ฉันรักแกว่ะ.... ยัยยุ่น

9.8

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.

  12 chapter
  18 วิจารณ์
  15.03K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ความเศร้าที่ปนอยู่ในความสุข

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Michko Part
 
//เช้าวันต่อมา
 
          หลังจากที่เมื่อวานพวกเราได้จัดของกันเรียบร้อยซะจนไม่มีใครมีเวลามานั่งทำการบ้านเลยกลายเป็นว่าช่วงเวลาในช่วงเช้าระหว่างรอเข้าแถวนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลอกการบ้าน
 
“เฮ้อ.... เสร็จซักทีเกือบไม่ทันซะแล้ว”
“แต่เมื่อวานจัดของก็เหนื่อยจริงๆนะ ยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่เลย”
“นั่นสิ” หลังจากเราพูดจบก็พากันเดินไปเรียนคาบแรก
 
          ช่วงนี้แซนจะมีคนเข้ามาหาบ่อยขึ้นคงเพราะปรกติอยู่คนเดียวแล้วพอฉันมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็มีคนมาคุยมากขึ้นละมั้งฉันเคยได้ยินเรื่องที่แซนโดนหลอกใช้ตอนอยู่มัธยม ฉันยังโกรธแทนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มันก็อาจจะดีที่แซนตีตัวออกห่างเมื่อขึ้นมัธยมปลายแต่อีกมุมหนึ่งฉันก็คิดว่ามันไม่น่าจะดีหร่อก ฉันก็อยากให้แซนได้เจอเพื่อนดีๆซักคนนึงเอาไว้ช่วยเหลือกันเวลาลำบาก
 
          แต่ถ้าฉันพูดไปก็คงเข้าตัวฉันอยู่ดีครอบครัวฉันเป็นครอบครัวใหญ่มีกิจการเปิดมากมายหลายแห่งทั่วโตเกียวไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ ทำให้ฉันกลายเป็นลูกคุณหนูไปโดยปริยาย ถึงฉันจะไม่ได้อยากจะเป็นและไม่อยากให้ทุกคนมองฉันว่าฉันเป้นคนพิเศษอะไร ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่อยากอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนกันโดยที่ไม่แยกชนชั้น
 
          ฉันพยายามหลายปีแต่ความแตกต่างนั้นไม่เคยที่จะลดลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเลยล้มเลิกความพยายามและฟลีกตัวออกห่างฉันเคยโดยเสียงนินทามากมายจากปากเพื่อนร่วมชั้น ไม่แม้แต่กระทั้งในห้องเรียนที่มีเสียงกระซิบกระซาบกันหนาหูทุกวันและพูดเหมือนฉันจะไม่ได้ยิน แต่ปล่าวเลย ฉันได้ยินทุกคำพูด ทุกเสียงที่ได้เปล่งออกมา
 
          ฉันเลยไม่สนใจไยดีอะไรอีกแล้วฉันเสียความรู้สึกมามากพอแล้วฉันไม่อยากจะไปจมปลักกับคำพูดคนที่พูดออกมาโดยที่ไม่รู้จักตัวตนของฉันจริงๆ จนฉันได้มาเจอกับแซน เธอน่ารักสดใส และทำในสิ่งที่ควรทำและน่าแกล้งเป็นที่สุด มีบางอย่างที่ฉันคิดว่าเราเหมือนกันและฉันอยากจะย้ำให้มั่นใจกับหัวใจตัวเองว่าฉันรู้สึกยังไงกับแซน
 
          เวลาที่ผ่านมาที่ฉันได้คุย ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลานั้นทำให้ฉันมีความสุขมาก นี่หรือเรียกว่าความรัก? ฉันไม่เคยมอบรักในหัวใจให้ใครเลยนอกจากกพ่อกับแม่ แต่ความรักในครั้งนี้มันต่างออกไป... มันทำให้ฉันเห็นว่าโลกใบนี้มันช่างสวยงามแค่ไหนมันน่าอยู่แค่ไหน ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแซน และฉันใจหายทุกครั้งที่แซนหายไปโดยไม่บอกกล่าว
 
          เหมือนในวันนั้นที่ฉันเป็นไข้และฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมาตามหาแซน ฉันกังวลมาก กังวลว่าแซนจะหายไป ฉันกลัวว่าฉันจะไม่เจอแซนอีกความรู้สึกในใจนี้มันจะมีพอพิสูจน์ต่อความรักที่ฉันมีให้เธอได้ไหมนะ แซน....
 
//พักเที่ยง
 
“หิวจังเลยอ่า เมื่อเช้าก็ไม่ได้กินข้าวมาด้วย”
“หิวเหมือนกันแหละน่า” แซนเดินบ่นมาตั้งแต่ออกจากห้องเรียนมาแล้ว
“งืออ รีบเดินไปกินข้าวกันเถอะน๊า หิวแล้วอ่า”
“จ้าๆ”
 
          ฉันละชอบจริงๆเวลาแซนงอแงแบบนี้ เพราะมันไม่ได้เห็นกันได้ง่ายๆหน่ะสิถ้าตอนนี้ไม่มีคนอื่นมองอยู่นะฉันจับมาหอมแก้มให้หายหมั่นใส้แน่ๆ แล้วอาการที่หิวออกนอกหน้าจนเห็นอาหารทุกอย่างดูหน้ากินเหมือนจัดอยู่ในภัตคารระดับ 5 ดาวยังไงอย่างนั้นเลย น่ารักจริงๆ ให้ตายเถอะ!
 
“ฟุฮ๊าาา ฟื้นตัวแล้วจ้า!”
“นี่อย่าเสียงดังสิมันรบกวนคนอื่นเขานะ”
“อุย แห่ะๆขอโทษที”
 
          บางทีฉันก็อดขำไม่ได้กับความน่ารักแบบเด็กๆของแซน ฉันไม่รู้ว่าฉันชอบตอนไหนแต่ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันรักแซนหมดหัวใจฉันต้องไม่ให้ใครมาแย่งไปก่อนเด็ดขาด
 
“แซน เร-”
 
กริ๊งงง~~
 
“ได้เวลาแล้ว ปะไปเข้าเรียนกัน”
“อ...อื้ม!”
 
//ระหว่างเรียน
 
‘ถ้าฉันบอกรักไม่ด็เขียนจดหมายไว้ก็แล้วกัน’ พอฉันคิดอย่างนั้นก็เขียนคำว่า “เรารักแซน” ลงไปแต่พอกำลังจะเอาให้...
“มิจจิโกะ อ่านหัวข้อที่ 2 หน้า 48 ให้ครูหน่อยสิคะ”
“ด... ได้ค่า” พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันเลยเก็บกระดาษไว้ใต้โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนพูด
 
//ช่วงพัก
 
“แซ-”
“พิมพ์ประพาย เธอมาช่วยครูทำเอกสารซักครู่นึงได้ไหมจ๊ะ”
“ได้ค่า”
 
‘อ๊ากกกกก อะไรกันเนี่ยทำไมมีแต่อุปสรรคตลอดเลยนะ!’ ฉันนั่งหัวเสียอยู่ที่โต๊ะคนเดียวเพื่อรอให้แซนกลับมา
 
          แต่พอฉันพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่มีโอกาสได้บอกซักทีฉันเลยเอาจดหมายใส่ไว้ในไต้โต้ะเผื่อแซนจะมาเห็นแล้วอ่าน
 
//1 สัปดาห์ต่อมา วันหยุดสงกรานต์
 
‘นี่มันอะไรฟะเนี่ย!!!!! ตั้ง1สัปดาห์ผ่านมาแล้วนะ 1สัปดาห์!! ยัยซื้อบื้อ ยัยโง่ ยัยบ้า!! งอนแล้ว!! ไม่บอกละรู้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน!!’
 
          ฉันนั่งบ้าอยู่คนเดียวในห้องก็วันนี้แซนไปซ้อมวิ่งนี่นาฉันเลยได้อยู่บ้านคนเดียวไม่กล้าออกไปเล่นน้ำคนเดียวด้วยแซนบอกว่าถ้าไม่มีใครรไปด้วยจะโดนลวนลามได้ง่ายฉันเลยไม่กล้าไปจำเป็นต้องรอแซนกลับมาก่อนแล้วค่อยมาเล่นกันหน้าบ้านตอนเย็นๆ
 
          ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแซนถึงไม่เห็น กระดาษก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้นนะหรือว่าอ่านแล้วแต่ไม่พูดเพราะไม่รับรักหรือไงกัน... สมองฉันฟุ้งซ่านแต่เรื่องของแซนไปหมดการบ้านที่อาจารย์ให้มาทำในวันหยุดสงกรานต์ก็เสร็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรทำเลยซักนิดนอกจากนอน นอน นอน แล้วก็นอนตากแอร์ ฉันก็อยากไปดูแซนซ้อมอยู่หร่อกนะแต่อากาศที่ไทยนี่โคตรร้อนออกจากบ้านปุ๊บแสบหน้าปั๊บ
 
          ถ้าบังคับเมฆได้ก็คงดี จัดปูๆๆๆๆเมฆให้กระจายพอมีแสงแดดลอดมาอยู่บ้าง เอาลมเย็นพัดผ่านแผ่วๆพอให้รู้สึกว่าไม่ร้อนอบอ้าวคิดแบบนี้แล้วนึกถึงโดเรม่อนเลย ฮ่าๆๆ!.... ฮ่าๆ!.. ฮ่า!.... ฮ่า...... บ้าไปแล้วเรา....
 
[03:15]
 
“กลับมาแล้วค่า~”
'หืม... ฉันหลับไปตอนไหนเนี่ย'
“งื้อ.... กลับมาแล้วเหรอ”
“ขอโทษทีเราทำให้ตื่นหรือปล่าว”
“ปล่าวหร่อก เราอยากเล่นน้ำอะพาเล่นหน่อยสิ”
“เอาสิ บ้านข้างๆเราก็เล่นด้วยนะ”
“เย้! เราไปเตรียมตัวก่อนน๊า”
“จ้าาา”
 
          พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันเลยรีบลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปช่วยแซนยกถังน้ำออกมาเล่นหน้าบ้านแต่พอเล่นไปซักพักฉันก็เริ่มอยากจะเลิกเล่นเพราะฉันหวงแซน ฉันหวงที่มีแต่คนมาปะแป้งมารวดน้ำใส่ ไม่ใช่สาดนะราดเบาๆแล้วทำตาหยาดเยิ้มให้อีก แล้วแถมพอเปิดเพลงก็มีแต่คนมาเต้นรอบๆแซน ฉันละอยากตะโกนให้ดังๆว่าฉันหึงและฉันรักแซนแต่ถ้าทำคงจะบ้าน่าดู
 
“โอ้ สวัสดีค่าน้องเบ็ญ” พอฉันได้ยินชื่อนั้นฉันเลยรีบหันไปหาแซนที่พูดชื่อนั้นทันที
“สวัสดีคะพี่แซน ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้คะไม่ได้อยู่ในหอแล้วเหรอ”
“พี่พึ่งย้ายมาเมื่อสัปดาห์ก่อนจ๊ะ”
“อ๋อ เราเล่นน้ำด้วยนะ”
“ก่อนอื่นต้องโดนปะแป้งก่อนในฐานะผู้มาเยือน”
“ปะแป้งทั้งตัวเลยก็ได้นะคะเราไม่ว่า” พอฉันได้ยินน้องเบ็ญพูดอย่างนั้นฉันเลยชโลมมือของตัวเองให้เต็มไปด้วยน้ำดินสอพองแล้วปาดลงที่หน้าของน้องเบ็ญเต็มๆ
“ฮ่าๆ! ตลกจัง มิจจิจังก็ไปแกล้งน้องซะงั้นอะ”
“ก็น้องเบ็ญ[น่ารักน่าแกล้ง] ได้ขนาดนี้เราจะไม่แกล้งได้ยังไงละคะ” ฉันพยายามเน้นเสียงให้รู้ว่าฉันไม่พอใจและพร้อมที่จะแกล้งเสมอ
“ง๊า พี่แซนคะเราขอน้ำหน่อยได้ไหมดินสอพองมันเข้าตา”
“ไหนๆเดี๋ยวพี่เอาออกให้” พอแซนได้ยินอย่างนั้นก็เลยค่อยๆเอาน้ำลูบพรมไปที่ตาของน้องเบ็ญเบาๆอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณคะพี่แซน” พอแซนเช็ดตาให้เสร็จน้องเบ็ญก็เดินไปควงแขนแซนโดยจงใจให้หน้าอกไปโดนแขนพร้อมส่งสายตาอาฆาตมาให้ฉัน
“อ... อื้มม ไม่เป็นไร ร... รถคันต่อไปมาแล้วนะไปเล่นน้ำต่อกันเถอะ”
 
          ฉันยังโล่งใจที่แซนไม่ได้เล่นด้วยอย่างที่คิดฉันเลยตามไปเล่นเหมือนอย่างเดิมแต่ก็สบายใจได้ไม่นานเมื่อบ้านที่อยู่ข้างๆได้เปิดเพลงให้เต้นกันอีกครั้งและหันมาสาดกันเองเพราะเริ่มไม่มีรถขับผ่านแล้ว ณ ตอนนี้ภาพที่ฉันเห็นคือน้องเบ็ญเต้นคู่กับแซนด้วยท่าที่ยั่วยวนสุดๆ
 
‘แซนบ้า! เขายั่วเธออยู่นะทำไมถึงไปเต้นกับเขาแบบนั้นหละ’ ฉันทนดูไม่ไหวอีกแล้วฉันเลยเดินไปหาแซนแล้วลากแซนเข้าบ้านไป
 
“นี่มิจจิจังเป็นอะไรเหรอ”
“เราเลิกเล่นกันเห่อะที่ก็เริ่มเย็นมากแล้วด้วย”
“รอขอเล่นอีกซักหน่อยก็แล้วกัน”
“ด... เดี๋ยวสิ” ฉันจับข้อมือแซนไว้
“หืม? มีอะไรเหรอ”
“ทำไมถึงไปเต้นกับน้องเบ็ญแบบนั้นละ”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่นา น้องเขาก็สนุกสนานเฮฮาออก”
“งั้นเหรอ... ช่างเถอะเราไปอาบน้ำแล้วนะถ้าจะเลิกเล่นเมื่อไหร่ก็บอกละจะมาช่วยเก็บของ ไปละ” พอฉันพูดจบฉันก็รีบขึ้นไปบนบ้านโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงเรียกของแซนเลยแม้แต่นิดเดียว
           
          ฉันหึงมากฉันยอมรับเลยว่าตอนนี้ฉันงี่เง่าที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา แต่จะทำยังไงได้ละฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแซนแล้วถ้าฉันจะโกรธแซนก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำด้วยฉันต้องเก็บอารมณ์นี้ไว้ ถ้าหากฉันพูดไปแซนต้องไปจากฉันแน่ๆและฉันไม่ต้องการแบบนั้น เพราะฉะนั้นต่อให้ฉันเจ็บขนาดไหนก็ตามฉันจะไม่ยอมให้เธอไปจากฉันหร่อกนะ แซน....
 
//ขณะเก็บของหน้าบ้าน
 
“มิจจิจัง...”
“หื้ม...”
“เป็นอะไรเหรอ”
“ปล่าวซักหน่อยไม่มีอะไร -3-”
“โกรธไรเราป่าวอะ” แซนพูดพร้อมเอานิ้วมาจิ้มที่แก้มฉัน
“ปล่าว ไม่ได้โกรธซักหน่อย”
“ง้านเหรออ~”
“ว้ายย!! ” พอแซนพูดจบแซนก็เอานิ้วมาจี้เอวฉัน
“แล้วทำหน้าบูดทำไมละค๊าา ไม่น่ารักเลยน๊าา” พอแซนพูดเย้าแหย่ฉันจบก็จี้เอวฉันอีกครั้ง
“อ๊ะ..! นี่! ถ้าไม่เลิกจี้เอวนะโดนดีแน่!”
“อุยยย กลัวจังเลยย”
“ได้~~!!” พอฉันพูดจบแซนก็วิ่งหนีฉันเข้าไปในรั่วบ้านแล้วเราก็พากันวิ่งวนต้นไม้ในพื้นที่หญ้าน้อยๆหน้าบ้าน แต่ฉันจับแซนไม่ทันเลย
“แฮ่กๆๆ..... โอ้ยยย เหนื่อย! ขี้โกงนี่”
“ขี้โกงอะไรเหรอคะ”
“ก็แซนเป็นตัวแทนนักวิ่งของโรงเรียนเลยนะ”
“เป็นงั้นหร่อกเหรออ~” อ๊ายยยย!! ฉันหมั่นใส้!! หมั่นใส้ใบหน้าหวานๆนั่น! มาทำหน้ากวนๆแบบนั้นฉันยอมไม่ได้~~
“ย๊ากกกกก” ฉันรีบวิ่งพุ่งไปหาแซนจนแซนหลบไม่ทันเราเลยล้มพร้อมกันทำให้ฉันนั่งคร่อมเอวแซนพอดิบพอดี
“โอ้ยยย ใจเย็นซิรุนแรงชะมัดเลย”
“หึหึหึ + +”
“อ... เอ่อ มิจจิจังจ๋า เรายังไม่ได้อาบน้ำเลยเราเหนียวตัวมากเลยอ่าเราขอไปอาบน้ำก่อนได้ป่าว”
“คิดว่าจะหนีได้พ้นเหรอ นี่แหนะๆ” ฉันไม่ยอมให้แซนหนีง่ายๆและลงโทษโดยการจี้โดยไม่หยุด
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!! ยอมแล้วๆ ไม่แกล้งแล้วจ้าาา!! ฮ่าาๆๆๆ!!!!”ถึงแซนจะพูดอย่างนั้นฉันก็จี้เอวแซนต่อไปจนแซนหมดแรงฉันค่อยปล่อย
“ทีนี้เข้าใจหรือยังละว่าไม่ควรมาแข่งกับเราเพราะยังไงเราก็ชนะแซนอยุ่ดีนั่นแหละ ว๊ะฮ่าๆๆ!!!” ฉันยืนขึ้นแล้วขำออกมาอย่างผู้มีชัย
 
          พอฉันพูดเสร็จแซนก็มีกวนตอบนิดหน่อยแล้วขอให้ฉันพาลุกเข้าบ้านไป คงจะเป็นเพราะฉันแกล้งหนักเกินไปหน่อยทำเอาซะแซนขาสั่นจริงๆเลยกลายเป็นว่าฉันที่ตัวเล็กกว่าได้แบกแซนที่ตัวใหญ่กว่าซะงั้น หาเรื่องให้ตัวเองจริงๆเลยฉันเนี่ย
 
//2วันต่อมา
 
‘วันพรุ้งนี้ก็จะวันเปิดเรียนแล้วซินะ.... ขี้เกียจอะ ไม่อยากไป...แต่ก็ต้องไป แต่ก็ขี้เกียจ... เฮ้อ.... อะไรของเราละเนี่ย ร้อนจนบ้าซะละมั้ง’
 
“แซน”
“หืม?”
“เบื่อปะนั่งดูทีวีแบบนี้อะ”
“ก็.... เบื่อนะแต่ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ถ้าจะไปเล่นน้ำอีกก็ไม่เอาละแสบผิว”
“นั่นสิน๊า” ฉันเอนตัวไปพิงแซนที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ
“นี่ๆ ดูหนังเก่ากันไหม”
“หนังเก่าเหรอ?”
“อื้ม! เราจำได้ว่าตอนย้ายบ้านมามีหนังเก่าสนุกๆที่เราซื้อมาดูหลายเรื่องเลย”
“ดีเลยจะได้ไม่เบื่อเพราะการบ้านก็ทำเสร็จแล้วด้วย”
“ได้เลยย”
 
            พอแซนพูดจบก็เดินไปหากล่องที่ยังไม่ได้ย้ายของเพราะไม่มีที่เอาไว้จริงๆ ฉันมองแซนไปก็ขำไปเพราะแซนกำลังนั่งขมวดคิ้วเลือกหนังอยู่ 3 เรื่องคงจะเป็นเรื่องที่แซนชอบมากๆคงเลือกยากน่าดู สุดท้ายแซนก็เลือกมา 1 เรื่องแล้วเก็บหนังเรื่องอื่นเข้ากล่องให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินมาเปิดให้ดู
 
“เราชอบเรื่องนี้นะ เราชอบความคิดของนางเอกแต่มันเป็นเลสเบี้ยนอะ รับได้ไหม”
“หืม? ได้สิดูได้หมดแหละ”
“เหรอ เรากลัวมิจจิจังจะไม่ชอบหน่ะ”
 
          ฉันยิ้มให้ก่อนที่แซนจะกดให้แผ่นซีดีเข้าไปในเครื่อง ในหนังเรื่องนั้นเป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ มายด์ ที่ในวัยเด็กเธอมีหน้าตาบ้านๆ ไม่โดนเด่นอะไร เรื่องเรียนก็อยู่ในระดับปานกลาง แต่มุมมองโลกในแง่ร้ายมากๆซะจนทุกคนคิดว่า “ผู้หญิงคนนี้คงไม่มีวันที่จะคบกับใครได้นานเกิน 1 วันได้แน่ๆ”
 
            แต่มีอยู่มาวันหนึ่งมีผู้ชายที่มาตามตื้อเธอทำให้เธอเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้น แต่อยู่มาวันหนึ่งเธอก็ได้รู้ความจริงว่าผู้ชายที่มาตามตื้อเธอเป็นเพราะเขาพนันกับเพื่อนเขา เงื่อนไขคือ ถ้าหากทำให้เธอรักหรือคบกันได้จะให้เงิน 1 หมื่นเพราะเขาคิดว่าผู้ชายคนนี้คงจะทำไม่ได้แน่ๆ แต่มันกลับเป็นเรื่องจริงที่มายด์ได้รักผู้ชานคนนั้นไปแล้ว ทำให้เธอโกรธเป็นอย่างมากและได้ทำการปิดกั้นหัวใจไปตลอดกาล
 
          แต่เมื่อเนื้อเรื่องเปลี่ยนมาเป็นในช่วงที่เธออยู่ในวัยทำงานทำให้เธอมาเจอรุ่นพี่ที่อยู่ในบริษัทเดียวกัน เธอทั้งดูแลและเป็นห่วงมายด์อย่างจริงจังทำให้มายด์เชื่อว่าสิ่งที่รุ่นพี่ทำนั้นออกมาจากใจจริง อยู่มาวันหนึ่งเธอก็รวบรวมความกล้าด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรักที่เอ่อล้นใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน
 
          พอมายด์ได้ไปสารภาพรักกับรุ่นพี่ก็ได้รู้ว่าที่รุ่นพี่ก็ชอบเธอเหมือนกันถึงอาจจะดูง่ายไปหน่อยแต่ก็มีเหตุผลที่รุ่นพี่เป็นห่วงและคอยดูแลเป็นเพราะรักเธอจริงๆ ไม่ได้เข้ามาหลอกให้รักเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พอหนังจบแซนก็บอกฉันว่าจะไปอาบน้ำเพราะเหนียวตัว ฉันเลยนั่งคิดถึงเนื้อเรื่องในหนังอีกครั้ง
 
‘ถ้าฉันจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอชอบฉัน ฉันจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือปล่าวนะ......’
 
//วันต่อมา ณ ห้องสมุด คาบกิจกรรม
 
‘ฉันยังคิดเรื่องที่แซนเปิดหนังเรื่องนั้นให้ดูไม่หายเลย ฉันควรจะคิดยังไงดีนะ ถึงฉันจะสังเกตเวลาแซนอยู่กับฉันก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบฉันเลยซักนิดก็มีแต่เพื่อนเขาห่วงกันแค่นั้นเอง แถมแซนยังมีน้องเบ็ญคอยจีบคอยดูแลอีกต่างหาก มันจะเหลือที่ให้ฉันเข้าไปได้หรือปล่าวเนี่ย!!’
 
          ฉันนั่งบ้าอยู่คนเดียวในระหว่างที่อาจารย์กำลังแนะนำเรื่องการเขียนในแบบต่างๆให้นักเรียนทราบ ฉันก็อยากฟังอยู่หร่อกนะแต่พอฉันฟังไปได้ไม่นานก็กลับไปคิดเรื่องของแซนอีกครั้ง ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมฉันถึงฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้
 
          ชมรมนี้เป็นชมรมที่ฉันชอบและฉันคิดว่าน่าจะได้ความรู้เรื่องการเขียนในแบบต่างๆของคนไทยและลักษณ์ษณะการเขียน การสืบต่อตัวอักษรในแต่ละสมัย ก็อย่างว่าละนะฉันชอบภาษา แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องคิดไปถึงแซนมากซะจนไม่มีเรื่องพวกนี้เข้าสมองฉันเลยซักนิด ถ้าเลิกเรียนแล้วยังไงซะฉันก็ต้องไปหาแซนอยู่ดี วันนี้ละฉันจะบอกให้แซนรู้ว่าฉันรักแซน
 
กริ๊งงงงง~~~!!!
 
          พอฉันได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นเพื่อบอกว่าได้หมดเวลาเรียนแล้วฉันเลยเดินไปหาแซนเพื่อที่จะมาเข้าแถวกลับบ้านด้วยกันแต่ก่อนที่แซนจะกลับบ้านแซนต้องซ้อมวิ่งอีก2รอบก่อนกลับซึ่งทำเป็นประจำอย่างนั้นทุกวัน
 
“แฮ่กๆๆ..... ขอบใจนะ”
“เหนื่อยหน่อยนะ” ฉันยื่นขวดน้ำกับผ้าเช็ดเหงื่อให้แซน
“อึกๆๆ.... ฮ๊า!! สดชื่นนน”
“ทำอะไรหน่ะไม่สมกับเป็นผู้หญิงเลยนะ”
“ปรกติเราก็ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงอยู่แล้วนี่”
“เหมือนสิ สวยด้วย”
“แกล้งชมกันปะเนี่ย เขินเลย”
“ไม่ได้แกล้งชมนะ”
“จ้า” ฉันเห็นแซนแก้มแดงนิดๆก็ยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างอดไม่ได้เพราะความน่ารักของแซนผู้ที่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเวลาตัวเองยิ้มมันสวยแค่ไหนเอาหล่ะไม่มีใครมากวนแล้วฉันต้องบอกแซนให้ได้!
“แซน....”
“หืม?”
“ร... เรา...” ทำไมกัน?!! ทำไมพูดออกมาไม่ได้.. ทำไมมัน.... น่าอายอย่างนี้นะ!
“....????”
“เราไปเข้าห้องน้ำแปบนะรออยู่ตรงนี้แหละ”
“จ้าอย่าปล่อยให้เราอยู่คนเดียวนานนะเรากลัวผี” แซนลูบแขนตัวเองเมื่อนึกถึงผี
“จ้าๆ” พอฉันพูดจบฉันก็เดินมาที่ห้องน้ำ
 
          ฉันไม่ได้มาเพื่อที่จะเข้าไปทำธุระส่วนตัวแต่อย่างใด ฉันมายืนหน้ากระจกมองตัวเองแล้วยืนหัวเสียให้กับความบ้าของตัวเองที่อุตส่ามีโอกาศบอกแล้วแต่กลับไม่กล้า ฉันเลยล้างหน้าซักนิดแล้วเตรียมใจให้พร้อมเพื่อที่จะกลับไปแล้วไปบอกรักอีกครั้งฉันรีบเดินๆๆๆ เดินให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ฉันอยากให้แซนรู้ ฉันรักรักเธอ
 
          แต่ฉันว่า.... ฉันคงจะต้องตัดใจก่อนที่จะได้บอกแซนก่อนเพราะภาพที่ฉันได้เห็นตอนนี้คือแซนก้มตัวลงมาจูบกับน้องเบ็ญ ฉันยืนอึ้งและทำอะไรไม่ถูก มือไม้เริ่มชา และเริ่มรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็วพอฉันเห็นว่าแซนเห็นฉันยืนอยู่ก็เลยตกใจถอนจูบน้องเบ็ญอย่างรวดเร็ว ฉันเลยเดินก้มหน้าเข้าไปแล้วค่อยพูด
 
“อ.... เอ่อ ข.. ขอโทษนะที่มาขัดจังหวะต่อกันได้เลยเราไม่กวนแล้วนะ บายๆจ๊ะ”
“ด..... เดี๋ยวก่อน มิจจิโกะ!!!” ฉันไม่อยากหันหลังไปในตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นภาพบาดตานั่นอีกฉันไม่มีหวังแล้ว.... ไม่เหลืออีกแล้วความรักของฉันมันคงจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา