ฉันรักแกว่ะ.... ยัยยุ่น
9.8
เขียนโดย เพราะเรารักเธอ
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.
12 chapter
18 วิจารณ์
15.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ศัตรูหัวใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ//คาบกิจกรรมชมรม
เมื่อวานมิจจิจังโกหกฉันเรื่องไข้หวัดเพราะวันนี้อาการทรุดกว่าที่เป็นอยู่ในตอนแรกถึงมิจจิจังบอกว่ามีเหตุผลแต่ไม่สามารถบอกได้ฉันเลยไม่ถามต่อและจัดแจงทุกอย่างให้สะดวกสำหรับเธอที่สุดเท่าที่จะทำได้และบอกเตือนทุกอย่างในการระวังตัวเมื่อเป็นไข้ ฉันกลัวมิจจิจังเป็นลมหรือเป็นอย่างอื่นที่ร้ายแรงกว่านั้นฉันจะไปช่วยไม่ทันหน่ะสิ
“พี่แซนคะ เราอยากจะมาสมัครเข้าชมรมคะ”
ฉันบอกพี่ฟางที่เป็นคนดูแลหอให้ช่วยสังเกตมิจจิจังให้หน่อยถ้าเกิดมีเสียงดังผิดปรกติอยากจะให้ขึ้นไปบนห้องได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เป็นห่วงอยู่ดีจะยอมกินยาไหมนะกับข้าวที่ทำไว้ให้จะถูกปากหรือปล่าว
“พี่แซนคะ...” ฉันหันไปทางสาวน้อยที่กำลังเรียกฉันให้หลุดออกจากความคิดของตัวเอง
“ขอโทษทีพี่นึกอะไรเพลินไปหน่อย มีอะไรเหรอคะ”
“หนูจะมาสมัครเข้าชมรมคะ”
“ได้ๆ”
พอฉันรับปากกับสาวน้อยคนนั้นไว้แล้วฉันก็เลยวิ่งไปบอกอาจารย์ว่ามีนักเรียนจะมาเข้าชมรม อาจารย์เลยจะทำเรื่องให้แล้วให้สาวน้อยคนนั้นวอร์มร่างกายแล้วลองวิ่งทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายในการวิ่ง อาจจะเพราะตัวน้อยก็เลยวิ่งได้ไวและทักษะทางร่างกายที่ทำให้วิ่งได้ไวขึ้นทำให้ได้เวลาออกมาดีเลยทีเดียว
“น้องวิ่งไวดีนะ”
“ข....ขอบคุณคะ” สาวน้อยหันมาตอบฉันแล้วยิ้มด้วยใบหน้าแดงระรื่อ
“น้องหน้าแดงๆเป็นอะไรหรือปล่าวคะ”
“ป.... ปล่าวคะ คือ... ที่เรามาอยู่ชมรมนี้ก็เพราะมีพี่แซนนะ”
“เอ๋? ไม่ได้มาเข้าเพราะอยากอยู่ชมรมนี้หร่อกเหรอ”
“ก็เราชอบพี่แซน ก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆถึงแม้ว่ามันจะเป็นคาบกิจกรรมก็ตาม” พอสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าฉันพูดจบก็มีอาการบิดนิดๆหน่อยๆ
“อ๋อ... ขอบใจนะ แล้วน้องชื่ออะไรคะ พี่ยังไม่รู้ชื่อน้องเลย”
“ชื่อเบ็ญคะ”
“หลังจากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ ขยันซ้อมด้วยละไม่ใช่ว่ามาเพราะพี่อีกนะ” เบ็ญขำนิดๆก่อนจะขเย่งเท้ามากระซิบข้างหูฉัน
“ถ้าเกิดว่าได้พี่มานั่งดูเราซ้อมก็คงจะดีนะคะ ฟู้วว~” พอพูดจบเบ็ญก็เป่าลมใส่หูฉันทำให้ฉันทำให้ฉันหน้าแดงก่ำก่อนที่เบ็ญจะเดินกลับไปเก็บของกลับบ้าน
‘เด็กสมัยนี้น่ากลัวแห่ะ -//////-’ พอฉันเดินกลับไปที่กระเป๋าก็เจอกระดาษเลกเชอร์แปะไว้ที่กระเป๋า
.....-เดินทางกลับบ้านดีๆนะคะ เรารู้ว่าพี่มีคนที่ชอบแล้วแต่พี่ก็ยังไม่มีแฟนใช่ไหมละ เราจะทำให้พี่เปลี่ยนใจมาชอบเราเองเตรียมตัวและหัวใจไว้ได้เลยคะ-.....
ดูท่าว่างานนี้ฉันต้องระวังตัวเป็นพิเศษซะละมั้งดูท่าเด็กคนนี้จะเข้าหาฉันทุกทางโดยที่ไม่ปล่อยเหมือนเด็กคนอื่นที่พอฉันบอกปฏิเสธไปก็ไม่กลับมาอีก แต่รู้ทั้งรู้ว่าฉันมีคนที่ชอบแล้วก็ยังจะเข้ามาหา ฉันคิดไปคิดมาแล้วก็ต้องส่ายหน้าพร้อมถอยหายใจ
“แซน เรากลับกันเถอะ” พอฉันได้ยินเสียงมิจจิจังชวนกลับบ้านฉันก็รีบขยำกระดาษนั่นทันทีฉันไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด
“อ...อืมม ปะกลับห้องพักกัน”
//ห้องพักในหอ
“แซน”
“หืม?”
“ฉันได้ยินข่าวว่าช่วงนี้มีแต่สาวๆเข้ามาสารภาพรักเหรอ”
“ก็มีบ้าง”
“แหมๆสเน่ห์แรงเนอะ แล้วได้ตกลงกับใครหรือยังละ”
“ยังหร่อก พอดีว่าเรามีคนที่ชอบแล้ว” พอฉันพูดไปอย่างนั้นมิจจิโกะก็เงียบไปซักพักแล้วค่อยพูดขึ้น
“เห~ แล้วแอบชอบใครอยู่ละ”
“ไม่บอกก”
“ไบ้ให้ก็ได้อะ”
“เป็นผู้หญิงที่ร่าเริง บางทีอาจจะดูดื้อไปบ้างแต่เวลาอยู่ด้วยทำให้เราไม่เบื่อเลยละ”
“ดูท่าจะชอบจริงๆนะเนี่ย ดูบรรยายสรรพคุณส่วนตัวซิยิ้มกรุ่มกริ่มเชียว” มิจจิจังเอานิ้วมาจิ้มแก้มฉันแล้วยิ้ม
‘ก็คนที่ฉันชอบคือเธอนั่นแหละ’
“ทำไมชอบเล่นแก้มเราจัง”
“ก็... แก้มนุ่มมั้ง แซนน่าแกล้งด้วยเราเลยชอบ... แกล้ง” ฉันหัวใจกระตุกเมื่อมิจจิจังหยุดจังหวะคำพูดช่วงคำว่า “ชอบ... แกล้ง” ฉันเลยต้องทำตัวปรกติเพื่อไม่ให้มิจจิจังสงไส
“ใช่สิ๊ เราไม่เคยแกล้งมิจจังได้เลยสักครั้ง” พอฉันพูดจบมิจจิจังก็ก็เอามือกอดอกแล้วหัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะ
‘ขนาดใจเรายังแพ้เธอเลยมิจจิโกะ...’
//วันต่อมา ณ โรงอาหาร
“พี่แซนคะเรานั่งด้วยนะ” เบ็ญเดินมานั่งกินข้าวกับฉันเมื่อเห็นฉันพอดีและนั่งลงข้างๆฉันแบบใกล้มากๆ มิจจิจังเลยหันมาถามฉัน
“แซนน้องคนนี้....”
“เราเป็นแฟ-”
“เป็นรุ่นน้องในชมรมหน่ะ” ฉันเห็นว่าเบ็ญกำลังจะพยายามพูดให้มิจจิจังเข้าใจผิดฉันเลยรีบพูดขึ้นก่อน
“อ๋อ สวัสดีจ๊ะพี่ชื่อมิจจิโกะ ฮามาโนะ มิจจิโกะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“หนูรู้แล้วละคะ พี่ออกจะดังในหมู่เด็กม.3 อย่างพวกหนู”
“พี่เหรอ?” มิจจิจังชี้หน้าตัวเองแล้วถามซ้ำ
“ใช่คะ ก็พี่น่ารักซะขนาดนี้มีแต่คนชอบพี่ทั้งนั้นแหละ”
“ขอบใจจ๊ะ” มิจจิจังส่งยิ้มให้เบ็ญก่อนที่จะกินข้าวให้เสร็จแล้วแยกย้ายกันไปเข้าห้องเรียน
//เวลาพักระหว่างคาบ
“ดูท่าน้องขวัญจะชอบแซนจริงจังเลยนะเนี่ย”
“ห... เหรอ แห่ะๆ” ฉันยิ้มแห้งๆให้มิจจิจัง
“แล้วไม่ลองคบกับเด็กคนนั้นดูละดูท่าเขาจะจริงใจมากเลยนะ”
“แต่ว่า เราก็มีคนที่เราชอบอยู่แล้วเราอยากให้เป็นคนๆนั้นมากกว่า”
ฉันได้ยินมิจจิจังพูดอย่างนั้นฉันเริ่มกลัวซะแล้วซิ... ฉันกลัวว่ามิจจิจังจะเข้าใจผิดว่าฉันชอบน้องเบ็ญถึงน้องจะน่ารักแถมขี้เล่นเวลาอยู่ด้วยกันก็คุยสนุกดีแต่ฉันไม่ได้รักน้องเบ็ญแบบนั้น ฉันคงต้องบอกมิจจิจังให้รู้เรื่องไปเลย
“มิจจิ-”
“เอาหล่ะนักเรียนเรามาเริ่มเรียนกันต่อเลย” ฉันยังไม่ทันพูดจบอาจารย์ก็เข้ามาในห้องแล้วเริ่มคาบเรียนก่อน
“หืม?”
“ป... ปล่าวไม่มีไร”
‘เรานี่มันปากหนักเป็นบ้า!’
หลังจากนั้นทุกๆวันน้องเบ็ยก็จะมาตีสนิดกับฉันมากขึ้นฉันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับน้องเบ็ยเลยก็เป็นแค่รุ่นน้องในชมรมเพียงแค่นั้น
//วันต่อมา ณ ร้านเค้ก
วันนี้ฉันชวนมิจจิจังมากินเค้กที่ร้านประจำและดูเหมือนเธอจะชอบเพราะบรรยากาศร้านทำให้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ฉันเลยเล่าเรื่องที่ฉันชอบมาที่นี่ประจำมันทำให้ฉันสบายใจ การบริการก็ดีมีหนังสือให้อ่านไปด้วย
“สวัสดีคะพี่แซน บังเอิญจังเลยนะคะ”
“สวัสดีจ๊ะน้องเบ็ญ น้องมาเที่ยวเหรอคะ” เราทั้งสองคนทักทายน้องเบ็ญที่เข้ามาในร้านมาทักทาย
“มาเดินเล่นเฉยๆคะ ไม่นึกว่าจะมาเจอพี่ด้วยโชคดีสุดๆเลย”
“อ๋อ”
“งั้นหนูขอนั่งด้วยก็แล้วกันนะคะ” หลังจากฉันพยักหน้าตอบน้องเบ็ญก็ขยับมานั่งข้างๆเช่นเคยพร้อมกับสั่งเค้กมากิน
“แล้ววันนี้พี่มาทำอะไรเหรอคะ มาติวหนังสือเหรอ?”
“ปล่าวคะ พี่พามิจจิจังมาลองกินเค้กที่นี่ดูหน่ะ”
“อ๋อ เราเห็นพี่มาร้านนี้ประจำเลย”
“ร้านนี้พี่มาประจำคะ มันผ่อนคลายกว่า”
“เอ่อ... แซนจัง”
“หืม?”
“เดี๋ยวเรากลับหอก่อนนะพอดีว่านึกขึ้นได้ว่างานยังไม่เสร็จอะ”
“ให้เราไปช่วยไหม”
“ไม่ต้องหร่อก อยู่เป็นเพื่อนน้องเบ็ญนี่ละ”
“อ....อืม...” พอมิจจิจังกำลังจะเดินออกจากร้านไปน้องเบ็ญก็เดินเข้าไปกระซิบกับมิจจิจังแล้วค่อยเดินกลับ
ฉันใจไม่ดีเลยกับการที่น้องเบ็ญไปกระซิบมิจจิจังแบบนั้น ขู่เหรอ? ไม่น่าจะใช่เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกันกับมิจจิจังนี่เราเป็นแค่เพื่อนกัน ถึงแม้ว่าฉันจะคิดเกินแค่เพื่อนก็ตามที แต่ถ้าฉันจะไปบอกรักจริงๆฉันจะกล้าบอกไหมนะ อ๊าาาา คิดแล้วอายโคตรๆเลย (_/////_)
“พี่แซนอิ่มแล้วเหรอคะ”
“ปล่าวจ๊ะพี่เหม่อไปหน่อย” ฉันยิ้มแห้งๆให้น้องเบ็ญก่อนจะตัดเค้กเข้าปากไป
“เค้กร้านนี้อร่อยดีนะคะ”
“อื้ม นั่นสิเค้กที่เบ็ญสั่งเป็นเค้กใหม่เหรอ?”
“คะ เป็นเค้กแนะนำประจำวันนี้ก็เลยลองสั่งดู”
“อ๋อ~”
“ลองกินไหมคะ” เบ็ญตักเค้กชิ้นน้อยๆพอดีคำมาจ่อปากฉัน
“ไม่เป็นไรพี่ทานเองได้คะ”
“อ้ามมม~~”
“อ..... อ้ามมม” เฮ้อ... ฉันจะปฏิเสธไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย
กว่าฉันจะปลีกตัวขอกลับได้ก็นานพอดูเพราะหลังจากที่กินเค้กเสร็จน้องเบ็ญก็ขอร้องให้พาไปซื้อเสื้อผ้าโดยให้เหตุผลว่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ฉันเลยยอมไปด้วยซักพักนึงก็ฉันก็เริ่มรู้ว่าซักพักนึงเนี่ยมันนานมากแล้วฉันมากับมิจจิจังตั้งแต่ 10 โมงเช้าแล้ว แต่นี่มันบ่ายแล้วฉันยังไม่ได้กลับหอเลย พอฉันบอกว่าจะกลับแล้วน้องเบ็ญก็ขอให้เป็นกินข้าวด้วยแล้วค่อยกลับแถมยังเลี้ยงข้าวฉันอีกต่างหาก ฉันเกรงใจมากๆที่น้องเบ็ญจะเป็นคนเลี้ยงแต่ฉันก็เกรงใจกระเป๋าตังฉันเหมือนกันเพราะตอนนี้ทุนทรัพย์ชักไม่ค่อยจะมีก็เลยให้น้องเบ็ญเลี้ยงข้าวซักครั้งนึกก่อนกลับ
//ห้องพักในหอ
“กลับมาแล้วค่าาา”
“กลับมาแล้วเหรอ” มิจจิจังพูดตอบฉันด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“อ...อืม” พอฉันตอบเสร็จก็รีบเดินเข้าห้องน้ำไปเพราะตอนนี้มิจจิจังน่ากลัวสุดๆไปเลยแต่ฉันก็โดนมิจจิจังเรียกตัวไว้ก่อน
“แล้วเป็นยังไงมั่งละ เที่ยวสนุกไหม”
“อ... อืมก็สนุกอยู่นะ”
“อื้ม งั้นเหรอ”
“แห่ะๆ เราอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม”
‘ไปโกรธอะไรมาละเนี่ย น่ากลัวจังเลยอะ TT’ ถึงแม้ว่าฉันจะออกมาจากห้องน้ำแล้วมิจจิจังก็ยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิมฉันเลยไปนั่งข้างๆเพื่อจะไปดูทีวีด้วยกันเราทั้งสองคนนั่งเงียบกันซักพักแล้วมิจจิจังหันไปมองนาฬิกาแล้วค่อยพูดขึ้น
“แซนจัง”
“จ๋าา”
“เก็บของกันเถอะ”
“ห๊ะ?! เห็บทำไม???”
“เราจะย้ายไปห้องใหม่”
“ห้องใหม่?”
“จำบ้านน้อยๆที่อยู่ข้างๆโรงเรียนได้ไหม”
“จำได้ซิ” ฉันค่อยๆตอบคำถามของมิจจิจังอย่าง งงๆแต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไร
“นั่นแหละที่เราจะไปอยู่ เราซื้อบ้านหลังนั้นไว้แล้ว”
“เอ๊ะ!!!”
‘งง!! อึ้งง!! มิจจิจังไปซื้อบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเราไม่รู้?’
“แล้วถ้าเกิดว่ามิจจิจังกลับญี่ปุ่นละบ้านนี้จะให้ใครอยู่”
“เราจะยกให้แซน”
“ห๊ะ??????? ทำไม???” ความงุนงงของฉันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อมิจจิจังพูดอย่างนั้น
“ก็.... เราไว้ใจแซนแล้วอีกอย่างนึง เราจะได้อุ่นใจถ้าเวลาแซนมีปัญหาบ้านที่เราให้ไว้มันก็อาจจะช่วยได้เพราะเราซื้อไว้เป็นที่ของเราเลย”
“โห ให้กันเหมือนบ้านของเล่นเลยอะ”
“ก็เหมือนบ้านของเล่นไง แปลกเหรอ?” อึ้งคะ อึ้งมากเพราะบ้านหลังนั้นถึงมันจะไม่ได้ใหญ่มากแต่มันอยู่ได้สำหรับครอบครัว 3-4 คนเลยนะ
“แห่ะๆ....”
“จะรีบเก็บของได้หรือยังมีคนมารอแล้วนะ”
“ใคร?”
มิจจิจังไม่ได้ตอบคำถามอะไรฉันแต่ให้ฉันเก็บของที่เป็นของๆฉันไว้ในลังกระดาษที่พิงไว้ที่เตียงส่วนของที่จะเอาไปที่บ้านนั้น ของที่สามารถเอาติดตัวไปเช่นของใช้ส่วนตัวก็เอาใส่กระเป๋าไปของอย่างอื่นมิจจิจังบอกว่าจะให้ “พวกเขา” มายกของให้ในตอนแรกฉันไม่เข้าใจหร่อกแต่พอลงมาจากหอเท่านั้นแหละฉันเข้าใจและอ๋อทันทีเพราะมีผู้ชายใส่สูทสีดำมายืนเรียงรายรออยู่หน้าหออย่างเป็นระเบียบ
“อ... เอ่อ. นี่มันอะไรกันเหรอจ๊ะมิจจิโกะ”
“พวกเขาเป็นคนรับใช้ของเราเองคะ ไม่ต้องห่วงนะคะเราไม่ทำอะไรเสียงดังรบกวนหร่อกคะ”
“ง... งั้นเหรอจ๊ะ ตามสบายนะ”
“ไปยกของมาจากห้องฉันซะ อย่าทำให้อึกกระทึกคึกโครมมากเจ้าของหอเขาไม่ชอบ”
“ครับ!” พอมิจจิจังพูดสั่งด้วยเสียงที่คมเข้มและเฉียบขาดพวกเขาก็น้อมรับพร้อมก้มหัวให้อย่างพร้อมเพรียงกัน
พอฉันมาถึงในบ้านมิจจิจังก็พาไปดูห้องแต่มิจจิจังขอนอนกับฉันเพราะไม่อยากนอนคนเดียวเพราะมันไม่ชิน ฉันก็เห็นด้วยเพดานห้องที่ไม่คุ้นตา เตียงที่ทำจากผ้าอย่างดี ผ้านวมที่ซักสะอาดและนุ่มละมุนแบบนี้ ถ้าฉันทำงานแล้วจะซื้อบ้านหลังนี้คงต้องเหนื่อยตายก่อนพอดีเฟอร์นิเจอร์ในบ้านดูแล้วก็ไม่ใช่ถูกๆเลยชุดเครื่องครัวแต่ละอย่างก็ราคาแพง โดยรวมๆแล้วแค่ห้องครัวฉันตีไปเกือบหลักหมื่น เอ๊ะ หรือหลักแสนกันนะ
“เรายกของมาหมดแล้วครับคุณหนู”
“ก็ดี พวกนายกลับกันได้แล้วเรียกคุณซาวาโกะมาให้มาหาฉันด้วยแค่นี้ละ”
“ครับ! รับทราบแล้วครับคุณหนู”
หลังจากที่มิจจิจังสังงานพวกเขาเสร็จเธอก็เริ่มจัดแจงแกะกล่องที่พวกเขายกมาให้และช่วยกันเก้บของส่วนตัวของตัวเอง ซักพักนึงก็มีเมดมายืนหน้าบ้านมิจจิจังเลยรีบวิ่งไปรับ
“สวัสดีคะ ฉันเป็นเมดส่วนตัวของคุณหนูมิจจิโกะ มิซึยะ ซาวาโกะคะ” พอคุณซาวาโกะแนะนำตัวด้วยภาษาไทยที่ไม่ค่อยจะแข็งเท่าไหร่ ฉันก็ก้มตัวรับแล้วค่อยแนะนำตัวไป
“สวัสดีคะ เราชื่อแซน พิมพ์ประพาย อภิรวรากูล เป็นเพื่อนของมิจจิจังคะ” คุณซาวาโกะยิ้มแล้วหันไปกระซิบข้างๆหูมิจจิจัง
“อึก... หนวกหูน่า! มาช่วยเราเก็บของเดี๋ยวนี้เลย”
“รับทราบคะคุณหนู”
คุณซาวาโกะยิ้มแล้วหัวเราะนิดๆก่อนที่จะเดินถือกล่องขึ้นไปพร้อมกับมิจจิจัง และดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องกังวลเลยว่าจะนอนไม่หลับเพราะฉันเหนื่อยมากซะจนหลับไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว
เมื่อวานมิจจิจังโกหกฉันเรื่องไข้หวัดเพราะวันนี้อาการทรุดกว่าที่เป็นอยู่ในตอนแรกถึงมิจจิจังบอกว่ามีเหตุผลแต่ไม่สามารถบอกได้ฉันเลยไม่ถามต่อและจัดแจงทุกอย่างให้สะดวกสำหรับเธอที่สุดเท่าที่จะทำได้และบอกเตือนทุกอย่างในการระวังตัวเมื่อเป็นไข้ ฉันกลัวมิจจิจังเป็นลมหรือเป็นอย่างอื่นที่ร้ายแรงกว่านั้นฉันจะไปช่วยไม่ทันหน่ะสิ
“พี่แซนคะ เราอยากจะมาสมัครเข้าชมรมคะ”
ฉันบอกพี่ฟางที่เป็นคนดูแลหอให้ช่วยสังเกตมิจจิจังให้หน่อยถ้าเกิดมีเสียงดังผิดปรกติอยากจะให้ขึ้นไปบนห้องได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เป็นห่วงอยู่ดีจะยอมกินยาไหมนะกับข้าวที่ทำไว้ให้จะถูกปากหรือปล่าว
“พี่แซนคะ...” ฉันหันไปทางสาวน้อยที่กำลังเรียกฉันให้หลุดออกจากความคิดของตัวเอง
“ขอโทษทีพี่นึกอะไรเพลินไปหน่อย มีอะไรเหรอคะ”
“หนูจะมาสมัครเข้าชมรมคะ”
“ได้ๆ”
พอฉันรับปากกับสาวน้อยคนนั้นไว้แล้วฉันก็เลยวิ่งไปบอกอาจารย์ว่ามีนักเรียนจะมาเข้าชมรม อาจารย์เลยจะทำเรื่องให้แล้วให้สาวน้อยคนนั้นวอร์มร่างกายแล้วลองวิ่งทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายในการวิ่ง อาจจะเพราะตัวน้อยก็เลยวิ่งได้ไวและทักษะทางร่างกายที่ทำให้วิ่งได้ไวขึ้นทำให้ได้เวลาออกมาดีเลยทีเดียว
“น้องวิ่งไวดีนะ”
“ข....ขอบคุณคะ” สาวน้อยหันมาตอบฉันแล้วยิ้มด้วยใบหน้าแดงระรื่อ
“น้องหน้าแดงๆเป็นอะไรหรือปล่าวคะ”
“ป.... ปล่าวคะ คือ... ที่เรามาอยู่ชมรมนี้ก็เพราะมีพี่แซนนะ”
“เอ๋? ไม่ได้มาเข้าเพราะอยากอยู่ชมรมนี้หร่อกเหรอ”
“ก็เราชอบพี่แซน ก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆถึงแม้ว่ามันจะเป็นคาบกิจกรรมก็ตาม” พอสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าฉันพูดจบก็มีอาการบิดนิดๆหน่อยๆ
“อ๋อ... ขอบใจนะ แล้วน้องชื่ออะไรคะ พี่ยังไม่รู้ชื่อน้องเลย”
“ชื่อเบ็ญคะ”
“หลังจากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ ขยันซ้อมด้วยละไม่ใช่ว่ามาเพราะพี่อีกนะ” เบ็ญขำนิดๆก่อนจะขเย่งเท้ามากระซิบข้างหูฉัน
“ถ้าเกิดว่าได้พี่มานั่งดูเราซ้อมก็คงจะดีนะคะ ฟู้วว~” พอพูดจบเบ็ญก็เป่าลมใส่หูฉันทำให้ฉันทำให้ฉันหน้าแดงก่ำก่อนที่เบ็ญจะเดินกลับไปเก็บของกลับบ้าน
‘เด็กสมัยนี้น่ากลัวแห่ะ -//////-’ พอฉันเดินกลับไปที่กระเป๋าก็เจอกระดาษเลกเชอร์แปะไว้ที่กระเป๋า
.....-เดินทางกลับบ้านดีๆนะคะ เรารู้ว่าพี่มีคนที่ชอบแล้วแต่พี่ก็ยังไม่มีแฟนใช่ไหมละ เราจะทำให้พี่เปลี่ยนใจมาชอบเราเองเตรียมตัวและหัวใจไว้ได้เลยคะ-.....
ดูท่าว่างานนี้ฉันต้องระวังตัวเป็นพิเศษซะละมั้งดูท่าเด็กคนนี้จะเข้าหาฉันทุกทางโดยที่ไม่ปล่อยเหมือนเด็กคนอื่นที่พอฉันบอกปฏิเสธไปก็ไม่กลับมาอีก แต่รู้ทั้งรู้ว่าฉันมีคนที่ชอบแล้วก็ยังจะเข้ามาหา ฉันคิดไปคิดมาแล้วก็ต้องส่ายหน้าพร้อมถอยหายใจ
“แซน เรากลับกันเถอะ” พอฉันได้ยินเสียงมิจจิจังชวนกลับบ้านฉันก็รีบขยำกระดาษนั่นทันทีฉันไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด
“อ...อืมม ปะกลับห้องพักกัน”
//ห้องพักในหอ
“แซน”
“หืม?”
“ฉันได้ยินข่าวว่าช่วงนี้มีแต่สาวๆเข้ามาสารภาพรักเหรอ”
“ก็มีบ้าง”
“แหมๆสเน่ห์แรงเนอะ แล้วได้ตกลงกับใครหรือยังละ”
“ยังหร่อก พอดีว่าเรามีคนที่ชอบแล้ว” พอฉันพูดไปอย่างนั้นมิจจิโกะก็เงียบไปซักพักแล้วค่อยพูดขึ้น
“เห~ แล้วแอบชอบใครอยู่ละ”
“ไม่บอกก”
“ไบ้ให้ก็ได้อะ”
“เป็นผู้หญิงที่ร่าเริง บางทีอาจจะดูดื้อไปบ้างแต่เวลาอยู่ด้วยทำให้เราไม่เบื่อเลยละ”
“ดูท่าจะชอบจริงๆนะเนี่ย ดูบรรยายสรรพคุณส่วนตัวซิยิ้มกรุ่มกริ่มเชียว” มิจจิจังเอานิ้วมาจิ้มแก้มฉันแล้วยิ้ม
‘ก็คนที่ฉันชอบคือเธอนั่นแหละ’
“ทำไมชอบเล่นแก้มเราจัง”
“ก็... แก้มนุ่มมั้ง แซนน่าแกล้งด้วยเราเลยชอบ... แกล้ง” ฉันหัวใจกระตุกเมื่อมิจจิจังหยุดจังหวะคำพูดช่วงคำว่า “ชอบ... แกล้ง” ฉันเลยต้องทำตัวปรกติเพื่อไม่ให้มิจจิจังสงไส
“ใช่สิ๊ เราไม่เคยแกล้งมิจจังได้เลยสักครั้ง” พอฉันพูดจบมิจจิจังก็ก็เอามือกอดอกแล้วหัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะ
‘ขนาดใจเรายังแพ้เธอเลยมิจจิโกะ...’
//วันต่อมา ณ โรงอาหาร
“พี่แซนคะเรานั่งด้วยนะ” เบ็ญเดินมานั่งกินข้าวกับฉันเมื่อเห็นฉันพอดีและนั่งลงข้างๆฉันแบบใกล้มากๆ มิจจิจังเลยหันมาถามฉัน
“แซนน้องคนนี้....”
“เราเป็นแฟ-”
“เป็นรุ่นน้องในชมรมหน่ะ” ฉันเห็นว่าเบ็ญกำลังจะพยายามพูดให้มิจจิจังเข้าใจผิดฉันเลยรีบพูดขึ้นก่อน
“อ๋อ สวัสดีจ๊ะพี่ชื่อมิจจิโกะ ฮามาโนะ มิจจิโกะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“หนูรู้แล้วละคะ พี่ออกจะดังในหมู่เด็กม.3 อย่างพวกหนู”
“พี่เหรอ?” มิจจิจังชี้หน้าตัวเองแล้วถามซ้ำ
“ใช่คะ ก็พี่น่ารักซะขนาดนี้มีแต่คนชอบพี่ทั้งนั้นแหละ”
“ขอบใจจ๊ะ” มิจจิจังส่งยิ้มให้เบ็ญก่อนที่จะกินข้าวให้เสร็จแล้วแยกย้ายกันไปเข้าห้องเรียน
//เวลาพักระหว่างคาบ
“ดูท่าน้องขวัญจะชอบแซนจริงจังเลยนะเนี่ย”
“ห... เหรอ แห่ะๆ” ฉันยิ้มแห้งๆให้มิจจิจัง
“แล้วไม่ลองคบกับเด็กคนนั้นดูละดูท่าเขาจะจริงใจมากเลยนะ”
“แต่ว่า เราก็มีคนที่เราชอบอยู่แล้วเราอยากให้เป็นคนๆนั้นมากกว่า”
ฉันได้ยินมิจจิจังพูดอย่างนั้นฉันเริ่มกลัวซะแล้วซิ... ฉันกลัวว่ามิจจิจังจะเข้าใจผิดว่าฉันชอบน้องเบ็ญถึงน้องจะน่ารักแถมขี้เล่นเวลาอยู่ด้วยกันก็คุยสนุกดีแต่ฉันไม่ได้รักน้องเบ็ญแบบนั้น ฉันคงต้องบอกมิจจิจังให้รู้เรื่องไปเลย
“มิจจิ-”
“เอาหล่ะนักเรียนเรามาเริ่มเรียนกันต่อเลย” ฉันยังไม่ทันพูดจบอาจารย์ก็เข้ามาในห้องแล้วเริ่มคาบเรียนก่อน
“หืม?”
“ป... ปล่าวไม่มีไร”
‘เรานี่มันปากหนักเป็นบ้า!’
หลังจากนั้นทุกๆวันน้องเบ็ยก็จะมาตีสนิดกับฉันมากขึ้นฉันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับน้องเบ็ยเลยก็เป็นแค่รุ่นน้องในชมรมเพียงแค่นั้น
//วันต่อมา ณ ร้านเค้ก
วันนี้ฉันชวนมิจจิจังมากินเค้กที่ร้านประจำและดูเหมือนเธอจะชอบเพราะบรรยากาศร้านทำให้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ฉันเลยเล่าเรื่องที่ฉันชอบมาที่นี่ประจำมันทำให้ฉันสบายใจ การบริการก็ดีมีหนังสือให้อ่านไปด้วย
“สวัสดีคะพี่แซน บังเอิญจังเลยนะคะ”
“สวัสดีจ๊ะน้องเบ็ญ น้องมาเที่ยวเหรอคะ” เราทั้งสองคนทักทายน้องเบ็ญที่เข้ามาในร้านมาทักทาย
“มาเดินเล่นเฉยๆคะ ไม่นึกว่าจะมาเจอพี่ด้วยโชคดีสุดๆเลย”
“อ๋อ”
“งั้นหนูขอนั่งด้วยก็แล้วกันนะคะ” หลังจากฉันพยักหน้าตอบน้องเบ็ญก็ขยับมานั่งข้างๆเช่นเคยพร้อมกับสั่งเค้กมากิน
“แล้ววันนี้พี่มาทำอะไรเหรอคะ มาติวหนังสือเหรอ?”
“ปล่าวคะ พี่พามิจจิจังมาลองกินเค้กที่นี่ดูหน่ะ”
“อ๋อ เราเห็นพี่มาร้านนี้ประจำเลย”
“ร้านนี้พี่มาประจำคะ มันผ่อนคลายกว่า”
“เอ่อ... แซนจัง”
“หืม?”
“เดี๋ยวเรากลับหอก่อนนะพอดีว่านึกขึ้นได้ว่างานยังไม่เสร็จอะ”
“ให้เราไปช่วยไหม”
“ไม่ต้องหร่อก อยู่เป็นเพื่อนน้องเบ็ญนี่ละ”
“อ....อืม...” พอมิจจิจังกำลังจะเดินออกจากร้านไปน้องเบ็ญก็เดินเข้าไปกระซิบกับมิจจิจังแล้วค่อยเดินกลับ
ฉันใจไม่ดีเลยกับการที่น้องเบ็ญไปกระซิบมิจจิจังแบบนั้น ขู่เหรอ? ไม่น่าจะใช่เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกันกับมิจจิจังนี่เราเป็นแค่เพื่อนกัน ถึงแม้ว่าฉันจะคิดเกินแค่เพื่อนก็ตามที แต่ถ้าฉันจะไปบอกรักจริงๆฉันจะกล้าบอกไหมนะ อ๊าาาา คิดแล้วอายโคตรๆเลย (_/////_)
“พี่แซนอิ่มแล้วเหรอคะ”
“ปล่าวจ๊ะพี่เหม่อไปหน่อย” ฉันยิ้มแห้งๆให้น้องเบ็ญก่อนจะตัดเค้กเข้าปากไป
“เค้กร้านนี้อร่อยดีนะคะ”
“อื้ม นั่นสิเค้กที่เบ็ญสั่งเป็นเค้กใหม่เหรอ?”
“คะ เป็นเค้กแนะนำประจำวันนี้ก็เลยลองสั่งดู”
“อ๋อ~”
“ลองกินไหมคะ” เบ็ญตักเค้กชิ้นน้อยๆพอดีคำมาจ่อปากฉัน
“ไม่เป็นไรพี่ทานเองได้คะ”
“อ้ามมม~~”
“อ..... อ้ามมม” เฮ้อ... ฉันจะปฏิเสธไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย
กว่าฉันจะปลีกตัวขอกลับได้ก็นานพอดูเพราะหลังจากที่กินเค้กเสร็จน้องเบ็ญก็ขอร้องให้พาไปซื้อเสื้อผ้าโดยให้เหตุผลว่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ฉันเลยยอมไปด้วยซักพักนึงก็ฉันก็เริ่มรู้ว่าซักพักนึงเนี่ยมันนานมากแล้วฉันมากับมิจจิจังตั้งแต่ 10 โมงเช้าแล้ว แต่นี่มันบ่ายแล้วฉันยังไม่ได้กลับหอเลย พอฉันบอกว่าจะกลับแล้วน้องเบ็ญก็ขอให้เป็นกินข้าวด้วยแล้วค่อยกลับแถมยังเลี้ยงข้าวฉันอีกต่างหาก ฉันเกรงใจมากๆที่น้องเบ็ญจะเป็นคนเลี้ยงแต่ฉันก็เกรงใจกระเป๋าตังฉันเหมือนกันเพราะตอนนี้ทุนทรัพย์ชักไม่ค่อยจะมีก็เลยให้น้องเบ็ญเลี้ยงข้าวซักครั้งนึกก่อนกลับ
//ห้องพักในหอ
“กลับมาแล้วค่าาา”
“กลับมาแล้วเหรอ” มิจจิจังพูดตอบฉันด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“อ...อืม” พอฉันตอบเสร็จก็รีบเดินเข้าห้องน้ำไปเพราะตอนนี้มิจจิจังน่ากลัวสุดๆไปเลยแต่ฉันก็โดนมิจจิจังเรียกตัวไว้ก่อน
“แล้วเป็นยังไงมั่งละ เที่ยวสนุกไหม”
“อ... อืมก็สนุกอยู่นะ”
“อื้ม งั้นเหรอ”
“แห่ะๆ เราอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม”
‘ไปโกรธอะไรมาละเนี่ย น่ากลัวจังเลยอะ TT’ ถึงแม้ว่าฉันจะออกมาจากห้องน้ำแล้วมิจจิจังก็ยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิมฉันเลยไปนั่งข้างๆเพื่อจะไปดูทีวีด้วยกันเราทั้งสองคนนั่งเงียบกันซักพักแล้วมิจจิจังหันไปมองนาฬิกาแล้วค่อยพูดขึ้น
“แซนจัง”
“จ๋าา”
“เก็บของกันเถอะ”
“ห๊ะ?! เห็บทำไม???”
“เราจะย้ายไปห้องใหม่”
“ห้องใหม่?”
“จำบ้านน้อยๆที่อยู่ข้างๆโรงเรียนได้ไหม”
“จำได้ซิ” ฉันค่อยๆตอบคำถามของมิจจิจังอย่าง งงๆแต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไร
“นั่นแหละที่เราจะไปอยู่ เราซื้อบ้านหลังนั้นไว้แล้ว”
“เอ๊ะ!!!”
‘งง!! อึ้งง!! มิจจิจังไปซื้อบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเราไม่รู้?’
“แล้วถ้าเกิดว่ามิจจิจังกลับญี่ปุ่นละบ้านนี้จะให้ใครอยู่”
“เราจะยกให้แซน”
“ห๊ะ??????? ทำไม???” ความงุนงงของฉันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อมิจจิจังพูดอย่างนั้น
“ก็.... เราไว้ใจแซนแล้วอีกอย่างนึง เราจะได้อุ่นใจถ้าเวลาแซนมีปัญหาบ้านที่เราให้ไว้มันก็อาจจะช่วยได้เพราะเราซื้อไว้เป็นที่ของเราเลย”
“โห ให้กันเหมือนบ้านของเล่นเลยอะ”
“ก็เหมือนบ้านของเล่นไง แปลกเหรอ?” อึ้งคะ อึ้งมากเพราะบ้านหลังนั้นถึงมันจะไม่ได้ใหญ่มากแต่มันอยู่ได้สำหรับครอบครัว 3-4 คนเลยนะ
“แห่ะๆ....”
“จะรีบเก็บของได้หรือยังมีคนมารอแล้วนะ”
“ใคร?”
มิจจิจังไม่ได้ตอบคำถามอะไรฉันแต่ให้ฉันเก็บของที่เป็นของๆฉันไว้ในลังกระดาษที่พิงไว้ที่เตียงส่วนของที่จะเอาไปที่บ้านนั้น ของที่สามารถเอาติดตัวไปเช่นของใช้ส่วนตัวก็เอาใส่กระเป๋าไปของอย่างอื่นมิจจิจังบอกว่าจะให้ “พวกเขา” มายกของให้ในตอนแรกฉันไม่เข้าใจหร่อกแต่พอลงมาจากหอเท่านั้นแหละฉันเข้าใจและอ๋อทันทีเพราะมีผู้ชายใส่สูทสีดำมายืนเรียงรายรออยู่หน้าหออย่างเป็นระเบียบ
“อ... เอ่อ. นี่มันอะไรกันเหรอจ๊ะมิจจิโกะ”
“พวกเขาเป็นคนรับใช้ของเราเองคะ ไม่ต้องห่วงนะคะเราไม่ทำอะไรเสียงดังรบกวนหร่อกคะ”
“ง... งั้นเหรอจ๊ะ ตามสบายนะ”
“ไปยกของมาจากห้องฉันซะ อย่าทำให้อึกกระทึกคึกโครมมากเจ้าของหอเขาไม่ชอบ”
“ครับ!” พอมิจจิจังพูดสั่งด้วยเสียงที่คมเข้มและเฉียบขาดพวกเขาก็น้อมรับพร้อมก้มหัวให้อย่างพร้อมเพรียงกัน
พอฉันมาถึงในบ้านมิจจิจังก็พาไปดูห้องแต่มิจจิจังขอนอนกับฉันเพราะไม่อยากนอนคนเดียวเพราะมันไม่ชิน ฉันก็เห็นด้วยเพดานห้องที่ไม่คุ้นตา เตียงที่ทำจากผ้าอย่างดี ผ้านวมที่ซักสะอาดและนุ่มละมุนแบบนี้ ถ้าฉันทำงานแล้วจะซื้อบ้านหลังนี้คงต้องเหนื่อยตายก่อนพอดีเฟอร์นิเจอร์ในบ้านดูแล้วก็ไม่ใช่ถูกๆเลยชุดเครื่องครัวแต่ละอย่างก็ราคาแพง โดยรวมๆแล้วแค่ห้องครัวฉันตีไปเกือบหลักหมื่น เอ๊ะ หรือหลักแสนกันนะ
“เรายกของมาหมดแล้วครับคุณหนู”
“ก็ดี พวกนายกลับกันได้แล้วเรียกคุณซาวาโกะมาให้มาหาฉันด้วยแค่นี้ละ”
“ครับ! รับทราบแล้วครับคุณหนู”
หลังจากที่มิจจิจังสังงานพวกเขาเสร็จเธอก็เริ่มจัดแจงแกะกล่องที่พวกเขายกมาให้และช่วยกันเก้บของส่วนตัวของตัวเอง ซักพักนึงก็มีเมดมายืนหน้าบ้านมิจจิจังเลยรีบวิ่งไปรับ
“สวัสดีคะ ฉันเป็นเมดส่วนตัวของคุณหนูมิจจิโกะ มิซึยะ ซาวาโกะคะ” พอคุณซาวาโกะแนะนำตัวด้วยภาษาไทยที่ไม่ค่อยจะแข็งเท่าไหร่ ฉันก็ก้มตัวรับแล้วค่อยแนะนำตัวไป
“สวัสดีคะ เราชื่อแซน พิมพ์ประพาย อภิรวรากูล เป็นเพื่อนของมิจจิจังคะ” คุณซาวาโกะยิ้มแล้วหันไปกระซิบข้างๆหูมิจจิจัง
“อึก... หนวกหูน่า! มาช่วยเราเก็บของเดี๋ยวนี้เลย”
“รับทราบคะคุณหนู”
คุณซาวาโกะยิ้มแล้วหัวเราะนิดๆก่อนที่จะเดินถือกล่องขึ้นไปพร้อมกับมิจจิจัง และดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องกังวลเลยว่าจะนอนไม่หลับเพราะฉันเหนื่อยมากซะจนหลับไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ