Cupid แผลงศรรัก กลับสวรรค์

-

เขียนโดย digitoon

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.13 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,249 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่สาม ตามหา ความรัก ปีศาจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่สาม   ตามหา  ความรัก ปีศาจ

เทพทั้งสองและมนุษย์อีกสองนัดเจอกันหน้าโรงเรียนในเวลาเช้าตรู่  มนตร์ลวงความทรงจำกระจายไปทั่วโรงเรียนเพื่อบิดเบือนความจำที่จะได้เข้าสู่โรงเรียนในเวลากลางเทอมแบบนี้แท้ว่าคัลเตอร์จะไม่ใช่มนุษย์แต่ก็มายังโลกมนุษย์นานพอที่จะรับรู้เรื่องราวต่างๆของมนุษย์บ้าง   

วงแหวนเวทย์สีม่วงหายไป ร่างสูงของเทพทั้งสองคนตอนนี้อยู่ในชุดนักเรียนอย่างเป็นทางทำให้การกลมกลืนไปกับฝูงชนได้  เมื่อสังเกตดูดีๆแล้วใบหน้าของทั้งสองก็ยังดูอ่อนอยู่เหมือนคนยังอายุไม่เกินยี่สิบปี   กอหญ้าและชาร์ทสังเกตว่าผมและสีตาของคัลเตอร์กลายเป็นสีดำ  แต่ใบหน้าของแดนนิสกลับดูไม่มีเลือดอยู่ในใบหน้า  เหมือนคนอ่อนเพลียกำลังจะหมดแรง

กอหญ้าและชาร์ทพาทั้งสองคนเดินมาแนะนำโรงอาหารของโรงเรียนและเดินออกไปซื้อข้าวมาให้เทพทั้งสองให้  คัลเตอร์เมื่อเห็นว่าทั้งสองเดินออกไปก็รับถามแดนนิสทันที

“ นายสบายดีนะแดนนิส ”  เป็นครั้งแรกที่ชาวนรกพูดกับชาวสวรรค์เป็นภาษามนุษย์โลกเพื่อไม่ให้เกิดความต่าง “ เมื่อคืนนายใช้พลังเวทย์ไปเยอะใช่ไหม ”

แดนนิสได้แต่พยักหยึกหงัก  ตอนนี้เขาแทบจะไม่มีแรงทำอะไรแล้วตั้งแต่ตื่นเช้ามาเหมือนทั้งตัวของเขาล้าไปหมด

“ พลังของนายถูกกับแสงจันทร์  ดังนั้นนายต้องอาบแสงจันทร์ทุกๆวันเพื่อฟื้นพลังไอเทพในตัวของนายเอง  และนายต้องจำไว้ว่าแม้ว่าพลังของนายจะฟื้นก็ไม่ได้แปลว่าไอเทพของนายจะไม่หายไปเลย ” 

หนุ่มเทพอสูรกระซิบกระซาบเพราะไม่อยากให้คนรอบๆ ตัวได้ยินเรื่องแบบนี้  ก่อนที่จะหลับตาลงแล้วเอานิ้วชี้ของตนเองจิ้มไปที่หน้าผากของแดนนิส  ฉับพลันพลังก็เอ่อซ่านเข้ามาในตัวของเทพหนุ่มทันทีเหมือนกับว่าไอเทพของเขาฟื้นพลังขึ้นมา

“ เธอคิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่กันนะ ”  กอหญ้าเหม่อลอยถามชาร์ทที่กำลังสั่งอาหารอยู่ข้างๆ “ สิ่งที่เราพบเจอนี่มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม ”  

“ ฉันคิดว่าจริงนะ ”

“ แล้วนายว่าเราจะทำให้เขากลับสวรรค์ได้ไหม ”   

“ ฉันคิดว่าน่าจะได้ ”  ใบหน้าหวานหันไปมองชายสองคนที่กำลังนั่งคุยกันราวกับว่าทั้งสองคนเป็นนักเรียนมอห้า

จริงๆ   “ ตอนนี้ฉันไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นนั่นแหละกอหญ้า ฉันไม่รู้จะกังวลทำไมเพราะมันไม่ใช่ธุระอะไรของเรา ”

คำตอบของชาร์ททำให้หญิงสาวยิ้มกว้างได้ขึ้นมา รับข้าวทั้งสี่จานที่ถูกยื่นให้กับเธอ ซึ่งชาร์ทก็กำลังมาช่วยถือ

“ ที่นี่อะไรอร่อยบ้างละ ”   เสียงหนึ่งดังขึ้นมาด้านหลังของทั้งสองคน เมื่อหันหน้าไปหาต้นเสียงก็พบว่าชายคนนี้ช่างไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย ชายคนนั้นเหยียดยิ้มให้ทั้งสองคน

“ ว่าไงชาร์ท กอหญ้า ช่วยเเนะนำเราหน่อยได้ไหมว่าอะไรถูกปากพวกนายมากที่สุด ”   เอสยื่นหน้าเขาไปใกล้ๆ หน้าหวานของชายหนุ่ม สูดกลิ่นไออสูรที่ติดตัวชาร์ทอย่างเต็มปอด  “ ไออสูรของเจ้ากลิ่นแรงนักนะชาร์ท ”  

“ เอ้าพ่อหนุ่มเอสคนดัง เอาอะไรดีจ๊ะ ” เสียงป้าแมวเจ้าของร้านอ่อนหวานเมื่อถามลูกค้าแสนรู้จักแต่ทั้งสองคนกลับไม่รู้จักเลย เอสล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างแล้วเดินเข้าไปสั่งอาหาร ทิ้งเพียงแต่ให้ทั้งสองคนงงเป็นไก่ตาแตก

กอหญ้าและชาร์ทรีบเดินจ้ำเท้ามายังโต๊ะที่เทพทั้งสองคนนั่งอยู่อย่างหน้าตาตื่น จานข้าวถูกวางลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงเพราะความลนลาน สายตายังหันไปมองชายหนุ่มคนนั้นซึ่งตอนนี้เดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับมีอีกสองคนนั่งอยู่

“ ใจเย็นกอหญ้า พวกนั้นอาจจะเป็นแค่เด็กใหม่ก็ได้ ”  ชาร์ทตบบ่าปลอบใจผู้เป็นเพื่อน ทั้งๆ ที่ในใจรู้อย่างเต็มอกว่ามันไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ

“ เกิดอะไรขึ้น ”  แดนนิสถามเมื่อเห็นหน้านาของคนทั้งสอง ชาร์ทไม่ตอบแต่หันหน้าไปทางชายทั้งสามคนที่ตอนนี้มองมาที่โต๊ะของพวกเขาอย่างไม่วางตา

“ พวกนั้นได้กลิ่นอสูรจากตัวฉัน แถมป้าเจ้าของร้านยังทำทีท่าว่ารู้จักพวกนั้นเหมือนกับสนิทกันมาก แต่เรายืนยันได้เลยว่าทั้งสามคนไม่ใช่เด็กนักเรียนที่นี่แน่ๆ ฉันไม่เคยเห็นหน้าพวกนั้นมาก่อนเลย ”

“ แย่ละ ”  คัลเตอร์ตาโตอย่างตกใจ  “ ฉันแน่ใจว่าพวกนั้นไม่ใช่มนุษย์ เทพ หรืออสูร แต่พวกมันคือปีศาจ ปีศาจที่ยังไม่ตายจะไม่สามารถเอากลับไปแดนนรกได้ เพราะพวกนี้อาศัยอยู่ในร่างมนุษย์นับร้อยปี ”  

“ นี่พลังเทพของฉันอ่อนลงจนถึงขนาดสัมผัสไอปีศาจไม่ได้เลยหรอเนี่ย ”  เทพหนุ่มรำพึงกับตัวเองเอามือเท้าหัวอย่างหนักใจ ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าการที่บุ่มบ่ามมาโลกมนุษย์อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังมันเป็นยังไง

“ แล้วพวกมันมาที่นี่ทำไม ”  ชาร์ทถามขึ้นมาบ้าง ในตอนนี้นอกจากที่เขาต้องพบเจอกับเทพและอสูรในคราเดียวกันยังต้องเจอกับปีศาจอีกด้วยหรือเนี่ย

“ พวกมันคงได้กลิ่นไอเทพมา ”   คัลเตอร์ถอนหายใจอย่างคิดหนัก

“ แล้วพวกเราต้องทำยังไง พวกนั้นจะทำอะไรเรารึเปล่า ”  กอหญ้ายกน้ำแดงขึ้นมาดูดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าตนเองกำลังมองอยู่ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

 “ พวกนั้นดูดพลังชีวิตเป็นอาหาร แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำแล้วเพราะว่ามีพวกชาวนรกคอยปราบจนเกือบหมดสิ้นไป ที่มีอยู่ก็จำศีลไม่สร้างความเดือดร้อน ตอนนี้ก็คอยดูแต่ว่าพวกนี้คือพวกไหน ”  คัลเตอร์อธิบาย 

“ ตอนนี้คงดูไปก่อนว่าเป็นมิตรหรือศัตรูแต่เราต้องตามหาแสงแห่งความรักก่อน พอที่จะบอกได้ไหมว่ามันคืออะไร ”  หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย

“ ที่ข้าพอรู้มาก็คือความรักของมนุษย์ซับซ้อนกว่าเทพและอสูร จึงทำให้มีพลังเหนือสิ่งอื่นใดได้ทั้งหมดทั้งมวล เคยได้ยินมาว่าถ้าใครมีความรักจะเกิดแสงมาจากคนทั้งสอง แสงนั้นแหละคือแสงแห่บความรักที่จะเรืองรองตลอดเวลา ” คัลเตอร์พูด มองไปยังแดนนิสที่เคี้ยวข้าวในปากตุ้ยๆอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนหญิงสาวต้องตีไปที่แขนเบาๆ เพื่อเรียกสติ

 “ นี่นาย นี่มันเรื่องของนายนะ นายจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรอ ”  กอหญ้าขมวดคิ้วต่อว่าอีกฝ่ายโดยตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงกับรัชทายาทของสวรรค์

“ เธอจะไปตกใจทำไม คนรักกันในแดนมนุษย์เยอะจะตายไป เดี๋ยวก็หาได้ " สีหน้าไม่รู่ไม่ชี้ของแดนนิสช่างต่างกับเมื่อวานตอนที่รู้ว่าตนเองอาจจะไม่ได้กลับสวรรค์ ก่อนที่จะยิ้มหวานให้กับหญิงสาวตรงหน้า พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นหนึ่งนิ้ว  “ ที่สำคัญอาหารมนุษย์อร่อยจัง ”  

กอหญ้ากรอกตาไปมาอย่างเหลืออด ที่เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับเทพที่ไม่รู้จักชีวิตว่าจะไปดีไปร้ายอีกนานแค่ไหน บางทีหากไม่ได้กลับสวรรค์เขาอาจจะต้องอยู่กับเธอตลอดชีวิตก็ได้   “ แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีละ ”  

“ แดนนิสกอหญ้า พวกนายอยู่ห้องเดิม ส่วนฉันกับชาร์ทต้องย้ายห้อง เราต้องแยกย้ายกันเพื่อตามหาแสงแห่งความรัก คู่รักมนุษย์มีมากมายก็จริงแต่พวกนั้นแสงหริบหรี่เกินไป เราต้องหาแสงที่เจิดจ้าสำหรับความรักสมหวังครั้งแรก ”  คัลเตอร์อธิบาย

“ งั้นแสดงว่าเราต้องหาว่าใครกำลังมีความรักแล้วต้องทำให้เขาสมหวังด้วยใช่ไหม ”  ชาร์ทถาม  

“ ใช่ ”  หนุ่มชาวสวรรค์พยักหน้ารับคำ

ทั้งสี่คนแยกย้ายกันไปตามที่คัลเตอร์สั่งไว้ โดยเพื่อนนักเรียนนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าแปลกใจหรือตกใจเลย กลับทักทายอย่างปกติด้วยซ้ำ    แดนนิสเดินล้วงกระเป๋าปร๋อเข้าไปนั่งในห้องเรียนอย่างสบายใจ  กอหญ้าได้แต่ยืนมองผู้คนที่นั่งคุยกันแบบไม่รู้สึกว่ามีคนแปลกประหลาดอยู่ในห้อง  ซึ่งเธอทำไม่ได้หรอกก็เธอไม่ได้เป็นคนที่ความทรงจำบิดเบือนนี่

“ นี่นายอย่าทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของโลกได้ไหม ”  กอหญ้าวางกระเป๋าของตัวเองลงบนเก้าอี้  ซึ่งแดนนิสก็นั่งลงข้างๆ  ปากกาที่ถูกหยิบขึ้นมาตีไปที่แขนเทพหนุ่มเบาๆ “ นายจะบ้าหรอนี่ที่นั่งของชาร์ท ”

“ เธอสมองฝั่นเฝือนไปแล้วหรอยะ  นี่มันที่นั่งของแดนนิส เมื่อวานชาร์ทแค่มานั่งคุยด้วยเอง ”  แนทหรี่ตาหันมามองเพื่อนสาวด้วยสายตาสงสัย  “ว่าแต่เมื่อวานหล่อนได้ไปขอพรให้ฉันไหม  ”

“ ไป ”  กอหญ้าพยักหน้าตอบ  มือสวยเปิดสมุดบ้านที่มีแบบฝึกหัดที่เธอไม่ได้ทำเมื่อคืนเพราะเรื่องยุ่ง  ซึ่งทำก่อนก็เวลาเสร็จก่อนเวลาเรียนอยู่แล้ว

“ ทำไรอยู่น่ะ ”  เทพหนุ่มเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย  ก่อนที่จะหยิบปากกาในมือของหญิงสาวข้างกายมาดู “ ปากกาของโลกมนุษย์นี่ดีจัง  ไม่ต้องเอาขนนกจิ้มกับหมึกปากกา ”

“ นี่นายถามจริงๆ เถอะ นายช่วยจริงจังกับเรื่องของนายเองบ้างได้ไหมเนี่ย  คัลเตอร์ยังดูจริงจังมากกว่านายอีก ”  กอหญ้าหัวเสียเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรถึงการกลับไปของตนเองเลย  มือสวยแย่งปากกาจากมือของชายหนุ่มมาเขียนการบ้านต่อ

“ อันที่จริงฉันลงมาที่นี่เพื่อเที่ยวน่ะ  จะให้ฉันของวุ่นวายหรือเครียดไปด้วยเรื่องอะไร  ถ้าฉันมีความสุขกับการอยู่บนสวรรค์คงไม่ลงมาหรอก ” 

“ งั้นบอกฉันทีแดนสวรรค์ของนายเนี่ย  มันไม่ดีตรงไหน ” ใบหน้าสวยเอียงลงเล็กน้อยแล้วหันมามองใบหน้าของเทพหนุ่มอย่างสงสัยยกคิ้วสูงขึ้นมาทันทีก่อนจะหัวเราะนิดๆจากลำคอ

“ อืม  บอกไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก ”  แดนนิสหันมาบอกแล้วหยิบปากกาอีกอันมาหมุนนิ้วเล่น  คำตอบที่ไม่จริงจังนักหากกอหญ้าได้สังเกตนัยตาของแดนนิสว่ามันแฝงด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย  “ หากว่าเธอต้องรับผิดชอบอะไรที่ยิ่งใหญ่  รับผิดชอบทั้งโลก  อะไรก็เธอ...ฉันว่าเธอก็คงทำไม่ต่างกัน ”

“ โอเค  ฉันไม่อยากรู้ก็ได้ ”  หญิงสาวแบะปากพยักหน้าเบาๆ ในเมื่ออีกฝ่ายตอบซะต้องหาความในของประโยคแบบนี้ เธอก็ไม่อยากรู้นัก “ ว่าแต่คัลเตอร์บอกว่าให้หาคนที่รักกันแล้วเราจะเอาแสงแห่งความรักมาจากไหน ”

แดนนิสไม่ตอบแต่ดีดนิ้วเสียงดังจนเกินละอองสีฟ้าออกมาจากสิ่งที่กระทบกันเมื่อครู่  ก่อนจะเอามาทาบที่ดวงตาคู่ของหญิงสาว  “ ละอองเทพนี่จะทำให้ดวงตาของเธอเห็นในสิ่งที่คนเขาไม่เห็น  เธอจะสามารถอ่านใจ  มองเห็นแสงแห่งความรัก  ความโกรธ  เธออยากรู้อะไรเธอเพียงแค่สั่งกระแสจิตให้รู้ให้เห็นแค่นั้นเอง ”

“ โหจริงหรอ ”  รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นมาที่ใบหน้าสวย  เธอมองทุกคนอย่างสนุกสนานตอนนี้เธอได้ยินเสียงของคนมากมายในหู  แต่เมื่อเธอไม่อยากได้ยินมันก็หายไป  “ สุดยอดจริงๆ แดนนิส ”

แดนนิสหัวเราะกับการดีใจที่หมือนกับเด็กได้ของเล่น  ก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้วแสร้งทำเป็นทำหน้านิ่งเหมือนเดิม  “ ว่าแต่เธอเห็นบ้างรึยังแสงแห่งความรักเนี่ย  มันจะเจิดจ้ามาในขณะที่มีความรักเปี่ยมล้น ”

“ ยังไม่เห็นเลย ” 

“ อะไรเมื่อกี้ใครพูดถึงเรื่องรักห่ะ ”  แนทที่เผลอได้ยินหันหน้ามาอย่างสนใจ  “ เธอไปขอพรให้ฉันท่าทางจะได้ผลนะ  เพราะเมื่อวานแม่ฉันพาไปมาร์คหน้าและก็ขัดผิวมากด้วย ”

“ และที่สำคัญยัยแนทกับพี่แม็กซ์เลิกกันแล้วด้วย  นี่สิถึงจะเรียกว่าข่าวดีอย่างเห็นได้ชัด ”  แนทต่อท้ายคำด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ    ไม่พูดเปล่าแนทใช้มือทั้งสองลูบตัวเองไปมาดังกับผิวของตนเองนุ่มและน่าสัมผัส  แดนนิสหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างวินิจฉัย  “ เธอต้องการความรักหรอ ”

“ แหงละแดนนิส  ฉันเตรียมตัวมาขนาดนี้แล้วฉันก็ต้องการใครสักคน ”  คนตรงหน้าตอบอย่างมั่นใจ 

แดนนิสหันไปมองหน้ากอหญ้าแล้วยิ่มอย่างมีเลิสนัย  “ บางครั้งความรักอาจจะกำลังรอเธออยู่ก็ได้  ก็สวยขนาดนี้นิ  กามเทพตัวน้อยๆ อาจจะกำลังจัดรักให้เธอนะ ”

“ จริงหรอ ”   แนทเสียงดัง  ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเบาๆ  เมื่อเห็นแบบนั้นแนทก็กระยิ่มยิ้มย่องกับตัวเองก่อนจะหันกลับไปเขินกับตัวเอง  “ รอหนูก่อนนะคะพี่แม็ก ”

กอหญ้าถึงกับตีแขนอีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ   “ นี่นายจะทำอะไร  แนทมันเป็นคนฝันเฝื่องอยู่  ไปบอกกับมันแบบนั้นเดี๋ยวมันก็ยิ่งฝันไกลไปใหญ่  อีกอย่างนะพี่แม็กซ์เขาก็มีแฟนแล้วคนที่มันชอบเนี่ย ”

“ แล้วไงก็ไปคบกับคนอื่นก็ได้นิ  อยากมีความรักเราก็จะจัดให้วินวินกันทั้งสองฝ่าย  มนุษย์เนี่ยเปลี่ยนใจง่ายจะตายฉันเห็นมาร้อยกว่าปีแล้ว ”

“ วินวิน ”  กอหญ้าทวนคำ  “ นี่ไปฝึกคำนี้มาจากไหนเนี่ย ”

“ เอาหน่า  เดี๋ยวฉันจัดการเองเพื่อนเธอก็จะได้คนรักส่วนฉันก็จะได้แสงแห่งความรักไง ”  แดนนิสเริ่มจะสนุกกับแผนการในหัว  อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะช่วยหรอกแต่เขาอยากจะสนุกกับการเล่นกับหัวใจมนุษย์มากกว่า

 

“ เอาละถ้าจดสูตรนี้แล้วทำโจทย์ข้อนี้เสร็จก็ส่งสมุดแล้วไปพักได้นะคะ ”  หญิงมีอายุผ่านการสอนนักเรียนมาเป็นสิบปีขยับแว่นก่อจจะยิ้มอย่างอ่อนโยน  รอยยิ้มนั้นช่างเหมาะกับการเป็นม่พิมพ์ของชาติเสียจริง  “ งั้นครูขอสอนแค่นี้นะเพราะครูธุระต้องไปทำ ”

ทางด้านห้องของชาร์ทและคัลเตอร์ที่กำลังนั่งเรียนอยู่อย่างใจจดใจจ่อ  สายตาจ้องมองกระดานอย่างไม่วางตาอันที่จริงหนุ่มแดนนรกคนนี้เรียนรู้เรื่องของมนุษย์หลายๆอย่างด้วยซ้ำ  สมการตัวเลขที่อยู่บนกระดานเขาไม่แน่ใจว่าจะเรียนไปให้ปวดหัวทำมเพราะอย่างไรก็ได้ใช่ไม่กี่อย่าง  ซ้ำการที่เสริมให้เรียนในสิ่งที่ไม่ได้นำไปใช้ยังเหมือนกับการข่มคนเรียนให้ไม่อยากเรียนอีกด้วย  ถึงจะว่าไปแบบนั้นแต่คัลเตอร์ก็ยังรู้เรื่องอยู่ดี  

ชาร์ทนั่งนิ่งตัวแทบจะไม่กระดิกเพราะรับรู้ถึงพลังงานบางอย่าง  บางอย่างที่เขารู้สึกว่าคนที่นั่งจ้อมเขาข้างหลังนั้นแทบจะไม่ละสายตาจากเขาเลย   “ ทำไมนายไม่บอกฉันว่าเรียนที่ห้องนี้ ”

“ ก็ห้องนี้คนมันยังว่างอยู่  ขืนให้เราต้องไปเรียนห้องอื่นความทรงจำที่บิดเบือนอาจจะไม่สมดุลและเวทย์มนตร์ก็จะเสื่อมพลังหากมีใครจำได้แม้แต่คนเดียว ”  คัลเตอร์พูดทั้งๆ ที่เขียนสูตรบนกระดานยิกๆ  “ ตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ฉันสังเกตว่านายไม่ตั้งใจเรียนเลยนะชาร์ท ”

ชาร์ทหรี่ตาค่อยๆ ขยับหัวไปมองข้างหลังแล้วรีบหันกลับมาที่เดิมเมื่อเห็นว่ายังคงมีสายตาจับจ้องเขาอยู่   อีกฝ่ายเห็นว่าคนที่นั่งข้างๆ มีท่าทีแปลกๆ จึงหันหลังกลับไปมองบ้าง  ชายหนุ่มที่จ้องมองชาร์ทด้วยสายตาหลากอารมณ์  โกรธ  แค้น  อาฆาต  มันช่างเป็นอารมณ์ที่ไม่มีความรู้สึกดีเอาเสียเลย

“ มองไร ”  เสียงห้วนถามขึ้นมาเมื่อเห็นคัลเตอร์มองตนเอง  “ หรือว่าอยากมีเรื่อง ”   

“ เอ่อ  คัลเตอร์พาเราไปเข้าห้องน้ำหน่อยดิ  ปวดฉี่มากเลย ”  ชาร์ทเห็นว่าคัลเตอร์จ้องหน้ากลับคนถามอย่างไม่วางตาจึงรีบกระชากร่างสูงลากไปที่ห้องน้ำทันที

ห้องน้ำบนอาคารเงียบเชียบเพราะไม่มีใครเข้ามาใช้ห้องน้ำของอาคารนี้นัก  คัลเตอร์ยังคงหันหน้าไปทางห้องเรียนที่ตนเองถูกลากออกมา  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิดกับคำระคายหูเมื่อครู่ 

“ นายอย่าไปมีเรื่องกับบิ๊กเชียวนะ ” 

“ ถ้าเจ้าหมายถึงคนเมื่อครู่  ข้าคงให้สัจจะกับเจ้าไม่ได้  เป็นเพียงมนษย์ต่ำต้วยด้วยค่าหากเพียงไม่คำนึงถึงว่าพูดกับใครอยู่  ข้าสามารถทำให้มันไปแดนนรกกับข้าเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ”  คัลเตอร์หันหน้ามาตะคอกใส่ชาร์ทอย่างโกรธเกรี้ยว  เส้นผมที่เป็นสีดำค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นสีม่วงเช่นเดียวกับดวงตาที่ฉายแววโมโหในตอนนี้

“ ทำไมต้องตะคอกด้วยละ ”  ชาร์ทยืนนิ่งอย่างตกใจ  ตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัวเมื่อเห็นอสูรในจิตใจของคัลเตอร์โผล่ออกมาให้เห็น

แววตาอสูรจ้องมองอีกคนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ  ผมสีม่วงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำพร้อมกับดวงตาสี่ม่วงที่มองอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเป็นปกติเช่นเดิม  “ ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาพูดหาเรื่อง  ฉันก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องโกรธจัดขนาดนี้ด้วย ”  คัลเตอร์นั่งลงสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกสติของตนเองกลับมา  “ งั้นบอกมาได้รึยังว่าทำไมนายนั่นต้องจ้องนายเป็นฝืนเป็นไฟขนาดนี้ ”

หนุ่มมนุษย์ค่อยๆ นั่งลงแล้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก  แต่ก็เหมือนว่าคัลเตอร์เย็นลงแล้วและเร็วมากด้วย  “ คนนั้นชื่อบิ๊ก  เขาโกรธที่ฉันไปช่วยให้ขวัญกับปาร์คเป็นแฟนกัน  ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าบิ๊กมีอิทธิพลขนาดไหน  แต่ประเด็นคือฉันไม่รู้ไงว่าบิ๊กชอบขวัญอยู่ ”  พูดไปแล้วชาร์ทก็ถอนหายใจออกอย่างหนักใจ  “ ที่สำคัญปาร์คมันก็เป็นเพื่อนฉันตอนมอต้นแล้วมันก็ทะเลาะกับขวัญอยู่  บิ๊กก็หาโอกาศจีบขวัญเอาคะแนนตัดหน้าปาร์ค  ”

“ นี่เรื่องแค่นี้มนุษย์ต้องโกรธขนาดนั้นเลยหรอ ”  คัลเตอร์ละสายตาจากคู่กรณีส่ายหน้าเบาๆ ความคิดหนึ่งก็วูบแล่นเข้ามาในหัวสมองของตนเองทันที  “ แสดงว่าตอนนี้ขวัญกับปาร์คก็ทะเลาะกันอยู่ใช่ไหม  ”

ชาร์ทไม่ตอบแต่พยักหน้าช้าๆ  คัลเตอร์ผุดรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก  “ หากว่าทำให้ความรักของคนที่สั่นคลอนฉายแสงอีกครั้ง  เป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะจับคู่ให้คนที่รักกันอีกนะ ”

ชาร์ทหรี่ตาหันไปมองอสูรหนุ่ม  คิ้วทั้งสองขมวดปมเข้าหากันแทบจะทันที  “ นายจะบอกว่าพวกเราต้องทำให้สองคนนี้คืนดีกันนะหรอ ”

คับเตอร์ไม่ตอบแต่พยักหน้ากลับมาเช่นกันมนุษย์ตรงหน้าทำตาโตอย่างตกใจ  “ นี่นายยังไม่เข้าใจอีกใช่ไหมว่าการที่ต้องไปอยู่ห้องเดียวกับบิ๊กว่าซวยแล้ว  แต่การทำแบบนี้ถือว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับมันถือว่าซวยยิ่งเป็นความคิดที่แย่กว่า ”

“ แล้วนายจะหาคนที่รักกันจากไหน ”  คำถามของคัลเตอร์ทำเอาชาร์ทถอนหายใจยาว  แต่ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าไปมีความหวังทันทีเมื่ออีกฝ่ายพูดว่า  “ ถ้างานนี้สำเร็จนายจะได้ทุกสิ่งที่นายต้องการ ”

 

“ เจ้าว่าอย่างไรนะ ”  รูฟลุกขึ้นอย่างบัลลังก์ด้วยความโกรธอย่างถึงที่สุดโดยแขนข้างหนึ่งมีอังดิสคอยรั้งไว้เผื่อคนรักควบคุมสติตนเองไม่อยู่  “ เจ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรเทสต้า  ข้าอุตส่าคอยให้เจ้าปกป้องคุ้มครองลูกข้าแต่เจ้ากลับทำไม่ได้ ”

เทสต้าได้แต่นั่งคุกเข่าข้างหนึ่งก้มหน้านิ่งอย่างรับผิด  แม้ว่าตนเองรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ความผิดของตนเต็มร้อยแต่ก็อย่างที่เจ้าสวรรค์ว่าไว้เขาเป็นถึงองค์รักษ์แต่กลับคุ้มครองเจ้าชายให้อยู่ในสายตาตลอดเวลาไม่ได้

“ ใจเย็นหน่ารูฟ  หลานคัลเตอร์ก็คอยอยู่ด้วยลูกของเราคงไม่เป็นอะไรหรอก ”  อังดิสเอาน้ำเย็นเข้าลูบเผื้อให้คนรักคลายความโกรธลงได้

“ ข้าไม่ได้โกรธที่แดนนิสไปโลกมนุษย์แต่ข้าโกรธที่เจ้านั่นทำให้เราเสียหน้า  หักหน้พวกเรา  แล้วอย่างนี้องค์หญิง เจฟดี้จะว่าอย่างไร  การสร้างมิตรกับอีกเมืองจะสูญสลายไปไหมทำไมแดนนิสไม่คิดบ้างว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน ”  มหาเทพตำหนิอย่างหัวเสีย

“ ในระหว่างนี้ข้าจะขอทำการต้อนรับองค์หญิงเจฟดี้เอง  เจ้าหญิงจะเป็นอาคันตุกะที่ดีที่สุดที่กระหม่อมจะดูแลเป็นอย่างดีจนกว่าเจ้าชายจะมา ”  องค์รักษ์เทพเสนอโดยไม่มองหน้าเจ้านายแม้แต่น้อย  “ และข้าก็จะขอรับผิดทั้งหมดที่เลินเล่อต่อหน้าที่หากท่านประสงค์จะบัญชาโทษแก่ข้า ”

อังดิสยิ้มอย่างภูมิใจในความกล้าหาญและรับผิดชอบขององค์รักษ์  ไม่เพียงแต่เขาจะแข็งแกร่างทางร่างกายแต่จิตใจก็แกร่งไม่แพ้เช่นกัน  “ งั้นเจ้าจงเร่งไปเถิด  เดี๋ยวข้าจะอยู่ปลอบให้รูฟเย็นเองแบ้วข้าจะเรียกเจ้ามาอีกที ”

รูฟมองหน้าอังดิสด้วยใบหน้าที่ไม่เห็นด้วยนัก  “ เอาเถิดรูฟ  ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วเพียงแต่ว่าเราจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ดีที่สุด  โกรธไปก็ๆไม่ได้ทำให้ลูกของเรากลับมา ”

“ ขอบคุณราชินีที่กรุณา ”  เทสต้ากล่าวก่อนจะมีปีกสีขาวสง่างอกออกมาจากข้างหลัง  แล้วบินออกจากท้อบงพระโรงทันที  โดยมีสายตาของรูฟมองด้วยอย่างกังวลคงขอให้องค์หญิงเจฟดี้อย่าได้โกรธจนหนีกลับเมืองเลย

 

“ เธอทั้งเรียกฉันมาทำอะไรในเวลาว่างของฉันเนี่ย ”  แนทเลิกคิ้วสูงมองแดนนิสอย่างมีคำถาม  ย่อนก้นลงบนเก้าอี้ห้องเรียนที่ตอนนี้มี่แค่พวกเธอแค่คน  “ ดีนะที่ฉันว่างกำลังไอเอตเลยมาหาได้ ”

“ ที่ฉันเรียกเธอมาก็แค่เห็นว่าฉันอยากให้เธอได้ไปเดตหรือว่าไม่ก็ได้ความรู้จักกับพี่แม็กอะไรนั่นแค่นั้นเอง  ฉันว่านี่น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมนะเพราะว่าเป็นช่วงที่พี่เขาอกหักควรที่จะไปปลอบใจพี่เขา  เธอเองก็จะได้ทำคะแนนไปด้วยไง ”  ร่างสูงอธิบายก่อนที่จะนั่งลงแบบหญิงสาวตรงหน้าบ้าง

“ เดี๋ยวนะ...ทำไมจู่ๆ นายถึงมาทำดีเนี่ย  ทุกครั้งไม่เห็นจะ ”  ความทรงจำเกี่ยวกับแดนนิสที่บิดเบือนไม่สามารถทำให้แนทคิดเรื่องของชายหนุ่มได้  “ เออช่างมันเถอะ  ว่าแต่ทำไมละ ”

“ ฉันเป็นผู้ชายและฉันก็เข้าใจดีด้วยว่าเวลาความรักมันผิดหวังมันเป็นยังไง ”  ใบหน้าคมแสร้งถอนหายใจอย่างเห็นใจ  หันไปมองนอกหน้าต่างทำทีเศร้าดั่งตนเองเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อน  “ ถ้าเกิดว่าฉันเป็นพี่แม็กหซ์ที่กำลังผิดหวังกับความรักอยู่  ตอนนี้แค่มีคนมาคอยดูแลก็ดีมากแล้วละ ”

“ แดนนิส ”  แนทเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาด้วยความเชื่ออย่างสุดหัวใจ   ก่อนที่ใบหน้าหวานผุดรอยยิ้มขึ้นมาอย่างมีความมั่นใจ  “ ฉันเข้าใจละ  งั้นฉันจะทำเพื่อพี่แม็กซ์  เอ้ย  เพื่อนาย เผื่อการที่ฉันช่วยปลอบใจใครอาจจะทำให้ใครสักคนดีขึ้นฉันก็ยินดี ”

“ ขอบใจมากแนท  ฉันเชื่อว่าพี่แม็กซ์อาจจะเห็นความรักที่ผุดบานในใจเธอ ”  แดนนิสหันหน้ามากุมมือทั้งสองของแนทไว้ด้วยรอยยิ้มของความดีใจ  “ วันนี้สี่โมงเย็นเจอกันที่ร้านแฟรี่เทลนะ  ฉันนัดพี่แมซ์ไว้ให้แล้ว ”

“ ดะ ดะ เดี๋ยว ๆ ”  เครื่องหมายคำถามแทบจะผุดขึ้นมากลางหน้างงงวยของหญิงสาวที่เห็นแดนนิสพูดจบก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง  แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ทันจึงหันมาบอกกับหญิงสาวว่า  “ ไม่ต้องถามหรอกว่าทำไม  พรหมลิขิตอาจจะขีดให้เธอทั้งสองมาเจอกันโดยกามเทพอย่างฉันก็ได้ ” 

เมื่อได้ยินคำว่าพรหมลิขิตแนทก็แทบจะตัวลอยด้วยความดีใจ  ใบหน้าที่เคลิบเคล้มตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแดนนิสเดินออกไปจากห้องแล้ว  ในใจของแดนนิสตื่นเต้นด้วยความอยากรู้ว่าตลอดเวลาหนึ่งร้อยแปดสิบปีที่เขาได้ยินว่าความรักของมนุษย์ง่ายดายนักนั้นมันจะจริงหรือไม่แล้วเขาคงจะได้รู้ในอีกไม่ช้านี้

 

หน้าอาคารหกของโรงเรียนที่คนบางตานักเพราะส่วนใหญ่มอต้นจะอยู่ในห้องเรียนและมอปลายจะอยู่ในโรงอาหารเพราะว่าเป็นช่วงเวลพักของนักเรียนมอปลาย  แต่มีคนหนึ่งที่กอหญ้ากำลังเดินหาอยู่ทั่วใต้อาคารเพราะคำพยากรณ์ของแดนนิสที่บอกให้เธอมาหาพี่แมกซ์ในบริเวณแถวนี้  สายตากลมสอดส่องหาทั่วบริเวณก็เห็นร่างหนุ่มฮ๊อตประจำโรงเรียนนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนด้านในสุดของอาคารติดกับกำแพงห้องเรียน  กอหญ้าเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยความรีบร้อน

“ พี่แม๊กซ์คะ ”  กอหญ้าเก็บความเหนื่อยไว้ในใจฝืนฉีกยิ้มหวานออกมาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อในอากาศร้อนแบบนี้

“ ครับ ”  แม๊กซ์หันมาหาก็พบว่าคนที่เรียกตนเองคือเพื่อนของแคทซึ่งเขาเคยเห็นผ่านๆ ในห้องเรียนของแฟนเก่า  “ น้องกอหญ้าหรอครับ  มีอะไรกับพี่รึเปล่า ”

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มทีทำเอาหัวใจของกอหญ้าแทจะละลายเหมือนกันจนเธอต้องเหยียบความรู้สึกพร้อมพูดกับตัวเองในใจ  ท่องไว้ ท่องไว้ นี่มันภารกิจ

“ พอดีว่าเพื่อนหนูฝากมาบอกว่าวันนี้ให้เจอกันที่ร้านแฟรี่เทลสี่โมงเย็นคะ ”

“ แคทหรอครับ ”  แม็กซ์เลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย  แต่ก็ถอนหายใจออกมาด้วความเหนื่อยหน่ายใจ  “ เห้อ  บอกกี้ครั้งแล้วว่าเลิกกันแล้วก็อย่ามายุ่งนะ ”

“ เปล่าคะ  ไม่ใช่แคท ”  หญิงสาวรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่  “ แนทคะ  แนทเพื่อนของหญ้าเป็นคนนัดพี่มา ”

หนุ่มฮ๊อตเลิกคิ้วสูงด้วยความสงวสัยอีกครั้ง  กอหญ้าอ่านมันออกว่าเขาต้องไม่รู้แน่ว่าแนทคือใครมือสวยหยิบรูปที่ถ่ายรูปหมู่ของเพื่อนๆ ในกลุ่มออกมายื่นให้แม็กซ์ดูแล้วชี้ที่คนที่ตนเองหมายถึง  “ นี่ไงคะ  นี่ละแนท ”

รอยยิ้มพึงพอใจผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังจะเข้ามาดูใจกับเขาคนต่อไปใบหน้าสวยแค่ไหน  มองปร๊าดเดียวเขาก็จำได้ว่าหญิงสาวคนนี้คือน้องที่มีชื่อเสียงด้านความสวยของชั้นมอห้าแต่เขาไม่นึกว่าจะเป็นคนชื่อแนทคนนี้ที่จะนัดเขาไปหาวันนี้

“ แล้วเขาจะอยากมาหาพี่ทำไมหรอครับ ”

“ เอาตรงๆ เลยนะคะ  เขาก็ชอบพี่มานานแล้วและครั้งนี้เขาเห็นพี่เลิกกับแฟนและคิดว่าพี่คงเศร้ามาก  เลยแค่อยากจะมาปลอบคะเผื่อพี่จะดีขึ้น ”

“ อ้อครับผม ”  ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก  “ งั้นบอกน้องเขาไว้ว่าเย็นนี้เจอกันนะครับเดี๋ยวพี่จะไปให้ตรงเวลาเลย ”

“ ค่ะ ”  กอหญ้ายิ้มนิดแล้วรีบเดินออกมาจากชายหนุ่มทันที  แม็กซ์มองตามกอหญ้าที่หายขึ้นไปตรงบันไดอย่างงงๆ  แต่ก็เป็นความงงที่ไม่ต้องการคำตอบสมัยนี้มันก็มีมากที่ผู้หญิงตามไล่ผู้ชายซึ่งเขาเองก็ไม่สงสัยอะไรมากมายเพราะหนุ่มฮอตอย่างเขาก็เจอมันมานักต่อนักแล้ว

                กอหญ้าเดินหลบเข้ามาตรงบันไดหัวใจเต้นอย่างกระสับกระส่าย  ตั้งแต่เกิดมาเธอก็พบว่าการเรียนคณิตศาสตร์ยากพอๆกันกับการที่มานัดผู้ชายดีที่ไม่ได้มานัดด้วยตัวเอง

                “ เรียบร้อยไหม ” 

เสียงของแดนนิสทำเอาหญิงสาวสะดุ้งท่ามกลางความเงียบ  กอหญ้าหันขวับมาทำหน้าดุใส่ทันทีที่ทำให้ตกใจ  สายตาของเธอมองไปรอบๆ  เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นอะไรที่มันเหนือธรรมชาติแบบนี้  แบบที่เทพหนุ่มหายตัวมาหาเธอ “ โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง  นี่นายเป็นเทพหรือเป็นผีเนี่ย ”

“ ขวัญอ่อนซะจริงนะเธอเนี่ย  นี่เป็นคนธรรมหรือเป็นคนปัญญานิ่มเนี่ย ”  กอหญ้าเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำแซวของเทพหนุ่ม  ปากเรียวแบะออกมานิดหน่อย  “ ชิ...เรียบร้อยหน่าเพราะฉันเป็นคนความจำดี  ทำตามแผนดีไม่ใช่คนปัญญาอ่อน ” 

“ ว่าแต่แผนเนี่ยจะสำเร็จหรอ  จู่ๆ ก็มานัดคนสองคนให้เจอกันทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เคยคุยกันด้วยซ้ำ ”

“ เอาหน่า  จากที่ฉันพยากรณ์ดูเนี่ยมนุษย์คนนี้มองคนจากหน้าตามากกว่านิสัยเสียอีก  ไม่แปบกใจเลยที่เธอเล่าให้ฉันฟังว่าเดี๋ยวก็รักเดี๋ยวก็เลิก ”

“ แต่ ”  หญิงสาวลังเลเพราะเธอเองก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้นัก

“ ไม่มีแต่  เย็นนี้เราไปดูให้เห็นกับตากันเลย ”

---------------------------------------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา