Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย
9.1
เขียนโดย Kreota
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
30 ตอน
3 วิจารณ์
29.17K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) การลงทุนมีความเสี่ยง [1]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-4-
การลงทุนมีความเสี่ยง [1]
(ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน)
[พรุ่งนี้เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงไว้เลยยัยอ้อย]
[ให้ฉันไปรับไหมโบ จะได้มาโรงเรียนพร้อมกัน] เหมยบอกด้วยน้ำเสียงห่วงใย
โฮกกก TOT นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับฉัน ไม่จริงใช่ไหม #ร้องไห้หนักมาก
“เฮ้ย! ไม่มีไรหรอกมั้ง” ฉันก็พูดไปงั้นแหละ ที่จริงใจมันเตลิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว T^T
[ฉันไม่ได้พูดเล่นนะโบ] เหมยตอบกลับมาแบบจริงจัง
[เฮ้ยๆ นังเหมยพอแล้วน่า ไซโคจนมันหางจุกตูดแล้วน่ะ] อ๋องพูดแทรกขึ้นมา [งั้นแค่นี้ก่อนแล้วกันโปรโทรฟรีจะหมดละ ทำใจไว้รอเลยยัยอ้อย]
หลังจากล่ำลากันเรียบร้อยฉันก็ถูกปล่อยทิ้งไว้กับกับความรู้สึกกลัว สมองเจ้ากรรมนี่ก็จินตนาการไปต่างๆ นาๆ กับสิ่งที่ (อาจ) จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
“คุณนะคุณ!! ไม่น่าทำตัวแบบนี้เลย”
“เอาอีกแล้วนะ คุยกันไปคุยกันมาวกกลับเรื่องนี้อีกแล้ว รำคาญ!!!”
ระหว่างที่ฉันกำลังลังเลว่าจะเปิดคอมเข้าไปเช็คเรทติ้งของตัวเองดีไหม ก็มีเสียงพ่อกับแม่ดังขึ้นมาถึงชั้นบน แต่ไม่ต้องตกใจค่ะนี่เป็นเรื่องปกติของบ้านนี้
ที่จริงบ้านฉันไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอก มันเป็นบ้านที่อบอุ่นแล้วก็น่าอยู่เหมือนครอบครัวอื่นๆ แต่มันเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อ 6 ปีก่อนตอนที่พี่โบลิ่ง พี่สาวแท้ๆ ของฉันหนีออกจากบ้านเพื่อตามหาความฝัน...พี่เขาเรียนเก่งมากพ่อกับแม่ก็เลยหมายมั่นอยากให้เป็นหมอ แต่พี่โบชอบทางด้านศิลปะมากกว่าก็เลยหนีออกจากบ้านไปอยู่กับป้าที่เมืองนอก นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านสักที แต่พี่เขาส่งเงินมาไม่เคยขาด (แถมส่งมาเยอะๆ ทุกครั้ง) แต่เพราะพ่อกับแม่โกรธมากก็เลยไม่ยอมแตะเงินก้อนนั้นเลย มีแค่ฉันที่แอบไปแตะมันบ้างเวลาค่าขนมไม่พอ
เรื่องนี้พี่ก็รู้ดีว่าพ่อกับแม่ไม่ยอมรับเงินแต่ก็ยังขยันส่งมาให้เรื่อยๆ จนเงินในบัญชีมากพอที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ได้แล้ว ถ้าพ่อกับแม่ลดทิฐิลงบ้างป่านนี้คงไม่ต้องมานั่งเปิดร้านขายของชำอยู่แบบนี้หรอก ได้ไปนั่งไขว่ห้างดูหนังในบ้านหรูๆ สบายใจเฉิบไปแล้ว เฮ้อ...
ฉันรู้นะว่าพ่อกับแม่ทุกคนก็อยากเห็นลูกของตัวเองได้ดีก็เลยชอบวางอนาคตไว้ให้ แต่ถ้าเกิดลูกเลือกทางเดินของตัวเองแล้วพบว่ามันไปได้ดี ก็น่าจะยอมรับการตัดสินใจแล้วก็คอยสนับสนุนไม่ดีกว่าหรอ?...นี่แค่คิดนะ ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี U_U;
หลายคนคงสงสัยว่าพี่โบลิ่งทำงานอะไรทำไมถึงมีเงินเยอะแยะขนาดนี้ส่งกลับบ้าน พี่ฉันเป็นดีไซเนอร์ของเครื่องประดับแบรนด์ดังในฝรั่งเศสค่ะ กรี๊ดๆๆ >O<!! ฉันตื่นเต้นและตื้นตันมากๆ ตอนที่รู้ข่าว แต่อากับกิริยาของพ่อกับแม่ไม่ได้ปลื้มปริ่มอะไรกับฉันเลย แต่ก็ช่างเถอะฉันปลื้มคนเดียวก็ได้
วันดีคืนดีก็จะมีกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับกล่องเบ้อเริ่มส่งมาที่บ้าน ที่ฉันปลื้มที่สุดก็ตอนวันเกิดของฉัน ฉันกรี๊ดบ้านแทบแตกที่พี่โบลิ่งส่งกระเป๋า Limited edition มาให้ แต่ด้วยความเห่อมากเกินไปเลยถือกระเป๋าไปโรงเรียนด้วย สรุปคือ...หายจ้า TOT ครั้งนั้นโดนพี่โบลิ่งสวดซะหูชา ฉันก็เลยไม่เคยเอาอะไรที่เป็นของแบรนด์เนมไปโรงเรียนอีกทั้งที่มีมันอยู่เต็มบ้าน
จะว่าไปฉันก็อยากทำตัวหรูๆ เหมือนพวกยัยแมทธ์แล้วก็เด็กนักเรียนคนอื่นๆ เหมือนกันนะ แต่พอนึกถึงกระเป๋าใบที่หายไปแล้วฉันก็นึกเสียใจทุกที ก็เลยทำตัวโลโซใช้ของคลองถมไปนี่แหละดีสุด!
พอพูดถึงพี่แล้วเพลินเลยนะเนี่ย (ความหมายคือถ้าพูดถึงตัวเองแล้วไม่ค่อยมีอะไรดีเท่าไหร่ =_=;) ฉันควรจะรีบลงไปห้ามศึกนี้ไว้ก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้มากกว่านะ
“พ่อแม่ เสียงดังจนลอยไปปากซอยแล้ว” ฉันเดินลงมาเกาะที่เชิงบันไดเพื่อปรามพ่อกับแม่ที่อารมณ์กำลังพุ่งพล่านไปด้วยคำว่า ‘วัยทอง’
“ก็ไม่ให้พ่อโมโหได้ไงล่ะโบ คุยกันอยู่ดีๆ วกเข้าเรื่องหนี้อีกละ” พี่รีบฟ้องฉันทันที
“ก็ฉันกังวลนี่คุณ วันนี้มันตามลูกไปถึงโรงเรียน ดีนะที่ลูกไม่เป็นอะไร ถ้ามีครั้งหน้าแล้วลูกหนีไม่รอดจะเป็นยังไง”
...แม่คะ ที่จริงมันหลายครั้งแล้วค่ะ (ฉันคิด -_-;)
“คุณก็อย่าตีตนไปก่อนไข้หน่อยเลย อีกอย่างผมก็กังวลไม่น้อยไปกว่าคุณหรอก! อย่าทำให้กังวลไปมากกว่านี้ได้ไหม”
“เอ่อ...เราเป็นหนี้เขาเท่าไหร่หรอคะ ทำไมเขาถึงตามยิกๆ เลย” ฉันถามแทรกขึ้น ทำให้พ่อกับแม่หันควับมามองฉันก่อนจะก้มหน้าลงทั้ง 2 คน
“โบไม่ต้องรู้หรอกลูก มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่”
“ก็มีแต่พูดแบบนี้แหละ เรื่องของผู้ใหญ่! เรื่องของผู้ใหญ่! ถ้า เด็กอย่างโบ ไม่เกี่ยวอะไรด้วย แล้วทำไมโบถึงโดนไล่ตามทวงหนี้ที่โรงเรียนด้วยล่ะคะ!” ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดต่อ
“โบอายุ 18 แล้วนะคะ เรียนใกล้จบจนจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว คำว่า เด็ก ที่พูดๆ กันมาเนี่ยมันเป็นเพราะว่าโบยังเรียนอยู่รึเปล่า แล้วน้องหนิงลูกอากุ้งที่บ้านอยู่ท้ายซอยตั้งท้อง มีสามีตั้งแต่อายุ 15 คืออะไรล่ะคะ ทำไมเขาถึงตั้งท้องได้ล่ะในเมื่อเขาก็อายุยังน้อยอยู่...”
“โบ...แม่แค่ไม่อยากให้ลูกต้องกังวลกับเรื่องนี้ แม่อยากให้ลูกตั้งใจเรียนมากกว่า” แม่เดินเข้ามาโอบพร้อมกับลูกศีรษะฉันเบาๆ
“แต่ถ้าพ่อกับแม่ยังเป็นแบบนี้อยู่โบก็ไม่เป็นอันเรียนเหมือนกันนะคะ โบคิดว่าเราควรจะแชร์สิ่งที่เป็นไปในบ้านแล้วก็ค่อยๆ ช่วยกันแก้จะไม่ดีกว่าหรอ” ฉันพูดทั้งที่ยังซบแม่อยู่
“โธ่...ลูกแม่” แม่กระชับอ้อมกอดเข้ามาอีก ตัวของแม่สั่นนิดๆ ทำให้ฉันรู้ว่าแม่กำลังร้องไห้อยู่
“พ่อขอโทษลูก พ่อผิดไปแล้ว...” พ่อยังคงก้มหน้าอยู่ท่าเดิม ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา “ถ้าตอนนั้นพ่อไม่ติดการพนันพ่อก็คงไม่ไปกู้เงินท่านปริญญ์...”
“เท่าไหร่คะ?” ฉันผละออกจากแม่แล้วเดินไปยืนอยู่ต่อหน้าพ่อ
“ยะ...ยี่สิบ สะ...สองล้าน” พ่อพูดตะกุกตะกัก แต่พอจับใจความได้เข่าฉันแทบทรุด!
22 ล้าน...22 ล้านนน!!! คุณพระ! ฉันคิดว่าสักล้าน สองล้าน ฉันจะได้ใช้เงินในบัญชีที่พี่โบลิ่งโอนมาใช้หนี้ให้ แต่นี่ 22 ล้านเชียว!!!
“พ่อ...เอาเงินเขามาได้ยังไงตั้งยี่สิบสองล้าน!” ฉันถามพร้อมกับความรู้สึกปวดตุบๆ อยู่ที่หว่างคิ้ว ตอนนี้เหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ
“พ่อขอโทษลูก...พ่อขอโทษ”
“แบบนี้ต้องบอกพี่โบลิ่...”
“ไม่!!! / ไม่!!!” พ่อกับแม่ประสานเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียงทั้งที่เมื่อกี๊เพิ่งจะทะเลาะกันอยู่หยกๆ
“แม่ไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากลูกเนรคุณคนนั้นหรอก” แม่พูดแล้วเดินกระทืบเท้าขึ้นไปชั้นบน ส่วนพ่อยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแต่ถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างโกรธจัด
เอี๊ยด...
จู่ๆ ก็มีเสียงล้อรถบดถนนที่หน้าร้าน พ่อถึงกับสะดุ้งตัวลุกขึ้นจากที่นั่งทันที
“โบ ถ้ามีคนถามหาพ่อบอกว่าพ่อไปต่างจังหวัดนะ!” พ่อบอกแล้วรีบวิ่งออกไปหลังร้าน ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะทำใจดีสู้เสือเดินออกไป
ที่หน้าร้านมีบิ๊กไบค์สีขาวดูราคาแพงหูฉีกจอดอยู่คันหนึ่ง คงเป็นเสียงของเจ้านี่แหละที่ทำเอาพ่อตกอกตกใจ แต่เอ๊ะ! พวกทวงหนี้สมัยนี้ขับมอเตอร์ไซหรูขนาดนี้มาทวงเงินแล้วหรอเนี่ย?
กร๊อบแกร๊บ!
ระหว่างที่ฉันกำลังพิจารณาบิ๊กไบค์อยู่ ก็มีเสียงรื้อของอยู่ในร้าน เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าพวกมันจะเข้ามาพังร้าน!...ไม่ได้การล่ะ ต้องตามคนมาช่วย!!
ฉันแอบย่องเข้าไปหลังร้าน ทั้งพ่อและแม่ก็เงียบกริบเหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน ถ้าเกิดฉันเรียกหาแม่พวกมันต้องรู้ตัวแน่ๆ ทำไงดี...
ต้องไปดูก่อนว่ามันมากันกี่คน!
ฉันค่อยๆ ย่องกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับคว้าไม้กวาดติดมือมาด้วย เผื่อเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นอย่างน้อยๆ จะได้มีอะไรป้องกันตัว
ฉันค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ชั้นวางที่มีใครบางคนกำลังเลือกของอยู่อย่างเงียบเชียบ มันมาคนเดียวพอรับมือไหว...เอาล่ะเตรียมตัวนะโบอิ้ง! ย๊ากกก!! (เงื้อมือขึ้นเตรียมฟาดเต็มที่)
“...อันนี้อันละเท่าไหร่ครับ” ผู้ชายคนนั้นหันมาพร้อมกับของเล่นกล่องเล็กๆ ในมือ มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันเงื้อไม้กวาดขึ้นพร้อมตี! สภาพของฉันก็เลยค้างอยู่ท่านั้น -[ ]-!
“ปาว!!! / เธอ!!” ฉันกับปาวร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน
ซวยละตรู...ท่าทางตอนนี้มันพร้อมจะทำร้ายเขามากเลย >.<
“เธอ...กำลังจะทำอะไรฉันเนี่ย” ปาวมองหน้าฉันกับไม้กวาดสลับกัน
“ปะ เปล่านะ...ฉะ ฉันไม่ได้ทำอะไรนาย กะ..กำลังจะ...จะ...กวาดหยากไย่ต่างหาก” ฉันพูดพร้อมกับทำท่าปัดไม้กวาดไปมาบนชั้นวางของที่อยู่ใกล้ๆ
“หรอ...นึกว่าจะแก้แค้นเรื่องเมื่อตอนบ่ายซะอีก” ปาวถอนหายใจ เออ...ฉันลืมไปเลยว่าวันนี้เกือบดั้งหักเพราะเขา
“แล้วเป็นไงบ้าง ดีขึ้นยัง” ปาวถามต่อก่อนที่ความเงียบจะคืบคลานเข้ามาเข้าได้
“อ๋อ ก็ดี๊...ปกติดีแล้ว”
“อืม...ตกลงอันนี้อันละเท่าไหร่” ปาวชูของเล่นกล่องเดิมขึ้นมาให้ดูอีกครั้ง
“กล่องละ 10 บาท”
“จริงหรอ! ถูกจัง มีอีกไหมฉันอยากได้ 150 ชิ้น”
“มีสิอยู่หลังร้าน ว่าแต่...นายจะเอาไปทำไรเยอะแยะ” ฉันถามกลับแต่เพราะความเงียบแปลกๆ ก็เลยทำให้ฉันรู้ตัวว่าถามมากไป พอหันไปมองปาวก็เห็นว่าเขากำลังขมวดคิ้วมองฉันอยู่ คงกำลังคิดว่า ‘ทำไมยัยนี่ถามเยอะจัง’ อะไรแบบนี้สินะ U.U
“เดี๋ยวฉันไปเอามาให้ รอแป๊บนึงนะ” ฉันบอกแล้วเดินมาหลังร้าน
ฟู่~ หายใจไม่ออกโว้ยยย ได้คุยกันตามลำพังแบบนี้เขินชะมัด ว่าแต่...เขาทำไมมาซื้อของร้านฉันได้ล่ะ บังเอิญจัง...เอ๋ หรือจะเรียกว่าพรหมลิขิตดีนะ ^///^
ฉันจัดการนับของใส่ถุงให้เขาจนครบ 150 ชิ้นแล้วแบกถุงกลับเข้าร้าน ระหว่างที่แบกไปก็แอบได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่
“ได้ของแล้ว...มีอย่างที่เธอบอกจริงๆ ด้วย ขับรถผ่านทางนี้บ่อยๆ ไม่เคยสังเกตว่ามีร้านนี้เลย...อืม...โอเค เดี๋ยวตามไป...จ้ะ...” น้ำเสียงฟังดูอ่อนหวานจนฉันนึกอิจฉาปลายสายจับใจ...แต่ก็ได้แค่คิดน่ะนะ เหวี่ยงใส่เขาก็คงไม่ได้เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน T^T
“ครบแล้ว” ฉันวางของไว้บนเคาน์เตอร์คิดเงิน ปาวก็เลยเดินตามมาที่เคาน์เตอร์
“ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเป็นร้านเธอ” ปาวชวนคุยขณะที่ฉันกำลังคิดเงินอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ
“อ๋อ รู้แล้วก็มาอุดหนุนบ่อยๆ สิ ^^” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขายิ้มๆ แต่เขากลับนิ่งไปซะเฉยๆ ฉันก็เลยก้มลงมากดเครื่องคิดเลขต่อ
โอ้ย! ยัยโบ สาดมุขแบบนั้นไปเขาก็ตกใจสิ!...รุกเบาๆ แกอย่ารุกหนัก! >////<
“ทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยบาท”
“อืม” ปาวรับคำแล้วควักเงินสดออกมาจากกระเป๋าอย่างง่ายดาย เฮ้ย! เงินตั้ง 1,500 จ่ายง่ายๆ ขนาดนั้นเลย แสดงว่ารวยใช้ได้เลยนะเนี่ย ฉันได้เงินไปโรงเรียนไม่กี่ร้อยเอง Y.Y
“เอาใบเสร็จไหม” ฉันถาม เผื่อเป็นงานของโรงเรียนจะได้เอาไปใช้เบิกเงินทีหลังได้ คือ...พยายามจะรู้ให้ได้ว่าเขาซื้อไปทำอะไร แค่รู้ว่าซื้อไปใช้งานโรงเรียนหรือว่าใช้ส่วนตัวก็พอใจแล้ว
“ไม่เป็นไร...งั้นเดี๋ยว คราวหน้ามาอุดหนุนใหม่แล้วกัน” ปาวบอกแล้วถือของออกไปที่รถ
เฮ้ย!...เมื่อกี๊ หมายความว่า เขาจะมาหาฉันอีกใช่ไหม >///< (มโน =_=)
วันนี้ฉันต้องรีบตื่นแต่เช้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่แล้วถ่อสังขารมาโรงเรียน เพื่ออะไรน่ะหรอ? เพื่อมาหมกตัวอยู่ในห้องเรียนน่ะเซ่! ขืนฉันมาสายตามปกติของตัวเองมีหวัง โดนจิกเป็นรูพรุนจนไม่ได้เคารพธงชาติแน่ๆ แต่...ที่จริงก็มาไม่เคยทันน่ะนะ =_=;
“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกยาวๆ พร้อมกับเกยคางไว้บนโต๊ะ พอคิดถึงหนี้ที่พ่อติดท่านปริญญ์นั่นแล้วมันรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาทันทีทันใดจนไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย ถ้าท่านปริญญ์ที่พ่อพูดถึงนั่นหน้าตาเหมือนพี่หมาก-ปริญญ์ ฉันจะยอมไปขัดดอกแต่โดยดี (-.,-) แต่นี่อายุปาเข้าไป 50 แล้วอายุมากกว่าพ่อแม่ฉันอีก เฮ้อ...คิดแล้วยิ่งมืดแปดด้าน
พอเริ่มสายหน่อยเพื่อนๆ ก็เริ่มทยอยมาโรงเรียน แล้วมันก็เป็นจริงอย่างเหมยกับอ๋องเตือน แต่ละคนที่เดินผ่านหน้าห้องมองเข้ามาเหมือนฉันเอาอุนจิวางไว้บนหัวยังไงยังงั้น เพื่อนร่วมห้องของฉันก็พากันจับกลุ่มคุยกันแล้วก็ชำเลืองมองเป็นระยะๆ ไม่ได้บ่งบอกเลยว่ากำลังนินทาฉันอยู่ =_=;
“ว่าไงจ้ะแม่คนดัง” อ๋องเดินมานั่งที่ด้วยท่าทางสบายๆ โอ้ย! ฉันคิดถึงแกมากเลยอ๋อง ดีใจจริงๆ ที่แกมาได้สักที T^T
“ดูทำสายตาเข้า มองฉันจนจะกลายเป็นผู้ชายเหมือนเดิมแล้วเนี่ยนังอ้อย!”
“ฉันดีใจไง ในที่สุดก็มีเพื่อนสักที...แกรู้ไหมฉันนั่งอยู่คนเดียวอึดอัดมาก” ประโยคสุดท้ายฉันป้องปากกระซิบกับอ๋อง
“เฮ้อ...อ่ะ ฉันให้แม่เอาข้าวใส่กล่องมาให้ มาแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม” อ๋องวางกล่องข้าวลายคิตตี้ลงที่โต๊ะของฉัน
“ใช่ หิวมาก TOT”
“งั้นก็กินสิ มองตาละห้อยอยู่นั่นมันจะไหลเข้าปากแกได้เองไหม”
“ขอบใจนะ” ฉันโผเข้าไปกอดอ๋องแน่น รักนายจังอ๋องน้อยของฉัน T^T
“เล่นใหญ่เกินไปละ รีบๆ กินเข้า อ้อยอิ่งอยู่ได้เดี๋ยวก็ได้เข้าแถวแล้วเนี่ย” อ๋องน้อยผลักฉันออกแล้วเปิดกล่องข้าวให้เสร็จสรรพ ฉันก้มหน้าก้มตากินอย่างหิวโหยเพราะว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อคืนก็กินมาม่าเป็นมื้อเย็นเพราะว่าพ่อก็ไม่อยู่บ้าน แม่ก็โกรธจัดจนไม่ยอมออกจากห้องฉันก็เลยต้องหาเลี้ยงชีพตามยถากรรม T^T
*******************************************************
อัพแล้วจ้าตอนที่ 4
:: ไม่อยากจะเอ่ยว่าไรท์อยากซ้อนบิ๊กไบค์ปาวมากกกกกก ฮ่าๆๆๆ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า เร็วๆ นี้จ้า
*******************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ