จงต้องสาปตราบนิจนิรันดร์ (the eternal curse)

7.0

เขียนโดย Lady_Madeline

วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 01.57 น.

  10 ตอน
  1 วิจารณ์
  11.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 เมษายน พ.ศ. 2558 02.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 6 เกรี้ยวกราด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 6เกรี้ยวกราด

 

                เมื่อประตูไม้หนาบานใหญ่ถูกเปิดออก ก็เผยให้เห็นภาพห้องโถงใหญ่ที่ตรงกลางมีโคมไฟระย้าที่น่าจะทำจากคริสตัลดูหรูหราให้แสงสว่างแก่ห้องอาหารในยามที่ดวงอาทิตย์เสร็จสิ้นหน้าที่ของตัวเอง ตรงกลางห้องโถงมีโต๊ะอาหารตัวยาวตั้งอยู่แต่มีเก้าอี้เพียงสองตัวเท่านั้น คือที่หัวโต๊ะด้านในสุดของและที่ท้ายโต๊ะซึ่งอยู่ติดกับประตู ตรงกลางของโต๊ะตัวยาวมีเพียงเชิงเทียนหนึ่งอันที่ตั้งไว้ แม้มันจะไร้ประโยชน์ในการให้แสงสว่าง แต่มันก็มีประโยชน์มากในแง่ของการตกแต่งพื้นที่ว่างบนโต๊ะตัวยาวไม่ให้ดูโล่งจนเกิดความรู้สึกอึดอัด

 

                "นั่งสิ" เชสเตอร์ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วที่หัวโต๊ะเอ่ยเสียงเรียบให้หญิงสาวนั่งประจำที่ที่ได้ถูกจัดไว้ เธอรู้สึกเกร็ง กลัวๆกล้าๆเมื่อสายตาของเชสเตอร์มองสบมายังเธอ ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังนายหนึ่งเดินเข้ามาแล้วเลื่อนเก้าอี้ที่มีพนักพิงใหญ่ให้เธอ เพื่อที่เธอจะได้นั่งได้สะดวก

 

                "ขอบคุณค่ะ" เธอพูดขอบคุณทหารนายนั้นหลังจากที่เธอจัดที่นั่งของเธอจนเรียบร้อยแล้ว และเมื่อนั้นความเงียบก็ปลุกคลุมห้องนี้ หญิงสาวมองอีกคนนั่งจ้องเธออยู่อีกฝากของโต๊ะ นัยน์ตาสีเทายังคงดูดุและน่ากลัวเสมอ แม้ใบหน้าของเชสเตอร์จะหล่อคมคาย และยิ่งดูดีมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาอยู่ในชุดที่เหมาะสมกับสง่าราศีของเขา เสื้อกำมะหยี่แขนยาวสีดำ ที่เป็นทรงรับกับรูปร่างองค์อาจ ผ้าคลุมไหล่ด้านหนึ่งสีทองอีกด้านเป็นสีดำช่วยทำให้เขาดูสง่า น่าเกรงขาม แต่ทว่าก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าชิ้นไหนที่ทำให้เขาดูอบอุ่น อ่อนโยน หรือน่าสมาคมด้วยเหมือนเซนวิกเลยแม้แต่น้อย

 

                ทันทีที่ช้อนส้อมมากมายนับสิบคู่ถูกวางลงบนโต๊ะอย่างเป็นแบบแผน หญิงสาวก็รู้สึกว่าอากาศหนักๆในห้องผ่อนคลายลง อย่างน้อยเธอก็เลือกที่จะมากังวลเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร ที่กว่าไปกังวลสายตาที่น่ากลัวของคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากที่เธอหยิบผ้าเช็ดปากซึ่งพับไว้สวยงามบนโต๊ะมากางบนตักตามที่เหลือบมองอีกคนที่หัวโต๊ะทำ อาหารจานแรก ซุปอะไรที่เธอไม่รู้จักได้มาเสิร์ฟ หญิงสาวมองช้อนส้อมนับสิบบนโต๊ะแล้วลังเลใจ เธอพยามเดาว่าช้อนคันไหนควรใช้ตักซุป จะเป็นคันเล็กสุด หรือคันใหญ่สุดละ แล้วคันที่เป็นรูปไข่ละจะใช่ไหม? แต่ถ้าเป็นคันเล็กก็จะตักซุปได้ไม่เยอะสิดังนั้นหญิงสาวจึงเลือกช้อนทรงกลมซึ่งอยู่ด้านนอกสุดมาตักซุป ซึ่งไม่มีเสียงติติงใดๆ เธอจึงลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วลิ้มรสซุปสีครีมนวล

 

 

                ทันทีที่ซุปสีครีมเข้าปาก หญิงสาวอมยิ้มอย่างมีความสุข เพราะรสชาติที่หวาน หอม กลมกล่อมละมุนลิ้นทำให้เธออดที่จะตักเข้าปากครั้งแล้ว ครั้งเล่าไม่ได้ แต่กลับผิดกับชายร่างสูงซึ่งนั้งอยู่ตรงข้ามเธอ เขาดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย ใบหน้าของเขาดูไม่มีชีวิตชีวา ดูไม่สดชื่น เหมือนคนท้องผูกไม่ถ่ายมาหลายวัน ไม่ก็สตรีที่รอบเดือนมาไม่ตรงเวลา ในขณะที่หญิงสาวยกผ้าเช็ดปากซึ่งอยู่ที่ตักขึ้นมาเช็ดริมฝีปากที่เลอะเทอะ เธอก็พลันเห็น ดอกกุหลาบสีแดงซึ่งมีกลีบดอกนิ่มราวกับกำมะหยี่ ที่เธอตั้งใจจะหยิบมาให้อีกคนตั้งแต่แรกนอนนิ่งอยู่บนตัก เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ซึ่งนั้นสร้างความแปลกใจให้กับเชสเตอร์ไม่น้อ

 

                แต่ไม่ทันที่เขาจะกล่าวถามอะไร หญิงสาวเดินมาจนถึงตัวเขา เธอส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับยื่นดอกกุหลาบดอกที่สวยที่สุดที่เธอเก็บมาในวันนี้ให้ชายหนุ่มผู้ใบหน้าดูอมทุกข์ โดยเธอหวังว่าเขาจะรู้สึกสดชื่น หรืออย่างน้อยๆก็อารมณ์ดีขึ้นที่ได้รับดอกกุหลาบดอกสวยที่เธอตั้งใจเลือกและเก็บมาให้เขาโดยเฉพาะ

 

                "ดอกกุหลาบดอกนี้เราตั้งใจเลือกให้ท่านเลยนะคะ" เธอพูดแล้วยิ้ม แต่ทว่าคนตรงหน้ากลับมีท่าทีที่เกรี้ยวกราด เขาคว้ากุหลาบออกจากมือถือ ก่อนเควี้ยงมันลงพื้นแล้วใช้เท้าบดขยี้มันซ้ำ นัยน์ตาสีเงินวาววับดูเดือดดาล

 

                "ข้าเกลียดดอกกุหลาบ!!"ชายหนุ่มตะคอกคนตัวเล็กกว่าเสียงดัง เธอหลับตาปี๋และเม้มปากเน้น

                "ระ...เรา แค่อยากให้ท่าน...อารมณ์ดีขึ้น" เธอพูดตะกุกตะกัก พร้อมกับความสั่นเครือที่เจือมาในน้ำเสียง และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะยิ่งหงุดหงิด เมื่อได้กลิ่นดอกกุหลาบคลุ้งออกมาจากตัวของหญิงสาว

                "ที่นี่ปราสาทของข้า เจ้าต้องทำตามที่ข้าต้องการ ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจเจ้าต้องการ!!!"เขาตวาดใส่คนตัวเล็กกว่าอีกครั้ง คราวนี้คนตัวเล็กไม่หยุดอยู่นิ่งให้เขาได้ต่อว่าอีกต่อไป เธอจิกมือลงบนเนื้อผ้าชั้นดีของกระโปรงแน่น ก่อนจะหันหลังแล้วรีบวิ่งออกจากห้องอาหารไปในทันที ชายหนุ่มที่ยังบรรดาโทสะทุบโต๊ะอาหารดังปัง ก่อนจะแผดเสียงเรียกให้เธอกลับมา แต่ทว่าท่าทีของสัตว์ร้ายไม่อาจจะรั้งนางฟ้าเอาไว้ได้ หญิงสาววิ่งออกไปไกลตามโถงทางเดินจนลับสายตาเขาไป

 

                ชายหนุ่มวิ่งออกจากห้องอาหาร หมายจะตามเธอให้ทัน จนกระทั้งเขาเห็น แจกันดอกไม้วางอยู่ที่โถงทางเดิน มันไม่เคยอยู่ตรงนี้มาก่อน เขาคว้าแจกันขึ้นมาแล้วโยนมันลงพื้นจนเกิดเสียงดัง แจกันเซรามิกแตกกระจาย ดอกไม้ที่อยู่ในแจกนั้นก็เช่นกัน กลับดอกสีแดงหลุดออกจากดอกและกระจายอยู่ทั่วพื้น และเมื่อชายหนุ่มเร่งฝีเท้าหมายตามหญิงสาวให้ทันอีก เขาก็เห็นแจกันกุหลาบอีกแจกันตั้งอยู่ เขาไม่ลังเลใจที่จะปัดมันทิ้ง ก็ดอกกุหลาบมันเป็นดอกไม้ที่เขาเกลียดยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด และเมื่อเดินมาเรื่อยเขาก็พบแจกันกุหลาบตั้งอยู่ตลอดความยาวของโถงทางเดิน แม้ในคราวนี้เขาจะไม่ได้ปัดมันลง แต่บรรดาโทสะในหัวเขาก็ไม่ได้สงบลงเลย จนเมื่อเดินมาถึงบานประตูสีน้ำตาลที่สุดโถงทางเดินของปีกตะวันออก

                ปัง! ปัง! ปัง!

                เสียงทุบประตูดังกึกก้องภายในห้องนอนสีสันสดใส หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงนอนกอดหมอนแล้วซุกหน้าลงไป แม้น้ำตาจะไม่ได้รินไหล แต่เธอก็ต้องช่วงเวลาสงบให้ได้สงบใจ เพราะคำพูด ทั้งน้ำเสียง และท่าทางของเชสเตอร์ที่เพิ่งพ่นใส่หน้าเธอมานั้นมันยังชัดเจนในมโนภาพ และอีกทั้งเสียงทุบประโตยังตอกย้ำความใจร้ายของอีกคน เธอก็ยิ่งไม่อยากออกไปพบเขา เธออยากอยู่เงียบๆคนเดียวมากกว่า

 

                "เปิดประตูเดี๋ยวนี้แซนด์! เจ้าต้องพูดกับข้าให้รู้เรื่อง!"คนข้างนอกตะโกนเข้ามา หญิงสาวที่ฟังอยู่ในห้องส่ายหน้าน้อยๆ

 

                "เราว่าท่านอย่าเข้ามาดีกว่าค่ะ....."น้ำเสียงสั่นเครือถูกส่งออกไป หญิงสาวนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง พร้อมมองทิวทัศน์รอบตัว "ในห้องของเรามีแต่กุหลาบ..."

 

                แต่ว่าสายเกินไป เชสเตอร์ใช้กำลังพังประตูเข้ามา ภาพที่เขาเห็นเบื้องหน้าคือดอกกุหลาบมากมายที่อยู่ในห้อง ทั้งในแจกันข้างเตียง แจกันที่โต๊ะเครื่องแป้ง ในกระถางที่พื้นที่ทางเดิน และอีกมามายที่อยู่บนพื้น รวมถึงบนที่นอน และในมือของเจ้าของห้อง

                "เราขอโทษค่ะ... เราไม่รู้ว่าท่านไม่ชอบ... เราขอโทษ ...." เธอพูดน้ำเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัวคนตรงหน้า เธอไม่กล้าแม้จะสบตาเขา เพราะเธอไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเดือดดาลแค่ไหน ในเมื่อต้องมาเห็นสิ่งที่เกลียดอยู่มากมายเต็มห้องนอน และตอนนี้เธอเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาเกลียดไปแล้วก็ได้

 

                "..." ทุกอย่างในห้องนั้นเงียบสนิท ไม่มีแม้เสียงลมหายใจ ไม่มีใครพูดอะไร และไม่มีกาลเคลื่อนไหวใด ทุกอย่างเหมือนทุกหยุดนิ่งไว้ซึ่งกาลเวลา แกรนด์ดยุคหนุ่มมองภาพเบื้องหน้าของเขา ดอกกุหลาบสีแดงที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆคลุ้ง กับหญิงสาวที่อยู่ในอาภรงดงามแต่ทว่าเธอกลับกอดหมอนก้มหน้าร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ คนอื่นคงเห็นว่ามันเป็นภาพที่ดูขัดแย้งกัน แต่สำหรับเขามันคือภาพสีดำที่มืดมน ดอกไม้แห่งความเจ็บปวด กับหญิงสาวที่ร้องไห้เพราะดอกไม้ มันเหมาะสมแล้ว

 

                ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปยังบานประตู แต่ตรงนั้นกลับว่างเปล่าเสียแล้ว ชายร่างสูงแสนใจร้ายจากไปแล้ว เธอถอนหายใจแล้วปาดน้ำตาที่เอ่อออกาอย่างไม่รู้ตัวออก พร้อมกับมองดอกกุหลาบที่แสนงดงามมากมายด้วยสายตาที่เศร้าสลด

 

                "ไม่เคยคิดเลยนะว่าของสวยงามแบบนี้ ในสายตาคนอื่นจะกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายไปได้" เธอเอ่ยกับดอกกุหลาบมากมายในห้อง พร้อมรอยยิ้มระคนความเศร้า

 

 

               

                เช้าวันนี้อากาศภายนอกปราสาทนั้นสดใสกว่าทุกวัน มีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วขับกล่อมอยู่ไม่ขาดสาย อาจจะเพราะเมื่อคืนฝนตกปรอยๆ เช้านี้จึงมีรุ้งสีสันสดใสพาดผ่านท้องฟ้าสีคราม กลิ่นอายแสนสดชื่นของดินอันอุดมน้ำลอยมาเป็นระยะ ชายหนุ่มเรือนผมสีดำกับนัยน์ตาสีฟ้ามองภาพนี้อย่างมีสุนทรียะในขณะที่รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าจอดที่ด้านหน้าของปราสาทหินสีขาว ซึ่งตั้งตระง่านอย่างองอาจอยู่เบื้องหน้าของเขา มันเป็นปราสาทที่ดูสวยและสง่างาม เหมาะสมกับฐานะของเจ้าของปราสาท แต่ทว่าเมื่อก้าวเท้าเข้ามาภายในปราสาท ทุกอย่างช่างผิดกับบรรยกาศภายนอกยิ่งนัก เหล่านางกำนัลกระวีกระวาดเก็บกวาดดอกไม้สีแดงสดใส่ตะกร้าขยะกันยกใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าตั้งคำถามสงสัย และเขารู้ว่าใครจะตอบเขาได้

                เซนวิกสาวเท้ายาวเดินเรื่อยไปตามที่เดิน เขาเห็นซากอารยะหล่นเกลื่อนอยู่ตามพื้น ทั้งกลีบดอกไม้และซากแจกันที่แตกร้าว ยาวไปตลาดทางจึงถึงห้องนอนของเจ้าของปราสาท มันเป็นดั่งที่เขาคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพียงแค่เขาหวังว่าผลลัพธ์นั้นจะเปลี่ยนไป

                "ดูเหมือนจะมีคนอารมณ์ไม่ดีนะครับ" เซนวิกถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเมื่อเห็นว่าประตูห้องไม่ได้ล็อก เขากวาดสายตาไปทั่วห้อง เห็นร่างสูงใหญ่ของแกรนด์ดยุคกำดอกกุหลาบสีแดงสดไว้ในมือ เขาปรายนัยน์ตาสีเงินวาววับราวโลหะมองคนที่มาใหม่อย่างไม่พอใจ

                "เจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดดอกกุหลาบยิ่งกว่าอะไร" ร่างลุกจากเตียงนอนแล้วหยิบดอกกุหลาบในมือติดมาด้วย เขามองเจ้าบุปฝาสีชาดนั้นด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า ไม่อาจจะอ่านอารมณ์ความรู้สึกได้เลยว่ากำลังโกรธ หรือเศร้า หรือเสียใจ

                "ข้ารู้ว่าท่านเกลียดมัน แต่นางไม่รู้ว่าท่านเกลียดมัน เหมือนกับที่ท่านไม่รู้ว่านางชอบมัน... ในเรื่องนี้ใครกันที่ควรผิด ข้า หรือนาง หรือท่าน?" คำพูดของเซนวิกชะงักอารมณ์ทั้งปวงของเชสไว้ทันท่วงที ใช่เขาผิดเองที่เอาอารมณ์ เอาเรื่องราวอันบัดซบในอดีตไปโยนใส่นาง

                "ดอกกุหลาบดอกนี้เราตั้งใจเลือกให้ท่านเลยนะคะ"

            "ระ...เรา แค่อยากให้ท่าน...อารมณ์ดีขึ้น"

            "เราขอโทษค่ะ... เราไม่รู้ว่าท่านไม่ชอบ... เราขอโทษ ...."

                คำพูด น้ำเสียง ท่าทางของแซนด์ทั้งหมด มันฉายย้อนกลับมาเพื่อตอกย้ำความคิดของเขาอีกครั้ง แกรนด์ดยุคหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปนั่งที่เตียงด้วยท่าทีและแววตาที่สงบมากขึ้น

                "หากคนไม่รู้นั้นไม่ผิด ท่านเองก็ไม่รู้ว่านางพยามเด็ดดอกกุหลาบมากแค่ไหนเพื่อจะประดับให้ทั่วปราสาท นางใช้เวลาตลอดครึ่งบ่ายเพื่อเดินเข้าเดินออกปราสาทตกแต่งให้คุกหลังใหม่ของนางมีชีวิตชีวา" เซนวิกกล่าวซ้ำ แม้จะปนเจือด้วยน้ำเสียงแดกดันและเสียดสอด แต่เชสเตอร์ก็ยังนิ่งเงียบไม่ได้กล่าวอะไร

                "นางตื่นหรือยัง" เชสเตอร์เอ่ยเรียบๆ พร้อมวางดอกกุหลาบลงบนเตียง

                "ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ท่านน่าจะไปพบนางด้วยตัวเอง"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา