Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย
9.1
เขียนโดย Kreota
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
30 ตอน
3 วิจารณ์
29.18K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
29) เธอเรียกมันว่าความรักรึเปล่า?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-29-
หลังจากรอตัดสายไอ้ทิวไป 10 กว่าสาย ผมก็หาทางคืนมือถือให้โบอิ้งแต่ผมเดินรอบโรงเรียนก็ไม่เจอเธอ ผมจึงตัดสินใจวางมันไว้ในล็อกเกอร์ของเธอแทน ถ้าเกิดเราเจอกันตอนนี้ผมคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆ
ผมเดินมาที่ล็อกเกอร์ห้อง D และใช้เวลาไม่นานก็หาล็อกเกอร์ของโบอิ้งเจอ ผมกะว่าจะวางมือถือไว้แล้วก็ไปแต่ไอ้มือเจ้ากรรมดันกดเบอร์ตัวเองลงไปในมือถือโบอิ้งแล้วโทรออกซะงั้น เก็บเบอร์เอาไว้เผื่อได้ติดต่อกันเรื่องโปรดเท่านั้นแหละน่า
ผมกดตัดสายในมือถือตัวเองก่อนจะวางมือถือคืนให้โบอิ้งไป แต่ก่อนจะปิดประตูล็อกเกอร์ผมเหลือบไปเห็นเศษกระดาษชิ้นเล็กๆ ลายการ์ตูนสีชมพู มันคุ้นตามากผมก็เลยหยิบมันขึ้นมาดู ผมเคยเห็นกระดาษสีลายนี้จากไหนนะ?
ไม่ทันที่ผมจะได้คิด เสียงของโบอิ้งก็ดังมาจากทางเดิน เธอมาพร้อมกับไอ้ทิวด้วยท่าทางเหมือนหมดหวัง คงกำลังหามือถืออยู่แน่ๆ ของแพงขนาดนี้หายไปคงใจหายน่าดู แต่ก็เอาเถอะยังไงเธอก็เจอแล้วเพราะผมเอามาคืนให้เองกับมือไงล่ะ
ตอนเย็นผมกลับมาที่บ้านก็เจอโบอิ้งอีกครั้งในห้องรับแขก ดูเธอจะตกใจมากกว่าซะอีกที่เห็นผมอยู่บ้านเดียวกับโปรด จะไม่ตกใจได้ไงคนทั้งโรงเรียนเขาคิดว่าผมกับโปรดเป็นแฟนกันทั้งนั้น ผมก็งงเหมือนกันนะว่าเขาคิดแบบนั้นได้ไง หน้าตาออกจะคล้ายกันขนาดนี้
ผมขอแยกออกมาจากห้องนั่งเล่นพร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนจะรีบเดินขึ้นไปบนห้อง
“เกือบไปแล้วไอ้ปาว” ผมสบถพร้อมกับหยิบช่อดอกไม้สีชมพูออกมาจากกระเป๋า
...ใช่แล้วผมเก็บช่อดอกไม้ที่โบอิ้งทิ้งแล้วกลับมาด้วย ไม่รู้ว่าผมทำแบบนี้ไปทำไมแต่พอผมเห็นเธอทิ้งช่อดอกไม้ของตัวเองลงถังขยะผมรู้สึกใจหายก็เลยเก็บกลับมาด้วย ยังดีที่ผมยัดไว้ในกระเป๋าก่อนเข้าบ้าน ไม่งั้นโปรดคงได้ล้อเรื่องนี้เป็นปีๆ แน่
ผมวางช่อดอกไม้ไว้คู่กับดาวที่ผมได้มาก่อนหน้าวัน D-Day ประมาณอาทิตย์หนึ่ง ทีแรกผมก็ไม่ได้สนใจดาวกระดาษนี่เท่าไหร่ แต่มันมาวางไว้ในล็อกเกอร์ทุกวันๆ จนเริ่มสงสัยว่าเป็นของใครก็เลยเก็บเอาไว้
เดี๋ยวก่อนนะ! ดาวกระดาษนี่หน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน?
“เฮ้ย!” ผมอุทานแล้วหยิบดาวกระดาษดวงหนึ่งขึ้นมา กระดาษลายลายการ์ตูนสีชมพู...แบบเดียวกับที่เห็นในล็อกเกอร์โบอิ้งเลยนี่!
หลังจากคุยเรื่องการจ่ายดอกเบี้ยด้วยการเป็นเพื่อนโปรดเรียบร้อยแล้วพ่อก็ให้ผมไปส่งโบอิ้ง ผมยอมรับว่าผมรู้สึกตื่นเต้นที่ต้องอยู่กับโบอิ้ง 2 ต่อ 2 หลังจากที่เราจูบกัน ซึ่งโบอิ้งก็คงรู้สึกอึดอัดไม่ต่างจากผม แต่ยังไงผมก็ต้องไปส่งเธออยู่ดี
“เปิดเพลงหน่อยไหม” ผมถามหลังจากที่เราขึ้นมาบนรถแล้วต่างคนก็ต่างเงียบกัน
“ก็ดีเหมือนกันนะ”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะกด play เพลงที่ดังขึ้นมาเป็นเพลงล่าสุดที่ผมฟัง ผมเห็นโบอิ้งขมวดคิ้วนิดหน่อยกับเพลงของผมก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ ผมไม่รู้ว่าเธอรู้ความหมายของมันไหม แต่ผมที่รู้ความหมายดีกลับรู้สึกใบหน้าร้อนๆ ขึ้นมาทั้งที่เปิดแอร์อยู่
ทั้งที่ผมฟังเพลงนี้ทุกวัน แต่พอนั่งฟังกับโบอิ้ง ผมกลับรู้สึกอินไปกับความหมายของเพลงนี้มากกว่าครั้งไหนๆ
…I don't know how or why I feel different in your eyes
All I know is it happens every time…
(เนื้อเพลง The Way You Look At Me - Christian Bautista)
ผมไม่รู้ว่าโบอิ้งมองเห็นอะไรในตัวผมเธอถึงได้ชอบผมขนาดนี้ แต่ผมรู้สึกว่า...แววตาที่เธอมองมามันทำให้ผมรู้สึกดีและทำให้ผมรู้สึกแตกต่างไปจากแฟนคลับคนอื่นๆ
“ถ้าเธอรำคาญก็เปลี่ยนเพลงได้นะ รีโมทอยู่ในเก๊ะข้างหน้าเธอ” ผมพูดเพื่อพาตัวเองออกมาจากภวังค์
“ไม่หรอก ฉันชอบเพลงนี้ ^^” โบอิ้งหันมายิ้มให้ผม ผมเผลอมองหน้าเธอแป๊บหนึ่งก่อนจะหันมาสตาร์ทรถ
โธ่! ผมอินกับเพลงเกินไปหน่อยแล้วนะเนี่ย! แค่เธอยิ้มมาผมก็เคลิ้มเฉยเลย!
“โลกกลมจังเน๊อะ ที่แท้นายก็เป็นลูกชายเจ้าหนี้พ่อฉันนี่เอง” โบอิ้งพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ หลังจากที่เพลงนั้นจบลง
จบไปก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้เลิกอินสักที =_=
“ฉันว่ามันกลมจนน่าเกลียดเลยล่ะ” ผมพูดออกไปงั้นๆ แหละ เพราะที่จริงผมก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าโบอิ้งเป็นลูกหนี้
“อ๋อ! มิน่า...วันนั้นผู้ชายชุดดำถึงได้โค้งคำนับนายจนเกือบจะติดพื้น ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าครอบครัวนายเป็นคนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ฉันคงคิดว่านายเป็นทายาทยากูซ่าไปแล้วล่ะ”
“ฮึ! คนปล่อยเงินกู้หรอ” ผมอดขำไม่ได้ที่โบอิ้งคิดว่าพ่อผมเป็นแค่คนปล่อยเงินกู้นอกระบบ แต่ก็ดีเหมือนกันเธอจะได้ไม่กลัว
“ทำไม? ฉันพูดผิดตรงไหนหรอ” โบอิ้งถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ เมื่อกี๊ผมคงหัวเราะดังเกินไปหน่อย
“ก็เปล๊า ที่เธอพูดมันก็มีส่วนถูก ว่าแต่เธอเถอะ ใช้มือถือแพงขนาดนั้นทำไมไม่มีปัญญาใช้หนี้ล่ะ” ผมถามออกไป แต่หลังจากที่ถามจบก็แทบอยากจะเอาหัวโขกพวงมาลัยรถให้ตายไปซะเลย เธอต้องสงสัยแน่ๆ ว่าผมเคยเห็นมือถือเธอได้ยังไง
“ก็...” จู่ๆ โบอิ้งก็ชะงักไป เอาแล้ว...เธอต้องสงสัยผมแน่ๆ
สุดท้าย เรื่องที่กลัวเธอจะสงสัยว่าผมเป็นคนเอามือถือไปคืนนั้นมันผิดถนัด เพราะเธอตกใจด่านตำรวจต่างหาก ผมน่าจะสบายใจได้แล้วเพราะยังไงเธอก็คงไม่มีทางรู้แน่ๆ โปรดเคยบอกว่าโบอิ้งซื่อบื้อจะตาย ตอนนี้ผมรู้แล้ว...ซื่อบื้อจริงๆ ด้วย =_=
หลังจากตรวจใบขับขี่เรียบร้อยแล้วผมก็ขับรถต่อมาเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ขับออกห่างจากด่านตำรวจมาได้สักพักก็มีรถคันหนึ่งแล่นตามมา ผมไม่รู้ว่ามันโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้สึกเหมือนผมจะเห็นวัตถุสีดำวาวๆ อยู่ในรถคันนั้นและมันกำลังตามมาติดๆ
“ขอบใจนะ” โบอิ้งบอกผมสั้นๆ ก่อนจะเดินลงจากรถไป
“อืม” ผมรับคำแล้วรีบเร่งเครื่องเตรียมพร้อมเอาไว้ พอโบอิ้เดินไปถึงประตูหน้าบ้านผมก็ออกรถมาทันที
ผมเหยียบคันเร่งจนมิดพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าซอยที่ใกล้ที่สุด เพราะถ้าเกิดขับไปถนนใหญ่ต้องมีคนโดนลูกหลงเยอะแน่ๆ คนพวกนี้ยิ่งยิงดะไม่เลือกหน้าอยู่ด้วย ยังดีที่ผมพกมือถือมาด้วยผมรีบโทรหาคุณภาสน์ตอนที่ยังมีโอกาส แต่ระหว่างที่ผมพยายามต่อสายอยู่นั้นก็มีรถยนต์อีกคันจอดขวางอยู่ข้างหน้า
หมดทางหนีแล้วหรอเนี่ย ปืนก็ไม่ได้เอามา บ้าชิบ!!
“ลงมา!!!” เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ ไอ้ศร ลูกน้องไอ้ศุภชาศัตรูคู่อาฆาตของแก๊งผมจริงๆ ด้วย มันกำลังใช้ปืนจี้ให้ผมลงจากรถ
ผมถอนหายใจให้ความซวยและความไม่รอบคอบของตัวเองที่ไม่เอารถกันกระสุนมา แถมไม่พกปืนมาอีกสมควรตายจริงๆ ไอ้ปาว!!
“ลงมา!!” ไอ้พีซึ่งเล็งปืนอยู่อีกฝั่งของรถตะโกนขึ้นมาอีกคน
ผมเหลือบไปมองนาฬิกาก่อนจะค่อยๆ ลงจากตำแหน่งคนขับอย่างเชื่องช้าที่สุดเท่าที่ทำได้ ผมโทรหาคุณภาสน์ได้ 5 นาทีแล้ว ถ้าผมถ่วงเวลาไว้ได้อีกหน่อยคุณภาสน์น่าจะมาช่วยผมทัน
“ว่าไงคุณชาย มาส่งสาวหรอครับ” ไอ้ศรทักทายผมด้วยน้ำเสียงยียวนกวนบาทาเหมือนปกติ
“ฮึ! แล้วไง” ผมถามออกไปด้วยความกวนไม่แพ้กัน
“ผมน่าจะแวะไปทักทายสาวน้อยของคุณชายหน่อยนะ” ไอ้พีหัวเราะในลำคออย่างร้ายกาจ
“เอาไว้แล้วค่อยไปทักทายหลังจากที่ทายาทรุ่นที่ 10 เหลือแค่ชื่อจะดีกว่านะพี” ไอ้ศรพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ก่อนจะเหนี่ยวไกพร้อมยิง
แว๊บ!
ระหว่างนั้นเองมีแสงจากรถคนอื่นสว่างวาบขึ้นมาทำให้ไอ้ศรต้องหลับตาลง ผมอาศัยจังหวะนี้เตะปืนมันทิ้ง หลังจากนั้นเสียงปืนดังสวนกันไปมาทำให้ผมรู้ว่าคุณภาสน์มาช่วยผมแล้ว ผมพยายามหมอบและหาที่กำบังแต่กลับไปเจอไอ้พีกำลังเล็งปืนมาที่ผมพอดี
“ตายซะเถอะมึง!”
ผมคลำเจอก้อนหินเม็ดเล็กๆ 2-3 ก้อนจังหวะที่มันกำลังจะเหนี่ยวไก ผมจึงขว้างใส่หน้ามันก่อนจะกระโดดถีบไอ้พีให้พ้นทาง แต่ผมช้าไปแค่เสี้ยววินาทีเพราะมันสามารถตั้งหลักได้ก่อนที่ผมจะหาที่กำบังได้
ปัง!
ความรู้สึกแสบร้อนที่หัวไหล่ทำให้ผมต้องยกมือขึ้นไปกุมเอาไว้ เลือดอุ่นๆ ไหลออกมาจากแผลจนเครื่องแบบนักเรียนที่ใส่อยู่แดงฉานไปหมด โชคดีที่ผมวิ่งมาถึงรถกันกระสุนของคุณภาสน์แล้ว ไม่งั้นกระสุนอีกนัดคงเจาะกระดูกสันหลังหรือสมองผมไปแล้ว!
สมรภูมิเลือดของผมยังไม่หมดแค่นั้น หลังจากที่ผมผ่านพ้นคืนนั้นมาได้อย่างหวุดหวิดลูกน้องไอ้ศุภชาก็ยังตามมารังควานผมอีกครั้ง ครั้งนี้ยิ่งหนักไปใหญ่เพราะโบอิ้งก็ต้องมาวิ่งหลบกระสุนกับผมด้วย! ผมผิดเองที่พาเธอมาเจอกับเรื่องอันตรายแบบนี้ ผมแค่อยากจะให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนโปรดที่ป่วยอยู่บ้านคนเดียวเท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าพวกมันจะกล้าไล่ยิงผมในโรงเรียนกลางวันแสกๆ
เธอถูกกระสุนแฉลบที่ต้นแขนและเกือบจมน้ำตายก็เพราะผม ตอนนี้เองที่ทำให้ผมรู้ว่าความรู้สึกที่ผมมีให้เธอ มันเปลี่ยนไปแล้ว
วันเกิดปีนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นกว่าทุกครั้ง เพราะอะไรน่ะหรอ? เพราะใครบางคนที่ผมกำลังตั้งตารออยู่นี่ไงล่ะ เธอเดินมาที่ล็อกเกอร์ผมตั้งแต่เช้ามืดพร้อมกับโหลแก้วรูปหัวใจที่มีดาวกระดาษอยู่เต็ม
อย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด โบอิ้งเป็นเจ้าของดาวกระดาษจริงๆ แต่ทำไมเธอต้องมาเช้าขนาดนี้ด้วยนะ ถ้าผมไม่เอะใจแล้วตื่นมารอตั้งแต่เช้ามืดผมคงพลาดของขวัญชิ้นนั้นไปแน่ๆ
ผมรอจนกระทั่งเธอจัดของขวัญคนอื่นเข้าล็อกเกอร์ให้ผมจนเข้าที่ ก่อนจะรีบไปเปิดล็อกเกอร์ด้วยความตื่นเต้น ค้นลึกลงไปจนสุดถึงเห็นของขวัญที่โบอิ้งบรรจงวางไว้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเก็บของขวัญอื่นๆ ทิ้งไปแล้ว แต่เธอกลับวางของขวัญชิ้นอื่นไว้เหมือนเดิม เป็นผู้หญิงที่แปลกมากจริงๆ
ผมส่ายหน้าไปมากับความใจกว้างของเธอ ระหว่างเปิดการ์ดที่แนบมาออกอ่าน
ในนี้มีดาวอยู่ทั้งหมด 3,059 ดวง
ที่อยู่กับนายแล้วก่อนหน้านี้ 46 ดวงก็เอาใส่ไว้ด้วย รวมแล้วมันจะได้ 3,105 ดวง
อีก 2 วันจะเป็นวันวาเลนไทน์ ดาวในขวดโหลนี้จะครบ 3,107 ดวง
ไว้เจอกัน...วันวาเลนไทน์ ^_^
ผมยิ้มไปกับความไร้เดียงสาของโบอิ้งแล้วอุ้มขวดโหลไว้แนบอก เดินครุ่นคิดไปด้วยว่า 3,107 มันมีความหมายอะไรพิเศษ ทำไมต้องให้ครบ 3,107 ดวงด้วย แต่...เอาของขวัญโบอิ้งมาคนเดียวแบบนี้ไม่ดีแน่ เสียฟอร์มหมด ผมเลยต้องเดินกลับมาที่ล็อกเกอร์แล้วหอบเอาของขวัญอื่นๆ มาด้วย มันจะได้ดูเนียนๆ หน่อย
โชคดีที่ผมกลับไปเอาของขวัญอื่นๆ ในล็อกเกอร์มาด้วย เพราะตอนเย็นท็อททักแชทมาถามเรื่องของขวัญพอดี บอกว่าสงสารโบอิ้งที่ไปคุ้ยขยะหาของขวัญ ผมก็สงสารเธอนะ ที่จริงอยากจะไปบอกว่าได้ของขวัญแล้วด้วยซ้ำ แต่มันติดที่ผมมันฟอร์มเยอะมาตั้งแต่ต้นเลยไม่รู้จะบอกเธอยังไง ผมก็เลยอาศัยให้ท็อทไปบอกโบอิ้งให้ โดยที่มันไม่รู้ว่าผมใช้เป็นเครื่องมือ ขอบใจนะเพื่อน ฮึๆๆ
แล้ววันที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเฮงซวยและน่าจะโดนยิงทิ้งมากที่สุดก็มาถึง วันวาเลนไทน์ที่ผมจะไม่มีวันลืม...
ผมตัดสินว่าโบอิ้งเป็นผู้หญิงโลเลเพียงเพราะผมเห็นโบอิ้งกับไอ้ทิวกอดกัน แต่ผมกลับไม่ดูให้จบ! อย่างกับในละครเลยว่าไหมครับ? เวลาผมดูละครเป็นเพื่อนโปรด ผมคิดในใจเสมอว่าจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด แบบที่เห็นหรือได้ยินอะไรครึ่งๆ กลางๆ แล้วเอาไปคิดเองเป็นตุเป็นตะ
แต่พอไปเจอสถานการณ์จริง ผมรู้เลยว่าทำไมตัวละครตัวนั้นถึงต้องปลีกตัวออกมาก่อนที่จะเห็นหรือได้ยินอะไรจนจบ เพราะทนไม่ได้ไง! ผมทนเห็นภาพบาดตาแบบนั้นนานๆ ไม่ได้!! โบอิ้งเป็นของผมนะ เธอเป็นลูกหนี้ผม เธอเป็นเพื่อนน้องผม และเธอ...เคยจูบกับผม ทำไมเธอถึงไปทำแบบนั้นกับผู้ชายคนอื่น แถมผู้ชายคนนั้นกลับเป็นไอ้ทิว คนที่ผมเกลียดที่สุดอีกต่างหาก! เธอก็รู้ว่าผมกับไอ้ทิวไม่ถูกกันทำไมเธอทำแบบนี้!
นี่คือความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมีในตอนนั้น...ผมสรรหาเหตุผลงี่เง่ามากมายมาอ้างกับความเจ็บปวดและความโกรธของตัวเองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมเห็นโบอิ้งร้องไห้ เห็นขวดโหลดาวกระดาษแตกกระจายต่อหน้าต่อตา ผมถึงได้รู้ว่าเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ผมโกรธและเจ็บปวดขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องงี่เง่าพวกนั้น แต่มันคือคำว่ารักคำเดียว
ผมปฏิเสธตัวเองมาตลอด ทั้งที่ไม่เคยสนใจแฟนคลับคนใดคนหนึ่งมากขนาดนี้ ผมไม่เคยตั้งตารอให้ใครเข้ามาทักเหมือนเธอ ผมไม่เคยรอคอยการเจอหน้าใครสักคนทุกวันเหมือนเธอ ผมเก็บช่อดอกไม้มาด้วยทั้งๆ ที่เธอทิ้งลงถังขยะไปแล้ว เก็บดาวกระดาษไว้เพราะคิดว่าน่าจะเป็นของเธอคนนั้น ทุกๆ ความรู้สึกที่ผมมี ผมรู้แล้วว่าเพราะอะไร
เพราะผมรักเธอ...ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรู้แค่ว่าโบอิ้งเข้ามาอยู่ในความทรงจำผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน
หลังจากผมรู้ความจริงจากฟานว่าเรื่องที่เห็นโบอิ้งกับไอ้ทิวเมื่อวานมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็แทบคลั่ง ยิ่งผมกลับบ้านแล้วเจอเธอที่บ้านผมยิ่งรู้สึกผิดจนไม่กล้ามองหน้าเธอ แล้วยิ่งไปกว่านั้นพี่สาวของเธอก็ยังมาใช้หนี้ทีเดียว 22 ล้านทำให้ผมยิ่งรู้สึกหมดหวัง ก่อนหน้านี้ผมยังรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ในตัวเธออยู่เพราะเป็นเจ้าหนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถรั้งเธอได้อีกแล้ว ผมจะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเธออีกแล้ว
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่สาวของโบอิ้งจะเป็นถึงดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ผมก็เลยใจเย็นเพราะคิดว่าเธอคงอยู่ใกล้ตัวผมไปอีกนาน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เธอเริ่มออกห่างผมไปทุกทีๆ จนน่าใจหาย ในเมื่อผมรู้ใจตัวเองแล้ว ผมจะไม่รอให้เธอไปชอบคนอื่นหรอก...ขอให้เธอชอบฉันต่อไปเถอะนะโบอิ้ง
ผมมองโบอิ้งผ่านหน้าต่างห้องตัวเองขณะที่เธอกำลังจะกลับบ้านพร้อมกับพี่สาว เธอยืนคุยโทรศัพท์สักพักก่อนจะขึ้นรถแลมโบกินีสุดหรูออกไป ผมลอบถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมหยิบมันขึ้นมาดูก็เห็นว่าแมทธ์โทรเข้ามา
“ฮัลโหล” ผมกดรับสาย
[ว่าไงปาว]
********************************************************
ฝากติดตามด้วยนะจ้ะอย่าเพิ่งเบื่อปาวนะ
ปาว #Talk ยังอีกตั้งตอนหนึ่ง
แล้วเจอกันนะจ้ะ *********************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ