Second Love หยุดรักไม่ได้พี่ชายสุดหล่อ

-

เขียนโดย iam_meme

วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 18.38 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,585 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2558 18.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

second love หยุดรักไม่ได้พี่ชายสุดหล่อ


บทนำ
“พ่อกับแม่ไม่อยู่สองเดือนนะจ้ะลูกรัก เนื่องจากที่บริษัทของพ่อมีการจัดสัมมนาที่ญี่ปุ่นเลยให้พกคนติดตามไปหนึ่งคน แม่เลยอาศัยโอกาสนี้ถือเป็นการฮันนี่มูนไปเลย แม่ทิ้งเงินไว้ให้ลูกจำนวนหนึ่งซึ่งแม่คิดว่าน่าจะพอกับทั้งสองเดือน แล้วก็แม่กลัวลูกจะเหงา เห็นว่าลูกชายของเพื่อนแม่เขาจะบินมาไทยแม่ไม่อยากให้เขาเสียค่าที่พักมากก็เลยจะให้มาอยู่กับลูกน้ะจ้ะ ดูแลพี่เขาดีดีด้วยล่ะ บายจ้าลูกรัก อีกสองเดือนเจอกันนะจ๊ะ”
ฉันปิดจดหมายลงพร้อมหน้าตาที่เรียบเฉย “ฮันนีมูนหรอรอบที่เท่าไรของปีแล้วคะคุณแม่” พร้อมพูดกับตัวเองด้วยความเคยชิน และยังเอาใครหน้าไหนไม่รู้จะมาพักบ้านฉันอีก ให้ตายเถอะเบื่อชีวิตจริงๆ
--ติ๊ง—
‘เห้ยแก ดูนี่ดิ’ ยัยปลาส่งเมจเสจมาหาฉัน
--ติ๊ง—
คราวนี้มันส่งรูปมาเนื่องจากสามจีฉันช้านิดๆ ต้องรอโหลด ภาพค่อยๆขึ้นมาทีละนิดๆ จน... นะ..นี่มันหมายความว่าไงกัน ทำไม... ตอนนี้น้ำตาฉันไหลพรากไปหมดแล้วเมื่อเห็นรูปแฟนของตังเองมีเพสสัมพันธ์ลึกซึงอยู่กับ...ใช่สมาชิกในกลุ่มของฉัน ทั้งๆที่เรารักกันมากแต่ทำไม...

ฉันหยุดร้องไห้มาได้สักพัก แต่เดี๋ยวมันก็คงยังกลั้นใจไม่อยู่ร้องขึ้นมาอีกแฟนของฉันไม่สิตอนนี้เขาคงไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปแล้ว ฉันขอเรียกมันว่า “ไอ้เลวๆๆๆๆๆ” ไอ้เลวคนนี้มันมีชื่อว่า จิม หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมัน หน้าตาดีนิสัยคุณหนูที่คบกับฉันมาได้ปีครึ่งแล้ว และคนที่เพศสัมพันธ์ในรูปกับเขาก็คือ...เพื่อนสนิท(ตอนนี้คืออดีต) เธอมีชื่อว่าเจลเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้กับฉัน กลุ่มของฉันมีด้วยกันอยู่สามคนก็คือ ตัวฉันเอง ปลาและเจล แต่ตอนนี้เจลคงไม่ใช่เพื่อนฉันอีกต่อไป ฉันหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาพร้อมปลดล็อกหน้าจอเสร็จสรรพ แต่ทว่า..มันยังค้างอยู่ที่รูปการมีเพศสัมพันธ์ของเพื่อนชั่วๆกับผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง ฉันรีบกดออกไม่ยั้งมือและตัดสินใจเข้าไปที่โปรแกรมแชทของฉัน
‘เจลต่อไปนี้เราขาดกัน’ ฉันส่งข้อความไปหาอดีตเพื่อนและไม่ลืมที่จะส่งต่อไปที่คนเลวๆอีกคน
‘นายมันเลวมาก เราเลิกกัน’ ถึงฉันไม่สวยไม่ใช่ผู้หญิงที่เพอร์เฟ็คแต่ถ้ามีผู้ชายแบบนี้คนเดียวในโลกฉันก็ไม่คบให้โง่หรอก
..กริ๊งงง เสียงออดที่บ้านดังขึ้นมา
...กริ๊งๆๆๆๆ “เออๆ รู้แล้ว”
ฉันเดินไปเปิดประตูพร้อมปาดคาบน้ำตาของตัวเอง คนที่มากดออดเป็นคนที่ฉันกำลังรออยู่พอดี
“เห้ยแกเป็นไรมากป้ะวะ อย่าไปคิดมากนนะเว้ยผู้ชายเฮงซวยอย่างนั้นน่ะแล้วก็เพื่อนชั่วๆแบบนั้นด้วย” ใช่และคนที่ฉันรออยู่และรู้ว่า ณ ตอนนี้ฉันต้องการเขาที่สุดคือ..ยัยปลา ตอนนี้พ่อกะแม่ฉันไปต่างประเทศปลาก็เป็นที่พึ่งสุดท้ายเนี่ยล่ะ ฉันยังไม่ตอบอะไรมากมายแต่ยัยปลาก็ขัดขึ้นมาก่อน
“นี่แกไม่ร้องไห้เลยหรอ ฉันนี่ร้องแทนแกเลยนะ”
“ร้องสิ แต่ร้องจนไม่เหลือน้ำตาแล้วเนี่ย” ใช่และมันคือความจริงร้องจนไม่เหลือน้ำตาไว้ชาติหน้าแล้วเนี่ย “แล้วแกอยู่กับใครอ่ะ”
“อยู่คนเดียวพ่อกับแม่ฉันไปสัมมนาต่างประเทศแต่แม่บอกว่าเดี่ยวจะมีผู้ชายมานอนที่บ้านด้วย”
“ห้ะ นอนที่บ้านกับแกเนี่ยนะ เป็นสาวเป็นแซ่นะแก ถ้าเกิดมันคิดไม่ซื่อขึ้นมาจะทำไงล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้อารมณ์ความเกลียดผู้ชายของฉันปรอทมันได้แตกไปแล้วถ้าเกิดหมอนั่นคิดจะทำอะไรฉันขึ้นมาจริงๆ หมอนั่นได้ตายก่อนเรียนจบแน่ที่สำคัญแม่ฉันบอกว่าหมอนั่นน่ะเป็นลูกชายของเพื่อนแม่จะบินมาไทยน่ะคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“ถ้าแกคิดอย่างนั้นฉันก็สบายใจ”
“แกนี่เหมาะกับเป็นเพื่อนแนจริงๆ”

1
กริ๊งๆ... เสียงออดดังทำให้ฉันกับยัยปลาที่นั่งดูซีรี่ย์เกาหลีเรื่องใหม่ต้องมองหน้าพร้อมกัน
“งั้นเราไปเปิดประตูด้วยกันมั้ยเผื่อเป็นโจรโรคจิตจะได้ช่วยกันเตะช่วยกันต่อย” ยัยปลาเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน “โจรโรคจิตที่ไหนจะมากดออดหน้าบ้านฮะ แอบทุบกระจกเข้ามาเลยไม่ดีกว่าหรอ” ฉันเสริมนิดๆ
พวกเราตัดสินใจเดินไปเปิดประตูพร้อมกัน ยัยปลาแอบหยิบสากมาด้วยแหละ แต่ทว่า ... พอเปิดประตูออกมากลับเป็นชายหนุ่มรูปงามในชุดที่เหมือน..เพิ่งกลับจากต่างประเทศ เสื้อโค้ตสีน้ำตาลเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกางเกงสีน้ำตาลรองเท้าหนังขัดเงาอย่างดีที่ดูแล้วราคาไม่ใช่ถูกๆแน่ แต่อะไรก็ไม่สะดุดตาเท่ากับ ดวงตาสีเฮเซลและดูตี๋ๆแบบบอกไม่ถูก ใบหน้าขาวใส เรียวปากกระชับสีชมพูน้ำหวาน ใช่แล้ว..มันเป็นใบหน้าที่ใครหลายๆคนอยากจะได้มันมาครอบครอง ยกเว้นฉัน..ที่สภาพหน้าแห้งซีดเซียวกับรอยคาบน้ำตาที่ยังไม่พร้อมรับความรักใหม่จจากใครในนตอนนี้ และดูเหมือนยัยปลาจะตกหลุมรักชายหนุ่มปริศนาคนนี้ไม่น้อย
“เอ่อ..นี่ใช่บ้านของน้องพราวหรือเปล่าครับ” หลังจากที่เราสองคนจ้องคนตรงหน้าอยู่นานสองนาน เขาก็พูดอะไรขึ้นมานิดหน่อย อะแฮ่ม “..”...
“ใช่แล้วค่ะ มีอะไหรอคะ” ยัยปล่าแย่งฉันพูด!!ยัยนี่คงหลงตาผู้ชายตรงหน้าจนเคลิ้มแล้วสินะ
“คุณคือเจ้าของบ้านหลังนี้หรอครับ” คนตรงหน้าที่ทำสีหน้าเหมือนเหนื่อยใจถามขึ้นมา
“มะไม่ใช่ค่ะ ฉันคือเพื่อนของเจ้าของบ้านค่ะ ส่วนเจ้าของบ้านอยู่หลังฉันค่ะ” พอยัยปลาพูดจบมันก็ดันตัวฉันขึ้นมาพร้อมส่งสายตาเหมือนแบบ เฮ้ยแกคนนี่หล่อว่ะ ฉันขอนะฉันขอ อะไรประมาณนั้น
“อะเอ่อ ค่ะฉันเจ้าของบ้าน” ฉันตอบสั้นๆแบบไม่คิดอะไรมาก “คือผมคือลูกของเพื่อนของคุณแม่ของคุณครับ ที่บอกว่าจะให้มาอยู่เป็นเพื่อนกับคุณ” ประโยคนี้ทำให้ฉันจำได้ว่าจะมีคนมาอยู่บ้านด้วยแต่ไม่คิดว่าจะหน้าตาดีขนาดนี้
“อ่อ ฉันเตรียมห้องไว้แล้วค่ะ” ฉันไม่ได้พูดอะไรมากนักอีกรอบแต่เหมือนลืมอะไรบางอย่าง มันเหมือนเป็นมารยาทที่ต้องทำ เอ๊ะ นี่ฉันลืมอะไรเนี่ย
“ผมชื่อ คาเรท ชินอิจิ คุโรมาจิ มาจากประเทศญี่ปุ่นเป็นลูกครึ่งไทย อเมริกัน ญี่ปุ่น ผมจบมัธยมจากญี่ปุ่นจะเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยของไทยครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เอ่อใช่ฉันลืมสิ่งนี้นี่เองง
“เอ่อ..ฉันชื่อ พริ้มพราว เป็นลูกสาวเจ้าของบ้านค่ะ” เอ่อ..โคตรสั้นเลย
“ส่วนฉันชื่อ ปลา ปิรันยา พิพัฒทรงกุล เป็นเพื่อนของพริ้มพราวค่ะ พวกเราอยู่มอหก โรงเรียนนานาชาติ...” ฉันปิดปากยัยปลาเพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดเรื่องส่วนตัวของเรา “เอาเป็นว่าเชิญขึ้นไปพักบนห้องเลยดีกว่าค่ะ”

“นะ...นี่แก พกกระเป๋าลากเข้ามาบ้านฉันทำไม” ฉันถามคนตรงหน้าที่รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนของฉันที่พกกระเป๋าใบยักษ์เข้ามาบ้านฉัน “ก็ฉันจะมาอยู่ที่นี่กับแกไง เผื่อพี่คาเรทเค้าทำอะไรแกขึ้นมาฉันจะได้ช่วยทันไง” เชื่อมากค่ะ “พอๆฉันรู้ทันแกนะ” ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อมากดีซะอีกที่ยัยปลามานอนเป็นเพื่อนฉันและดูจากกระเป๋าที่มันพกมาแล้วดูที่จะมาค้างทั้งสองเดือนเลยที่มันมาค้างยาวนานแบบนี้ได้น่ะ เพราะพ่อแม่ของยัยปลาเสียชีวิตตั้งแต่มันเด็กๆ โชคดีที่มันมีพี่สี่คนและมันเป็นน้องสุดท้องจึงถูกตามใจเป็นพิเศษ “แล้วนี่แกจะทำข้าวให้ฉันกับพี่คาเรทกินได้ยังฮะ” แหมๆทำมาเปลี่ยนเรื่อง ฉันเดินไปห้องครัวที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่คุยกันเมื่อกี้ไม่เยอะและเปิดตู้เย็นเพื่อจะเลือกวัตถุดิบในการทำอาหารแต่ทว่า... หาย ไม่มี ถูกขโมย ตู้เย็นฉันมันถูกสับเปลี่ยนกับของข้างบ้านหรือไงกัน ทำไมมันว่างเปล่าขนาดนี้ “แกทำหน้าเหวอหวาอย่างนั้นหมายความว่าไงน่ะพราว” ยัยปลาที่เหมือนจะรู้ตัวพูดทักฉันขึ้นมา “ตู้เย็นฉันตอนนี้มมันมีแค่น้ำเปล่าแล้วล่ะ” ใช่แล้วมันมีแค่น้ำเปล่าจริงๆ “งั้นให้พี่ขับรถไปซื้อให้ไหมล่ะตอนพี่อยู่ญี่ปุ่นน่ะพี่ทำอาหารเองทุกวันเลยนะ”

ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่รถเบนต์คันหรูหราของพี่คาเรทเพื่อจะไปซูปเปอร์มาเก็ตเนี่ยล่ะ แต่ยัยปลาไม่ได้มาด้วยหรอกนะมันบอกว่าค้างทำรายงายอาจารย์อยู่จะขอทำที่บ้าน แต่แนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถึงพวกเราจะเรียนนานาชาติกันแต่อาจารย์ก็โหดไม่น้อยนะจะบอกให้ แต่รายงานชิ้นนั้นน่ะเราคู่กันฉันทำส่วนของฉันเสร็จตั้งแต่วันแรกที่อาจารย์สั่งแล้วล่ะ ตอนนี้ดูเหมือนจะถึงซูปเปอร์มาเก็ตแล้วล่ะ ซูปเปอร์มาเก็ตที่นี่ค่อนข้างใหญ่นะเนื่องจากอยู่ในตัวเมืองเลย เมื่อก่อนฉันก็ชอบมาหาข้าวเย็นที่นี่กับ... ไม่เอาสิพริ้มพราวเราจะไม่นึกถถึงมันอีก คนคนนั้นน่ะทำเราเจ็บมามากพอแล้ว อย่าไปสนใจคนพรรค์นั้นเลย

เราเดินซื้อของด้วยกันอยู่พักหนึ่งของที่นี่ราคาไม่แพงเท่าไร “น้องพราวอยากได้อะไรอีกไหมครับ” พี่คาเรทเป็นคนอาสาเลือกเนื้อเลือกผักเอง เห็นพี่เค้าบอกว่าตอนเรียนที่ญี่ปุ่นอาจารย์สอนเกี่ยวกับเรื่องการเลือกซื้อของพวกนี้อยู่ ฉันเชื่อใจพี่เขานะเพราะพี่เขาดูๆแล้วก็ไม่ได้เป็นคนเลวอะไร
“สรุปน้องพราวจะเอาอะไรอีกมั้ยครับ” ยึ๋ยมัวแต่นอกเรื่องจนลืมตอบพี่คาเรทเลยหรอเรา “เอาขนมกินเล่นอีกสักสองสามห่อก็พอค่ะ” แต่ก็แค่คำตอบธรรมดาๆของฉันทำไมพี่คาเรทต้องแอบยิ้มและขำในใจเล็กๆด้วยนะ “น้องพราวนี่ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นจริงๆ” หือ อะไรกันเนี่ย “ไม่เหมือนตรงไหนหรอคะ” ฉันถามพี่คาเรทหน้าตาใสซื่อมากๆ “ปกติถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นๆก็จะบอกว่าเกรงใจเพราะพี่เป็นคนจ่ายหรือกลัวอ้วนหรือสารพัด จนพี่ต้องบอกว่าไม่เป็นไร เอาไปเถอะแต่กับน้องพราวพี่ไม่ต้องพูดมากอะไรขนาดนั้นเลย น่ารักแบบนี้พี่ชอบมากๆเลย” //O=O// มะ..หมายความว่าไงกันนะ
“คุณจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะพราว” แต่อยู่ๆก็มีผู้ชายร่างสูงที่ฉันรู้จักดีโวยวายขึ้นมา“คุณจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะพราว...หึ ทุเรศ ไปนอนกับผู้หญิงอื่นแล้วมาพูดแบบนี้น่ะทุเรศที่สุดเลยรู้มั้ย” ฉันพยายามชะงักอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ให้โมโหไปมากกว่านี้ แต่คนที่ดูจะงงๆคือคนที่อยู่ข้างๆฉัน พี่คาเรทนั่นเอง
“พะ..พราว คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ” หมอนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆหรอไง ฉันเปิดโทรศัพท์พร้อมรูปที่ยัยปลาส่งให้ดูเมื่อเช้าแล้วเขวี้ยงโทรศัพท์ใส่คนตรงหน้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าเค้าต้องรับได้ คนตรงหน้ารับโทรศัพท์ฉันได้และไม่รอที่จะดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดอยู่ตอนนี้แล้วสีหน้าของหมอนั่นก็ดูอึ้งๆกันไปเลยทีเดียว “นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงนะครับพราวผมสาบานได้” หงุดหงิดเว้ยยย ไม่ยอมรับความจริงสักทีสินะ “เอาคลิปมั้ยล่ะ ฉันมีนะ” แต่คำพูดของฉันครั้งนี้ทำเอาคนตรงข้ามดูเสียหน้าไม่น้อย
“คือพี่สาบานได้ว่าวันนั้นพี่เมามากและน้องเจลเขาก็แต่งตัวแบบที่ว่าคนไม่เมาก็เกิดอารมณ์ได้ พี่สัญญานะพราวว่าพี่จะไม่กับไปทำอะไรแบบนั้นอีก ให้โอกาสพี่นะพราว พี่รู้นะว่าพราวก็ยังรักพี่อยู่เหมือนกัน ถ้าเรายังรักกันอยู่เราก็...”
...ป้าบบ พลัวะ!! เสียงตบจากฝีมือฉันดังมาก และดังมากพอจนทำให้พนักงานแคชเชียร์หันมามองและรีบหันกลับไปแต่คนที่อยู่ข้างๆฉันดูตกใจไม่น้อย แต่คนตรงหน้าฉันสิ...แค่นี้เจ็บหรอ “ทุเรศ นายไม่ได้รักฉันแต่พี่แค่ไม่อยากให้ฉันไปรักใครนายเลยยั้งฉันไว้ต่างหาก ฉันไม่ใช่กระดาษทิชชู่นะที่ใช้เสร็จก็ทิ้ง นายคงสนุกมากสินะ และก็ฉันไม่ได้คิดอะไรกับนายแล้วด้วย และเนี่ย แฟนใหม่ฉัน ชื่อพี่คาเรท หล่อกว่านาย รวยกว่านายที่สำคัญนะ นิสัยดีกว่านายด้วย นายน่ะ มันไม่เหมาะกับผู้หญิงบนโลกนี้หรอก”
“หึ แผนนี้คิดจะหรอกพี่ได้หรอ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แฟนของพราวหรอก”
“นี่แหละ แฟนของฉัน นายมีปัญหาอะไรเหรอ” ฉันกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ห้ามไม่ให้มันออกมา ไม่งั้นเขาจะต้องรู้แน่ๆว่าฉันเสียใจมากๆกลับเรื่องนี้ “จูบให้ดูสิ ว่าไงล่ะ รักกันจริงก็จูบให้ดูสิ” ฉันหันไปมองหน้าพี่คาเรทที่ตอนนี้สีหน้าพี่เขาจะดูเหมือนหงุดหงิดไม่น้อยและพี่เขาก็หันมาสบตาฉันเหมือนกันและ... เรียวปากสีชมพูน้ำหวานนิ่มก็เข้ามาสัมผัสที่ริมฝีปากของฉัน เป็นการสัมผัสที่หนักมากและเป็นการจูบที่สิบวิยังไม่ปล่อย ฉันปล่อยอารมณ์ตามสถานการณ์ไปเพราะอยากให้มันเนียนที่สุด และไม่นานมากพี่คาเรทก็ปล่อยสัมผัสหนักๆและหันไปมองคนที่ตาค้างอยู่แล้วพูดว่า “คราวนี้เชื่อแล้วใช่มั้ยล่ะ”
และตอนนี้อีตาจิมเหมือนจะสลบค้างตาไปแล้วม้างงง “ไปกันเถอะน้องพราว” ฉันเดินตามหลังพี่คาเรทไปแบบเขินๆ ไม่ให้เขินได้ไงล่ะ คนหน้าตาดีขนาดยองฮวาชิดซ้ายขนาดนี้มาจูบฉันไม่เขินก็บ้าแล้ว ฉันเชื่อนะ ถ้าพี่เค้าไปจูบผู้ชายที่ห้องฉัน ผู้ชายที่ห้องฉันยังเขินเลย

ฉันนั่งอยู่ในรถในสภาพที่เงียบมากกกกก ไม่มีใครยอมเสียสละพูดก่อนเลยหรือว่าพี่เขาเองก็เขินเหมือนกันนะ เอาล่ะใครไม่พูดฉันพูดเองก็ได้วะ !!
“เขินเหรอไง ทำไมไม่พูดอะไรเลย” แต่แล้วคนข้างๆฉันก็พูดขึ้นมา แต่เป็นประโยคที่ฉันไม่อยากจะตอบเลย ตอบไงดีละวะ ถ้าไม่ตอบเค้าก็จะคิดว่าเราเขินแน่ๆเลย แต่ถ้าบอกว่าเขินไม่ก็ไม่ใช่เรื่องอีก โอ๊ยยยย หัวใจจะระเบิด “ปะ..ปล่าวค่ะ ขะ..ขอบคุณนะคะ ที่ชะ..ช่วย ฉะ..ฉัน” คำตอบของฉันเหมือนจะทำให้คนถามขำในลำคอนิดๆ โอ๊ยยย อีตานี่หยุดทำให้คนเพิ่งอกหักมีความรักใหม่ได้ไหมฮะ //OO//

君のこと全部 わかってあげたいけど
(อยากให้เธอรับรู้ ว่าฉันเข้าใจเธอทุกอย่าง)
辛くても ごまかす いつも笑顔で
(แม้เธอจะซ่อนความเสียใจไว้บนใบหน้าที่ยิ้มแย้มเสมอมา)
but I know 涙を こらえてるね ずっと
(ฉันรู้ว่าเธอต้องอดทนกลั้นน้ำตาไว้เสมอ)
その胸が壊れそうな くらい
(ภายในใจนั้น ที่มีความมืดแหลกสลายอยู่)
***เพลง your best friend ของ mai kuraki

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา