัวเจฟอย่างแรง ทำให้เขากระเด็นออกไปห่างจากจุดเดิมหลายสิบเมตร ทิกกิ โทบี้หันไปมองเพื่อนที่ถูกโจมตี ซึ่งในตอนนี้กำลังสลบไม่ได้สติ แต่แล้วเมื่อโทบี้หันกลับมาก็พบกับวัตถุรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นก่อนจะถูกทิ้งลงมาอย่างรวดเร็วจนโทบี้นั้นไม่สามารถหลบได้ แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นมีดของเจฟก็ปักที่กลางหลังของโทบี้ และกลไกเชือกโลหะก็ทำงาน มันดึงโทบี้หลุดจากรัศมีการทำลายของวัตถุนั้นได้ทันท่วงที
"ถือว่าหายกัน..ชั้นไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร" เจฟพูดในขณะกำลังกอดอก
"เออ..ขอบคุณพ่อคนเก่ง แล้วจะเอาไงต่อ" โทบี้ถามเจฟด้วยความสงสัย
"จากที่นายจัดการพวกนั้นไปก็เหลือทหารอยู่แค่สองคนที่ยังพอสู้กับเราได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก" คำที่เจฟพูดนั้น ทำให้โทบี้เกิดความงุนงง แต่ก่อนที่เขาจะถาม เจฟก็พูดขึ้น "ไอ้ตาพลตรีนั่นน่าจะเป็นพลตรีนอร์ทสตาร์ที่เขาพูดกัน ชุดเกราะของเจ้านั่นน่ะทำจากหนึ่งในวัตถุที่คงกระพันที่สุดในโลก แล้วไอ้โล่นั้นก็แข็งเหมือนกัน แถมยังเปลี่ยนระดับน้ำหนักได้ตามใจผู้ถืออีก คือเอาง่ายๆนะ เล็งที่หัวไว้เลยเจ้านั่นไม่ได้ใส่หมวกคุมหัวมัน แต่อย่าเผลอฆ่ามันล่ะ ไม่งั้นพวกเบื้องบนจะแห่ขบวนทหารทั้งรัฐมาฆ่าเราแน่ๆ"
"โอเค..แต่ขอทำอะไรบางอย่างก่อน" โทบี้ดึงมีดที่ปักหลังของเขาออกก่อนจะเดินไปเผชิญหน้ากับพลตรีนอร์ทสตาร์ "พลตรี..ในตอนนี้น่ะแกแทบจะไม่เหลือเพื่อนร่วมรบแล้ว ถ้าเราทั้งสองร่วมมือกัน ก็คว่ำแกได้สบาย ดังนั้นยอมจำนนซะ"
"นี่แกคิดว่าชั้นจะไม่มีแผนสำรองหรือไง" พลตรีหัวเราะดังลั่นก่อนจะตะโกนชื่อของบางคนด้วยเสียงดังมาก "ไอโอน่า..เข้าสนามรบ"
หลังจากที่ชื่อนั้นถูกกล่าวออกมา หญิงสาวหุ่นดี ผมสีฟ้าราวกับท้องทะเลก็ปรากฎตัว ดูไปแล้วเธอน่าจะมีอายุไล่เลี่ยกับเจฟ และโทบี้ เธอใส่เสื้อกล้ามสีดำและกางเกงของทหารซึ่งขนาดใหญ่กว่าตัวเธอพอตัว เธอเดินมาอย่างช้าๆ และในขณะที่เกิดลมพัด เธอก็ได้อันตรธานหายไปจากสายตาของเด็กหนุ่มทั้งสอง เพียงเสี้ยววินาทีเกิดแรงลมที่เปลี่ยนไปบนศีรษะของทั้งสอง ด้วยลางสังหรณ์ทำให้พวกเขาดีดตัวออกจากจุดเดิม หลังจากนั้นจุดเดิมที่พวกเขายืนอยู่นั้นก็ถูกหมัดที่เปร่งแสงสีขาวของสตรีผมฟ้าต่อยเข้าไปอย่างเต็มที่จนพื้นเกิดระเบิด
"หมัดพลังช้างสารเหรอ..ไม่สิ แสงสีขาวนั่น..ไอโอน่าเหรอ ฮ่ะ..อย่าบอกนะว่ายัยนั่นคือไอโอน่า กำปั้นสยบยักษ์น่ะ" เจฟพูดออกมาอย่างตะลึง
"ใช่แล้วล่ะ..ชั้นคือคนที่นายบอกมานั่นแหละ พวกนายเก่งอยู่เหมือนกันนะเนี่ยจัดการพวกนี้ซะอยู่หมัด พ่อค่ะ..หนูขอเล่นกับสองคนนี้หน่อยนะค่ะ" สาวผมฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงหวาน และขอพ่อบุญธรรมของเธอเพื่อที่จะเล่นกับเจฟและโทบี้ การพูดแบบนั้นมันทำให้ทิกกิ โทบี้ เกิดอารมณ์เดือด มันทำให้เขาดูเหมือนเป็นพวกสัตว์ชั้นต่ำ
"ยัยบ้าเอ้ย..อยากจะเล่นมากใช่มั้ย..เดี๋ยวพี่จัดให้" โทบี้พูดอย่างยียวนกวนประสาท ลดผ้าปิดปากลงก่อนจะพุ่งตัวไปหาสาวผมฟ้า
เมื่อถึงระยะโจมตีทางฝ่ายสาวผมฟ้ายังคงยืนนิ่ง แต่โทบี้นั้นไม่ใช่ เพราะเขานั้นฟาดขวานทั้งสองไปที่ตัวของสตรีผู้นั้น แต่แล้วแขนที่เปร่งแสงสีขาวของไอโอน่าก็ปรากฎขึ้นมาทันที แขนข้างที่ปรากฎขึ้นมานั้นปัดขวานทั้งสองอย่างง่ายดาย ก่อนที่หมัดที่เปร่งแสงอีกข้างของเธอต่อยสวนกลับมาที่หน้าของโทบี้อย่างแรง แต่โทบี้ยังคงไม่ยอม เขาใช้ใบหน้าต้านพลังกำปั้นสยบยักษ์ของไอโอน่า ไอโอน่าจึงใช้ขาดีดตัวและเตะไปที่ลำคอของโทบี้อย่างแรง จนคอของโทบี้นั้นหักและผิดรูปร่าง ไอโอน่าเกิดความตกใจอย่างมาก เพราะเธอไม่ได้ต้องการฆ่าคน แต่แล้วร่างของโทบี้ที่หัวบิดไปอีกฝั่งก็เอ่ยเสียงแหบแห้งออกมา
"ชั้นน่ะมีหน้าที่หลอกล่อแกให้ออกจากเป้าหมายหลักของเราต่างหาก..คิดไว้บ้างนะ ยัยมหึมา" เธอหันหน้าไปในทางของพ่อที่ตอนนี้กำลังต่อสู้กับชายปากฉีกอย่างเสียเปรียบ เพราะถูกลอบกัดจากด้านหลัง เธอทั้งโกรธที่หลอกล่อเธอเพื่อที่จะให้เพื่อนของตนลอบกัดพ่อของตนจากด้านหลัง และโกรธในคำสุดท้ายที่โทบี้ใช้แทนเธอออกมา
"ไปตายซ้าาาา..เจ้าบ้าเอ้ย!" เธอดีดตัวเองขึ้นไปอยู่เหนือหัวของโทบี้ก่อนจะใช้ขาเรียวยาวที่เปร่งแสงสีขาวฟาดไปกลางศีรษะของโทบี้อย่างสุดแรง พื้นเบื้องล่างจึงเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เกิดควันมากมายและเมื่อควันจางหายไปก็พบร่างไร้สติของโทบี้ แต่ที่แปลกคือคอที่เบี้ยวหักนั้นได้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม แต่เธอไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิด เมื่อลมพัดอีกครั้ง เธอก็อันตรธานหายไป
'บ้าชะมัด! ชั้นอุตส่าห์ให้ข้อเสนอดีๆ มันยังไม่รับ สงสัยมีแค่ทางเดียว...' เจฟคิดในใจ เมื่อไม่มีทางเลือกเขาจึงต่อยไปที่หน้าของพลตรีอย่างเต็มแรงก่อนจะต่อด้วยการแทงเข่าเข้าใส่หน้า และจบด้วยการตีไปที่ท้ายทอยของพลตรีนอร์ทสตาร์อย่างแรง จนพลตรีไร้ซึ่งสติ และลงไปกับพื้นในสภาพที่คิ้ว จมูก และปากมีเลือดไหลออกมา หลังจากนั้นสาวผมฟ้าก็ปรากฎตัวมา แต่มันก็สายไปแล้ว เพราะพ่อบุญธรรมของเธอได้สิ้นสติในสภาพนองเลือด แต่เธอคิดว่าพ่อของเธอถูกฆ่าจึงแค้นเจฟมาก
"แกๆ..ไอ้ชั่วเอ้ย ไปตายซะ!!!" เธอตะโกนเสียงดังก่อนจะใช้หมัดที่อาบไปด้วยแสงสีขาวลักษณะเหมือนลูกบอลไฟที่ดูเหมือนจะมีพลังการทำลายมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า เธอต่อยไปที่ท้องของเจฟอย่างจนทะลุคามือ เลือดสาดกระเด็นไปตามพื้น ในคราวนี้เธอไม่รู้สึกตกใจอีกแล้ว เพราะตอนนี้มีแต่ความแค้น เธอเตรียมจะต่อยไปที่หน้าของเจฟอีกครั้ง แต่เธอกลับได้เห็นใบหน้ายิ้มอันสยดสยองของเจฟ ทำให้ความกล้าของเธอหายไปจนหมดสิ้น และแล้วก็มีบางสิ่งตีเข้ามาที่ท้ายทอยของเธอ นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอรู้สึกก่อนจะสิ้นสติ
"โทบี้..เอาตัวเธอไปให้สเลนเดอร์แมนก่อนเลย ชั้น..ขอ..พักก่อน..อ้อก" เจฟพูดด้วยเสียงไร้เรี่ยวแรงก่อนจะสลบไป
"นั่นไง!!" โทบี้อุทานขึ้น แต่เขาก็นำไอโอน่าไปขี่บนหลังของเขา ก่อนจะมองไปที่ป่าสเลนเดอร์ฟอเรสต์ที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา "ลำบากตูอีกแล้ว..."
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ