ฉันรักแกว่ะ.... ยัยยุ่น
9.8
เขียนโดย เพราะเรารักเธอ
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.
12 chapter
18 วิจารณ์
15.07K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) การพิสูจน์รักบทที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันออกเดินทาง
//สนามบินส่วนตัว
“มิจจิโกะ...”
“จ๋า~”
“ทำไมเราต้องขึ้นเครื่องบินส่วนตัว?”
“ก... ก็มันสบายดีไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่น้ำตกสวยๆในจังหวัดใกล้เคียงก็มีนี่ใกล้ด้วย มีอะไรจะสารภาพไหมคะ”
“ความแตกจนได้ก็เราอยากแนะนำแซนให้รู้จักกับท่านพ่อและท่านแม่ของเรา”
“เฮ้อ... ทำอะไรไม่ปรึกษาเราก่อนเลย”
“ทำไมละ แซนไม่อยากเจอท่านพ่อและท่านแม่เหรอ?”
“ก็อยากไปอยู่หร่อก แต่ทุกอย่างมิจจิจังเป็นคนออกเองทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือไง”
“น่านะ ผ่อนคลายเถอะน่านะๆ” มิจจิจังหันมาคลอเคลียฉันทำให้ฉันใจอ่อนจนได้
“จ้าซักครั้งนึงในชีวิตละกันที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ”
“เย้!”
หลังจากที่มิจจิจังอ้อนฉันจนฉันใจอ่อนสำเร็จคุณซาวาโกะก็เดินมารับเพราะได้ตรวจเช็คสภาพเครื่องบินพร้อมเติมน้ำมันเรียบร้อยแล้ว ฉันก็มีกล้าๆกลัวๆอยู่บ้างเวลาขึ้นเครื่องบิน ก็.... ฉันไม่ถูกกันกับความสูงเท่าไหร่แต่ไม่ถึงกับกลัวไปซะทีเดียวจะออกอาการเวลาเครื่องบินตกหลุมอากาศแค่นั้นแหละที่ฉันกลัว มันเหมือนกับเครื่องบินกำลังจะตกอะไรอย่างนั้น
และตอนนี้ฉันกำลังโดนมิจจิจังเกาะเป็นตุ๊กแกอาจจะเป็นเพราะได้ไปเที่ยวด้วยกันแถมยังพาฉันไปแนะนำให้ท่านพ่อกับท่านแม่รู้จักคล้ายๆกับ... เอ่อ... เปิดตัวอย่างเป็นทางการให้ทางบ้านได้รับรู้ละมั้งนะ ฉันกลัวจัง.... ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับฉันด้วยเหตุผลที่ฉันเป็นผู้หญิงและมิจจิจังก็ยังโดนจับหมั้นกันกับโชวเฮย์อีก ฉันถอนหายใจอยู่เป็นพักๆเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“เป็นอะไรเหรอแซน”
“เรากลัวว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่ยอมรับเพราะเราเป็นผู้หญิงหน่ะสิ”
“ไม่เป็นไรหร่อกเราเชื่อว่าท่านต้องเข้าใจ”
“อื้ม” มิจจิจังส่งยิ้มหวานมาให้ฉันเพื่อเป็นกำลังใจให้ทำให้ฉันพอเบาใจลงอยู่บ้าง
2 ชั่วโมงผ่านไปโดยประมาณ
“แซนคะ.... แซน...” มิจจิจังพยายามปลุกฉันจากการหลับบนเครื่องบิน
“ห... หืม ถึงแล้วเหรอ...”
“จะลงจอดแล้วคะเกาะดีๆนะคะเราขาดเข็มขัดนิรภัยให้แล้ว”
“หะ?!!” มิจจิจังพูดยังไม่ทันขาดคำเครื่องบินก็ค่อยๆล่อนลงและมีการสั่นสะเทือนเล็กๆน้อยๆจากการที่ล้อกระทบพื้นดิน
“เฮ้อ.... มิจจิจังพูดอย่างกับจะลงกระแทกแรงๆอะไรอย่างนั้นเลย เรากลัวนะ TT”
“ฮ่าๆ!! เราแค่แกล้งเล่นน่า ไม่งอนนะ”
“ก็ได้ -3-”
พอฉันเดินออกมาด้านนอกก็มีคนรับใช้มารอรับมิจจิจัง 5 คน เป็นบอดี้การ์ด 3 คนส่วนอีก 2 คนคือพ่อและแม่ของมิจจิจังพอเธอเห็นท่านทั้งสองคนเธอก็รีบวิ่งไปหาเพื่อไปมอบอ้อมกอดที่สุดแสนจะคิดถึงให้กับทั้งคู่ มันเป็นภาพที่น่ารักมากซะจนทำให้ฉันคิดถึงพ่อกับแม่ที่อยู่บ้านป่านนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้างนะ....
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกขอแนะนำให้รู้จักกับแซน เธอเป็นแฟนของลูกเองคะ”
“แฟน?” ท่านพ่อพูดออกมาด้วยสีหน้าเหวอและมองฉันสลับกับมิจจิจังซักพัก
“สวัสดีคะ เราชื่อแซน พิมพ์ประพาย อภิรวรากูล ยินดีที่ได้รู้จักคะท่าน”
“แหมๆ มารยาทดีจังเลยนะจ๊ะสาวน้อย แม่ชื่อ ฮามาโนะ มิสึโฮะ จ๊ะ” ท่านแม่ของมิจจิจังยิ้มหวานให้
“…..”
“ที่รักคะ แนะนำตัวสิคะเสียมารยาทแย่เลย”
“อ... แฮ่ม.... ขอโทษทีที่เสียมารยาทนะสาวน้อย พ่อชื่อ ฮามาโนะ ฮิราคุ” พอท่านพ่อพูดจบก็หันมายิ้มเจือนๆให้ฉัน
“ไม่เป็นไรคะ”
“ปะๆ ขึ้นรถเถอะลูกตรงนี้มันร้อน” เมื่อแม่ของมิจจิจังพูดขึ้นทุกคนก็ขึ้นรถกลับบ้านพร้อมกัน
เมื่อมาถึงบ้านก็จะมีแม่บ้านมาคอยดูแลและรับคำสั่งที่ได้จากท่านพ่อกับท่านแม่ว่าให้จัดห้องไว้ให้ฉันแต่ฉันเห็นมิจจิจังเดินไปบอกท่านพ่อว่าเธอจะนอนด้วยกันกับฉัน ท่านพ่อทำหน้าครุ่นคิดอยู่นานจึงตัดสินใจให้นอนห้องเดียวกันได้
‘ฉันว่าท่านพ่อต้องไม่ไว้วางใจฉันแน่ๆเลย TT’
“ปะ เอาของไปเก็บกัน”
“อืมปะ”
มิจจิจังพาฉันเดินไปยังห้องของมิจจิจังที่ถึงแม้ว่าเธอจะไปอยู่เมืองไทยห้องของเธอก็ยังสะอาดเรียบร้อยเหมือนอยู่ทุกวันความกว้างของห้องและรูปที่ประดับอย่างสวยงาม บ้านของมิจจิจังเป็นบ้านแบบดั้งเดิมบริเวณข้างๆห้องของมืจจิจังก็จะมีสนามเล็กๆเอาไว้วิ่งเล่น ฉันเห็นต้นไม้ยืนต้นถูกปลูกอยู่แถวนั้นเมื่อฉันมองไปมันทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและร่มรื่นดีจัง
“แซนคะ”
“คะ?”
“ไปกินข้าวกันไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ลงจากเครื่องเลยใช่ไหมละ”
“นั่นสิ”
“วันนี้เราทำอาหารเองด้วยละ”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ ลองชิมดูหน่อยนะเราอยากรู้ว่ามันอร่อยไหม”
“อื้ม!” ฉันพยักหน้าและยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจที่จะได้ทานอาหารที่มิจจิจังทำ
เมื่อมิจจิจังกับคุณซษวาโกะทำอาหารเสร็จแล้วนำมาเสิร์ฟท่านพ่อและท่านแม่ตกใจมากที่มิจจิจังทำอาหารได้อร่อยมาก อาจจะเป็นเพราะคุณวาวาโกะเป็นคนสอนกับความตั้งใจที่จะทำอาหารเลยใส่ใจลงไปแบบพิเศษทำให้อาหารอร่อยขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันมีเสียงหยอกล้อและเสียงหัวเราะเล็กๆน้อยๆจากการคุยเรื่องไปเรียนที่ประเทศไทย
ถึงประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทยจะเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ก็มีหลายอย่างที่คนญี่ปุ่นไม่รู้เหมือนฉันที่เป็นคนไทยที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องประเทศญี่ปุ่นเท่าไหร่ฉันเลยให้มิจจิจังช่วยสอนให้ในเรื่องการปฏิบัติตัวและกฏหลักๆที่ต้องทำของประเทศญี่ปุ่น
พอเรากินข้าวเสร็จฉันก็ค่อยๆเก็บจานช่วยคุณซาวาโกทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ทำหน้างงไปตามๆกันมิจจิจังเลยอธิบายแทนฉันแล้วลุกตามมาช่วยล้างจานด้วยกัน
“คุณคะลูกเราเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
“อื้ม... แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
ฉันแอบได้ยินท่านพ่อกับท่านแม่กระซิบกระซาบกันทำให้ฉันยิ้มออกเพราะดูแล้วท่านอาจจะไม่ได้รังเกียจเราก็ได้ฉันจะต้องทำให้ท่านทั้งสองเชื่อให้ได้ว่าฉันดูแลมิจจิจังได้ไม่แพ้โชวเฮย์
เมื่อฉันล้างจานเสร็จแล้วมิจจิจังก็พาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆมีต้นไม้อยู่ล้อมรอบ มีเด็กน้อยวิ่งเล่นกันเสียงดังเจี้ยวจ้าวถึงจะออกน่ารำคานนิดๆแต่ก็เป็นภาพที่ฉันไม่เคยได้เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะปัจจุบันคนไทยโดยส่วนใหญ่จะติดโซเชียลมีเดี่ยกันหมดไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อยซักแค่ไหนหรือจะอายุเยอะซักแค่ไหนก็ยังเล่นโทรศับหรืออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา
“นี่ๆ พี่สาวมาเล่นด้วยกันเถอะ” มีเด็กชายตัวเล็กๆเดินมาหาฉันแล้วมาชวนฉันเล่น
“มิจจิจังไปเล่นกับเด็กๆกันไหม” ฉันหันไปถามมิจจิจังที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เราไม่ค่อยถูกกับเด็กเท่าไหร่ไม่ไปได้ไหม”
“เอาน่า มาเถอะ” ฉันลุกแล้วยื่นมือให้เพื่อที่จะชวนไปเล่นกับเด็กๆ
“อืมเอาสิ”
ฉันกับมิจจิจังลุกไปเล่นกับเด็กๆตามที่มาชวนในตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจกฎในการเล่นเท่าไหร่นักแต่มันก็คล้ายๆการเล่นวิ่งไล่จับของไทยอยู่บ้างบางทีการวิ่งเล่นแบบนี้ก็ดีเหหมือนกันนะ
“แฮ่กๆ....แฮ่ก.... พี่สาววิ่งไวชะมัดเลย”
“หึหึ แน่นอนอยู่แล้วพี่เป็นนักวิ่งนี่นา”
“ขี้โกงง”
“วะฮ่าๆ!!”
“หิวน้ำไหมจ๊ะเด็กๆพี่จะไปซื้อให้” มิจจิจังพูดถามเด็กๆที่มาเล่นด้วยกัน
“หิวค๊าบ/ค่า”
“งั้นเราไปซื้อให้เอง”
“ซื้อเป็นเหรอตู้ขายน้ำอะ”
“โหย พูดซะเหมือนเราเป็นบ้านนอกเข้ากรุงยังไงอย่างนั้นเลยอ่า”
“ฮ่าๆ! จ้าๆนี่เงินสำหรับซื้อน้ำจ๊ะ”
“โอเค งั้นรออยู่นี่นะเด็กๆ ไม่ซนนะคะ”
“ทราบแล้วครับ/คะ” เด็กน้อยทุกคนพากันตะเบะให้ฉันพร้อมกัน เป็นภาพที่น่ารักซะจนทำให้ฉันเดินยิ้มคนเดียวมาตลอดทาง
แกร๊งๆๆ
“ถ้าซื้อไปผิดจะโดนว่าไหมเนี่ย” ฉันหยิบกระป๋องน้ำที่อยู่ในตู้ขายน้ำอัตโนมัติขึ้นมาหอบหิ้วเพื่อที่จะเอาไปให้เด็กๆกินแต่ทว่า....
ฟึบ!!
“อุ๊บ!! อื้อ!!!!!” จู่ๆฉันก็โดนเอาผ้ามาปิดปากพร้อมกับให้สูดลมหายใจเข้าไปทำให้ฉันเริ่มมีอาการมึนหัวขึ้นเรื่อยๆจนสลบไป
‘อึก.... โอ้ย... ปวดหัวจัง.... หืม!!’ ฉันพยายามใช้มือเพื่อจะมาขยี้ตาหากแต่ว่ามันไม่สามารถใช้ได้ก็ตอนนี้ฉันโดนมัดมือมัดเท้าไว้กับเก้าอี้แล้วหน่ะสิ!!
“โอ้ ฟื้นแล้วเหรอแม่สาวน้อย”
“นี่แกจะทำอะไรฉัน!”
“แหมๆตื่นมาก็ปากดีเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะจัดให้หายเลยดีไหมเนี่ย” หลังจากที่ชายคนนี้พูดจบก็มองมาที่ร่างกายฉันด้วยสายตาหื่นกาม
“เฮ้ย.... ใครบอกให้ทำโดยพละการวะ” ฉันหันไปทางต้นเสียงเมื่อได้ยินเสียงของผู้มาเยือน
“โชวเฮย์!!”
“เรียกผมมีอะไรงั้นเหรอครับ” พอโชวเฮย์พูดจบก็ทำหน้ายิ้มยียวนใส่ฉัน
“แกจะมาจับฉันทำไมกัน! ฉันไม่เคยรังควานหรือดุด่าว่าร้ายให้นายเสียหายเลยนะ”
“แกทำสิ แกแย่งของๆฉันไป”
“ของอะไรฉันไม่เคยแย่งอะไรจากแก”
“แกแย่งมิจจิโกะจังไปจากผม!”
“มิจจิจังไม่ใช่ของๆใครทั้งนั้น!!! เธอเลือกที่จะรักฉัน เธอไม่ได้รักนาย!!”
“ปากดีนักนะ”
พั้ว!! ตุ๊บ!! “อ๊อคค!!” ฉันถูกโชวเฮย์ต่อยที่หน้าและสอยเข้าที่ท้องอย่างจังทำให้ฉันจุกจนต้องงอตัว
“ทีนี้ยังจะปากดีอีกไหม”
“ถึงแกจะทำอะไรฉันความจริงมันก็ไม่เคยเปลี่ยนหร่อกเว้ย!”
พลั๊ก!! ตุ๊บ!! “แกคิดว่า”
ตุ๊บ!! ตุ๊บ!! “ฉันจะยอมง่ายๆหรือยังไงยัยโง่!!! ถ้าไม่มีแกอยู่ทั้งคนมิจจิโกะก็เป็นของฉันแค่คนเดียวแล้ว!!”
ตุ๊บ!!!!!! “อึกกก!!! ฮึ้มมม!!!” ฉันพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้แสดงความเจ็บปวดออกมาจากการที่โดนโชวเฮย์ต่อยไม่ยั้งมือ! โชวเฮย์หยุดมือไปซักพักก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมแส้ที่มีหนามเรียงรายอยู่ทั่วทุกส่วนของแส้
ฟึ้บ!! เพี้ย!! “อึกกก!! อ.... แฮ่ก.... แฮ่ก...”
เพี้ย!! “ร้องสิ!!”
เพี้ย!! “ร้องสิวะ!!”
“อ... เอ่อ... เจ้านายครับมันร่อแร่ร่อแร่แล้วเจ้านายไม่เก็บไว้ทรมานมันต่อเหรอครับ”
“ฮึ้ม! เอาแบบนั้นแหละดี”
“แล้วก็-”
‘อา..... ไอ้เชี่ยนี่... อย่าให้ฉันหลุดออกไปได้.. ละกันนะ...’ ฉันรู้สึกอ่อนล้าและปวดไปทั้งตัวแถมยังแสบแผลที่โดนแส้หนามฟาด
‘มิจจิจังจะเป็นยังไงบ้างนะเป็นห่วงจัง’ หลังจากนั้นฉันก็สลบไปเพราะความเหนื่อยอ่อน
ผ่านไปซักพัก
ฟึบ! ซ่า!! “ตื่นได้แล้ว! ใครสั่งให้แกหลับ!”
“อึก... แค่กๆ.... แฮ่ก.... แฮ่ก...”
“เป็นไง รู้แล้วหรือยังว่าถ้ามาเล่นกับฉันต้องเจออะไร”
“ต... ต่อให้ฉันตาย.... มิจจิจัง.... ก็ไม่มีวันรักนายหร่อก!”
“เจอมาขนาดนี้แล้วยังจะปากดีอีกนะ”
แกร๊ก! โชวเฮย์ชักปืนออกมาแล้วจ่อมาที่หัวฉัน
“แกคงอยากจะลิ้มรสความตายมากนักใช่ไหม”
“หึ! ฉันไม่กลัวหร่อกน้ำหน้าอย่างแกฉันไม่มีวันร้องขอชีวิตหร่อกนะ”
“ถ้างั้นก็อย่าอยู่เลยมึง!!”
ปั้ง!!!
//สนามบินส่วนตัว
“มิจจิโกะ...”
“จ๋า~”
“ทำไมเราต้องขึ้นเครื่องบินส่วนตัว?”
“ก... ก็มันสบายดีไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ แต่น้ำตกสวยๆในจังหวัดใกล้เคียงก็มีนี่ใกล้ด้วย มีอะไรจะสารภาพไหมคะ”
“ความแตกจนได้ก็เราอยากแนะนำแซนให้รู้จักกับท่านพ่อและท่านแม่ของเรา”
“เฮ้อ... ทำอะไรไม่ปรึกษาเราก่อนเลย”
“ทำไมละ แซนไม่อยากเจอท่านพ่อและท่านแม่เหรอ?”
“ก็อยากไปอยู่หร่อก แต่ทุกอย่างมิจจิจังเป็นคนออกเองทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือไง”
“น่านะ ผ่อนคลายเถอะน่านะๆ” มิจจิจังหันมาคลอเคลียฉันทำให้ฉันใจอ่อนจนได้
“จ้าซักครั้งนึงในชีวิตละกันที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ”
“เย้!”
หลังจากที่มิจจิจังอ้อนฉันจนฉันใจอ่อนสำเร็จคุณซาวาโกะก็เดินมารับเพราะได้ตรวจเช็คสภาพเครื่องบินพร้อมเติมน้ำมันเรียบร้อยแล้ว ฉันก็มีกล้าๆกลัวๆอยู่บ้างเวลาขึ้นเครื่องบิน ก็.... ฉันไม่ถูกกันกับความสูงเท่าไหร่แต่ไม่ถึงกับกลัวไปซะทีเดียวจะออกอาการเวลาเครื่องบินตกหลุมอากาศแค่นั้นแหละที่ฉันกลัว มันเหมือนกับเครื่องบินกำลังจะตกอะไรอย่างนั้น
และตอนนี้ฉันกำลังโดนมิจจิจังเกาะเป็นตุ๊กแกอาจจะเป็นเพราะได้ไปเที่ยวด้วยกันแถมยังพาฉันไปแนะนำให้ท่านพ่อกับท่านแม่รู้จักคล้ายๆกับ... เอ่อ... เปิดตัวอย่างเป็นทางการให้ทางบ้านได้รับรู้ละมั้งนะ ฉันกลัวจัง.... ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับฉันด้วยเหตุผลที่ฉันเป็นผู้หญิงและมิจจิจังก็ยังโดนจับหมั้นกันกับโชวเฮย์อีก ฉันถอนหายใจอยู่เป็นพักๆเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“เป็นอะไรเหรอแซน”
“เรากลัวว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่ยอมรับเพราะเราเป็นผู้หญิงหน่ะสิ”
“ไม่เป็นไรหร่อกเราเชื่อว่าท่านต้องเข้าใจ”
“อื้ม” มิจจิจังส่งยิ้มหวานมาให้ฉันเพื่อเป็นกำลังใจให้ทำให้ฉันพอเบาใจลงอยู่บ้าง
2 ชั่วโมงผ่านไปโดยประมาณ
“แซนคะ.... แซน...” มิจจิจังพยายามปลุกฉันจากการหลับบนเครื่องบิน
“ห... หืม ถึงแล้วเหรอ...”
“จะลงจอดแล้วคะเกาะดีๆนะคะเราขาดเข็มขัดนิรภัยให้แล้ว”
“หะ?!!” มิจจิจังพูดยังไม่ทันขาดคำเครื่องบินก็ค่อยๆล่อนลงและมีการสั่นสะเทือนเล็กๆน้อยๆจากการที่ล้อกระทบพื้นดิน
“เฮ้อ.... มิจจิจังพูดอย่างกับจะลงกระแทกแรงๆอะไรอย่างนั้นเลย เรากลัวนะ TT”
“ฮ่าๆ!! เราแค่แกล้งเล่นน่า ไม่งอนนะ”
“ก็ได้ -3-”
พอฉันเดินออกมาด้านนอกก็มีคนรับใช้มารอรับมิจจิจัง 5 คน เป็นบอดี้การ์ด 3 คนส่วนอีก 2 คนคือพ่อและแม่ของมิจจิจังพอเธอเห็นท่านทั้งสองคนเธอก็รีบวิ่งไปหาเพื่อไปมอบอ้อมกอดที่สุดแสนจะคิดถึงให้กับทั้งคู่ มันเป็นภาพที่น่ารักมากซะจนทำให้ฉันคิดถึงพ่อกับแม่ที่อยู่บ้านป่านนี้ท่านจะเป็นยังไงบ้างนะ....
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกขอแนะนำให้รู้จักกับแซน เธอเป็นแฟนของลูกเองคะ”
“แฟน?” ท่านพ่อพูดออกมาด้วยสีหน้าเหวอและมองฉันสลับกับมิจจิจังซักพัก
“สวัสดีคะ เราชื่อแซน พิมพ์ประพาย อภิรวรากูล ยินดีที่ได้รู้จักคะท่าน”
“แหมๆ มารยาทดีจังเลยนะจ๊ะสาวน้อย แม่ชื่อ ฮามาโนะ มิสึโฮะ จ๊ะ” ท่านแม่ของมิจจิจังยิ้มหวานให้
“…..”
“ที่รักคะ แนะนำตัวสิคะเสียมารยาทแย่เลย”
“อ... แฮ่ม.... ขอโทษทีที่เสียมารยาทนะสาวน้อย พ่อชื่อ ฮามาโนะ ฮิราคุ” พอท่านพ่อพูดจบก็หันมายิ้มเจือนๆให้ฉัน
“ไม่เป็นไรคะ”
“ปะๆ ขึ้นรถเถอะลูกตรงนี้มันร้อน” เมื่อแม่ของมิจจิจังพูดขึ้นทุกคนก็ขึ้นรถกลับบ้านพร้อมกัน
เมื่อมาถึงบ้านก็จะมีแม่บ้านมาคอยดูแลและรับคำสั่งที่ได้จากท่านพ่อกับท่านแม่ว่าให้จัดห้องไว้ให้ฉันแต่ฉันเห็นมิจจิจังเดินไปบอกท่านพ่อว่าเธอจะนอนด้วยกันกับฉัน ท่านพ่อทำหน้าครุ่นคิดอยู่นานจึงตัดสินใจให้นอนห้องเดียวกันได้
‘ฉันว่าท่านพ่อต้องไม่ไว้วางใจฉันแน่ๆเลย TT’
“ปะ เอาของไปเก็บกัน”
“อืมปะ”
มิจจิจังพาฉันเดินไปยังห้องของมิจจิจังที่ถึงแม้ว่าเธอจะไปอยู่เมืองไทยห้องของเธอก็ยังสะอาดเรียบร้อยเหมือนอยู่ทุกวันความกว้างของห้องและรูปที่ประดับอย่างสวยงาม บ้านของมิจจิจังเป็นบ้านแบบดั้งเดิมบริเวณข้างๆห้องของมืจจิจังก็จะมีสนามเล็กๆเอาไว้วิ่งเล่น ฉันเห็นต้นไม้ยืนต้นถูกปลูกอยู่แถวนั้นเมื่อฉันมองไปมันทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและร่มรื่นดีจัง
“แซนคะ”
“คะ?”
“ไปกินข้าวกันไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ลงจากเครื่องเลยใช่ไหมละ”
“นั่นสิ”
“วันนี้เราทำอาหารเองด้วยละ”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ ลองชิมดูหน่อยนะเราอยากรู้ว่ามันอร่อยไหม”
“อื้ม!” ฉันพยักหน้าและยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจที่จะได้ทานอาหารที่มิจจิจังทำ
เมื่อมิจจิจังกับคุณซษวาโกะทำอาหารเสร็จแล้วนำมาเสิร์ฟท่านพ่อและท่านแม่ตกใจมากที่มิจจิจังทำอาหารได้อร่อยมาก อาจจะเป็นเพราะคุณวาวาโกะเป็นคนสอนกับความตั้งใจที่จะทำอาหารเลยใส่ใจลงไปแบบพิเศษทำให้อาหารอร่อยขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันมีเสียงหยอกล้อและเสียงหัวเราะเล็กๆน้อยๆจากการคุยเรื่องไปเรียนที่ประเทศไทย
ถึงประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทยจะเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ก็มีหลายอย่างที่คนญี่ปุ่นไม่รู้เหมือนฉันที่เป็นคนไทยที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องประเทศญี่ปุ่นเท่าไหร่ฉันเลยให้มิจจิจังช่วยสอนให้ในเรื่องการปฏิบัติตัวและกฏหลักๆที่ต้องทำของประเทศญี่ปุ่น
พอเรากินข้าวเสร็จฉันก็ค่อยๆเก็บจานช่วยคุณซาวาโกทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ทำหน้างงไปตามๆกันมิจจิจังเลยอธิบายแทนฉันแล้วลุกตามมาช่วยล้างจานด้วยกัน
“คุณคะลูกเราเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
“อื้ม... แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
ฉันแอบได้ยินท่านพ่อกับท่านแม่กระซิบกระซาบกันทำให้ฉันยิ้มออกเพราะดูแล้วท่านอาจจะไม่ได้รังเกียจเราก็ได้ฉันจะต้องทำให้ท่านทั้งสองเชื่อให้ได้ว่าฉันดูแลมิจจิจังได้ไม่แพ้โชวเฮย์
เมื่อฉันล้างจานเสร็จแล้วมิจจิจังก็พาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆมีต้นไม้อยู่ล้อมรอบ มีเด็กน้อยวิ่งเล่นกันเสียงดังเจี้ยวจ้าวถึงจะออกน่ารำคานนิดๆแต่ก็เป็นภาพที่ฉันไม่เคยได้เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะปัจจุบันคนไทยโดยส่วนใหญ่จะติดโซเชียลมีเดี่ยกันหมดไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อยซักแค่ไหนหรือจะอายุเยอะซักแค่ไหนก็ยังเล่นโทรศับหรืออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา
“นี่ๆ พี่สาวมาเล่นด้วยกันเถอะ” มีเด็กชายตัวเล็กๆเดินมาหาฉันแล้วมาชวนฉันเล่น
“มิจจิจังไปเล่นกับเด็กๆกันไหม” ฉันหันไปถามมิจจิจังที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เราไม่ค่อยถูกกับเด็กเท่าไหร่ไม่ไปได้ไหม”
“เอาน่า มาเถอะ” ฉันลุกแล้วยื่นมือให้เพื่อที่จะชวนไปเล่นกับเด็กๆ
“อืมเอาสิ”
ฉันกับมิจจิจังลุกไปเล่นกับเด็กๆตามที่มาชวนในตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจกฎในการเล่นเท่าไหร่นักแต่มันก็คล้ายๆการเล่นวิ่งไล่จับของไทยอยู่บ้างบางทีการวิ่งเล่นแบบนี้ก็ดีเหหมือนกันนะ
“แฮ่กๆ....แฮ่ก.... พี่สาววิ่งไวชะมัดเลย”
“หึหึ แน่นอนอยู่แล้วพี่เป็นนักวิ่งนี่นา”
“ขี้โกงง”
“วะฮ่าๆ!!”
“หิวน้ำไหมจ๊ะเด็กๆพี่จะไปซื้อให้” มิจจิจังพูดถามเด็กๆที่มาเล่นด้วยกัน
“หิวค๊าบ/ค่า”
“งั้นเราไปซื้อให้เอง”
“ซื้อเป็นเหรอตู้ขายน้ำอะ”
“โหย พูดซะเหมือนเราเป็นบ้านนอกเข้ากรุงยังไงอย่างนั้นเลยอ่า”
“ฮ่าๆ! จ้าๆนี่เงินสำหรับซื้อน้ำจ๊ะ”
“โอเค งั้นรออยู่นี่นะเด็กๆ ไม่ซนนะคะ”
“ทราบแล้วครับ/คะ” เด็กน้อยทุกคนพากันตะเบะให้ฉันพร้อมกัน เป็นภาพที่น่ารักซะจนทำให้ฉันเดินยิ้มคนเดียวมาตลอดทาง
แกร๊งๆๆ
“ถ้าซื้อไปผิดจะโดนว่าไหมเนี่ย” ฉันหยิบกระป๋องน้ำที่อยู่ในตู้ขายน้ำอัตโนมัติขึ้นมาหอบหิ้วเพื่อที่จะเอาไปให้เด็กๆกินแต่ทว่า....
ฟึบ!!
“อุ๊บ!! อื้อ!!!!!” จู่ๆฉันก็โดนเอาผ้ามาปิดปากพร้อมกับให้สูดลมหายใจเข้าไปทำให้ฉันเริ่มมีอาการมึนหัวขึ้นเรื่อยๆจนสลบไป
‘อึก.... โอ้ย... ปวดหัวจัง.... หืม!!’ ฉันพยายามใช้มือเพื่อจะมาขยี้ตาหากแต่ว่ามันไม่สามารถใช้ได้ก็ตอนนี้ฉันโดนมัดมือมัดเท้าไว้กับเก้าอี้แล้วหน่ะสิ!!
“โอ้ ฟื้นแล้วเหรอแม่สาวน้อย”
“นี่แกจะทำอะไรฉัน!”
“แหมๆตื่นมาก็ปากดีเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะจัดให้หายเลยดีไหมเนี่ย” หลังจากที่ชายคนนี้พูดจบก็มองมาที่ร่างกายฉันด้วยสายตาหื่นกาม
“เฮ้ย.... ใครบอกให้ทำโดยพละการวะ” ฉันหันไปทางต้นเสียงเมื่อได้ยินเสียงของผู้มาเยือน
“โชวเฮย์!!”
“เรียกผมมีอะไรงั้นเหรอครับ” พอโชวเฮย์พูดจบก็ทำหน้ายิ้มยียวนใส่ฉัน
“แกจะมาจับฉันทำไมกัน! ฉันไม่เคยรังควานหรือดุด่าว่าร้ายให้นายเสียหายเลยนะ”
“แกทำสิ แกแย่งของๆฉันไป”
“ของอะไรฉันไม่เคยแย่งอะไรจากแก”
“แกแย่งมิจจิโกะจังไปจากผม!”
“มิจจิจังไม่ใช่ของๆใครทั้งนั้น!!! เธอเลือกที่จะรักฉัน เธอไม่ได้รักนาย!!”
“ปากดีนักนะ”
พั้ว!! ตุ๊บ!! “อ๊อคค!!” ฉันถูกโชวเฮย์ต่อยที่หน้าและสอยเข้าที่ท้องอย่างจังทำให้ฉันจุกจนต้องงอตัว
“ทีนี้ยังจะปากดีอีกไหม”
“ถึงแกจะทำอะไรฉันความจริงมันก็ไม่เคยเปลี่ยนหร่อกเว้ย!”
พลั๊ก!! ตุ๊บ!! “แกคิดว่า”
ตุ๊บ!! ตุ๊บ!! “ฉันจะยอมง่ายๆหรือยังไงยัยโง่!!! ถ้าไม่มีแกอยู่ทั้งคนมิจจิโกะก็เป็นของฉันแค่คนเดียวแล้ว!!”
ตุ๊บ!!!!!! “อึกกก!!! ฮึ้มมม!!!” ฉันพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้แสดงความเจ็บปวดออกมาจากการที่โดนโชวเฮย์ต่อยไม่ยั้งมือ! โชวเฮย์หยุดมือไปซักพักก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมแส้ที่มีหนามเรียงรายอยู่ทั่วทุกส่วนของแส้
ฟึ้บ!! เพี้ย!! “อึกกก!! อ.... แฮ่ก.... แฮ่ก...”
เพี้ย!! “ร้องสิ!!”
เพี้ย!! “ร้องสิวะ!!”
“อ... เอ่อ... เจ้านายครับมันร่อแร่ร่อแร่แล้วเจ้านายไม่เก็บไว้ทรมานมันต่อเหรอครับ”
“ฮึ้ม! เอาแบบนั้นแหละดี”
“แล้วก็-”
‘อา..... ไอ้เชี่ยนี่... อย่าให้ฉันหลุดออกไปได้.. ละกันนะ...’ ฉันรู้สึกอ่อนล้าและปวดไปทั้งตัวแถมยังแสบแผลที่โดนแส้หนามฟาด
‘มิจจิจังจะเป็นยังไงบ้างนะเป็นห่วงจัง’ หลังจากนั้นฉันก็สลบไปเพราะความเหนื่อยอ่อน
ผ่านไปซักพัก
ฟึบ! ซ่า!! “ตื่นได้แล้ว! ใครสั่งให้แกหลับ!”
“อึก... แค่กๆ.... แฮ่ก.... แฮ่ก...”
“เป็นไง รู้แล้วหรือยังว่าถ้ามาเล่นกับฉันต้องเจออะไร”
“ต... ต่อให้ฉันตาย.... มิจจิจัง.... ก็ไม่มีวันรักนายหร่อก!”
“เจอมาขนาดนี้แล้วยังจะปากดีอีกนะ”
แกร๊ก! โชวเฮย์ชักปืนออกมาแล้วจ่อมาที่หัวฉัน
“แกคงอยากจะลิ้มรสความตายมากนักใช่ไหม”
“หึ! ฉันไม่กลัวหร่อกน้ำหน้าอย่างแกฉันไม่มีวันร้องขอชีวิตหร่อกนะ”
“ถ้างั้นก็อย่าอยู่เลยมึง!!”
ปั้ง!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ