Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย

9.1

เขียนโดย Kreota

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.

  30 ตอน
  3 วิจารณ์
  29.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

30) ความรักกับความลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

-30-

ความรักกับความลับ

 

 

            “เธอมีอะไรรึเปล่า”  ผมถาม เพราะตอนนี้ผมเหนื่อย (ใจ) เกินกว่าที่จะคุยหรือต่อปากต่อคำกับใคร

            [แหม ไม่ได้คุยกันตั้งนาน ปาวถามแมทธ์แบบนี้หรอ แทนที่จะถามว่าสบายดีไหมหรือว่าอะไรทำนองนี้]

            “แมทธ์!”

            [โอเค เข้าเรื่องก็ได้ แมทธ์แค่สงสัยว่าปาวคิดยังไงกับยัยโบอิ้ง]

            “ทำไม”

            [ก็แค่เห็นไปไหนมาไหนก็ต้องมียัยโบอิ้งไปด้วยตลอด ทำแบบนี้มันหักหน้าแมทธ์ชัดๆ เลยนะ]

            “หักหน้ายังไง”

            [ก็เรา...]

            “ถ้าจะเอาเรื่องเมื่อก่อนมาพูดอีกล่ะก็...พอเถอะแมทธ์”  ผมพูดดักเอาไว้ก่อนที่แมทธ์จะได้เอ่ยปาก  “เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว อีกอย่างฉันคิดว่าครอบครัวเราสองคนก็เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรอ ว่าธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ เรื่องแต่งงานก็อีกเรื่องหนึ่ง”

            [แต่เมื่อก่อน ปาวไม่ได้เป็นแบบนี้ เรื่องของเรามันเริ่มเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่ปาวเจอยัยโบอิ้ง...ไม่สิ ตั้งแต่เจอยัยน่านถึงจะถูก]

            ผมสะอึกไปเมื่อแมทธ์พูดถึงชื่อนั้น น่าน เป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมรัก เป็นคนแรกที่ทำให้ผมเจ็บปวดและเป็นคนแรกที่ทำให้ผมเสียเพื่อนคนหนึ่งไป!

            [หลังจากปาวโดนยัยน่านทิ้ง เรื่องของเราก็แค่ชะลอไว้...แต่พอเจอยัยโบอิ้งเรื่องของเรากลับถูกยกเลิกไปดื้อๆ แบบนี้มันถูกแล้วหรอปาว! ปาวทำแบบนี้กับแมทธ์ได้ยังไง!!] 

            “เรื่องทั้งหมดเธอจัดการเองไม่ใช่หรอ เรื่องนี้ครอบครัวเราตกลงกันเรียบร้อยไปนานแล้ว จะรื้อฟื้นอีกทำไม”

            [เพราะปาวทำให้แมทธ์เสียใจแล้วก็เสียชื่อเสียงไงแมทธ์ถึงต้องรื้อฟื้นอีก ธุรกิจของพ่อแมทธ์กำลังไปได้ดีแต่เพราะการแต่งงานของเราถูกยกเลิกธุรกิจครอบครัวแมทธ์ก็เลยแย่ลง]

            “เฮ้อ...แมทธ์ อย่าเอาเรื่องนี้มาอ้างเลย เรื่องธุรกิจมันเกี่ยวกับช่วงเวลา ช่วงนี้เศษฐกิจไม่ดีธุรกิจก็ต้องซบเซาเป็นธรรมดามันไม่เกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานของเราหรอก พอสักทีเถอะแมทธ์ยังไงเรื่องของเราสองคนก็เป็นไปไม่ได้ อีกอย่าง...เรื่องของเรามันจบไปก่อนหน้าที่ฉันจะรู้จักกับโบอิ้งซะอีก”

            [ถ้าแมทธ์ไม่เอาธุรกิจมาอ้าง ปาวจะคุยกับแมทธ์เหมือนเดิมไหมล่ะ แล้วปาวจะยอมคบกับแมทธ์อีกครั้งไหม]  แมทธ์พูดอย่างมีความหวัง แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่คนที่จะบอกพ่อว่า ‘ยังไงก็ได้’ เพราะผมไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว

            “เป็นเพื่อนกันเหมือนตอนที่เรายังเด็กเถอะ”  ผมพูดประโยคเดิมที่เคยพูดมาแล้วเกือบร้อยครั้งกับแมทธ์            

               [ปาว!! ไม่นะ! แมทธ์รักปาวนะ!!...]

            ผมกดตัดสายพร้อมกับปิดเครื่องทันที ผมรู้ว่ามันเสียมารยาทแต่ผมจำเป็นต้องทำ

            ครอบครัวผมกับแมทธ์รู้จักกันมานาน เริ่มทำธุรกิจใหญ่ๆ ร่วมกันหลายอย่างแต่เพราะความที่ไม่อยากให้ผลกำไรตกไปอยู่ที่คนอื่น เรา 2 ครอบครัวจึงคุยกันเล่นๆ ว่าจะให้ผมกับแมทธ์แต่งงานกันหลังจากเรียนจบ แต่ฝ่ายแมทธ์คิดล้ำหน้าไปมากกว่านั้น เตรียมการอะไรไว้มากมายและป่าวประกาศไปทั่วจนกระทั่งครอบครัวผมต้องไปเคลียร์ให้ชัดเจน ถึงเคลียร์ไปแล้วแมทธ์ก็ยังตามตื๊อผมอยู่ บ้านเราก็รู้จักกันมานานซะด้วยผมเลยไม่รู้จะทำยังไงดี จะหักหาญน้ำใจไปมากกว่านี้ก็คงไม่ได้เพราะยังต้องทำธุรกิจด้วยกัน

            ผมเปิดเครื่องในวันรุ่งขึ้นก็เจอข้อความของแมทธ์ส่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืน เนื้อหาข้อความมีอยู่ว่า...

 

            ถ้านายยังทำตัวแบบนี้ ระวังจะมีคนอายุสั้นเหมือนยัยน่านนะ!

 

            ผมใจหายวาบไปเลยเมื่ออ่านจบ ผมไม่นึกว่า ความอยาก จะทำให้คนเราทำร้ายกันได้แบบนี้ เรื่องของน่านเป็นเครื่องเตือนใจชั้นดีของผมและเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ยอมเปิดใจให้ใคร เธอเป็นเพื่อนผมตั้งแต่ ม. ต้น ผมหลงรักเธอมาตลอดแต่เธอกลับเลือกคบกับเพื่อนสนิทผมอีกคนหนึ่งแทน เมื่อคนที่ผมรักกับเพื่อนรักของผมรักกัน ผมจะทำยังไงล่ะครับ...นอกจากยอมถอยออกมา

            แต่ด้วยอายุที่ยังน้อยของเราทั้ง 3 คน ทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับน่าน ตอนนั้นพวกผมทำอะไรไม่ได้ยิ่งกว่าตอนนี้ซะอีก ป้องกันตัวไม่ได้! ใช้อำนาจปกป้องใครก็ไม่ได้! ทั้งที่ผมสามารถช่วยเธอได้แต่ผมกลับถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปช่วยและได้แต่รอฟังข่าวอยู่เฉยๆ เพราะเหตุเกิดในเขตเพื่อนผม

            ...ใช่ เพื่อนรักของผมคนนั้นก็เป็นมาเฟียเหมือนกัน!

            น่านบาดเจ็บสาหัสและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพียง 2 วันเธอก็จากไป ผมโกรธเพื่อนคนนั้นมากที่ไม่สามารถช่วยน่านได้ ผมถามเพื่อนผมซ้ำๆ ว่าทำไมแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวถึงปกป้องไม่ได้! แต่ผมก็ไม่ได้รับคำตอบจากมัน หลังจากเรื่องนี้จบลงเราทั้งสองคนก็เลิกคบกันในที่สุด

            แต่ตอนนี้ ตอนที่ผมเริ่มชอบใครสักคนอีกครั้ง ผมก็สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่าทำไมเพื่อนคนนั้นถึงปกป้องผู้หญิงของตัวเองไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เป็นคนควบคุมโลกนี้ทั้งหมดไงล่ะ มีเหตุปัจจัยมากมายที่ทำให้คนที่เรารักได้รับความเจ็บปวดทั้งร่างกายหรือแม้กระทั่งจิตใจ โดยที่เราไม่สามารถช่วยอะไรได้

            อย่างเช่นตอนนี้...มีข่าวเสียหายเกี่ยวกับโบอิ้งปล่อยออกมาจนคนทั้งโรงเรียนพากันรุมเกลียดผมยังทำอะไรไม่ได้เลย

            พักกลางวันผมมารอโบอิ้งที่ทางลงตึกแต่ก็เจอแค่เหมยกับอ๋อง 2 คน พอผมถามว่าทำไมโบอิ้งไม่ลงมาด้วย ผมก็โดนอ๋องสวดยับ ผมยอมฟังอ๋องต่อว่าอย่างสำนึกผิดก่อนจะซื้อนมและขนมที่โบอิ้งน่าจะชอบถือขึ้นตึกไปด้วย แต่ระหว่างทางที่เดินขึ้นไปผมก็เจอแมทธ์เดินสวนลงมา!

            เราเดินสวนกันที่บันไดเงียบๆ เมื่อเธอเดินพ้นตึกไปผมก็รีบวิ่งขึ้นมาบนห้องของโบอิ้งทันที สังหรณ์ใจกลัวว่าแมทธ์จะทำอะไรโบอิ้ง พอขึ้นมาถึงก็เห็นโบอิ้งนั่งอยู่กับพื้น เพื่อนร่วมห้องของเธอซุบซิบกันใหญ่เมื่อเห็นว่าผมเดินเข้าไป เรื่องที่โบอิ้งเป็นมือที่สามแย่งผมไปจากโปรดมันไร้สาระมาก ผมไม่นึกว่ามันจะทำให้โบอิ้งดูแย่ในสายตาคนอื่นมากขนาดนี้ นี่ผม...ทำอะไรไม่ได้เลยหรอ?

            “ทำไมเธอลงไปนั่งแบบนั้นล่ะ ตกเก้าอี้หรอ”  ผมถามทันทีที่เดินมาถึง โบอิ้งนั่งอยู่ที่พื้นและมีเก้าอี้ล้มอยู่ข้างตัว เมื่อกี๊แมทธ์มาทำอะไรเธอรึเปล่า!

            “เปล่า”  เธอบอกพร้อมกับดันตัวลุกขึ้นยืน ผมก็เลยเข้าไปช่วยจัดเก้าอี้ของเธอให้เข้าที่เข้าทาง

            “เธอเป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายหรอ”  ผมถามด้วยความห่วงใย แต่ก็ต้องปรับโหมดตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าเธอจะสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผม

            คนฟอร์มเยอะก็งี้แหละครับ อภัยให้ผมด้วย U_U

            “เปล่า”  เธอตอบกลับห้วนๆ

            “ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม”  ผมถามพร้อมกับวางของกินที่ผมซื้อมาลงบนโต๊ะ

            “ฉันไม่หิว”  เธอตอบกลับมาสั้นๆ อีกครั้ง คราวนี้ผมรู้สึกแปลกๆ ยิ่งกว่าครั้งก่อน เมื่อก่อนเธอไม่เคยเป็นแบบนี้เลย อีกอย่างผมไม่เคยเห็นเธอมองใครด้วยสายตาแบบนั้นมาก่อนด้วย สายตาเหมือนเคียดแค้นอะไรสักอย่าง

            แมทธ์ เมื่อกี๊เธอมาพูดอะไร!!!

            “เธอเป็นอะไรรึเปล่า”  ผมถามหยั่งเชิงไปก่อน

            “เป็น! เป็นมากเลยด้วย”  และแล้วเธอก็โพลงออกมาอย่างเหลืออด  “ฉันไม่ใช่คนรับใช้โปรดแล้ว นายไม่ต้องมาทำดีกับฉันก็ได้ ช่วยอยู่ห่างๆ ฉันด้วย” 

            “โบอิ้ง เธอเป็นอะไรไป ถ้าเป็นเพราะเรื่องเมื่อวาน ฉันขอโท...”  ผมพยายามเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยากรู้ว่าอะไรทำให้เธอเครียดได้ขนาดนี้ ถ้าเพราะเรื่องเมื่อวานผมก็พร้อมจะขอโทษ ถ้าเป็นเรื่องข่าวมือที่สามวันนี้ผมก็พร้อมจะช่วยปิดข่าว ขอแค่ให้เธอบอกผมมาเท่านั้น

            “ขอร้อง ฉันขออยู่อย่างสงบๆ บ้างจะได้ไหม!”  โบอิ้งตะโกนแทรกขึ้นมา ทำให้ผมไม่ทันได้ขอโทษเรื่องเมื่อวาน

            “ตั้งแต่ฉันรู้จักกับนายชีวิตฉันมีแต่เรื่อง พวกนายอาจจะไม่เคยรู้เพราะไม่เคยเจออะไรแบบฉัน...พวกนายไม่มีทางรู้เพราะพวกนายมันเป็นคุณหนูที่อะไรผิดนิดหน่อยก็มีคนคอยตามล้างตามเช็ดให้...พวกนายมาบ้านฉัน มาทำความรู้จักกับฉัน คนอื่นเขามองว่าพวกนายช่างประเสริฐ ไม่ถือตัว ติดดิน น่าคบ ทำอะไรก็ดีไปหมด แต่ฉันไม่ใช่แบบนั้น...ฉันได้รู้จักพวกนาย ไปที่บ้านพวกนาย คนอื่นเขามองว่าฉันหัวสูง ทะเยอทะยานจนเกินตัว!! นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังแบกรับอยู่ คนรอบข้างมองว่าฉันเป็นมือที่สามบ้าบอนี่ก็เพราะเรื่องที่พวกนายเล่นกัน!! สนุกนักหรอที่หลอกคนอื่นแบบนี้ สนุกมากไหม!!!”

            “โบอิ้ง...”  คำพูดทั้งหมดที่ผมต้องการจะพูดมันจุกอยู่ที่คอ น้ำใสๆ ไหลลงมาอาบแก้มของเธอทำเอาหัวใจผมจะสลาย ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธออยู่อย่างกดดันขนาดไหน ทั้งผมและโปรดต้องการเธอเมื่อไหร่ก็เรียกหาอย่างเดียวโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเธอจะรู้สึกยังไง

            ผมเอื้อมมือออกไปแตะที่แขนของโบอิ้งอย่างแผ่วเบาและจะกล่าวคำขอโทษแต่...

            แปะ!

            เธอปัดมือผมออกอย่างแรงจนมือของผมลอยคว้างออกห่างจากตัวเธอตามแรง

            “ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าอย่าเสียมารยาทกับพี่ชายฉัน!!!”  จู่ๆ โปรดก็โผล่มาจากไหนไม่รู้เดินจ้ำพรวดๆ เข้ามาในห้องและพุ่งมาหาโบอิ้งอย่างเอาเรื่อง

            “ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้ว ทำไมไม่ฟังกันบ้าง!” 

            “โปรด พอแล้วน่า”  ผมเข้ามาขวางโปรดเอาไว้ ก่อนที่จะเข้าถึงตัวโบอิ้งและก่อนที่โรคหัวใจจะกำเริบขึ้นมาอีก ช่วงนี้ยิ่งบ่นว่าเหนื่อยแล้วก็ปวดหน้าอกบ่อยๆ อยู่

            “ขอโทษนะ แล้วค่อยคุยกันใหม่”  ผมบอกโบอิ้งก่อนจะลากน้องตัวแสบออกมาจากห้อง ตลอดทางเดินนักเรียนหลายต่อหลายคนต่างมองมาที่พวกเราอย่างจำผิด บ้างก็ถ่ายรูปหน้าเราสองคนมาเทียบกัน พูดคุยกันเสียงดังเรื่องเราเป็นพี่น้องกันจริงรึเปล่า รู้สึกว่าข่าวแบบนี้มันแพร่ไปเร็วดีเหมือนกัน

            “ปล่อยเค้าได้แล้วน่า”  โปรดบอกเมื่อผมพาเดินมาที่หลังตึกเรียน 

            “เฮ้อ...ดิ้นไปดิ้นมาแบบนี้ก็ได้เหงื่อดีเหมือนกันนะเนี่ย”  โปรดใช้หลังมือปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าด้วยท่าทางสบายๆ ความโกรธเกรี้ยวที่มีก่อนหน้านี้หายไปอย่างรวดเร็ว

            “อย่าบอกนะว่าเมื่อกี๊แกล้ง”  ผมขมวดคิ้วถาม

            “เค้าแกล้งอะไร?” 

            “ก็แกล้งทำเป็นโกรธโบอิ้งไง”

            “โกรธจริงๆ นะ แต่เล่นใหญ่ไปนิดหนึ่งเท่านั้นเอง ^^;”

            “ไม่นิดแล้วมั้ง เหงื่อเต็มตัวขนาดนี้”  ผมบอกพร้อมกับล้วงผ้าเช็ดหน้าให้โปรดเช็ดเหงื่อ แม่บ้านมักจะยัดไว้ให้เสมอเวลารีบผ้า ได้ใช้ประโยชน์สักทีนะเนี่ยก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ใช้เลย

            “ยอมบอกใครๆ ว่าเป็นน้องพี่แล้วหรอ ไม่หวงพี่แล้วรึไง” 

            “ก็เค้าไม่อยากให้เพื่อนเค้าโดนด่าทั้งที่ไม่เป็นความจริง”  โปรดรับผ้าเช็ดหน้าผมไปพร้อมกับพูดด้วยท่าทางเขินๆ แปลกมากที่โปรดคิดถึงความรู้สึกคนอื่นด้วย ก่อนหน้านี้น้องผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

            “โบอิ้งเป็นเพื่อนคนเดียวของเค้า เค้าก็ไม่อยากให้โบอิ้งเกลียดพี่หรือว่าเกลียดเค้า เค้าก็เลยต้องช่วย”  โปรดพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและยังคงก้มลงมองปลายเท้าตัวเองตลอดการสนทนา

            “โอเค พี่เข้าใจแล้ว...”  ผมเอื้อมมือไปลูบผมน้องเบาๆ

            “เค้าทำถูกแล้วใช่ไหม”  โปรดเงยหน้าขึ้นมามองผมเป็นครั้งแรกหลังจากก้มหน้าอยู่นาน

            “ใช่...โปรดทำดีมาก”  ผมจับไหล่น้องทั้ง 2 ข้างพร้อมกับรอยยิ้มชื่นชมที่สุดเท่าที่ผมจะยิ้มออกมาได้ โปรดยิ้มตอบก่อนจะโผเข้ามากอดผมไว้แน่น

            “เค้ารักพี่นะ”

            “พี่ก็รักเรานะ”  ผมบอกและกอดตอบน้องสาวบ้าง นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ ตั้งแต่ผมเริ่มเรียนรู้ธุรกิจของครอบครัว ผมก็พยายามออกห่างจากโปรดเพื่อไม่ให้เธอต้องได้รับอันตราย ผมทิ้งน้องตัวเองให้โดดเดี่ยวแบบนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ

 

            ในวันเลี้ยงส่งรุ่นพี่ ผมยิ่งรู้ซึ้งมากขึ้นว่าการที่ปกป้องผู้หญิงของตัวเองไม่ได้มันเจ็บปวดขนาดไหน ถ้าเพื่อน (เก่า) ของผมคนนั้นมันรู้เรื่องเข้า มันคงสะใจที่ผมได้รับรู้ความรู้สึกของมันสักที!

            อยู่ๆ โบอิ้งก็หายตัวไปจากงาน พอมาถามเหมยกับอ๋องพวกนั้นก็ตกใจใหญ่บอกว่าโบอิ้งออกมาหาผม จะบ้าไปแล้วผมไม่ได้เรียกโบอิ้งไปหาสักหน่อย! ยังดีที่เด็กคนที่ถูกจ้างให้หลอกโบอิ้งยังหนีไปได้ไม่ไกล ทำให้ตามหาตัวไม่ยาก แต่กว่าจะเค้นเอาที่อยู่ของโบอิ้งได้ก็เกือบไม่ทัน!!

            ผมโกรธมากที่เห็นพวกนั้นมันกำลังพยายามลวนลามโบอิ้ง ไอ้พวกสันดานชั่วๆ พวกนี้ มันไม่น่าเกิดมาเป็นคนเลย!!!

            หลังจากจัดการไอ้พวกนั้นจนเกือบตาย ผมก็อาสาไปส่งโบอิ้งโดยฝากให้ฟานกับท็อทช่วยตามหาตัวการต่อ และฝากให้ส่งโปรดกลับบ้านแทนผมด้วย ผมคุยกับท็อทและฟานสักพักก็เดินกลับมาที่รถซึ่งโบอิ้งนั่งรออยู่

            “หลับไปแล้ว”  อ๋องบอกเมื่อผมเดินไปถึง ตั้งแต่ช่วยโบอิ้งได้สำเร็จทั้งเหมยและอ๋องต่างก็เกาะติดโบอิ้ง ไม่ยอมห่าง...เธอมีเพื่อนที่ดีจริงๆ นะโบอิ้ง

            “สงสัยจะเพลียมากเลยนะ ตะโกนขนาดนั้น”  เหมยพูดพร้อมกับบีบมือโบอิ้งเบาๆ นัยต์ตารื้อน้ำใสๆ ออกมาอีกครั้งหลังจากกอดกันร้องไห้กับโบอิ้งไปแล้ว 1 ยก

            “เฮ้ย! นังเหมย โบอิ้งมันปลอดภัยแล้ว แกจะร้องไห้ทำไม”  อ๋องตีต้นแขนเพื่อนเบาๆ แต่ตัวเองก็มีน้ำคลอที่ตาแล้วเหมือนกัน

            “พวกเธอจะกลับพร้อมกันเลยไหม” 

            “ก็อยากกลับนะ แต่ฉันเป็นเหรัญญิกของรุ่น ต้องอยู่เคลียร์เงินหลังงานเลิกอีกอ่ะ”  อ๋องหน้างอเมื่อนึกถึงภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นของตัวเอง

            “งั้น...ฉันฝากโบหน่อยนะปาว ส่งให้ถึงบ้านเลยนะ”  เหมยกำชับผมด้วยท่าทางเป็นห่วง

            “โอเค ไม่ต้องห่วง”  ผมบอก เหมยหันไปมองโบอิ้งที่หลับสนิทอยู่บนรถอีกครั้ง ก่อนจะยอมปล่อยมือแล้วเดินไปรวมกับท็อทและฟานที่ยืนคอยอยู่หน้าประตูโรงรถ

            ผมปิดประตูให้โบอิ้งและเดินอ้อมมาขึ้นฝั่งคนขับก่อนจะปิดประตูและสตาร์ทรถอย่างเงียบเชียบที่สุด ผมใช้ความเร็วไม่มากเพราะกลัวว่าเธอจะสะดุ้งตื่น แต่ถึงจะขับช้ายังไงเธอก็สะดุ้งเป็นระยะอยู่ดี

            “ไม่นะ!!! ไม่!!!”  จู่ๆ โบอิ้งก็ตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมกับยกมือขึ้นปัดป้องอย่างไร้จุดหมาย จนมือของเธอไปฟาดเข้ากับคอนโซลหน้ารถแรงๆ ผมก็เลยต้องรีบจอดรถข้างทางเพื่อปลุกให้เธอตื่น

            “โบอิ้ง! โบ...ได้ยินฉันไหม”

            “ไม่นะ!!! อย่าเข้ามา!!!!!”

            “โบ!!!”  ผมจับตัวเธอเขย่าแรงๆ ในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นมามองผมพร้อมกับม่านน้ำตาหนาๆ

            “เธอปลอดภัยแล้วนะ...ปลอดภัยแล้ว”  ผมดึงเธอเข้ามากอดไว้ก่อนที่เธอจะร้องไห้โฮออกมา ผมขบกรามแน่นเมื่อนึกถึงไอ้ชั่วที่ทำร้ายโบอิ้งวันนี้ ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ แน่!

            โบอิ้งร้องไห้อยู่พักใหญ่ก่อนจะผลักผมออกเบาๆ ผมยอมผละจากเธอโดยดีก่อนจะขับรถต่อ ที่จริงบ้านของเธอกับโรงเรียนมันก็ไม่ได้ไกลกันมาก แต่ผมขับรถไม่เร็วและแวะจอดข้างทางเป็นระยะก็เลยดูเหมือนไกลกว่าปกติ พอขับมาถึงหน้าบ้านผมหันไปปลุกเธออีกครั้งแต่เธอก็ไม่ยอมตื่น คราวนี้เธอคงหลับสนิทไปแล้วจริงๆ

            ผมพยายามค้นหากระเป๋าของโบอิ้ง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้ในงานผมก็เลยถอดใจที่จะหาต่อ ถ้าไปเคาะให้คนในบ้านเปิดประตูให้พวกเขาต้องตกใจแน่ๆ ที่เห็นโบอิ้งอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ถ้าพาเธอกลับบ้านด้วย เธอจะเสียหายไหมนะ?

            โอ้ยยย!!! กลุ้มโว้ย!

            ความคิดต่างๆ เริ่มเข้ามาก่อกวนการตัดสินใจ ระว่างที่ผมลังเลว่าจะพาเธอเข้าบ้านทั้งสภาพแบบนี้หรือว่าจะพากลับบ้านตัวเองนั้น ก็มีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดประจันหน้ากับรถของผม อันที่จริงก็เกือบจะประสานงากันแล้วล่ะถ้าคนขับไม่เจ๋งจริง

            แสงไฟจากรถคันนั้นสาดเข้ามาในรถของผม แต่ถึงแสงมันจะสว่างขนาดไหนผมก็จำได้แม่นว่าเจ้าของรถคันนั้นเป็นใคร

            ...ไอ้ทิว!

            ผมกับทิวเปิดประตูรถออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ในที่สุดเราก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้ารถ

            “ที่บอกว่าไปสอบสัมภาษณ์ ที่จริงไปเจรจาธุรกิจสินะ”  ผมเปิดฉากถามก่อน ทิวกระตุกยิ้มมุมปากนิดหน่อยก่อนจะตอบ

            “รู้ดีทุกเรื่องเหมือนเดิมเลยนะ”

            “มาที่นี่ทำไม”  ผมถามต่อ

            “ฉันน่าจะเป็นคนถามมากว่า ว่าแกมาทำอะไรที่นี่ แกไม่มีสิทธิ์ในตัวโบอิ้งแล้วไม่ใช่หรอ”

            “ก็โบอิ้งยังเป็นเพื่อน...”

            “เป็นเพื่อนโปรด...ใช่ไหม?”  ทิวพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะพูดจบ  “ฮึๆๆ สิทธิ์แค่นั้น...มาไล่ฉันไม่ได้หรอกเพื่อน”

            “แล้วแกละ จะมาใช้สิทธิ์พี่รหัสที่แสนดีอีกหรือไง”

            “ใครว่าล่ะ ฉันมีสิทธิ์ในตัวโบอิ้งเต็มๆ เลยต่างหาก”  ทิวยิ้มมาให้ผมอย่างเป็นต่อ

            “แกหมายความว่ายังไง!”

            “ฮึ! ถ้าฉันบอกก็หมดสนุกแย่น่ะสิ”  ทิวพูดอย่างยียวนกวนประสาทแล้วหันไปมองโบอิ้งที่ยังหลับสนิทอยู่บนรถ

            “ฉันว่า...ถ้าแกปกป้องโบอิ้งไม่ได้ก็ควรจะปล่อยเขาไปซะ!...แค่ผู้หญิงคนเดียวยังปกป้องไม่ได้ แกก็ควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้วนะ ทายาทโอเชี่ยนคอป.”  ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าสิทธ์ที่ไอ้ทิวพูดหมายถึงอะไร แต่ผมกลับต้องสะอึกกับตรงนี้แทน

            “ประโยคนี้...คุ้นๆ ไหมเพื่อน?”  ทิวถามออกมาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม...ยิ้มของผู้มีชัย!

 

 

 

*****************************************************

 ไรท์คิดไปเองรึเปล่าว่านิยายแหวนแหววของไรท์กำลังจะกลายเป็นนิยายบู๊???? 

ก็มันเกี่ยวกับมาเฟียจะไม่ให้บู๊เลยก็กะไรอยู่จริงไหมรีดเดอร์ อิอิ

เรื่องมันเข้มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหน

ความบู๊(?) และความฟิน(?) รอคอยคุณอยู่ ฮิ้วววววว~

*****************************************************

 

ต่อจากตอนที่ 30 เป็นต้นไป 

ไรท์ตั้งขายเป็นแบบแพ็กเกจแล้วนะคะ

ฝากรีดเดอร์ช่วยอุดหนุน เป็นกำลังแรงใจให้ไรท์หน่อยน้า

ทั้งหมด 20 ตอน 90 หน้า ราคาน่ารักสุดๆ 

ฝากด้วยนะคะทุกคน ^O^

คลิกตามลิ้งค์ด้านล่างเลยจ้า

 

 https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1325046

 (ตรงนี้แปะลิ้งค์ไม่ได้ ถ้าใครสนใจอยากสนับสนุนไรท์ ตามไปกดลิ้งค์ได้ที่บทนำเลยจ้า)

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา