ฉันรักแกว่ะ.... ยัยยุ่น
9.8
เขียนโดย เพราะเรารักเธอ
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.
12 chapter
18 วิจารณ์
15.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) การพิสูจน์รักบทที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความMichiko Part
3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
“แฮ่กๆ....แฮ่ก.... พี่สาววิ่งไวชะมัดเลย”
“หึหึ แน่นอนอยู่แล้วพี่เป็นนักวิ่งนี่นา” แซนพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“ขี้โกงง”
“วะฮ่าๆ!!”
“หิวน้ำไหมจ๊ะเด็กๆพี่จะไปซื้อให้” ฉันพูดถามเด็กๆที่มาเล่นด้วยกัน
“หิวค๊าบ/ค่า”
“งั้นเราไปซื้อให้เอง”
“ซื้อเป็นเหรอตู้ขายน้ำอะ”
“โหย พูดซะเหมือนเราเป็นบ้านนอกเข้ากรุงยังไงอย่างนั้นเลยอ่า”
“ฮ่าๆ! จ้าๆนี่เงินสำหรับซื้อน้ำจ๊ะ”
“โอเค งั้นรออยู่นี่นะเด็กๆ ไม่ซนนะคะ”
“ทราบแล้วครับ/คะ” เด็กน้อยทุกคนพากันตะเบะให้แซนพร้อมกัน เป็นภาพที่น่ารักซะจนอยากจะไปฟัดให้หายหมั่นใส้ซะจริงๆ
“งั้นพวกเราไปเล่นรอพี่แซนกันเนอะ”
“คร๊าบ/ค่า”
ฉันชวนเด็กๆไปวิ่งเล่นกันต่อซักพักนึงฉันรู้สึกถึงความผิดปรกติเพราะแซนไปซื้อน้ำนานมาก จนฉันต้องขอตัวไปตามแต่พอไปถึงบริเวณที่มีตู้ขายน้ำอัตโนมัติก็ไม่เจอแซนเจอเพียงกระป๋องน้ำ ที่หล่นกระจัดกระจายกันอยู่ ฉันกลัวว่าแซนจะโดนลักพาตัวไปแถวนี้ก็ไกล้ถิ่นของโชวเฮย์มากๆ ทำให้ฉันไม่ไว้วางใจเอาซะเลย ฉันจึงรีบหยิบโทรศับโทรหาซาวาโกะซังให้ออกไปตามหาแซน
ฉันให้คนของฉันตามหาแซนทุกๆที่ที่เป็นมุมอับ บ้านร้าง และถ้าเจอก็ระวังอย่าให้โชวเฮย์รู้ตัว ฉันอยากจะจับให้ได้คาหนังคาเขา ท่านพ่อกับท่านแม่ก็เป็นห่วงแซนเพราะพึ่งได้มาไม่นานก็หายตัวไป โดยไม่บอกกล่าวกลัวจะถูกทำอันตรายเพราะท่านทั้งสองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้นมีบางทีที่ท่านอึ้ง เพราะความน่ารัก ทั้งกิริยาและมารยาททำให้ได้คะแนนในจุดนี้เป็นอย่างมาก
ฉันพยายามหาทุกที่ทุกหนทุกแห่งนานเกือบ2ชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอ ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวว่าแซนจะเป็นอะไรไปฉันไม่ยกโทษให้ตัวเองแน่ถ้าช่วยแซนไว้ไม่ทันและฉันคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่ไม่มีแซน
ในระหว่างทางที่ฉันได้ค้นหาตัวแซนฉันก็ค่อยๆเริ่มเจอร่องรอยของคนที่ลักพาตัวแซนไป ฉันจึงรีบบอกให้ซาวาโกะซังพาไปทันทีและเตรียมคนให้พร้อมปะทะกันเพราะฉันต้องมั่นใจว่าพวกเราจะต้องออกมาอย่างปลอดภัย
ปัจจุบัน
//โรงงานแห่งหนึ่งในเขตของโชวเฮย์
ฉันตามร่องรอยมาถึงด้านหลังโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของโชวเฮย์ ฉันนึกแล้วไม่มีผิดว่าจะต้องเป็นฝีมือโชวเฮย์แน่ๆเพราะในเขตนี้ไม่มีใครกล้าหือเลยแม้แต่คนเดียว พวกมาเฟียก็เป็นพันธมิตรกันกับโชวเฮย์จึงทำให้เขามีอำนาจมากจนถึงขั้นกล้าแบบนี้
ฉันค่อยๆเดินลอดเข้ามาในอาคารด้านหลังพร้อมลูกน้อง 3 คนกับซาวาโกะซังที่คอยดูทาง และเคลียร์ทางให้เป็นระยะๆ พอมาถึงห้องๆหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงของแซนเลยเรียกให้ซาวาโกะซังเตรียมตัวพร้อมสู้
“เป็นไง รู้แล้วหรือยังว่าถ้ามาเล่นกับฉันต้องเจออะไร”
“ต... ต่อให้ฉันตาย.... มิจจิจัง.... ก็ไม่มีวันรักนายหร่อก!”
“เจอมาขนาดนี้แล้วยังจะปากดีอีกนะ”
แกร๊ก! โชวเฮย์ชักปืนออกมาแล้วจ่อมาที่หัวแซน ทำให้ฉันใจหล่นวูบฉันเลยรีบหันหลังกลับไปสั่งให้บุกทันที
“แกคงอยากจะลิ้มรสความตายมากนักใช่ไหม”
“หึ! ฉันไม่กลัวหร่อกน้ำหน้าอย่างแกฉันไม่มีวันร้องขอชีวิตหร่อกนะ”
“ถ้างั้นก็อย่าอยู่เลยมึง!!”
ปั้ง!!! ซาวาโกะซังยิงปืนไปที่มือของโชวเฮย์ทำให้ปืนล่นลงไปพร้อมกับเสียงร้องความเจ็บปวดของโชวเฮย์
“โอ้ยยย!! พวกแกรู้ได้ยังไง”
“ไม่สำคัญหร่อกนะว่ารู้ยังไง ปล่อยแซนซะโชวเฮย์ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ฉันพูดบอกออกไป
พร้อมกับกลุ่มลูกน้องของฉันอีกประมาณ30ที่เตรียมตัวพร้อมสู้ได้ตลอดเวลา
“โหว.... คิดว่าผมจะไม่เตรียมตัวรับมือรึยังไงกัน....”
โชวเฮย์พูดออกมาอย่างมีชัยพร้อมกับแสงที่เปิดสว่างจ้าไปทั่วห้องฉันไม่ได้สังเกตเลยว่าห้องใหญ่มาก และด้านหลังโชวเฮย์นั้นมีลูกน้องของเขาที่ถือปืนและหันลำกล้องรอคำสั่งยิงเท่านั้น เมื่อซาวาโกะซังเห็นอย่างนั้น ก็ค่อยๆให้ลูกน้องมากำบังไว้ด้านหน้า ถึงลูกน้องที่มาบังฉันไว้จากการเล็งเป้าแต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าของฉัน ในตอนนี้ทำให้ฉันแทบอยากจะวิ่งไปโอบกอดแซน
ตอนนี้สภาพแซนดูมอมแมมมากเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำกับรอยแดงที่มีเลือดซิบๆออกมาอยู่ทั่วตัวฉันเลยมองไปที่แส้ที่อยู่ใกล้ๆโชวเฮย์แล้วค่อยพูดขึ้น
“โชวเฮย์!! นายทำอะไรกับแซน!!”
“ก็แค่เล่นนิดหน่อยเอง”
“ซาวาโกะ”
“คะ”
“จัดการมัน”
“รับทราบคะ”
“จัดการ!!!” พอซาวาโกะซังพูดสั่งก็เริ่มเปิดการต่อสู้กันระหว่างคนของฉันกับคนของโชวเฮย์
ปั้ง!! ปั้ง!! ปั้ง!! ปั้ง!! “อ๊าก!!”
ปั้ง!! “มาช่วยทางนี้หน่อย!!” ปั้ง!!
ปั้ง!! ปั้ง!! “ย๊ากก!!!” ปั้ง!! ปั้ง!!
“ช่วยสกัดไว้ให้ทีนะฉันเรียกกำลังเสริมมาแล้ว อีกซักพักก็มาแล้วทนหน่อยนะ” ปั้ง!! ปั้ง!!
“ครับคุณหนู!”
พอฉันสั่งการไว้เสร็จฉันกับซาวาโกะซังก็วิ่งไปเพื่อที่จะช่วยแซนแต่ว่าโชวเฮย์พาบอดี้การ์ดของเขาหนีไปในจังหวะนั้นพอดีฉันเลยรีบวิ่งไล่ตามให้ทันจนมาถึงดาดฟ้า
“โชวเฮย์ปล่อยแซนเดี๋ยวนี้นะ!!”
“ถ้าฉันปล่อยง่ายๆฉันจะลักพาตัวนั่งนี่มาทำไม”
“ทำไมละโชวเฮย์ทำไมนายถึงต้องทำกับแซนขนาดนี้ด้วย”
“ก็ยัยนี่มันมาแย่งเธอไปจากผม”
“แย่ง? ฉันเป็นของๆนายตั้งแต่ตอนไหนกันฉันเลือกแซนเพราะฉันรักแซน ฉันไม่ได้รักนาย!”
“ถ้างั้นคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ” โชวเฮย์เอาปืนไปจ่อที่หัวแซน
“อย่านะ!!”
ฟึบ! ฉึก!! จู่ๆก็มีลูกกระสุนมาจากไหนก็ไม่รู้ยิงไปที่หัวบอดี้การ์ดของโชวเฮย์
ตุ๊บ!
“อะไรกัน! มันยิงมาจากไหน!” โชวเฮย์จับแซนล็อกไว้แล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อหาทิศทางของลูกกระสุน
“ฉันว่านายน่าจะปล่อยเธอได้แล้วละมั้ง ไม่อย่างนั้นฉันว่ากระสุนนัดต่อไปต้องเข้าไปอยู่ในสมองนายแน่ๆ” ฉันหันไปทางต้นเสียงก็พอกับผู้หญิงคนนึงสูงประมาณ 168 เซนฯเดินมาข้างๆฉัน
“อ.... เอ่อ.... คุณ...?”
“โอ้ หนูมิจจิโกะแฟนของแซนนี่นา น่ารักเหมือนที่ฉันเห็นในรูปเลยนะเนี่ยตัวจริงออกจะน่ารักกว่าด้วยซ้ำแห่ะ” ฉันงงมาก และงงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเธอได้เรียกชื่อฉันและดูเหมือนว่าจะรู้จักกับแซนค่อนข้างสนิดเลยทีเดียว
“ฮ่ะๆๆ น่ารักกว่าในรูปจริงด้วยดูทำหน้าเข้าสิสีหน้ามันแสดงออกมาแทนคำพูดแล้วนะ” พอเธอพูดจบก็เอานิ้วมาจิ้มจมูกฉันเบาๆพร้อมยิ้มหวานให้ฉัน
“เธอเป็นใครแล้วขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง?!”
“ตอนนี้คำถามของนายมันไม่สำคัญหร่อกนะ นายจะยอมปล่อยแซนดีๆหรืออยากจะเจ็บตัวก่อนที่จะปล่อย?”
“พูดบ้าๆแกจะมาทำอะไรได้”
“นี่! เคารพผู้ใหญ่ซะมั่งนะฉันอายุเยอะกว่านายนะ”
“หึ! ผมไม่เคยแพ้ใครและครั้งนี้ก็จะไม่แพ้เหมือนกัน!!”
ฟึ้บๆๆ~~! พอโชวเฮย์พูดจบก็มีฮิลิคอปเดอร์บินขึ้นมาแล้วหย่อนบันไดลิงลงมา
“ระวังไว้ให้ดีเถอะผมจะมาแก้แค้น!!”
ฟิ้ววว~~~ ตู้มม!!!
“O[ ]O!!” ฉันยืนอึ้งอยู่นานเพราะเมื่อสักครู่นี้แค่เธอชี้ไปที่ฮิลิคอปเตอร์ก็มีบาซูก้าพุ่งมาใส่จนเสียหลักแล้วตกลงไปด้านล่าง
“แกมาทำแบบนี้คิดว่าจะได้อยู่ในญี่ปุ่นต่อไปอีกอย่างนั้นเหรอห๊ะ!!”
“ทางนี้มากกว่าที่จะต้องพูด” เมื่อเธอพูดจบก็รับโน้ตบุ๊คมาจากบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังเธอ
“อะไร?!”
--“ลูก... บริษัทเราโดนยึดและซื้อทุกอย่างไปหมดแล้วนะ กลับมาหาแม่เถอะ”— มีหญิงชราคนหนึ่งอยู่ในคลิปที่เธอเปิดให้โชวเฮย์ดู....
“แม่....” เมื่อโชวเฮย์เห็นอย่างนั้นดูเหมือนว่าร่างกายและจิตรใจได้อ่อนยวบทำให้ปืนได้หล่นออกจากมือเขา พอซาวาโกะซังเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปรวบตัวโชวเฮย์ไว้และให้บอดี้การ์ดของเธอคนนั้นมารับแซนไปรักษาที่โรงพยาบาล
ซาวาโกะซังได้พาโชวเฮย์กลับบ้านไปตามที่อยู่ที่เธอคนนั้นให้เอาไว้ส่วนฉันก็ไปโรงพยาบาลด้วยกันในระหว่างที่หมอตรวจถึงแซนจะพอมีสติอยู่บ้างแต่ฉันก็ยังเป็นห่วงแซนอยู่ ร่างกายที่มอมแม่มและบอบช้ำขนาดนั้นทำไมไม่เป็นฉันที่โดนละ.... ซักพักนึงหมอก็มาบอกอาการของแซน เธอไม่ได้เป็นอะไรมากนักแต่ก็ควรดูแลให้ดีๆบริเวณท้องถูกต่อยซะจนอวัยวะภายในบอบช้ำกินอาหารให้ตรงเวลาและห้ามทำอะไรหักโหม
และเมื่อฉันคุยกับหมอเรียบร้อยแล้วหมอบอกให้นอนอยู่ที่รพ.ก่อนซัก2วันรอดูอาการแล้วค่อยกลับบ้านได้พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันจึงรีบเดินเข้าไปหาแซนที่นอนอยู่บนเตียง
“แซน.... เป็นไงมั่ง เราเป็นห่วงแทบแย่เลยTT”
“ไม่เป็นไรหร่อกแค่นี้เอง ถ้าเทียบกับการที่เราจะไม่ได้เจอมิจจิจังอีกแค่นี้เล็กน้อยน่า ฮ่ะๆๆ....” แซนพยายามหัวเราะเพื่อให้ฉันยิ้มและมันก็ได้ผล
“เจ็บตัวขนาดนี้แล้วยังจะมาเล่นมุขอีกนะ”
“อะแฮ่ม! ลืมใครคนนี้ไปหรือปล่าวน๊า~”
“น้าที่รัก! คิดถึงจังเลยอ่าทำไมน้าไม่ยอมติดต่อมามั่งเลย”
‘น้า?’
“ฮ่าๆ! คิดถึงเหมือนกันนะจ๊ะหลานรักแต่ช่วงนั้นน้าไม่ว่างจริงๆแต่ก็ส่งคนมาคอยดูแลอยู่นะ”
“โหย แล้วไม่บอกกันมั่งเลย”
“ถ้าบอกน้าคงได้โดนหลานจอมซนคนนี้บ่นจนหูชาแน่ๆเลยคะ” ฉันยืนมองบทสนทนาที่น่ารักๆแบบนี้เงียบๆปล่อยให้บรรยากาศดูสดใสขึ้น
“แสดงว่าทำงานหนักจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนอีกแล้วละสิท่า”
“ถะๆๆๆ ถูกต้องแล้วค่า~~”
“เฮ้อ... เอาเถอะ มิจจิจังเราขอแนะนำให้รู้จักนะ นี่น้าของเรา ชื่อที่รัก”
“ดีจ้า” คุณน้าหันมายิ้มให้ฉันพร้อมพูดทักทาย
“น้าคะ นี่แฟนหนูเอง มิจจิโกะจัง”
“น้ารู้แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้”
“ก็น้ามีสายสืบมาอยู่รอบตัวแซนนี่คะน้าจะไม่รู้ได้ยังไง”
“ฮ่าๆ! แต่แหม~ หาแฟนได้น่ารักแบบนี้เนี่ยร้ายเหมือนกันนะเราอะ” พอฉันได้ยินแบบนั้นก็ต้องก้มหน้าหลบเพราะความเขิน
“ก็นะเรารักของเรานี่นา ไม่ให้ใครด้วยย บู่ววว -3-”
“เชื่อจ๊ะ”
หลังจากที่ได้คุยกันและได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วคุณน้ากับแซนก็พากันคุยเรื่องทั่วๆไปบางเรื่องก็เป็นเรื่องน่าอายของแซนมั่งละ นิสัยเซ่อๆซ่าๆของคุณน้าที่พึ่งหัดทำกับข้าวมั่งละ ฉันเห็นแบบนั้นแล้วฉันละมีความสุขสุดๆไปเลย
แกร๊ก! แอ๊ดด~ ฉันหันไปมองที่ประตูก็เห็นท่านพ่อกับท่านแม่เข้ามาในห้อง
“มิจจิโกะเป็นยังไงบ้างลูกคุณหมอว่ายังไงบ้าง” ท่านแม่หันมาถามฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อาการยังไม่หนักมากคะแต่ก็ยังกลัวว่าจะมีอะไรแทรกซ้อนมารึปล่าว”
“อืม ก็ดีแล้วละ”
“พักฟื้นให้หายซะนะเดี๋ยวพ่อจะให้มิจจิโกะดูแลหนูแซนเอง”
“ขอบคุณมากเลยคะ”
“อ... เอ่อ.... ใช่คุณฮามาโนะ ฮิราคุหรือปล่าวคะ”
“ใช่ครับแล้วคุณ....?”
“ฉันชื่อ กวิมล วิเซนตรา เรียกที่รักแทนก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
“เอาหล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเลยฉันอยากจะถามความคิดเห็นคุณว่าคุณจะอนุญาตให้หลานของฉันแต่งงานกับมิจจิโกะจังได้หรือปล่าวคะ”
“ต... แต่งงาน? ต...แต่ว่าเรา....”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องคู่หมั้นหร่อกคะเพราะทรัพย์สินทั้งหมดตอนนี้ฉันเป็นคนยึดมาหมดแล้ว”
“คุณรู้?!” พอคุณน้าได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มให้และเมื่อท่านพ่อเห็นอย่างนั้นก็ยืนคิดอยู่ซักพักนึงก็พูดขึ้น
“ได้สิ ผมไม่ได้รังเกียจอะไรอยู่แล้ว”
“ส่วนเรื่องค่าสินสอดฉันจะเป็นคนออกให้เองคะ”
“ทำไมละคะน้าที่รัก”
“หลานเงียบไปเลยคะ หลานจอมซนคนนี้ของน้าก็เหมือนลูกของน้า ถึงอยากให้ได้แต่สิ่งดีๆยังไงละจ๊ะอย่างเช่นตอนนี้ น่าจะมอบคนดีๆให้กับหลานไว้อยู่ด้วยกัน”
“แล้วค่าสินสอดที่คุณจะให้เราเท่าไหร่เหรอครับ?”
“450,000 ยูโรคะ ถ้าเป็นเงินญี่ปุ่นก็....55,000,000 เยนโดยประมาณคะ” พอคุณน้าพูดจบทั้งห้องก็ตกไปอยู่ในความเงียบเนื่องด้วยจำนวณเงินที่สูงลิบลิ้ว
“อ.... เอ่อ.... มันน้อยไปเหรอคะ?”
“ไม่ได้น้อยเกินไปหร่อกคะสูงเกินไปด้วยซ้ำ”
“ถ้างั้นฉันก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย” คุณน้ายิ้มให้ก่อนที่จะหยิบกระดาษเช็คขึ้นมาแล้วเขียนรายละเอียดให้เรียบร้อยก่อนที่จะยื่นให้ท่านพ่อ
“นี่เป็นหลักประกันว่าจะไม่หนีและขอรับตำแหน่งเป็นการชั่วคราวในฐานะการตกลงปากต่อปากนะคะ ส่วนเรื่องพิธีการเอาไว้ทีหลัง”
“ได้ครับ”
หลังจากที่ได้คุยกันเรื่องวางแผนในเรื่องแต่งงานของฉันกับแซนซักพักท่านพ่อกับท่านแม่ก็ขอตัวไปคุยกันตามประสาผู้ใหญ่คุยกันและปล่อยให้เด็กๆดูแลกันเอง
“ทำไมไม่รู้เนอะตอนนี้รู้สึกมีความสุขมากกว่าความเจ็บซะอีก”
“บ้า! อยากจะเจ็บไหมละเดี๋ยวจะตีให้ช้ำกว่าเดิมเลย”
“ง๊า จะทำเราจริงๆหน่ะเหรอ” แซนส่งสายตาอ้อนวอนมาให้มันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“พูดเล่นเฉยๆน่า”
“อิอิ รักนะคะ”
“รักเหมือนกันคะ ^^”
3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
“แฮ่กๆ....แฮ่ก.... พี่สาววิ่งไวชะมัดเลย”
“หึหึ แน่นอนอยู่แล้วพี่เป็นนักวิ่งนี่นา” แซนพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“ขี้โกงง”
“วะฮ่าๆ!!”
“หิวน้ำไหมจ๊ะเด็กๆพี่จะไปซื้อให้” ฉันพูดถามเด็กๆที่มาเล่นด้วยกัน
“หิวค๊าบ/ค่า”
“งั้นเราไปซื้อให้เอง”
“ซื้อเป็นเหรอตู้ขายน้ำอะ”
“โหย พูดซะเหมือนเราเป็นบ้านนอกเข้ากรุงยังไงอย่างนั้นเลยอ่า”
“ฮ่าๆ! จ้าๆนี่เงินสำหรับซื้อน้ำจ๊ะ”
“โอเค งั้นรออยู่นี่นะเด็กๆ ไม่ซนนะคะ”
“ทราบแล้วครับ/คะ” เด็กน้อยทุกคนพากันตะเบะให้แซนพร้อมกัน เป็นภาพที่น่ารักซะจนอยากจะไปฟัดให้หายหมั่นใส้ซะจริงๆ
“งั้นพวกเราไปเล่นรอพี่แซนกันเนอะ”
“คร๊าบ/ค่า”
ฉันชวนเด็กๆไปวิ่งเล่นกันต่อซักพักนึงฉันรู้สึกถึงความผิดปรกติเพราะแซนไปซื้อน้ำนานมาก จนฉันต้องขอตัวไปตามแต่พอไปถึงบริเวณที่มีตู้ขายน้ำอัตโนมัติก็ไม่เจอแซนเจอเพียงกระป๋องน้ำ ที่หล่นกระจัดกระจายกันอยู่ ฉันกลัวว่าแซนจะโดนลักพาตัวไปแถวนี้ก็ไกล้ถิ่นของโชวเฮย์มากๆ ทำให้ฉันไม่ไว้วางใจเอาซะเลย ฉันจึงรีบหยิบโทรศับโทรหาซาวาโกะซังให้ออกไปตามหาแซน
ฉันให้คนของฉันตามหาแซนทุกๆที่ที่เป็นมุมอับ บ้านร้าง และถ้าเจอก็ระวังอย่าให้โชวเฮย์รู้ตัว ฉันอยากจะจับให้ได้คาหนังคาเขา ท่านพ่อกับท่านแม่ก็เป็นห่วงแซนเพราะพึ่งได้มาไม่นานก็หายตัวไป โดยไม่บอกกล่าวกลัวจะถูกทำอันตรายเพราะท่านทั้งสองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้นมีบางทีที่ท่านอึ้ง เพราะความน่ารัก ทั้งกิริยาและมารยาททำให้ได้คะแนนในจุดนี้เป็นอย่างมาก
ฉันพยายามหาทุกที่ทุกหนทุกแห่งนานเกือบ2ชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอ ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวว่าแซนจะเป็นอะไรไปฉันไม่ยกโทษให้ตัวเองแน่ถ้าช่วยแซนไว้ไม่ทันและฉันคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่ไม่มีแซน
ในระหว่างทางที่ฉันได้ค้นหาตัวแซนฉันก็ค่อยๆเริ่มเจอร่องรอยของคนที่ลักพาตัวแซนไป ฉันจึงรีบบอกให้ซาวาโกะซังพาไปทันทีและเตรียมคนให้พร้อมปะทะกันเพราะฉันต้องมั่นใจว่าพวกเราจะต้องออกมาอย่างปลอดภัย
ปัจจุบัน
//โรงงานแห่งหนึ่งในเขตของโชวเฮย์
ฉันตามร่องรอยมาถึงด้านหลังโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของโชวเฮย์ ฉันนึกแล้วไม่มีผิดว่าจะต้องเป็นฝีมือโชวเฮย์แน่ๆเพราะในเขตนี้ไม่มีใครกล้าหือเลยแม้แต่คนเดียว พวกมาเฟียก็เป็นพันธมิตรกันกับโชวเฮย์จึงทำให้เขามีอำนาจมากจนถึงขั้นกล้าแบบนี้
ฉันค่อยๆเดินลอดเข้ามาในอาคารด้านหลังพร้อมลูกน้อง 3 คนกับซาวาโกะซังที่คอยดูทาง และเคลียร์ทางให้เป็นระยะๆ พอมาถึงห้องๆหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงของแซนเลยเรียกให้ซาวาโกะซังเตรียมตัวพร้อมสู้
“เป็นไง รู้แล้วหรือยังว่าถ้ามาเล่นกับฉันต้องเจออะไร”
“ต... ต่อให้ฉันตาย.... มิจจิจัง.... ก็ไม่มีวันรักนายหร่อก!”
“เจอมาขนาดนี้แล้วยังจะปากดีอีกนะ”
แกร๊ก! โชวเฮย์ชักปืนออกมาแล้วจ่อมาที่หัวแซน ทำให้ฉันใจหล่นวูบฉันเลยรีบหันหลังกลับไปสั่งให้บุกทันที
“แกคงอยากจะลิ้มรสความตายมากนักใช่ไหม”
“หึ! ฉันไม่กลัวหร่อกน้ำหน้าอย่างแกฉันไม่มีวันร้องขอชีวิตหร่อกนะ”
“ถ้างั้นก็อย่าอยู่เลยมึง!!”
ปั้ง!!! ซาวาโกะซังยิงปืนไปที่มือของโชวเฮย์ทำให้ปืนล่นลงไปพร้อมกับเสียงร้องความเจ็บปวดของโชวเฮย์
“โอ้ยยย!! พวกแกรู้ได้ยังไง”
“ไม่สำคัญหร่อกนะว่ารู้ยังไง ปล่อยแซนซะโชวเฮย์ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ฉันพูดบอกออกไป
พร้อมกับกลุ่มลูกน้องของฉันอีกประมาณ30ที่เตรียมตัวพร้อมสู้ได้ตลอดเวลา
“โหว.... คิดว่าผมจะไม่เตรียมตัวรับมือรึยังไงกัน....”
โชวเฮย์พูดออกมาอย่างมีชัยพร้อมกับแสงที่เปิดสว่างจ้าไปทั่วห้องฉันไม่ได้สังเกตเลยว่าห้องใหญ่มาก และด้านหลังโชวเฮย์นั้นมีลูกน้องของเขาที่ถือปืนและหันลำกล้องรอคำสั่งยิงเท่านั้น เมื่อซาวาโกะซังเห็นอย่างนั้น ก็ค่อยๆให้ลูกน้องมากำบังไว้ด้านหน้า ถึงลูกน้องที่มาบังฉันไว้จากการเล็งเป้าแต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าของฉัน ในตอนนี้ทำให้ฉันแทบอยากจะวิ่งไปโอบกอดแซน
ตอนนี้สภาพแซนดูมอมแมมมากเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำกับรอยแดงที่มีเลือดซิบๆออกมาอยู่ทั่วตัวฉันเลยมองไปที่แส้ที่อยู่ใกล้ๆโชวเฮย์แล้วค่อยพูดขึ้น
“โชวเฮย์!! นายทำอะไรกับแซน!!”
“ก็แค่เล่นนิดหน่อยเอง”
“ซาวาโกะ”
“คะ”
“จัดการมัน”
“รับทราบคะ”
“จัดการ!!!” พอซาวาโกะซังพูดสั่งก็เริ่มเปิดการต่อสู้กันระหว่างคนของฉันกับคนของโชวเฮย์
ปั้ง!! ปั้ง!! ปั้ง!! ปั้ง!! “อ๊าก!!”
ปั้ง!! “มาช่วยทางนี้หน่อย!!” ปั้ง!!
ปั้ง!! ปั้ง!! “ย๊ากก!!!” ปั้ง!! ปั้ง!!
“ช่วยสกัดไว้ให้ทีนะฉันเรียกกำลังเสริมมาแล้ว อีกซักพักก็มาแล้วทนหน่อยนะ” ปั้ง!! ปั้ง!!
“ครับคุณหนู!”
พอฉันสั่งการไว้เสร็จฉันกับซาวาโกะซังก็วิ่งไปเพื่อที่จะช่วยแซนแต่ว่าโชวเฮย์พาบอดี้การ์ดของเขาหนีไปในจังหวะนั้นพอดีฉันเลยรีบวิ่งไล่ตามให้ทันจนมาถึงดาดฟ้า
“โชวเฮย์ปล่อยแซนเดี๋ยวนี้นะ!!”
“ถ้าฉันปล่อยง่ายๆฉันจะลักพาตัวนั่งนี่มาทำไม”
“ทำไมละโชวเฮย์ทำไมนายถึงต้องทำกับแซนขนาดนี้ด้วย”
“ก็ยัยนี่มันมาแย่งเธอไปจากผม”
“แย่ง? ฉันเป็นของๆนายตั้งแต่ตอนไหนกันฉันเลือกแซนเพราะฉันรักแซน ฉันไม่ได้รักนาย!”
“ถ้างั้นคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ” โชวเฮย์เอาปืนไปจ่อที่หัวแซน
“อย่านะ!!”
ฟึบ! ฉึก!! จู่ๆก็มีลูกกระสุนมาจากไหนก็ไม่รู้ยิงไปที่หัวบอดี้การ์ดของโชวเฮย์
ตุ๊บ!
“อะไรกัน! มันยิงมาจากไหน!” โชวเฮย์จับแซนล็อกไว้แล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อหาทิศทางของลูกกระสุน
“ฉันว่านายน่าจะปล่อยเธอได้แล้วละมั้ง ไม่อย่างนั้นฉันว่ากระสุนนัดต่อไปต้องเข้าไปอยู่ในสมองนายแน่ๆ” ฉันหันไปทางต้นเสียงก็พอกับผู้หญิงคนนึงสูงประมาณ 168 เซนฯเดินมาข้างๆฉัน
“อ.... เอ่อ.... คุณ...?”
“โอ้ หนูมิจจิโกะแฟนของแซนนี่นา น่ารักเหมือนที่ฉันเห็นในรูปเลยนะเนี่ยตัวจริงออกจะน่ารักกว่าด้วยซ้ำแห่ะ” ฉันงงมาก และงงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเธอได้เรียกชื่อฉันและดูเหมือนว่าจะรู้จักกับแซนค่อนข้างสนิดเลยทีเดียว
“ฮ่ะๆๆ น่ารักกว่าในรูปจริงด้วยดูทำหน้าเข้าสิสีหน้ามันแสดงออกมาแทนคำพูดแล้วนะ” พอเธอพูดจบก็เอานิ้วมาจิ้มจมูกฉันเบาๆพร้อมยิ้มหวานให้ฉัน
“เธอเป็นใครแล้วขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง?!”
“ตอนนี้คำถามของนายมันไม่สำคัญหร่อกนะ นายจะยอมปล่อยแซนดีๆหรืออยากจะเจ็บตัวก่อนที่จะปล่อย?”
“พูดบ้าๆแกจะมาทำอะไรได้”
“นี่! เคารพผู้ใหญ่ซะมั่งนะฉันอายุเยอะกว่านายนะ”
“หึ! ผมไม่เคยแพ้ใครและครั้งนี้ก็จะไม่แพ้เหมือนกัน!!”
ฟึ้บๆๆ~~! พอโชวเฮย์พูดจบก็มีฮิลิคอปเดอร์บินขึ้นมาแล้วหย่อนบันไดลิงลงมา
“ระวังไว้ให้ดีเถอะผมจะมาแก้แค้น!!”
ฟิ้ววว~~~ ตู้มม!!!
“O[ ]O!!” ฉันยืนอึ้งอยู่นานเพราะเมื่อสักครู่นี้แค่เธอชี้ไปที่ฮิลิคอปเตอร์ก็มีบาซูก้าพุ่งมาใส่จนเสียหลักแล้วตกลงไปด้านล่าง
“แกมาทำแบบนี้คิดว่าจะได้อยู่ในญี่ปุ่นต่อไปอีกอย่างนั้นเหรอห๊ะ!!”
“ทางนี้มากกว่าที่จะต้องพูด” เมื่อเธอพูดจบก็รับโน้ตบุ๊คมาจากบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังเธอ
“อะไร?!”
--“ลูก... บริษัทเราโดนยึดและซื้อทุกอย่างไปหมดแล้วนะ กลับมาหาแม่เถอะ”— มีหญิงชราคนหนึ่งอยู่ในคลิปที่เธอเปิดให้โชวเฮย์ดู....
“แม่....” เมื่อโชวเฮย์เห็นอย่างนั้นดูเหมือนว่าร่างกายและจิตรใจได้อ่อนยวบทำให้ปืนได้หล่นออกจากมือเขา พอซาวาโกะซังเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปรวบตัวโชวเฮย์ไว้และให้บอดี้การ์ดของเธอคนนั้นมารับแซนไปรักษาที่โรงพยาบาล
ซาวาโกะซังได้พาโชวเฮย์กลับบ้านไปตามที่อยู่ที่เธอคนนั้นให้เอาไว้ส่วนฉันก็ไปโรงพยาบาลด้วยกันในระหว่างที่หมอตรวจถึงแซนจะพอมีสติอยู่บ้างแต่ฉันก็ยังเป็นห่วงแซนอยู่ ร่างกายที่มอมแม่มและบอบช้ำขนาดนั้นทำไมไม่เป็นฉันที่โดนละ.... ซักพักนึงหมอก็มาบอกอาการของแซน เธอไม่ได้เป็นอะไรมากนักแต่ก็ควรดูแลให้ดีๆบริเวณท้องถูกต่อยซะจนอวัยวะภายในบอบช้ำกินอาหารให้ตรงเวลาและห้ามทำอะไรหักโหม
และเมื่อฉันคุยกับหมอเรียบร้อยแล้วหมอบอกให้นอนอยู่ที่รพ.ก่อนซัก2วันรอดูอาการแล้วค่อยกลับบ้านได้พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันจึงรีบเดินเข้าไปหาแซนที่นอนอยู่บนเตียง
“แซน.... เป็นไงมั่ง เราเป็นห่วงแทบแย่เลยTT”
“ไม่เป็นไรหร่อกแค่นี้เอง ถ้าเทียบกับการที่เราจะไม่ได้เจอมิจจิจังอีกแค่นี้เล็กน้อยน่า ฮ่ะๆๆ....” แซนพยายามหัวเราะเพื่อให้ฉันยิ้มและมันก็ได้ผล
“เจ็บตัวขนาดนี้แล้วยังจะมาเล่นมุขอีกนะ”
“อะแฮ่ม! ลืมใครคนนี้ไปหรือปล่าวน๊า~”
“น้าที่รัก! คิดถึงจังเลยอ่าทำไมน้าไม่ยอมติดต่อมามั่งเลย”
‘น้า?’
“ฮ่าๆ! คิดถึงเหมือนกันนะจ๊ะหลานรักแต่ช่วงนั้นน้าไม่ว่างจริงๆแต่ก็ส่งคนมาคอยดูแลอยู่นะ”
“โหย แล้วไม่บอกกันมั่งเลย”
“ถ้าบอกน้าคงได้โดนหลานจอมซนคนนี้บ่นจนหูชาแน่ๆเลยคะ” ฉันยืนมองบทสนทนาที่น่ารักๆแบบนี้เงียบๆปล่อยให้บรรยากาศดูสดใสขึ้น
“แสดงว่าทำงานหนักจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนอีกแล้วละสิท่า”
“ถะๆๆๆ ถูกต้องแล้วค่า~~”
“เฮ้อ... เอาเถอะ มิจจิจังเราขอแนะนำให้รู้จักนะ นี่น้าของเรา ชื่อที่รัก”
“ดีจ้า” คุณน้าหันมายิ้มให้ฉันพร้อมพูดทักทาย
“น้าคะ นี่แฟนหนูเอง มิจจิโกะจัง”
“น้ารู้แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้”
“ก็น้ามีสายสืบมาอยู่รอบตัวแซนนี่คะน้าจะไม่รู้ได้ยังไง”
“ฮ่าๆ! แต่แหม~ หาแฟนได้น่ารักแบบนี้เนี่ยร้ายเหมือนกันนะเราอะ” พอฉันได้ยินแบบนั้นก็ต้องก้มหน้าหลบเพราะความเขิน
“ก็นะเรารักของเรานี่นา ไม่ให้ใครด้วยย บู่ววว -3-”
“เชื่อจ๊ะ”
หลังจากที่ได้คุยกันและได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วคุณน้ากับแซนก็พากันคุยเรื่องทั่วๆไปบางเรื่องก็เป็นเรื่องน่าอายของแซนมั่งละ นิสัยเซ่อๆซ่าๆของคุณน้าที่พึ่งหัดทำกับข้าวมั่งละ ฉันเห็นแบบนั้นแล้วฉันละมีความสุขสุดๆไปเลย
แกร๊ก! แอ๊ดด~ ฉันหันไปมองที่ประตูก็เห็นท่านพ่อกับท่านแม่เข้ามาในห้อง
“มิจจิโกะเป็นยังไงบ้างลูกคุณหมอว่ายังไงบ้าง” ท่านแม่หันมาถามฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อาการยังไม่หนักมากคะแต่ก็ยังกลัวว่าจะมีอะไรแทรกซ้อนมารึปล่าว”
“อืม ก็ดีแล้วละ”
“พักฟื้นให้หายซะนะเดี๋ยวพ่อจะให้มิจจิโกะดูแลหนูแซนเอง”
“ขอบคุณมากเลยคะ”
“อ... เอ่อ.... ใช่คุณฮามาโนะ ฮิราคุหรือปล่าวคะ”
“ใช่ครับแล้วคุณ....?”
“ฉันชื่อ กวิมล วิเซนตรา เรียกที่รักแทนก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
“เอาหล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเลยฉันอยากจะถามความคิดเห็นคุณว่าคุณจะอนุญาตให้หลานของฉันแต่งงานกับมิจจิโกะจังได้หรือปล่าวคะ”
“ต... แต่งงาน? ต...แต่ว่าเรา....”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องคู่หมั้นหร่อกคะเพราะทรัพย์สินทั้งหมดตอนนี้ฉันเป็นคนยึดมาหมดแล้ว”
“คุณรู้?!” พอคุณน้าได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มให้และเมื่อท่านพ่อเห็นอย่างนั้นก็ยืนคิดอยู่ซักพักนึงก็พูดขึ้น
“ได้สิ ผมไม่ได้รังเกียจอะไรอยู่แล้ว”
“ส่วนเรื่องค่าสินสอดฉันจะเป็นคนออกให้เองคะ”
“ทำไมละคะน้าที่รัก”
“หลานเงียบไปเลยคะ หลานจอมซนคนนี้ของน้าก็เหมือนลูกของน้า ถึงอยากให้ได้แต่สิ่งดีๆยังไงละจ๊ะอย่างเช่นตอนนี้ น่าจะมอบคนดีๆให้กับหลานไว้อยู่ด้วยกัน”
“แล้วค่าสินสอดที่คุณจะให้เราเท่าไหร่เหรอครับ?”
“450,000 ยูโรคะ ถ้าเป็นเงินญี่ปุ่นก็....55,000,000 เยนโดยประมาณคะ” พอคุณน้าพูดจบทั้งห้องก็ตกไปอยู่ในความเงียบเนื่องด้วยจำนวณเงินที่สูงลิบลิ้ว
“อ.... เอ่อ.... มันน้อยไปเหรอคะ?”
“ไม่ได้น้อยเกินไปหร่อกคะสูงเกินไปด้วยซ้ำ”
“ถ้างั้นฉันก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย” คุณน้ายิ้มให้ก่อนที่จะหยิบกระดาษเช็คขึ้นมาแล้วเขียนรายละเอียดให้เรียบร้อยก่อนที่จะยื่นให้ท่านพ่อ
“นี่เป็นหลักประกันว่าจะไม่หนีและขอรับตำแหน่งเป็นการชั่วคราวในฐานะการตกลงปากต่อปากนะคะ ส่วนเรื่องพิธีการเอาไว้ทีหลัง”
“ได้ครับ”
หลังจากที่ได้คุยกันเรื่องวางแผนในเรื่องแต่งงานของฉันกับแซนซักพักท่านพ่อกับท่านแม่ก็ขอตัวไปคุยกันตามประสาผู้ใหญ่คุยกันและปล่อยให้เด็กๆดูแลกันเอง
“ทำไมไม่รู้เนอะตอนนี้รู้สึกมีความสุขมากกว่าความเจ็บซะอีก”
“บ้า! อยากจะเจ็บไหมละเดี๋ยวจะตีให้ช้ำกว่าเดิมเลย”
“ง๊า จะทำเราจริงๆหน่ะเหรอ” แซนส่งสายตาอ้อนวอนมาให้มันดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“พูดเล่นเฉยๆน่า”
“อิอิ รักนะคะ”
“รักเหมือนกันคะ ^^”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ