Yesterday อาถรรพ์ วันวาน
10.0
เขียนโดย digitoon
วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.30 น.
21 ตอน
3 วิจารณ์
39.45K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) บทที่ห้า ความลับในสมุด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ห้า
ความลับในสมุด
ไมค์กี้นั่งกอดเข่าหลังพิงประตู ร่างเปียกนั่งหนาวสั่นสะท้านด้วยความหนาวจากที่ตากฝนตอนที่นั่งรอแมกซ์ช่วยขนของอยู่ข้างล่าง แล้วตอนนี้เขายังต้องมานั่งรอปอดบวมโดยไม่รู้ว่าจะออกจากห้องอย่างไร ความรู้สึกหนักหัวเริ่มจะเป็นปวดจนเขารู้สึกได้ว่าบัดนี้ร่างกายของเขาไม่ปกติแน่นอน น้ำตาแห่งความเค้นใจและน้อยใจไหลรินออกมาเมื่อคิดว่าทำไมตนเองต้องมาเจอแบบนี้ทั้งที่เขาไม่เคยทำอะไรให้ใครถ้าหากไม่มีใครมาทำเขาก่อน หนังตาเริ่มหนักอึ้ง หูเริ่มไม่ได้ยินเสียง ก่อนที่ร่างบางของไมค์กี้จะล้มลงแล้วหลับไปเพราะพิษไข้
“ ไมค์กี้ ไมค์กี้!!! ” เสียงคุ้นหูทำเอาหนังตาที่หนักอึ้ง ลืมตาขึ้นมาด้วยความลำบาก ก่อนที่เสียงนั้นจะพูดต่อ “ ลุกขึ้นมากินยาก่อน ”
มือหนาประคองไมค์กี้ขึ้นมา ไมค์กี้พยายามฝืนตัวเองให้นั่งแล้วมองไปรอบๆ ตัวก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องของใครสักคน แต่ยังไม่ทันที่ไมค์กี้จะถามอะไรแมกซ์ก็ยื่นยาแก้ไข้มาให้คนป่วยสองเม็ดพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้ว ซึ่งไมค์กี้ก็เอามันเข้าปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ ขอบคุณนะ ” ไมค์กี้พูดพร้อมกับยิ้มให้ร่างหนาที่กำลังประคองไมค์กี้ให้นอนลง “ แล้ว ”
“ นอนก่อนเถอะ นายไม่สบายเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ” ยังไม่ทันที่ไมค์กี้จะพูดจบประโยคแมกซ์ก็ชิงพูดขึ้นก่อน แล้วค่อยๆ ประคองไมค์กี้ให้นอนลง ไมค์กี้นอนลงอย่างว่าง่ายแล้วค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ไมค์กี้ดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่ม ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ ตัวของเขานี่เมื่อคืนเขาฝันไปหรือว่าอย่างไรสายตาของไมค์กี้ก็ต้องไปสะดุดกับร่างที่ฟุบหลับข้างเตียงข้างๆ ตัวของเขา “ แมกซ์ ” “ ตื่นแล้วหรอ? ” แมกซ์งัวเงียลุกขึ้นมาถาม “ ที่นี่ที่ไหน!? ” ไมค์กี้ถาม “ ดิสนี่แลนด์มั้ง ” แมกซ์ตอบแล้วมองหน้าไมค์กี้อย่างกวนๆ “ ถามอย่างกับนางเอกละคร ” “ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ” ไมค์กี้ถามอีกครั้ง “ คือเมื่อคืนต้องขอโทษนายแทนพวกไอตี๋ด้วยนะที่แกล้ง ” แมกซ์พูดพลางหลบตาลงอย่างสำนึกผิดความทรงจำเมื่อคืนของไมค์กี้แล่นเข้ามาในหัวอีกครั้งเมื่อเขาจำได้ว่าเขาสลบไปด้วยความหนาว...และนั่นคือความคิดวูบสุดท้าย “ เชนบอกว่าครั้งสุดท้ายบาสมาบอกพวกนายว่าฉันเฝ้างูอยู่แล้วนายก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง ” แมกซ์เล่าเหตุการณ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนเสียงมายียวน “ ลูกไม้ตื้นๆแบบนี้นายยังหลงกลอีกนะ ” “ ก็ใช่สิ ฉันมันโง่ไงเลยถูกหลอกโดนเพื่อนนายแกล้งซ้ำซาก...คนอุตส่าห์เป็นห่วง ” ไมค์กี้โวยวายจนเผลอพูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกมาเมื่อได้ยินคนตรงหน้าเย้ย “ เป็นห่วงหรอ? ” แมกซ์ย้ำ แล้วสบตากับคนที่นั่งอยู่ที่เตียงก่อนจะยิ้มหวาน “ เป็นห่วงฉันงั้นหรอ ” “ ก็ฉันไม่รู้นิว่ามันเป็นงูอะไร ก็เลยจะไปช่วยดูเฉยๆ ” ไมค์กี้บ่ายเบี่ยงคำตอบแล้วก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเห็นว่าตนเขินอายมากแค่ไหน ไมค์กี้อยู่กินอาหารเช้าในบ้านของแมกซ์แล้วรีบกลับบ้านทันที ณตอนนี้เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยจริงๆ ว่าเขานั้นมีใจให้แมกซ์เขาไม่รู้ว่าแมกซ์นั้นจะรู้ตัวหรือไม่แต่เขาต้องเก็บความลับนี้ไว้เขาไม่อยากเสียเพื่อนไปอีกคนเพราะแมกซ์ดีต่อเขามากจนไมค์กี้เองไม่อยากจะให้แมกซ์รังเกียจตนเองแต่แมกซ์เองเมื่อไมค์กี้ออกจากบ้านไปแล้วเขารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกอันที่จริงเมื่อคืนเขาไม่ได้โกรธตี๋ที่ทำร้ายเพื่อนแต่เขาโกรธที่ตนเองนั้นเผลอที่ใจให้เพื่อนใหม่มากเกินไป
มากเกินที่เพื่อนจะมีให้กันเช่นกัน!!!
แม้ว่าจะต้องนั่งร่วมกลุ่มกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าแต่ไมค์กี้ก็มีความสุขเมื่อได้ใกล้ชิดกับคนที่เขาต้องการจะอยู่ด้วยมากที่สุดการใช้ชีวิตในโรงเรียนแห่งนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องแย่เสมอไปหากต่างคนต่างอยู่และสบายใจเมื่อที่จะอยู่ใกล้ใครแมกซ์ยังนั่งกับตี๋ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ก็ไม่เป็นเหมือนดั่งเก่า
ตั้งแต่ทั้งสามคนแกล้งไมค์กี้ครั้งนั้นเจ้าตัวที่โดนแกล้งก็ไม่ได้มีท่าทีว่าโกรธแค้น เพียงแต่ทำราวกับทั้งสามไม่มีตัวตน
“ นั่งเหม่อคนเดียวอีกแล้วนะกี้? ” เชนเดินมานั่งโต๊ะม้าหินอ่อนข้างไมค์กี้ที่กำลังนั่งเล่นอยู่เพื่อรอขึ้นห้องเรียน
“ เปล่านิ! ” ไมค์กี้สดุ้งนิดๆ ก่อนจะซ่อนบางอย่างไว้แล้วนั่งทับไว้ แต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ แล้วมาหาเราแบบนี้ไม่โดนอะไรหรอ?...เราไม่อยากให้เชนเดือดร้อนเพราะเราแล้วนะ ”
“ ไม่หรอก พวกนั้นน่ะ ยังต้องใช้ประโยชน์จากเราอยู่ ” เชนตอบก่อนที่จะหยิบสมุดบางสองสามเล่มออกจากกระเป๋าซึ่งมันคือสมุดลายเซ็นผู้ปกครอง
“ ทำอะไรน่ะ?! ” ไมค์กี้ถามเมื่อเห็นผู้เป็นเพื่อนเขียนลงในสมุดที่ไม่ใช่ของตนเอง
“ อ้อพอดีว่าพวกนั้นให้เราปลอมลายเซ็นผู้ปกครองให้น่ะ...พวกมันบอกว่าเราเซนต์เหมือน แถมยังให้เราเขียนงานให้บ่อยๆ อีกด้วย คงเป็นเพราะเราปลอมลายมือเหมือนล่ะมั้ง ”
คำตอบของเชนทำเอาไมค์กี้รู้สึกสงสารจับใจเพราะคนดีๆ อย่างเชนต้องโดนแกล้งและเป็นลูกไล่เสมอแม้ว่าเขาจะไม่อยากทำก็ตาม
“ เชน ถ้านายไม่อยากทำวันหลังก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้นิ? ” ไมค์กี้พูดอย่างสงสาร
“ ไม่หรอก มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ” เชนตอบอีกครั้ง เมื่อเชนพูดเช่นนี้แล้วเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เพราะเมื่อเชนไม่เป็นไร เขาช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่เป็นกำลังใจให้เชนต่อไป
“ เราว่าได้เวลาไปเรียนกันได้แล้วล่ะ ” เชนชวนแล้วเก็บสิ่งเขาเข้ากระเป๋าเพื่อเตรียมไปเรียน
“ งั้นเชนขึ้นไปก่อนเลยนะ...เราขอไปซื้อของก่อน ” ไมค์กี้บอกกับเพื่อนก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปที่ร้านค้าของโรงเรียนแต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ ‘สมุด’
เชนเห็นสมุดเล่มหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือ หนุ่มแว่นถือวิสาสะหยิบขึ้นมาเพื่อที่จะเอาเก็บไว้แต่ก็สงสัยว่ามันคือสิ่งใด เขาเปิดดูก็พบว่าเป็นรูปวาดที่วาดด้วยลายเส้นปากกาดำเป็นการ์ตูนเด็กผู้ชายสองคน ในแต่ละหน้าคือกิจกรรมที่ทั้งสองคนทำด้วยกันในแต่ละวันเขารู้ทันทีเลยว่าคนทั้งสองที่ใช้การ์ตูนแทนตัวนั้นคือ ‘แมกซ์และไมค์กี้’
หลังเลิกเรียนไมค์กี้ลุกลี้ลุกลนคนหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า โดยที่คนอื่นออกจากห้องเรียนไปแล้วไมค์กี้ยังคงสาละวนอยู่กับการค้นหาของบางอย่าง
บางอย่างที่เป็นความลับ!!!
“ หาสิ่งนี้อยู่หรอไมค์? ” เชนพูดพร้อมกับยื่นสมุดบางอย่างให้ไมค์กี้ เจ้าตัวทำตาโตก่อนที่จะหันไปมองหน้าผู้เก็บสมุดได้ก่อนที่จะหยิบสมุดมาจากมือของเพื่อน
“ เจอมันที่ไหน?! ” ไมค์กี้ถามอย่างตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะสับเพร่าได้ถึงเพียงนี้
“ นายลืมไว้ตอนที่บอกว่าจะไปซื้อของ ” เชนตอบ
“ แล้ว..? ” ไมค์กี้กำลังจะถามต่อแต่เหมือนกับเชนจะรู้ว่าเจ้าของสมุดจะพูดอะไรจึงชิงถามขึ้นมา
“ นายชอบแมกซ์หรอ? ”
คำถามของเชนทำเอาไมค์กี้อึกอัก ไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรหรือแม้กระทั่งข้ออ้างที่จะบอกกับเพื่อน เพราะความลับทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ในสมุดหมดแล้ว
“ เราไม่ว่าหรอกนะว่านายจะเป็นอะไร หรือจะชอบใคร สมัยนี้มันก็มีเสรีภาพมากมาย แต่นายอย่าลืมสิว่าแมกซ์เป็นเพื่อนนะ!? ” เชนอธิบายแล้วจับบ่าเพื่อนอย่างเห็นใจ
“ เราก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร? เราไม่รู้ว่าถ้าแมกซ์รู้ความจริงแมกซ์จะรังเกียจเราไหม? แล้วถ้ามีคนอื่นรู้ความจริงจะเอาไปบอกแมกซ์หรือเปล่า? ” ไมค์กี้ตอบเสียงสั่น
“ หยุดเถอะนะไมค์กี้ ถ้าคนอื่นรู้ เรากลัวว่าแมกซ์กับนายจะมองหน้ากันไม่ติดเปล่าๆ ” เชนตบบ่าเพื่อนเบาๆ อย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ไมค์กี้อยู่คนเดียว พร้อมกัยสมุดที่เชนไม่ลืมที่จะวางไว้ให้
ไมค์กี้ห้ามน้ำตาของตัวเองไม่อยู่อีกครั้ง เขาไม่รู้จะทำอย่างไร เขารู้ว่ามันผิดแต่จริงอย่างที่เชนว่าถ้าเขายังทำแบบนี้อยู่ ยังไม่ห้ามใจตัวเองเขาอาจจะต้องมองหน้ากับแมกซ์ไม่ติด ในเมื่อคิดเช่นนั้นแล้วไมค์กี้จึงมีทางเดียวที่จะห้ามหัวใจตนเองคือการเลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตของแมกซ์
ตั้งแต่วันนั้นมีอีกคนที่ไมค์กี้ทำเป็นไม่มีตัวตนในสายตาคือแมกซ์ เขาใช้เวลาอยู่กับเชนมากขึ้นจนแทบจะเรียกเชนว่าเป็นเพื่อนสนิทของไมค์กี้เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าแมกซ์จะคุยหรือจะชวนไปไหนไมค์กี้ก็จะบ่ายเบี่ยงหรือถามคำตอบคำจนแมกซ์เห็นว่าไมค์กี้เริ่มสังเกตเห็นได้ชัด
ไมค์กี้เดินกลับบ้านอย่างเป็นปกติทุกวันแต่วันนี้เขากลับบ้านค่ำกว่าปกติเพราะเขาต้องอยู่ให้เชนติวหนังสือให้เพราะเป็นช่วงใกล้จะสอบ แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นแมกซ์ขี่รถจักรยานยนต์มาตัดหน้า
“ แมกซ์!!! ” ไมค์กี้เผลอกเรียกชื่อออกมาอย่างตกใจก่อนที่แมกซ์จะพูดขึ้นมา “ ขึ้นรถเดี๋ยวไปส่ง!!! ”
“ ไปไหน?...พอดีฉันรีบกลับบ้าน ” ไมค์กี้รีบตอบก่อนที่จะรีบเดินหนีออกไปให้เร็วที่สุดแมกซ์เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไป
“ นายหยุดทำแบบนี้ดีไหม? ” แมกซ์ขึ้นเสียงพร้อมกับกระชากไหล่ร่างบางให้หันมา
“ ฉันทำอะไร? ” ไมค์กี้ตอบอย่างไม่มองตา
“ อยู่ๆ นายเปลี่ยนไป นายทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน....นายเป็นอะไรโกรธฉันเรื่องอะไรก็บอกดิวะ? ”
“ นายไม่ผิดหรอก...ฉันผิดเอง ” ไมค์กี้ตอบอีกครั้งไม่กล้าหลบสายตาที่แมกซ์มองมาอย่างน่ากลัว
“ เรื่องอะไร? ” แมกซ์ถามพร้อมกับสบตาคนตรงหน้า เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบแมกซ์ก็หยิบสมุดขึ้นเล่มหนึ่งขึ้นมา “ ใช่เรื่องนี้ไหม? ”
“ นายไปเอามาจากไหน? ” ไมค์กี้ถามก่อนจะกระชากสมุดมาจากมือร่างใหญ่
“ แล้วเรื่องในสมุดนั่นหมายความว่าไง? ” แมกซ์ถามขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะจับร่างบางแล้วบีบเข้าไปที่ไหล่อย่างแรง เมื่อเห็นคนตรงหน้าเอาแต่นิ่งจึงเขย่าแรงๆ พร้อมกับขึ้นเสียง “ ตอบมาดิ๊...ตอบมา?! ”
“ ขอโทษนะ...ฉันขอโทษ!!! ” ไมค์กี้ตอบก่อนหลับตาปี๋อย่างหวาดกลัวคนตรงหน้า“ ฉันขอโทษที่ฉันชอบนายนะ จากนี้ฉันจะเลิกจะไม่คิดอะไรกับนายเกินเลยแบบนี้อีก!!! ”
“ ก็แค่เนี่ย ” แมกซ์มากระซิบข้างหูอย่างเบาๆ ทำเอาคนที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นมามองตรงหน้า
“ นายไม่ผิดหรอกไมค์...แต่มันผิดที่ฉันเอง!? ” แมกซ์พูดก่อนที่จะสวมกอดเข้าไปที่ร่างบาง “ มันผิดที่ฉันเองที่อยากฟังความจริงจากปากนาย ”
ไมค์กี้ได้แต่ยืนอึ้งทั้งมีความรู้สึกดีใจแล่นเข้ามา บัดนี้ทั้งสองคนไม่สนใจสิ่งใดรอบตัวทั้งสิ้นไม่ต้องบอกว่าทั้งสองคนนั้นต้องบอกรักกันและกัน แต่ยอมรับความรู้สึกจากใจที่ตนเองเป็นอะไรและมีความรู้สึกกับอีกคนมากแค่ไหน
เมื่อความรักที่เกิดจากคนทั้งสองคนยอมรับในตนเองและอีกคนทั้งสองก็ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ความสุขของไมค์กี้เริ่มเข้ามาอีกครั้งกับการเรียนในที่แห่งนี้ ทั้งสองไม่ต้องบอกคนอื่นว่าทั้งสองเป็นอะไรและไม่ต้องบอกว่าตนเองเป็นอะไรกันแค่มีความรักให้กันก็พอแล้ว
เหมือนทุกอย่างจะราบรื่น...เว้นแต่ว่า
“ อะไรนะเชน ไมค์กี้เป็นแฟนกับตี๋หรอ?! ” แมกซ์ถามเชนเสียงดังเมื่อ เชนเอาข่าวที่น่าตกใจมาบอกแมกซ์
“ ใช่ เราก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละ ” เชนตอบ ด้วยสีหน้าที่ตกใจไม่แพ้กับคนตรงหน้า
ความรู้สึกทั้งหมดประเดประดังเข้ามาในใจของแมกซ์ เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ไมค์กี้ก็เป็นแฟนกับตี๋ แต่เขาก็เถียงไม่ได้ว่าเขาเป็นแฟนกับไมค์กี้มาก่อนเพราะตลอดเวลาทั้งสองคนก็ไม่เคยบอกเหมือนกันว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกัน
ที่นั่งของแมกซ์จากที่เคยนั่งกลับตี๋ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาต้องไปนั่งกับเชนและไมค์กี้ต้องไปนั่งกับตี๋ แมกซ์เองได้แต่เจ็บปวดที่เห็นคนรักของตนเองหักหลังกับเขาเช่นนี้ แต่เขาเองก็หาโอกาสไปคุยอะไรกับไมค์กี้สองต่อสองไม่ได้เพราะตี๋คอยไปรับไปส่งไมค์กี้ทั้งยังทำตัวติดไมค์กี้ตลอดเวลาและไมค์กี้เองก็กลับมาทำเมินเหมือนกับแมกซ์ไม่มีตัวตนอีกครั้ง
และวันเกิดของไมค์กี้ก็มาถึง แมกซ์เองเตรียมของขวัญให้กับไมค์กี้เช่นเดียวกับที่ตี๋เตรียมการเซอร์ไพต์ไมค์กี้ที่ศาลากลางน้ำของโรงเรียนในตอนเย็น แมกซ์รู้แผนการทั้งหมดที่ตี๋จะเซอร์ไพต์ไมค์กี้ว่าจะเป็นอย่างไร จึงแอบไปดักรอไมค์กี้ที่ศาลากลางน้ำก่อนที่แฟนตัวจริงของเจ้าของวันเกิดจะมา
“ ไมค์กี้ ” แมกซ์เรียกไมค์กี้ที่กำลังรอตี๋จะมาหาตนโดยไม่รู้ว่ามีเซอร์ไพต์อะไร
“ แมกซ์!? ”
“ ฉันเอาของขวัญมาให้ ” แมกซ์พูดพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญสีแดงให้กับแมกซ์
“ ขอโทษนะ...แต่ฉันไม่เอา!!! ” ไมค์กี้ตอบพร้อมกับนั่งรอที่ที่นั่งของศาลากลางน้ำ
“ นายบอกฉันหน่อยได้ไหม...ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนายอีกทำไมนายต้องทำเหมือนกับฉันไม่มีตัวตนอีกครั้ง? ” แมกซ์ขึ้นเสียง
“ พอเหอะ...แมกซ์ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายเลย ฉันขอโทษอีกครั้งแล้วกันถ้าหากว่าทำอะไรให้นายคิดว่าเราเป็นอะไรกัน! ” ไมค์กี้ตอบเสียงเย็น
“ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคือฉันคิดไปเองใช่ไหม? ” แมกซ์พูดพร้อมกับกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ
“ จะให้พูดตามตรงแบบนั้นก็ใช่ ” ไมค์กี้พูด ก่อนที่แมกซ์จะกระแทกกล่องของขวัญลงข้างตัวของไมค์กี้ก่อนที่จะเดินออกไป แล้วหันมาพูดกับไมค์กี้เป็นครั้งสุดท้าย
“ งั้นก็ขอให้โชคดีนะ ”
....................................................................................................................
“ พอเช้าวันต่อมาก็ได้ยินข่าวว่าไมค์กี้ตายเพราะจมน้ำ เพราะกระโดดลงไปเอาของขวัญของฉันที่ตกน้ำ อย่างไรซะมันก็เป็นความผิดของฉันเองเพราะถ้าไม่ใช่ของขวัญนั่นตกลงไปในน้ำไมค์กี้คงไม่กระโดดลงไป ” แมกซ์คิดถึงเหตุการณ์ทุกอย่างในอดีตแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย ในตอนนี้ความรู้สึกผิดของเขาเข้ามาเกาะกินทั่วทั้งจิตใจ
“ แต่จะว่าไป ศพของไมค์กี้จับกล่องของขวัญแน่นมากเมื่อตำรวจเขาเอาขึ้นมาจากน้ำ นายไม่สงสัยอะไรหน่อยหรอ ทั้งๆ ที่ไมค์ก็ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็ยังจะกระโดดลงไปเก็บของเนี่ยนะ?! ” เชนตั้งคำถามแล้วมองไปยังเพื่อนอย่างสงสัย
“ ไม่ล่ะ ...ฉันไม่คิดละ เพราะคงเป็นความผิดของฉันเอง ”
“ งั้นก็แสดงว่านายไม่สงสัยอะไรแล้วสินะ? ”
“ ใช่ ” แมกซ์ตอบ “ เพียงแต่ตอนนี้ฉันคิดว่าไมค์กี้คงแค้นที่ตอนที่เข้ามาใหม่ๆ พวกเราแกล้งเขา
“ แต่ฉันไม่ได้แกล้งอะไรเลยนะ? ” เชนพูดพลางมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัวก่อนที่จะมองไปที่พระในกำมือตอนนี้คงมีแค่เพียงแค่ที่หวังทางใจเท่านั้นก่อนที่จะเอามันมาสวมเข้าทีคอ
สายตาหนึ่งที่มองมาที่เชนอย่างอาฆาต...ไม่มีอะไรที่กูจะทำไม่ได้อีกแล้ว!!!!
ความลับในสมุด
ไมค์กี้นั่งกอดเข่าหลังพิงประตู ร่างเปียกนั่งหนาวสั่นสะท้านด้วยความหนาวจากที่ตากฝนตอนที่นั่งรอแมกซ์ช่วยขนของอยู่ข้างล่าง แล้วตอนนี้เขายังต้องมานั่งรอปอดบวมโดยไม่รู้ว่าจะออกจากห้องอย่างไร ความรู้สึกหนักหัวเริ่มจะเป็นปวดจนเขารู้สึกได้ว่าบัดนี้ร่างกายของเขาไม่ปกติแน่นอน น้ำตาแห่งความเค้นใจและน้อยใจไหลรินออกมาเมื่อคิดว่าทำไมตนเองต้องมาเจอแบบนี้ทั้งที่เขาไม่เคยทำอะไรให้ใครถ้าหากไม่มีใครมาทำเขาก่อน หนังตาเริ่มหนักอึ้ง หูเริ่มไม่ได้ยินเสียง ก่อนที่ร่างบางของไมค์กี้จะล้มลงแล้วหลับไปเพราะพิษไข้
“ ไมค์กี้ ไมค์กี้!!! ” เสียงคุ้นหูทำเอาหนังตาที่หนักอึ้ง ลืมตาขึ้นมาด้วยความลำบาก ก่อนที่เสียงนั้นจะพูดต่อ “ ลุกขึ้นมากินยาก่อน ”
มือหนาประคองไมค์กี้ขึ้นมา ไมค์กี้พยายามฝืนตัวเองให้นั่งแล้วมองไปรอบๆ ตัวก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องของใครสักคน แต่ยังไม่ทันที่ไมค์กี้จะถามอะไรแมกซ์ก็ยื่นยาแก้ไข้มาให้คนป่วยสองเม็ดพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้ว ซึ่งไมค์กี้ก็เอามันเข้าปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ ขอบคุณนะ ” ไมค์กี้พูดพร้อมกับยิ้มให้ร่างหนาที่กำลังประคองไมค์กี้ให้นอนลง “ แล้ว ”
“ นอนก่อนเถอะ นายไม่สบายเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ” ยังไม่ทันที่ไมค์กี้จะพูดจบประโยคแมกซ์ก็ชิงพูดขึ้นก่อน แล้วค่อยๆ ประคองไมค์กี้ให้นอนลง ไมค์กี้นอนลงอย่างว่าง่ายแล้วค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ไมค์กี้ดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่ม ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆ ตัวของเขานี่เมื่อคืนเขาฝันไปหรือว่าอย่างไรสายตาของไมค์กี้ก็ต้องไปสะดุดกับร่างที่ฟุบหลับข้างเตียงข้างๆ ตัวของเขา “ แมกซ์ ” “ ตื่นแล้วหรอ? ” แมกซ์งัวเงียลุกขึ้นมาถาม “ ที่นี่ที่ไหน!? ” ไมค์กี้ถาม “ ดิสนี่แลนด์มั้ง ” แมกซ์ตอบแล้วมองหน้าไมค์กี้อย่างกวนๆ “ ถามอย่างกับนางเอกละคร ” “ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ” ไมค์กี้ถามอีกครั้ง “ คือเมื่อคืนต้องขอโทษนายแทนพวกไอตี๋ด้วยนะที่แกล้ง ” แมกซ์พูดพลางหลบตาลงอย่างสำนึกผิดความทรงจำเมื่อคืนของไมค์กี้แล่นเข้ามาในหัวอีกครั้งเมื่อเขาจำได้ว่าเขาสลบไปด้วยความหนาว...และนั่นคือความคิดวูบสุดท้าย “ เชนบอกว่าครั้งสุดท้ายบาสมาบอกพวกนายว่าฉันเฝ้างูอยู่แล้วนายก็รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง ” แมกซ์เล่าเหตุการณ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนเสียงมายียวน “ ลูกไม้ตื้นๆแบบนี้นายยังหลงกลอีกนะ ” “ ก็ใช่สิ ฉันมันโง่ไงเลยถูกหลอกโดนเพื่อนนายแกล้งซ้ำซาก...คนอุตส่าห์เป็นห่วง ” ไมค์กี้โวยวายจนเผลอพูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกมาเมื่อได้ยินคนตรงหน้าเย้ย “ เป็นห่วงหรอ? ” แมกซ์ย้ำ แล้วสบตากับคนที่นั่งอยู่ที่เตียงก่อนจะยิ้มหวาน “ เป็นห่วงฉันงั้นหรอ ” “ ก็ฉันไม่รู้นิว่ามันเป็นงูอะไร ก็เลยจะไปช่วยดูเฉยๆ ” ไมค์กี้บ่ายเบี่ยงคำตอบแล้วก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเห็นว่าตนเขินอายมากแค่ไหน ไมค์กี้อยู่กินอาหารเช้าในบ้านของแมกซ์แล้วรีบกลับบ้านทันที ณตอนนี้เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยจริงๆ ว่าเขานั้นมีใจให้แมกซ์เขาไม่รู้ว่าแมกซ์นั้นจะรู้ตัวหรือไม่แต่เขาต้องเก็บความลับนี้ไว้เขาไม่อยากเสียเพื่อนไปอีกคนเพราะแมกซ์ดีต่อเขามากจนไมค์กี้เองไม่อยากจะให้แมกซ์รังเกียจตนเองแต่แมกซ์เองเมื่อไมค์กี้ออกจากบ้านไปแล้วเขารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกอันที่จริงเมื่อคืนเขาไม่ได้โกรธตี๋ที่ทำร้ายเพื่อนแต่เขาโกรธที่ตนเองนั้นเผลอที่ใจให้เพื่อนใหม่มากเกินไป
มากเกินที่เพื่อนจะมีให้กันเช่นกัน!!!
แม้ว่าจะต้องนั่งร่วมกลุ่มกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าแต่ไมค์กี้ก็มีความสุขเมื่อได้ใกล้ชิดกับคนที่เขาต้องการจะอยู่ด้วยมากที่สุดการใช้ชีวิตในโรงเรียนแห่งนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องแย่เสมอไปหากต่างคนต่างอยู่และสบายใจเมื่อที่จะอยู่ใกล้ใครแมกซ์ยังนั่งกับตี๋ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ก็ไม่เป็นเหมือนดั่งเก่า
ตั้งแต่ทั้งสามคนแกล้งไมค์กี้ครั้งนั้นเจ้าตัวที่โดนแกล้งก็ไม่ได้มีท่าทีว่าโกรธแค้น เพียงแต่ทำราวกับทั้งสามไม่มีตัวตน
“ นั่งเหม่อคนเดียวอีกแล้วนะกี้? ” เชนเดินมานั่งโต๊ะม้าหินอ่อนข้างไมค์กี้ที่กำลังนั่งเล่นอยู่เพื่อรอขึ้นห้องเรียน
“ เปล่านิ! ” ไมค์กี้สดุ้งนิดๆ ก่อนจะซ่อนบางอย่างไว้แล้วนั่งทับไว้ แต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ แล้วมาหาเราแบบนี้ไม่โดนอะไรหรอ?...เราไม่อยากให้เชนเดือดร้อนเพราะเราแล้วนะ ”
“ ไม่หรอก พวกนั้นน่ะ ยังต้องใช้ประโยชน์จากเราอยู่ ” เชนตอบก่อนที่จะหยิบสมุดบางสองสามเล่มออกจากกระเป๋าซึ่งมันคือสมุดลายเซ็นผู้ปกครอง
“ ทำอะไรน่ะ?! ” ไมค์กี้ถามเมื่อเห็นผู้เป็นเพื่อนเขียนลงในสมุดที่ไม่ใช่ของตนเอง
“ อ้อพอดีว่าพวกนั้นให้เราปลอมลายเซ็นผู้ปกครองให้น่ะ...พวกมันบอกว่าเราเซนต์เหมือน แถมยังให้เราเขียนงานให้บ่อยๆ อีกด้วย คงเป็นเพราะเราปลอมลายมือเหมือนล่ะมั้ง ”
คำตอบของเชนทำเอาไมค์กี้รู้สึกสงสารจับใจเพราะคนดีๆ อย่างเชนต้องโดนแกล้งและเป็นลูกไล่เสมอแม้ว่าเขาจะไม่อยากทำก็ตาม
“ เชน ถ้านายไม่อยากทำวันหลังก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้นิ? ” ไมค์กี้พูดอย่างสงสาร
“ ไม่หรอก มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ” เชนตอบอีกครั้ง เมื่อเชนพูดเช่นนี้แล้วเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เพราะเมื่อเชนไม่เป็นไร เขาช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่เป็นกำลังใจให้เชนต่อไป
“ เราว่าได้เวลาไปเรียนกันได้แล้วล่ะ ” เชนชวนแล้วเก็บสิ่งเขาเข้ากระเป๋าเพื่อเตรียมไปเรียน
“ งั้นเชนขึ้นไปก่อนเลยนะ...เราขอไปซื้อของก่อน ” ไมค์กี้บอกกับเพื่อนก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปที่ร้านค้าของโรงเรียนแต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ ‘สมุด’
เชนเห็นสมุดเล่มหนึ่งเล็กเท่าฝ่ามือ หนุ่มแว่นถือวิสาสะหยิบขึ้นมาเพื่อที่จะเอาเก็บไว้แต่ก็สงสัยว่ามันคือสิ่งใด เขาเปิดดูก็พบว่าเป็นรูปวาดที่วาดด้วยลายเส้นปากกาดำเป็นการ์ตูนเด็กผู้ชายสองคน ในแต่ละหน้าคือกิจกรรมที่ทั้งสองคนทำด้วยกันในแต่ละวันเขารู้ทันทีเลยว่าคนทั้งสองที่ใช้การ์ตูนแทนตัวนั้นคือ ‘แมกซ์และไมค์กี้’
หลังเลิกเรียนไมค์กี้ลุกลี้ลุกลนคนหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า โดยที่คนอื่นออกจากห้องเรียนไปแล้วไมค์กี้ยังคงสาละวนอยู่กับการค้นหาของบางอย่าง
บางอย่างที่เป็นความลับ!!!
“ หาสิ่งนี้อยู่หรอไมค์? ” เชนพูดพร้อมกับยื่นสมุดบางอย่างให้ไมค์กี้ เจ้าตัวทำตาโตก่อนที่จะหันไปมองหน้าผู้เก็บสมุดได้ก่อนที่จะหยิบสมุดมาจากมือของเพื่อน
“ เจอมันที่ไหน?! ” ไมค์กี้ถามอย่างตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะสับเพร่าได้ถึงเพียงนี้
“ นายลืมไว้ตอนที่บอกว่าจะไปซื้อของ ” เชนตอบ
“ แล้ว..? ” ไมค์กี้กำลังจะถามต่อแต่เหมือนกับเชนจะรู้ว่าเจ้าของสมุดจะพูดอะไรจึงชิงถามขึ้นมา
“ นายชอบแมกซ์หรอ? ”
คำถามของเชนทำเอาไมค์กี้อึกอัก ไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรหรือแม้กระทั่งข้ออ้างที่จะบอกกับเพื่อน เพราะความลับทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ในสมุดหมดแล้ว
“ เราไม่ว่าหรอกนะว่านายจะเป็นอะไร หรือจะชอบใคร สมัยนี้มันก็มีเสรีภาพมากมาย แต่นายอย่าลืมสิว่าแมกซ์เป็นเพื่อนนะ!? ” เชนอธิบายแล้วจับบ่าเพื่อนอย่างเห็นใจ
“ เราก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร? เราไม่รู้ว่าถ้าแมกซ์รู้ความจริงแมกซ์จะรังเกียจเราไหม? แล้วถ้ามีคนอื่นรู้ความจริงจะเอาไปบอกแมกซ์หรือเปล่า? ” ไมค์กี้ตอบเสียงสั่น
“ หยุดเถอะนะไมค์กี้ ถ้าคนอื่นรู้ เรากลัวว่าแมกซ์กับนายจะมองหน้ากันไม่ติดเปล่าๆ ” เชนตบบ่าเพื่อนเบาๆ อย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทิ้งให้ไมค์กี้อยู่คนเดียว พร้อมกัยสมุดที่เชนไม่ลืมที่จะวางไว้ให้
ไมค์กี้ห้ามน้ำตาของตัวเองไม่อยู่อีกครั้ง เขาไม่รู้จะทำอย่างไร เขารู้ว่ามันผิดแต่จริงอย่างที่เชนว่าถ้าเขายังทำแบบนี้อยู่ ยังไม่ห้ามใจตัวเองเขาอาจจะต้องมองหน้ากับแมกซ์ไม่ติด ในเมื่อคิดเช่นนั้นแล้วไมค์กี้จึงมีทางเดียวที่จะห้ามหัวใจตนเองคือการเลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตของแมกซ์
ตั้งแต่วันนั้นมีอีกคนที่ไมค์กี้ทำเป็นไม่มีตัวตนในสายตาคือแมกซ์ เขาใช้เวลาอยู่กับเชนมากขึ้นจนแทบจะเรียกเชนว่าเป็นเพื่อนสนิทของไมค์กี้เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าแมกซ์จะคุยหรือจะชวนไปไหนไมค์กี้ก็จะบ่ายเบี่ยงหรือถามคำตอบคำจนแมกซ์เห็นว่าไมค์กี้เริ่มสังเกตเห็นได้ชัด
ไมค์กี้เดินกลับบ้านอย่างเป็นปกติทุกวันแต่วันนี้เขากลับบ้านค่ำกว่าปกติเพราะเขาต้องอยู่ให้เชนติวหนังสือให้เพราะเป็นช่วงใกล้จะสอบ แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นแมกซ์ขี่รถจักรยานยนต์มาตัดหน้า
“ แมกซ์!!! ” ไมค์กี้เผลอกเรียกชื่อออกมาอย่างตกใจก่อนที่แมกซ์จะพูดขึ้นมา “ ขึ้นรถเดี๋ยวไปส่ง!!! ”
“ ไปไหน?...พอดีฉันรีบกลับบ้าน ” ไมค์กี้รีบตอบก่อนที่จะรีบเดินหนีออกไปให้เร็วที่สุดแมกซ์เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไป
“ นายหยุดทำแบบนี้ดีไหม? ” แมกซ์ขึ้นเสียงพร้อมกับกระชากไหล่ร่างบางให้หันมา
“ ฉันทำอะไร? ” ไมค์กี้ตอบอย่างไม่มองตา
“ อยู่ๆ นายเปลี่ยนไป นายทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน....นายเป็นอะไรโกรธฉันเรื่องอะไรก็บอกดิวะ? ”
“ นายไม่ผิดหรอก...ฉันผิดเอง ” ไมค์กี้ตอบอีกครั้งไม่กล้าหลบสายตาที่แมกซ์มองมาอย่างน่ากลัว
“ เรื่องอะไร? ” แมกซ์ถามพร้อมกับสบตาคนตรงหน้า เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบแมกซ์ก็หยิบสมุดขึ้นเล่มหนึ่งขึ้นมา “ ใช่เรื่องนี้ไหม? ”
“ นายไปเอามาจากไหน? ” ไมค์กี้ถามก่อนจะกระชากสมุดมาจากมือร่างใหญ่
“ แล้วเรื่องในสมุดนั่นหมายความว่าไง? ” แมกซ์ถามขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะจับร่างบางแล้วบีบเข้าไปที่ไหล่อย่างแรง เมื่อเห็นคนตรงหน้าเอาแต่นิ่งจึงเขย่าแรงๆ พร้อมกับขึ้นเสียง “ ตอบมาดิ๊...ตอบมา?! ”
“ ขอโทษนะ...ฉันขอโทษ!!! ” ไมค์กี้ตอบก่อนหลับตาปี๋อย่างหวาดกลัวคนตรงหน้า“ ฉันขอโทษที่ฉันชอบนายนะ จากนี้ฉันจะเลิกจะไม่คิดอะไรกับนายเกินเลยแบบนี้อีก!!! ”
“ ก็แค่เนี่ย ” แมกซ์มากระซิบข้างหูอย่างเบาๆ ทำเอาคนที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นมามองตรงหน้า
“ นายไม่ผิดหรอกไมค์...แต่มันผิดที่ฉันเอง!? ” แมกซ์พูดก่อนที่จะสวมกอดเข้าไปที่ร่างบาง “ มันผิดที่ฉันเองที่อยากฟังความจริงจากปากนาย ”
ไมค์กี้ได้แต่ยืนอึ้งทั้งมีความรู้สึกดีใจแล่นเข้ามา บัดนี้ทั้งสองคนไม่สนใจสิ่งใดรอบตัวทั้งสิ้นไม่ต้องบอกว่าทั้งสองคนนั้นต้องบอกรักกันและกัน แต่ยอมรับความรู้สึกจากใจที่ตนเองเป็นอะไรและมีความรู้สึกกับอีกคนมากแค่ไหน
เมื่อความรักที่เกิดจากคนทั้งสองคนยอมรับในตนเองและอีกคนทั้งสองก็ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ความสุขของไมค์กี้เริ่มเข้ามาอีกครั้งกับการเรียนในที่แห่งนี้ ทั้งสองไม่ต้องบอกคนอื่นว่าทั้งสองเป็นอะไรและไม่ต้องบอกว่าตนเองเป็นอะไรกันแค่มีความรักให้กันก็พอแล้ว
เหมือนทุกอย่างจะราบรื่น...เว้นแต่ว่า
“ อะไรนะเชน ไมค์กี้เป็นแฟนกับตี๋หรอ?! ” แมกซ์ถามเชนเสียงดังเมื่อ เชนเอาข่าวที่น่าตกใจมาบอกแมกซ์
“ ใช่ เราก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละ ” เชนตอบ ด้วยสีหน้าที่ตกใจไม่แพ้กับคนตรงหน้า
ความรู้สึกทั้งหมดประเดประดังเข้ามาในใจของแมกซ์ เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ไมค์กี้ก็เป็นแฟนกับตี๋ แต่เขาก็เถียงไม่ได้ว่าเขาเป็นแฟนกับไมค์กี้มาก่อนเพราะตลอดเวลาทั้งสองคนก็ไม่เคยบอกเหมือนกันว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกัน
ที่นั่งของแมกซ์จากที่เคยนั่งกลับตี๋ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาต้องไปนั่งกับเชนและไมค์กี้ต้องไปนั่งกับตี๋ แมกซ์เองได้แต่เจ็บปวดที่เห็นคนรักของตนเองหักหลังกับเขาเช่นนี้ แต่เขาเองก็หาโอกาสไปคุยอะไรกับไมค์กี้สองต่อสองไม่ได้เพราะตี๋คอยไปรับไปส่งไมค์กี้ทั้งยังทำตัวติดไมค์กี้ตลอดเวลาและไมค์กี้เองก็กลับมาทำเมินเหมือนกับแมกซ์ไม่มีตัวตนอีกครั้ง
และวันเกิดของไมค์กี้ก็มาถึง แมกซ์เองเตรียมของขวัญให้กับไมค์กี้เช่นเดียวกับที่ตี๋เตรียมการเซอร์ไพต์ไมค์กี้ที่ศาลากลางน้ำของโรงเรียนในตอนเย็น แมกซ์รู้แผนการทั้งหมดที่ตี๋จะเซอร์ไพต์ไมค์กี้ว่าจะเป็นอย่างไร จึงแอบไปดักรอไมค์กี้ที่ศาลากลางน้ำก่อนที่แฟนตัวจริงของเจ้าของวันเกิดจะมา
“ ไมค์กี้ ” แมกซ์เรียกไมค์กี้ที่กำลังรอตี๋จะมาหาตนโดยไม่รู้ว่ามีเซอร์ไพต์อะไร
“ แมกซ์!? ”
“ ฉันเอาของขวัญมาให้ ” แมกซ์พูดพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญสีแดงให้กับแมกซ์
“ ขอโทษนะ...แต่ฉันไม่เอา!!! ” ไมค์กี้ตอบพร้อมกับนั่งรอที่ที่นั่งของศาลากลางน้ำ
“ นายบอกฉันหน่อยได้ไหม...ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนายอีกทำไมนายต้องทำเหมือนกับฉันไม่มีตัวตนอีกครั้ง? ” แมกซ์ขึ้นเสียง
“ พอเหอะ...แมกซ์ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายเลย ฉันขอโทษอีกครั้งแล้วกันถ้าหากว่าทำอะไรให้นายคิดว่าเราเป็นอะไรกัน! ” ไมค์กี้ตอบเสียงเย็น
“ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคือฉันคิดไปเองใช่ไหม? ” แมกซ์พูดพร้อมกับกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ
“ จะให้พูดตามตรงแบบนั้นก็ใช่ ” ไมค์กี้พูด ก่อนที่แมกซ์จะกระแทกกล่องของขวัญลงข้างตัวของไมค์กี้ก่อนที่จะเดินออกไป แล้วหันมาพูดกับไมค์กี้เป็นครั้งสุดท้าย
“ งั้นก็ขอให้โชคดีนะ ”
....................................................................................................................
“ พอเช้าวันต่อมาก็ได้ยินข่าวว่าไมค์กี้ตายเพราะจมน้ำ เพราะกระโดดลงไปเอาของขวัญของฉันที่ตกน้ำ อย่างไรซะมันก็เป็นความผิดของฉันเองเพราะถ้าไม่ใช่ของขวัญนั่นตกลงไปในน้ำไมค์กี้คงไม่กระโดดลงไป ” แมกซ์คิดถึงเหตุการณ์ทุกอย่างในอดีตแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย ในตอนนี้ความรู้สึกผิดของเขาเข้ามาเกาะกินทั่วทั้งจิตใจ
“ แต่จะว่าไป ศพของไมค์กี้จับกล่องของขวัญแน่นมากเมื่อตำรวจเขาเอาขึ้นมาจากน้ำ นายไม่สงสัยอะไรหน่อยหรอ ทั้งๆ ที่ไมค์ก็ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็ยังจะกระโดดลงไปเก็บของเนี่ยนะ?! ” เชนตั้งคำถามแล้วมองไปยังเพื่อนอย่างสงสัย
“ ไม่ล่ะ ...ฉันไม่คิดละ เพราะคงเป็นความผิดของฉันเอง ”
“ งั้นก็แสดงว่านายไม่สงสัยอะไรแล้วสินะ? ”
“ ใช่ ” แมกซ์ตอบ “ เพียงแต่ตอนนี้ฉันคิดว่าไมค์กี้คงแค้นที่ตอนที่เข้ามาใหม่ๆ พวกเราแกล้งเขา
“ แต่ฉันไม่ได้แกล้งอะไรเลยนะ? ” เชนพูดพลางมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัวก่อนที่จะมองไปที่พระในกำมือตอนนี้คงมีแค่เพียงแค่ที่หวังทางใจเท่านั้นก่อนที่จะเอามันมาสวมเข้าทีคอ
สายตาหนึ่งที่มองมาที่เชนอย่างอาฆาต...ไม่มีอะไรที่กูจะทำไม่ได้อีกแล้ว!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ