I want you to become a Boyfriend [Yaoi18+]
9.0
เขียนโดย เรียวตะนะให้เรียกแบบนี้
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.18 น.
4 chapter
3 วิจารณ์
8,838 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2558 21.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Love at first sigh
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนนี้ผมอยู่สนามบิน มีแม่กับเจ้พายมารอส่งขึ้นเครื่อง
เจ้บินกลับจากอเมริกาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เห็นบอกว่ามหาลัยปิดเทอมแล้ว แอบอิจ -3-
อุตส่าห์กลับมาแล้วทั้งทีดันอยู่ด้วยกันแค่อาทิตย์เดียว ผมก็ต้องบินไปญี่ปุ่น แถมไปคนเดียว แล้วไม่เคยไปด้วย ชีวิตผมคงดับสิ้น
แต่แม่บอกว่าเตรียมทุกอย่างทางโน้นไว้เรียบร้อยแล้ว จะมีรูมเมตมารอรับที่สนามบิน
รูมเมต? แสดงว่าที่อยู่ผมคงไม่พ้นหอสินะ คงไม่มีใครบ้าตั้งชื่อลูกตัวเองว่ารูมเมตหรอก
แล้วไอ่รูมเมตมันว่างมากจนมานั่งรอผมที่สนามบินด้วยหรอวะ ช่างแม่งเหอะ ไปถึงเดี๋ยวแม่งก็รู้เองแหละ
"ขึ้นเครื่องได้แล้วไอ่บึ้ก เค้าประกาศเรียกแล้ว" เจ้ตบไหล่ผมบอกให้ไปขึ้นเครื่อง
"ขึ้นเครื่องได้แล้วไอ่บึ้ก เค้าประกาศเรียกแล้ว" เจ้ตบไหล่ผมบอกให้ไปขึ้นเครื่อง
แล้วเหตุผลที่เรียกไอ่บึ้กเพราะผมตัวใหญ่ แถมมีกล้ามแล้วก็ซิกแพ็คเรียกว่าหล่อครบเครื่องสมชายชาตรีเลยครับ
"อื้อ รู้แล้วน่า" ผมตอบรับส่งๆไปเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ
ผมโผเข้ากอดเจ้กับแม่ไว้แน่น พลางกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลเอาไว้ อยู่ด้วยกันมานานพอจะจากกันทีก็ใจหายเหมือนกันแฮะ
ถ้าผมแค่ไปเที่ยวสามสี่วันมันก็ดีอยู่หรอก แต่นี่ผมไปเรียนต่อนะ
ถ้าผมแค่ไปเที่ยวสามสี่วันมันก็ดีอยู่หรอก แต่นี่ผมไปเรียนต่อนะ
ห่วงแม่ กลัวแม่จะกังวล ความกลัวประเดประดังเข้าหาผมเต็มๆ แม่คงอ่านใจผมออกเลยพูดปลอบใจผมทันทีที่ผละอ้อมกอดออกจากกัน
"ไม่ต้องห่วงแม่นะพัพ แม่สัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็จะสไกป์หาแกบ่อยๆ เอาให้เบื่อหน้ากันไปเลย" รู้อยู่หรอกว่าก็ห่วงผมไม่แพ้กัน ทำมาตลกกลบเกลื่อน
"เจ้ก็จะโทรหาแกทุกวัน เอาให้บ่อยกว่าตอนที่แกอยู่ไทยแล้วเจ้อยู่เมกาอีก" นี่ก็อีกคน น้ำตารื้นแล้ว ปะโธ่ ผมจะพาลร้องไห้ไปด้วยแล้วเนี่ย
"พัพจะตั้งใจเรียน จะพยายามไม่เกเร ไปหละ ดูแลตัวเองดีๆด้วย รักนะ" ผมพูดจบก็หอมแก้มแม่กับเจ้แล้ววิ่งไปขึ้นเครื่องทันที
ระหว่างที่วิ่งไปน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็พลอยไหลลงมา.. ถ้าเลือกได้ผมไม่อยากจะไปเลย
"ไม่ต้องห่วงแม่นะพัพ แม่สัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็จะสไกป์หาแกบ่อยๆ เอาให้เบื่อหน้ากันไปเลย" รู้อยู่หรอกว่าก็ห่วงผมไม่แพ้กัน ทำมาตลกกลบเกลื่อน
"เจ้ก็จะโทรหาแกทุกวัน เอาให้บ่อยกว่าตอนที่แกอยู่ไทยแล้วเจ้อยู่เมกาอีก" นี่ก็อีกคน น้ำตารื้นแล้ว ปะโธ่ ผมจะพาลร้องไห้ไปด้วยแล้วเนี่ย
"พัพจะตั้งใจเรียน จะพยายามไม่เกเร ไปหละ ดูแลตัวเองดีๆด้วย รักนะ" ผมพูดจบก็หอมแก้มแม่กับเจ้แล้ววิ่งไปขึ้นเครื่องทันที
ระหว่างที่วิ่งไปน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็พลอยไหลลงมา.. ถ้าเลือกได้ผมไม่อยากจะไปเลย
.
.
.
.
.
.
ตอนนี้เครื่องบินลงจอดที่สนามบินแล้ว ผมนั่งมานานแค่ไหนตอนนี้ไม่รู้หรอก เพราะหลับตลอด ตอนนี้สนแต่ว่าจะเอาไงต่อดี
ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในสนามบินแล้วพยายามเดินหารูมเมตที่แม่ว่า เดินไปจนทั่วก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ สักพักวนกลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกรอบ เจอไอ่ตี๋ตาตี่มันถือป้ายชื่อผมอยู่
'พัพเพ็ต พัฒนกร'
เป็นภาษาไทยผมรีบตรงรี่เข้าไปหาทันที อย่าบอกว่าไอตี๋นี่รูมเมตผม
"เมื่อกี้มึงก็เดินผ่านกูไปแล้วก็วกกลับมาอีกรอบเนี่ยนะ" ไอ่ตี๋พูดด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ มันคงเป็นคนไทย แต่ไอ่ท่าทีสนิทสนมนี่มันอะไรกัน? ช่างเหอะ เป็นรูมเมตกันอย่างน้อยก็ต้องทำความรู้จักและสนิทสนมกันไว้
ห้ะ? สนิทสนม กับไอ่ตี๋เนี่ยนะ นี่ผมพูดอะไรออกไป ผมไม่ได้อยากจะสนิทกับมันสักนิด
"เออ กูมองไม่เห็น" ผมตอบปัดๆ
"ช่างเหอะ กูผิดเองที่ลืมชูป้ายอะ" อ่าวเหี้ย สรุปคือมันนั่นแหละผิด หลอกให้ผมเดินวนตั้งรอบนึง สนามบินมันแคบก็คงดีอยู่หรอก
"เออนี่ แล้วมึงชื่ออะไรวะ กูชื่อไกอา เป็นคนไทยเชื้อสายจีน พ่อเป็นเสี้ยวจีน แม่เป็นไทย สูง 180 หนัก 71 เป็นลูกคนที่สาม มีพี่ชายสองคนน้องสาวหนึ่งคน กูหล่อสุดในบ้าน" มันร่ายยาวมาเป็นชุด นี่ผมคงไม่ต้องพูดอะไรที่ดูหลงตัวเองแบบมันใช่มั้ย
"มึงถือป้ายชื่อไว้ว่าไงหละ หัดมองบ้างไอ่เหี้ย" ผมตบหัวมันเบาๆ ให้มันแหกตาดูป้ายที่มันถืออยู่ในมือ
"เออแฮะ กูลืมไปเลยหวะ นี่แม่งมานั่งรอมึงเป็นชั่วโมง เสียเวลาทำคะแนนกู" มันทำหน้าเซงๆแล้วมองมาทางผม นี่ผมต้องยอมรับผิดในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนผิดด้วยหรอวะ
"กลับห้องเหอะ กูอยากนอนแล้วหวะ"
"เคเค" มันพาผมตรงมายังบิ้กไบท์สีเขียวคันงามที่ขัดมันจนเงาวับ ดูจากยี่ห้อรถแล้วคงมีฐานะพอสมควรนะไอตี๋เนี่ย แต่มันจะให้ผมนั่งไอ่นี่ไป ทั้งที่ผมมีกระเป๋าเดินทางพ่วงสอยห้อยท้ายไปด้วยเนี่ยนะ ไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพกูซ้ากกกกคำ
"ขึ้นดิแม่ง" มันตบเบาะเบาๆเป็นเชิงบอกให้ผมขึ้น แต่ผมยังยืนโง่อยู่ เอาจริงดิ?
"แต่กระเป๋ามัน.."
"กลัวเหี้ยไร มันไม่ร่วงหรอก ขึ้นมา หออยู่ใกล้ๆเนี่ยแหละ" ผมเลยจำใจนั่งบิ้กไบท์ของมันไปจนถึงหอ
จะว่าไปมันก็ไม่ไกลเท่าไหร่นะ หอเป็นเหมือนตึกแถว สูงประมาณสิบชั้น
ไอ่ตี๋พาผมเดินขึ้นมาเรื่อยๆแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หอนี่ไม่มีลิฟต์หรอวะ?
"ตี๋ ห้องอยู่ชั้นไหนวะ"
"ชั้นสิบ" เหี้ยละ ผมหันไปมองตัวเลขที่ติดอยู่ตรงผนัง
5.. นี่ยังอยู่ที่ชั้นห้า คือกูเหนื่อยครับ
"ลิฟต์ไม่มีหรอ"
"มี" อ่าวเวร
"แต่มันเสีย" อ่าวกรรม เลยต้องมาเดินขึ้นบันไดอยู่แบบนี้อะนะ
ตอนนี้พวกเราเดินขึ้นมาถึงชั้นที่สิบโดยที่ไม่ได้คุยกันอีก ลำพังแค่หายใจให้เป็นจังหวะยังยาก จะเอาแรงที่ไหนไปคุยอีกวะ เหนื่อยชิบหาย
"ช่างเหอะ กูผิดเองที่ลืมชูป้ายอะ" อ่าวเหี้ย สรุปคือมันนั่นแหละผิด หลอกให้ผมเดินวนตั้งรอบนึง สนามบินมันแคบก็คงดีอยู่หรอก
"เออนี่ แล้วมึงชื่ออะไรวะ กูชื่อไกอา เป็นคนไทยเชื้อสายจีน พ่อเป็นเสี้ยวจีน แม่เป็นไทย สูง 180 หนัก 71 เป็นลูกคนที่สาม มีพี่ชายสองคนน้องสาวหนึ่งคน กูหล่อสุดในบ้าน" มันร่ายยาวมาเป็นชุด นี่ผมคงไม่ต้องพูดอะไรที่ดูหลงตัวเองแบบมันใช่มั้ย
"มึงถือป้ายชื่อไว้ว่าไงหละ หัดมองบ้างไอ่เหี้ย" ผมตบหัวมันเบาๆ ให้มันแหกตาดูป้ายที่มันถืออยู่ในมือ
"เออแฮะ กูลืมไปเลยหวะ นี่แม่งมานั่งรอมึงเป็นชั่วโมง เสียเวลาทำคะแนนกู" มันทำหน้าเซงๆแล้วมองมาทางผม นี่ผมต้องยอมรับผิดในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนผิดด้วยหรอวะ
"กลับห้องเหอะ กูอยากนอนแล้วหวะ"
"เคเค" มันพาผมตรงมายังบิ้กไบท์สีเขียวคันงามที่ขัดมันจนเงาวับ ดูจากยี่ห้อรถแล้วคงมีฐานะพอสมควรนะไอตี๋เนี่ย แต่มันจะให้ผมนั่งไอ่นี่ไป ทั้งที่ผมมีกระเป๋าเดินทางพ่วงสอยห้อยท้ายไปด้วยเนี่ยนะ ไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพกูซ้ากกกกคำ
"ขึ้นดิแม่ง" มันตบเบาะเบาๆเป็นเชิงบอกให้ผมขึ้น แต่ผมยังยืนโง่อยู่ เอาจริงดิ?
"แต่กระเป๋ามัน.."
"กลัวเหี้ยไร มันไม่ร่วงหรอก ขึ้นมา หออยู่ใกล้ๆเนี่ยแหละ" ผมเลยจำใจนั่งบิ้กไบท์ของมันไปจนถึงหอ
จะว่าไปมันก็ไม่ไกลเท่าไหร่นะ หอเป็นเหมือนตึกแถว สูงประมาณสิบชั้น
ไอ่ตี๋พาผมเดินขึ้นมาเรื่อยๆแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หอนี่ไม่มีลิฟต์หรอวะ?
"ตี๋ ห้องอยู่ชั้นไหนวะ"
"ชั้นสิบ" เหี้ยละ ผมหันไปมองตัวเลขที่ติดอยู่ตรงผนัง
5.. นี่ยังอยู่ที่ชั้นห้า คือกูเหนื่อยครับ
"ลิฟต์ไม่มีหรอ"
"มี" อ่าวเวร
"แต่มันเสีย" อ่าวกรรม เลยต้องมาเดินขึ้นบันไดอยู่แบบนี้อะนะ
ตอนนี้พวกเราเดินขึ้นมาถึงชั้นที่สิบโดยที่ไม่ได้คุยกันอีก ลำพังแค่หายใจให้เป็นจังหวะยังยาก จะเอาแรงที่ไหนไปคุยอีกวะ เหนื่อยชิบหาย
พอเปิดประตูเข้ามาในห้องมองไปขวามือก็เจอห้องน้ำ แล้วก็เจอกับเตียงเล็กๆสองเตียงแยกกันคงละฝั่ง ตรงมุมห้องมีโต๊ะเล็กๆอยู่สองโต๊ะ กับตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ เป็นห้องที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก อยู่สองคนได้ไม่รู้สึกอึดอัด เดินไปจนสุดห้องมีประตูกระจกบานเลื่อนสีชาอยู่ พอเปิดออกไปก็เจอกับระเบียง เอาไว้ตากเสื้อผ้า แถมมีเครื่องซักผ้าอยู่ด้วย เออดีแฮะไม่ต้องขนไปซักที่อื่นให้ยุ่งยาก
หลังจากเงียบกันอยู่นานผมก็เป็นฝ่ายเริ่มเปิดปากคุยก่อน
"ตี๋.. โรงเรียนเปิดวันไหน" ผมถาม
"พรุ่งนี้" มันตอบ
"เออ เร็วดี.. ห้ะ!! พรุ่งนี้ ชิบหายละชุดนักเรียนกูยังไม่มี โรงเรียนอยู่ไหนก็ยังไม่รู้เลยสัด กูมาถึงยังไม่ทันพักโรงเรียนก็เปิดละไอ่เหี้ย ชีวิตกูบัดซบกันพอดี ตายๆๆ" ผมทึ้งหัวตัวเองแบบคนบ้า ตี๋มันเลยส่งหน้ามึนๆของมันเขยิบมาใกล้ผม
"มึงอย่าพึ่งรีบตาย ฟังที่กูจะพูดต่อจากนี้ก่อน" ผมขมวดคิ้วนั่งนิ่งตั้งใจรอฟังสิ่งที่มันจะพูด ไอ่ตี๋ทำหน้าจริงจังก่อนจะเริ่มพูด
"มึงไมไม่ทำซาวน์ประกอบให้ดูน่าตื่นเต้นหน่อยวะ" ตี๋หันมามองผมแบบผิดหวังนิดๆ
"ใช่หน้าที่กูมั้ยหละสัส รีบๆพูดมาอย่าเยอะ เดี๋ยวมึงเจ็บ" ผมทำท่าจะต่อยมัน มันเลยรีบปรามผมก่อนจะตั้งใจพูดออกมาอีกครั้ง คนเหี้ยไรท่ามากชิบหาย
"เออๆ งั้นกูจะพูดละ ชุดนักเรียนมึงอะอยู่ในตู้แล้ว ส่วนโรงเรียน ตอนนั่งรถมามึงไม่เห็นจริงๆหรอ ห่างจากหอไป 2 กิโลอะ"
"ไม่หวะ" ผมมัวแต่กอดกระเป๋ากลัวมันร่วง ก็ไอเหี้ยนี่เล่นขับเร็วเหมือนกับแข่งอยู่ในสนาม ใครมันจะมีเวลาสังเกตุเหี้ยไรหละครับ
"มึงนี่นะ หัดสังเกตุโลกภายนอกมั่งดิ" เออครับ สรุปกูผิดเองก็ได้
"ส่วนหนังสือ กระเป๋านักเรียนตารางสอนกูไว้บนโต๊ะมึงละ" มันชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆตรงมุมห้องสองโต๊ะ
โต๊ะนึงดูเกะกะรกๆ ไม่เป็นระเบียบ หนังสือวางมั่วไปหมด
ดูท่าจะเป็นโต๊ะมัน
ส่วนอีกโต๊ะมีกองหนังสือวางอยู่เป็นตั้งพร้อมกับกระเป๋านักเรียน ไม่มีอย่างอื่นนอกจากนั้น
ดูท่าจะเป็นโต๊ะผม
"แล้วโรงเรียนมันเป็นไงมั่งอะ"
"โหยยย นี่ไม่อยากจะพูด ประธานคุมกฎที่ชื่อเฮลนะแม่งโหดชิบ กูเคยโดดเรียนครั้งนึงแล้วมันจับได้ เล่นกูซะน่วมเลยเชี่ย กูนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวันเลยสัส" มันพูดไปทำท่าประกอบไป ดูท่าทางโอเวอร์มาก
"มันซัดมึงไง?"
"ซัดเหี้ยไร แม่งให้กูไปวิ่งรอบสนามยี่สิบรอบ ห้ามเดินด้วยสัส แม่งนั่งเฝ้ากูจนวิ่งเสร็จ หลังจากวันนั้นกูก็หยุดเรียนเป็นอาทิตย์เลย ทั้งไข้ขึ้น ทั้งร่างกายอ่อนแรง สภาพตอนนั้นคือเหี้ยมากอะ" ฟังๆดูแล้วน่าจะโหดจริงไรจริงหวะ
ผมกับไอตี๋นั่งคุยเรื่องสับเพเหระกันไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง ไอตี๋มันให้ผมรีบนอนพรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆมันบอกว่าตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้ว ผมเลยรีบนอนอย่างที่มันบอก
.
.
.
.
.
.
.
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ผมงัวเงียรีบลุกขึ้นมากดปิดแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวกำลังจะไปอาบน้ำแต่ก็ต้องเอะใจเมื่อไม่เห็นไอตี๋เตียงข้างๆ
ไปไหนของมันหรือว่าจะอาบน้ำ
ผมเลยคว้านาฬิกาที่มันดังปลุกเมื่อกี้ขึ้นมาดู
8 โมง !!!! ไอ่เหี้ยตี๋ !!! มึงมันจังไร ตั้งปลุกไว้แปดโมง พ่อมึงสอนหรอสาดดดดด
ผมรีบตารีตาเหลือกจะเข้าห้องน้ำแต่เจอกระดาษสีส้มฉูดฉาดแปะไว้ตรงประตูห้องน้ำ เขียนไว้ว่า
'วันแรกก็สายเลยนะสัส สมน้ำหน้า แปดโมงแม่งสายโด่งเลยแหละ รีบๆอาบน้ำแล้ววิ่งมาโรงเรียนนะครับ ประตูโรงเรียนปิดแปดโมงหวะโทษที หาบริเวณรั้วที่จะโดดดีๆนะครับ ระวังประธานคุมกฎที่ชื่อเฮลไว้ให้ดี รักมึงชิบหาย จุ้บๆ ลงชื่อ.. ไกอา'
ไอเลวววว กูไม่น่าชะล่าใจเลย คนจังไรแบบมึงกูจะฆ่าแม่งให้ดู ไกอาาาาาาาาาาาาาา !!
ผมไม่รีรอรีบอาบน้ำคว้าชุดนักเรียนในตู้มาใส่แบบลวกๆ ไอเหี้ยเนคไทนี่ผูกยากชิบ ผมมัดแบบมั่วๆก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไป
โชคดีหน่อยที่ตอนเด็กพ่อใช้ให้วิ่งรอบกรมทหารทุกวันระยะทางรวมกันประมาณสิบกิโล แค่วิ่งไปสองกิโลนี่สบายมาก
แต่เดี๋ยวนะ
แล้วมันไปทางซ้ายหรือทางขวาเล่าวะ
ผมวิ่งออกมายืนอยู่หน้าหอแล้วมองไปทางซ้ายทีทางขวาที เอ.. ด้านซ้ายมันมีหลังคาสูงๆสีแดงอยู่ น่าจะทางนั้นแหละ
ผมไม่ลังเลที่จะวิ่งตรงมาทางซ้ายและก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ป้ายด้านหน้าเขียนว่า
'Osaka high school'
ไม่ผิดที่แน่หละ
ประตูปิดแล้วจริงๆด้วยหวะ กูจะไปไงวะเนี่ย
ผมมองหาบริเวณรั้วที่ที่พอจะปีนข้ามไปได้
ตรงนั้นแหละ
การกระทำว่องไวดั่งใจคิด(?)
ผมรีบปีนขึ้นไปดูลาดเลาว่าไม่มีใครเห็นแล้วจึงกระโดดลงมา
เท้าแตะพื้นได้ไม่ถึงสองวิก็มีผู้ชายถือดาบไม้เดินดุ่มๆตรงมาทางผม รูปร่างหน้าตาดูดี น่าจะสูงราวๆ 180 ผมสีดำยาวประบ่า ผิวขาว เห้ยนี่ไม่ใช่เวลามาวิเคราะห์อะไรนะเว่ย
ประธานคุมกฎเฮลที่ไอตี๋ว่าป่าววะ
มีอาร์มสีขาวคาดไว้ตรงแขนซ้ายด้วย ดูขรึมน่าเกรงขามชิบ
เห้ย!! มึงมัวแต่พร่ำไรอยู่วะไอพัพ หนีดิสัส
แต่ขาแข็งไปหมดหลังจากที่บังเอิญไปสบตากับหมอนั่นเข้า ยากูซ่าชัดๆเลย สายตาหยั่งกะจะเดินมาฆ่ากู
หลังจากที่ยืนโง่อยู่นานผู้ชายคนนั้นก็เดินมาถึงตัวผมแล้ว กูไม่หนีก็ได้วะ ขืนหนีก็หนีไม่ทันอยู่ดีละโว้ย
"เด็กใหม่ใช่มั้ย" ผู้ชายคนนั้นถามผมด้วยสำเนียงญี่ปุ่นที่น่าฟังมาก พอดูใกล้ๆแล้วน่ากดชิบหาย
"หือ? ว่าไงถ้าไม่ตอบจะลงโทษละนะ" ดูท่าจะเป็นประธานคุมกฎจริงๆแฮะ อาร์มที่แขนเขียนไว้อย่างนั้น
"อ่า คะ ครับ" เสียงผมไม่ได้สั่นใช่มะ? สายตาน่ากลัวชิบ เยี่ยวจะราดอยู่แล้วเนี่ย
"เกรดไหนหละ?"
ห้ะ? เกรด เอ่อ เทอมที่แล้วได้ 2.74 แล้วมันใช่เวลามาถามเกรดกันมั้ยถามจริง!?
สงสัยหมอนั่นจะอ่านสีหน้าอันงงงวยน้ำมันมวยตราอาแปะ (มันมีหรอวะหนะ) เลยเปลี่ยนคำถามที่ผมพอจะเข้าใจมากขึ้น
"ชั้นหนะ หมายถึงชั้นไหน"
อ่อ ชั้น ถ้านับเป็นเกรด ม.4 ก็เกรด 10
"เกรดสิบ" พอผมตอบไปเจ้านั่นก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะสังเกตุเห็นเนคไทผมที่มัดมาแบบมั่วๆ
เจ้าตัวขมวดคิ้วน้อยๆแล้วก็เอื้อมมือมามัดให้ใหม่
น่ารักว้าาาาาาาาา
"แค่เนคไทนายยังมัดไปเป็นหรอเนี่ย ชื่ออะไรละนายอะ"
"พัพเพ็ตครับ" ผมตอบแล้วยิ้มกว้างให้
หมอนั่นหงะเล็กน้อยก่อนจะทำตัวเป็นปกติ
"พัพเพ็ต? ชื่อแปลกๆนะ ไม่ใช่คนญี่ปุ่นสิท่า"
"ผมเป็นคนไทยครับ"
"อย่างงี้นี่เอง โดนรูมเมตแกล้งตั้งนาฬิกาปลุกสายสิท่า"
"รู้ได้ไงอะ"
"เป็นวิธีรับน้องของที่นี่แหละ ธรรมดา อ่อ ชั้นชื่อมัตสึโอกะ เฮล เป็นประธานนักเรียนแล้วก็ประธานคุมกฎด้วย อยู่เกรด 12 เป็นรุ่นพี่นายเพราะงั้นกรุณาเคารพผมดด้วย" อั้นแหนะ ประธานคุมกฎเฮลจริงๆด้วย ไม่เห็นจะโหดอย่างที่ตี๋มันว่าเลย ออกจะใจดีซะอีก แต่อยู่เกรด 12 ก็คงอายุ 18 เท่าผมสินะ เอาเถอะ ตอนนี้ยอมให้เป็นรุ่นพี่ไปก่อน
"ครับรุ่นพี่เฮล" เฮลขมวดคิ้วแล้วมองผมแบบดุๆ
"กรุณาเรียกฉันด้วยนามสกุลด้วย"
"แต่ที่ไทยเรียกด้วยชื่อนี่ครับ"
"เฮออ จะเรียกอะไรก็เชิญ สายแล้วไปเรียนได้ละ" เฮลไล่ให้ผมไปขึ้นเรียน
จะไปได้ไงวะ เบอร์ยังไม่ได้เลย
"รุ่นพี่ครับ" ผมรั้งข้อมือเฮลไว้
โง้ยย นุ่มง่าาา
"มีไรอีก"
"ขอเบอร์หน่อย" ผมยื่นโทรศัพท์ผมให้ เฮลมองหน้าผมแบบงงๆ
"จะเอาไปทำไม"
เออดิ หาข้ออ้างไงดีวะ
"ก็.. คือ.. เอ่อ.. ผมเป็นเด็กใหม่ใช่มั้ย? แล้วแบบก็เป็นคนไทยไง ไม่รู้จักวัฒนธรรมญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ แถมมาโรงเรียนนี้ก็ยังไม่รู้กฎระเบียบอะไรสักอย่าง ไหนจะเรื่องเรียนที่ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วย อยากให้รุ่นพี่มาช่วยสอนอะครับ" โอ่ย สีข้างกูถลอกยังวะ
"อยากให้ฉันช่วยสอน? รูมเมตนายไง ถามเข้าไปสิ" ดูท่าจะยากแฮะ
"รูมเมตก็เป็นคนไทยครับ นะครับรุ่นพี่ ถือว่าสงสารรุ่นน้องตาดำๆแบบผม"
"แต่ฉันยุ่ง" ยากอะ ยากอีกแล้ว
"ว่างเมื่อไหร่ก็โทรหาผมได้เลย เดี๋ยวผมรีบไปหาทันทีเลยครับ"
"เออ ก็ได้ๆ" เฮลรับโทรศัพท์ไปกดเบอร์ตัวเองแล้วส่งคืนให้ผม
"แล้วรุ่นพี่ไม่เอาเบอร์ผมหรอครับ"
"นายนี่มันวุ่นวายชิบ" เฮลส่งโทรศัพท์มาให้ผม ผมเลยรับมาแล้วกดเบอร์ส่งให้
"แล้วเจอกันนะครับ" ผมขยิบตาให้รุ่นพี่แอบหอมแก้มไปทีนึงแล้วก็วิ่งหนีออกมาทันที เพราะหลังจากที่ปากผมจรดลงบนแก้มเจ้าตัวก็คว้าดาบจะไล่ทุบผมทันที
ใครจะไปอยู่ให้ตีเล่า
นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมรุกใครก่อนแบบนี้ แถมครั้งแรกก็ดันเป็นผู้ชายด้วยกันอีก ถ้าแม่รู้จะเป็นไงวะ แต่ช่างเหอะ คนเนี้ยผมจริงจังนะ
แต่ตอนนี้ผมกำลังเดินหาห้องเรียนอยู่
ตึก 7 ห้อง B-10.4
อะไรวะเนี่ย แค่ชื่อห้องก็ตึ้บละ
อ้ะว้าวว เจอแล้ววว ห้องนั้นๆ
ผมไม่รีรอที่จะเปิดเข้าไปทันที
จู่ๆก็มีก้อนกระดาษจำนวนมากส่งตรงมายังหน้าผม
เหี้ยไรวะ หาเรื่องกูตั้งแต่วันแรกเลยหรอสาสสส
แต่พอสงครามก้อนกระดาษจำนวนมหาศาลจบลง คนทั้งห้องก็ตะโกนมาว่า
'ยินดีต้อนรับเพื่อนใหม่'
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงพลุกระดาษ นี่อะหรอรับน้องใหม่ที่ว่า เซอร์ไพรซ์
มันจะดีมากถ้าไม่มีกระดาษเหี้ยพวกนั้นมาปาใส่ผมก่อน
ผมฝืนยิ้มกว้างๆออกมาแล้วแนะนำตัวเองให้เพื่อนๆทุกคนรู้จัก ก่อนที่เพื่อนทุกคนเริ่มแนะนำตัวเองให้ผมได้รู้จักทีละคนบ้าง
บรรยากาศดูอบอุ่นดีครับ
ตอนแรกผมยอมรับนะว่าแอบกลัวว่าจะผรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ไม่ได้ แต่ตอนนี้อุ่นใจขึ้นเยอะ
"ไงมึง เซอร์ไพรซ์ปะ" ไอตี๋เดินมากอดคอผม แล้วถามด้วยภาษาญี่ปุ่น
"เออ เซอร์ไพรซ์เหี้ยๆ" ผมเลยตอบกลับไปเป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง เล่นเอาเพื่อนทั้งห้องฮาแตกกันหมด
ปัง ปัง ปัง
เพื่อนผู้หญิงคนนึงที่เธอพึ่งแนะนำตัวว่าชื่อฮารุเดินไปหน้าห้องแล้วทุบโต๊ะสามทีพอเป็นพิธี
"เอาหละทุกคนขอให้เงียบกันหน่อย ณ เวลาต่อจากนี้ไปจะเป็น free time ของพวกเราขอให้ทุกคนสนุกกันให้เต็มที่ไปเลยโว้ยย วู้ววววว" พอพูดจบเธอก็ก้มลงไปหยิบอะไรบางอย่างใต้โต๊ะขึ้นมา ปรากฎว่าเป็นขนมที่บรรจุใส่ลังมาอย่างเยอะ แถมไม่ใช่ลังเดียวนะ
เป็นสิบ!
เพื่อนก็เฮกันทั้งห้อง ก่อนที่จะมีผู้ชายคนนึงที่พึ่งแนะนำตัวไปว่าชื่อเทปเปก็ท้วงขึ้นมา
"มีแต่ขนมจะไปมันส์อะไรวะ ไคมึงไปล๊อคห้องดิ้" เพื่อนผู้ชายที่ชื่อไคเดินไปล๊อคด้วยท่าทีสบายๆ นี่พวกมึงจะชิลกันไปแล้วครับ
"ตี๋ เสียงดังแบบนี้จารย์ไม่ว่าหรอวะ" ผมกระซิบถามไอตี๋เป็นภาษาไทย
"ที่นี่เป็นอันรู้กันทั้งอาจารย์ทั้งนักเรียน ถ้าวันไหนล๊อคห้องแล้วเฮฮาเสียงดังนั่นคือรู้ได้เลยว่าฉลองรับเพื่อนใหม่ ทั้งวันก็คือฟรีไทม์ไม่มีใครมายุ่ง ไม่มีใครมาเคาะประตูบอกให้เบาเสียง ถ้าสมมุติว่าข้างห้องมีสอบเค้าก็จะย้ายไปสอบที่ห้องอื่นแทน" มันตอบกลับมาอย่างยาว
"มีแต่ขนมจะไปมันส์อะไรวะ ไคมึงไปล๊อคห้องดิ้" เพื่อนผู้ชายที่ชื่อไคเดินไปล๊อคด้วยท่าทีสบายๆ นี่พวกมึงจะชิลกันไปแล้วครับ
"ตี๋ เสียงดังแบบนี้จารย์ไม่ว่าหรอวะ" ผมกระซิบถามไอตี๋เป็นภาษาไทย
"ที่นี่เป็นอันรู้กันทั้งอาจารย์ทั้งนักเรียน ถ้าวันไหนล๊อคห้องแล้วเฮฮาเสียงดังนั่นคือรู้ได้เลยว่าฉลองรับเพื่อนใหม่ ทั้งวันก็คือฟรีไทม์ไม่มีใครมายุ่ง ไม่มีใครมาเคาะประตูบอกให้เบาเสียง ถ้าสมมุติว่าข้างห้องมีสอบเค้าก็จะย้ายไปสอบที่ห้องอื่นแทน" มันตอบกลับมาอย่างยาว
แต่ก็ดีเนอะฟรีไทม์
"อ่ะๆเพื่อไม่ให้เสียเวลาเทปเปมีของดีมาให้เพื่อนๆด้วยครับวันนี้" พูดเสร็จพวกแม่งก็เดินไปหลังห้องแล้วยกลังเบียร์มาสามลัง
เหี้ยย!! ไหนบอกโรงเรียนนี้กฎเป๊ะไงวะ แล้วไหงเป็นงี้อะ
เออแต่ก็ดี ไม่ต้องเสียตังไปแดกข้างนอก
"เอ้าๆๆ แจกแก้วครับแจกแก้ว" ไคเดินแจกแก้วให้ทุกคนส่วนเทปเปมันเดินมาบอกให้ผมเป็นคนเทเบียร์ เอาวะ ถ้าโดนแม่มโดนกันหมดห้องแหละ
ผมเดินเทเบียร์ให้เพื่อนในห้องทั้งหมดสี่สิบสี่คนรวมผมเป็นสี่สิบห้าจนครบเพื่อนแต่ละคนก็อวยพรให้ต่างๆนานา
บรรยากาศโคตรอบอุ่น เหมือนบรรยากาศรุ่นพี่ผูกข้อมือให้รุ่นน้องตอนรับน้อง
"เชียสสสสสสสส" เทปเปยกแก้วขึ้น เพื่อนทุกคนก็ยกแก้วขึ้นพร้อมกัน
"เชียสสสสสสสสสส" แล้วก็ดื่มจนหมดแก้ว
"เชียสสสสสสสสสส" แล้วก็ดื่มจนหมดแก้ว
เพื่อนๆช่วยกันเลื่อนโต๊ะเรียนไปไว้ที่มุมห้องให้ตรงกลางห้องเป็นที่ว่างโล่งๆแล้วพวกเราก็นั่งล้อมวงกินเบียร์กินขนมกันไป พอเลิกเรียนไอเทปเปนี่เมาหัวราน้ำจนไคต้องอาสาแบกไปส่งบ้าน ส่วนไอเหี้ยตี๋ไม่ต้องสงสัย สภาพเหี้ยพอๆกับไอเทปเป ทำตัวเป็นภาระอีกสัส
ผมกับเพื่อนที่เหลือก็ช่วยกันเก็บกวาดห้องจนสะอาดเหมือนเดิม พอเสร็จผมก็ขอตัวกลับหอก่อน ส่วนไกอานอนสลบอยู่หลังห้อง ผมอาศัยถามเพื่อนผู้หญิงว่ารถไกอาจอดอยู่ตรงไหน แล้วก็จัดการแบกมันไป ใครใช้ให้มันจอดรถไกลแท้วะ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ
กว่าจะแบกแม่งมาถึงรถเล่นเอาเหงื่อตก ผมอุ้มมันขึ้นมาไว้ข้างหน้าส่วนตัวผมก็ซ้อนด้านหลัง ไม่ใช่อะไรกลัวมันตกแล้วโดนรถเหยียบตาย ผมจะเป็นบาปอีก นี่ถ้าใครมาเห็นตอนผมล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงมันคงอุตริคิดไปไกลก็แม่งดันครางซะอย่างกะผมชักว่าวให้ จังไรชิบหาย ขนาดไม่ได้สตินะ
ผมขับรถมาอย่างทุลักทุเลไหนจะต้องประคองรถ ไหนจะต้องประคองคน ระยะทางสองกิโลนี่ไกลอย่างกะสองร้อยกิโล กว่าจะถึงหอได้ผมนี่เกือบไปชนกับรถเค้าเป็นสิบรอบ เกือบจะโดนฆ่าตายห่าอยู่แล้วมั้ย
ผมเอารถมันไปจอดไว้ที่โรงรถ แล้วลากสังขารมันมาจนถึงทางเข้าหอ โชคดีที่ลิฟต์ซ่อมเสร็จแล้ว ไม่งั้นผมจะให้มันนอนอยู่ตรงทางเข้าเนี่ยแหละ ผมจะชิ่งหนีขึ้นไปนอนบนห้องคนเดียว เอาให้ตื่นมาแล้วแม่งอายเลย
พอถึงห้องผมก็โยนมันลงบนเตียงแล้วสไกป์คุยกับแม่แล้วก็เจ้ที่ไทยจนเกือบเที่ยงคืน ผมไปอาบแล้วก็กำลังจะกลับมานอน หันไปเจอโทรศัพท์พอดี เลยคิดอะไรดีๆออก ผมกดเบอร์โทรหาเฮลทันที สักพักก็มีคนรับ เป็นเสียงที่ฟังแล้วน่าหลงไหลเป็นบ้า
"โหล โทรมาดึกป่านนี้ยังไม่หลับไม่นอนอีกรึไง ฉันไม่ว่างไปติวให้นายตอนนี้หรอกนะ คนจะหลับจะนอน" ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงงัวเงียบวกจิกกัดผมเล็กน้อย แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งฟังยิ่งอารมณ์ดี
"ไม่ได้จะโทรให้มาติวให้หรอกครับ แค่จะโทรมาบอกว่าคิดถึง แล้วก็ฝันดีครับ มั๊วะๆ"
"อุบาทว์ ไปนอนได้แล้วไป แล้วพรุ่งนี้อย่าสายอีกนะ ไม่งั้นนายเจอดีแน่" ปลายสายเหวี่ยงเล็กๆ อยากเห็นจังว่าตอนนี้กำลังทำหน้ายังไงอยู่
"ครับๆที่รัก" ผมแกล้งหยอกเล็กๆ
"ใครที่รักนาย อย่ามาลามปามฉันนะเว่ย" เฮลเหวี่ยงกลับมาทันทีแล้วก็กดวางสายไป เล่นเอาผมงี้ยิ้มไม่หุบเลย
กว่าจะแบกแม่งมาถึงรถเล่นเอาเหงื่อตก ผมอุ้มมันขึ้นมาไว้ข้างหน้าส่วนตัวผมก็ซ้อนด้านหลัง ไม่ใช่อะไรกลัวมันตกแล้วโดนรถเหยียบตาย ผมจะเป็นบาปอีก นี่ถ้าใครมาเห็นตอนผมล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงมันคงอุตริคิดไปไกลก็แม่งดันครางซะอย่างกะผมชักว่าวให้ จังไรชิบหาย ขนาดไม่ได้สตินะ
ผมขับรถมาอย่างทุลักทุเลไหนจะต้องประคองรถ ไหนจะต้องประคองคน ระยะทางสองกิโลนี่ไกลอย่างกะสองร้อยกิโล กว่าจะถึงหอได้ผมนี่เกือบไปชนกับรถเค้าเป็นสิบรอบ เกือบจะโดนฆ่าตายห่าอยู่แล้วมั้ย
ผมเอารถมันไปจอดไว้ที่โรงรถ แล้วลากสังขารมันมาจนถึงทางเข้าหอ โชคดีที่ลิฟต์ซ่อมเสร็จแล้ว ไม่งั้นผมจะให้มันนอนอยู่ตรงทางเข้าเนี่ยแหละ ผมจะชิ่งหนีขึ้นไปนอนบนห้องคนเดียว เอาให้ตื่นมาแล้วแม่งอายเลย
พอถึงห้องผมก็โยนมันลงบนเตียงแล้วสไกป์คุยกับแม่แล้วก็เจ้ที่ไทยจนเกือบเที่ยงคืน ผมไปอาบแล้วก็กำลังจะกลับมานอน หันไปเจอโทรศัพท์พอดี เลยคิดอะไรดีๆออก ผมกดเบอร์โทรหาเฮลทันที สักพักก็มีคนรับ เป็นเสียงที่ฟังแล้วน่าหลงไหลเป็นบ้า
"โหล โทรมาดึกป่านนี้ยังไม่หลับไม่นอนอีกรึไง ฉันไม่ว่างไปติวให้นายตอนนี้หรอกนะ คนจะหลับจะนอน" ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงงัวเงียบวกจิกกัดผมเล็กน้อย แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งฟังยิ่งอารมณ์ดี
"ไม่ได้จะโทรให้มาติวให้หรอกครับ แค่จะโทรมาบอกว่าคิดถึง แล้วก็ฝันดีครับ มั๊วะๆ"
"อุบาทว์ ไปนอนได้แล้วไป แล้วพรุ่งนี้อย่าสายอีกนะ ไม่งั้นนายเจอดีแน่" ปลายสายเหวี่ยงเล็กๆ อยากเห็นจังว่าตอนนี้กำลังทำหน้ายังไงอยู่
"ครับๆที่รัก" ผมแกล้งหยอกเล็กๆ
"ใครที่รักนาย อย่ามาลามปามฉันนะเว่ย" เฮลเหวี่ยงกลับมาทันทีแล้วก็กดวางสายไป เล่นเอาผมงี้ยิ้มไม่หุบเลย
"คุยกะใครหละสัส ท่าทางมีความสุขดีเนอะ" ไอเหี้ยที่นอนเตียงข้างๆตื่นมาก็กวนส้นตีนเลยนะมึง
"ศรีภรรยาในอนาคตโว้ยย"
"วันแรกก็ได้เมียเลยนะ ใช่ย่อยนะมึงอะ ว่าแต่ใครวะ"
"กูจำเป็นต้องบอกมึงปะ?" ผมกวนตีนมันไป
"จำเป็นดิ จำเป็นมาก"
"บอกแล้วรับให้ได้นะ"
"เออ กูรับได้อยู่แล้วหละ"
"คนคนนั้นเป็นผู้ชายหวะ" ผมตอบไปตามความจริง มันทำหน้าอึ้งเล็กน้อยก่อนจะถามผมกลับ
"อย่าบอกนะว่าเป็นโอเดโงะ?"
"พ่อมึงดิ" โอเดโงะที่มันหมายถึงคือเพื่อนผู้ชายในห้องเดียวกับผมเนี่ยแหละ ท่าทางดูซึนๆ
"อ่าว ก็กูเห็นมันรินเบียร์ให้มึงบ่อยๆ"
"แค่นี้มึงก็ตีความไปไกลนะ"
"เอ่า แล้วใครหละวะ"
"อย่าตกใจนะสัส"
"เออ มึงนี่เล่นตัวมากไปละแม่ง" มันเร่งเร้าให้ผมบอก
ดูเหมือนมันอยากเสือกจนหางสั่นละนั่น
"ก็ประธานคุมกฎเฮลที่มึงบอกว่าโหดนักโหดหนานั่นแหละ ไม่เห็นโหดตรงไหน น่ารักสัสๆ กูนี่อยากจะปล้ำให้รู้แล้วรู้รอด" ตี๋มันนี่อึ้งไปเลย แถมยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองที่อ้ากว้างเพราะอึ้งแดกนั่นแหละ
"มึงแม่งเจ๋งหวะ!!"
อ่าวเห้ย ไหงเป็นงั้น ตอนแรกนึกว่ามันจะรังเกียจผมหรืออะไรแบบนั้นสะอีก
"มึงไม่รังเกียจกูอ่อวะ?" ผมถามมันกลับไป
"รังเกียจเหี้ยไร จริงๆคนที่กูตามจีบก็เป็นผู้ชายแหละสัส"
"ห้ะ!!" ผมนี่อึ้งไปเลย
"ห้ะเห้อะเหี้ยไร" ก็กูไม่คิดว่ามึงจะเป็นนี่หว่า
"แล้วใครวะ"
"เอาให้กูจีบติดก่อนแล้วจะบอกนะครับ"
แหงะ ดูมัน หลอกให้อยากแล้วจากไป
"มึงแม่งเล่นตัวชิบหาย"
"ใครใช้ให้มึงโง่มาบอกกูหละ ว่าแต่มึงเป็นเซเมะ หรืออุเคะวะ?" ต้นประโยคนั่นมันด่าผม แต่ประโยคหลังเป็นประโยคคำถามที่เสียงแผ่วเหลือเกิน
"เซเมะดิสัส หน้าอย่างกูเป็นอุเคะโลกก็ชิบหายละ" ผมตอบมันไป มันตบมือให้ผมเสียงดังลั่น ท่าทางเหมือนเด็กปัญญาอ่อนผสมกับลิงที่งานวัด ที่ยิงโดนแล้วมันปรบมืออะ
นั่นแหละ
"แล้วมึงหละ" ผมย้อนถามมันบ้าง
"เซเมะคร้าบบบ" มันยืนขึ้นแล้วทำท่าคุณปัญญาก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำ ผมเลยหลับไปไม่ลืมปรับนาฬิกาปลุกจากแปดโมงเป็นหกโมงด้วย แล้วก็ส่งข้อความไปหาเฮลอีกที
'ฝันดีนะครับที่รัก'
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ