Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย
9.1
เขียนโดย Kreota
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
30 ตอน
3 วิจารณ์
29.14K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) ถ้าชอบผู้ชายคนนี้ ต้องมีทักษะการหลบกระสุนเป็นเลิศ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-15-
ถ้าชอบผู้ชายคนนี้...
ต้องมีทักษะการหลบกระสุนเป็นเลิศ
“เชิญคร้าบ...คุณชาย” นายพีบอกพร้อมกับผายมือให้ฉันกับปาวเดินตามนายศรไปอย่างประชดๆ ปาวทำท่าจะเดินตามไป แต่ฉันไม่อยากไปตายนี่นา ถึงฉันจะชอบปาวแต่เขายังไม่ชอบฉันตอบเลย เรื่องอะไรฉันจะยอมตายตามเขาไปล่ะ ชอบฉันตอบแล้วยังว่าไปอย่าง T^T
“ปาว...จะตามไปจริงๆ หรอ” ฉันรั้งแขนปาวเอาไว้ด้วยมือที่สั่นเทา
“ตามน้ำไปก่อนเถอะ ถ้ามีคนโดนลูกหลงเพิ่มมันจะเป็นเรื่องใหญ่” ปาวบอกแล้วกระชับมือที่จับฉันให้แน่นยิ่งขึ้นก่อนจะเดินตามพวกชุดดำ 2 คนนั้นไป ส่วนอีก 4 คนที่เหลือเดินรั้งท้ายตามพวกเรามาติดๆ ชนิดที่ว่าหาจังหวะหนีไม่ได้เลยล่ะ T^T
เราเดินตามพวกชุดดำออกมาจากโรงรถจนกระทั่งจะออกนอกเขตโรงเรียนอยู่แล้ว จู่ๆ อาจารย์เพียงออกับอาจารย์บรรพตก็เดินมาถามก่อน อาจารย์คะช่วยพวกเราด้วย >_<!!
“พวกเธอสองคนจะไปไหน” อาจารย์บรรพตเป็นคนเอ่ยปากถาม ทำให้นายศรกับนายพีทำทีเป็นเดินออกไปนอกโรงเรียนราวกับว่าเราไม่ได้มาด้วยกัน
อะไร? ปล่อยเราง่ายดายแบบนี้เลยหรอ
“เอ่อ...พวกเรา...” ฉันกลัวจนลิ้นแข็งพูดไม่ออก ปาวก็เลยเป็นคนตอบแทน
“พวกเรากำลังจะกลับบ้านน่ะครับ ทำเรื่องลาแล้ว” ปาวยื่นบัตรขอออกจากโรงเรียนให้อาจารย์ทั้ง 2 คนดู
“คนชุดดำนั่นเป็นใคร คนทวงหนี้เธออีกแล้วใช่ไหมจริญญา” อาจารย์เพียงออมองหน้าฉันอย่างตำหนิ พวกนั้นไม่เกี่ยวกับหนูเลยนะคะอาจารย์ =_=;
“ที่จริงครูก็จำได้ว่าพวกเธอทำเรื่องลาไปแล้ว แต่เห็นพวกชุดดำพวกนี้มาด้อมๆ มองๆ หลายวันแล้วก็เลยไม่ไว้ใจ ยิ่งเห็นพวกเธอเดินตามพวกมันออกมาก็เลยเป็นห่วง” อาจารย์บรรพตบอกพวกเราก็เลยถึงบางอ้อกันทันที ที่แท้อาจารย์ก็จงใจมาช่วยพวกเรา
เราทั้ง 2 คนขอบคุณอาจารย์ทั้งสองก่อนที่อาจารย์จะแยกย้ายกันไปสอน แต่แทนที่ปาวจะพาฉันเข้าไปในโรงรถเพื่อกลับบ้าน เขากลับพาฉันเดินกลับมาที่ตึกเรียน
“ทำไมนายไม่เข้าไปเอารถล่ะ ไม่กลับบ้านแล้วหรอ”
“กลับไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนี้มันคงปล่อยลมยางไม่งั้นก็ทำอะไรกับรถฉันไปแล้ว เธอไม่สังเกตหรอพออาจารย์บรรพตกับอาจารย์เพียงออเดินมาหาเรา พวกมันเหลือแค่ 2 คน”
“เออ! จริงด้วย” ฉันส่งเสียงอย่างคิดได้
“นั่นแสดงว่าอีก 4 คนที่เดินตามเรามาแอบซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่งในโรงเรียนเพื่อรอเล่นงานเราอยู่ อย่างน้อยที่หนึ่งที่ฉันคิดออกตอนนี้ก็คือโรงรถนั่นแหละ...ปืนก็ดันอยู่ในรถ บ้าชิบ!” ประโยคสุดท้ายปาวสบถกับตัวเองเบาๆ ฉันก็เลยได้แต่ขมวดคิ้วกับคำที่ฉันได้ยินก่อนหน้านั้นแทน
“เล่นงานเรางั้นหรอ เล่นงานนายคนเดียวมากกว่า”
“ยังไงตอนนี้มันก็เห็นแล้วว่าเธออยู่กับฉันและมันก็คงคิดไปแล้วว่าเราเกี่ยวข้องอะไรกันสักอย่าง...เธอยังคิดว่าพวกนั้นมันจะปล่อยให้เธอกลับไปนั่งเรียนหนังสือได้แบบสบายใจอยู่รึเปล่า”
“ฮือ...แล้วจะทำไงดี ฉันยังไม่อยากตาย T^T”
“เราต้องกลับไปหาฟานกับท็อทก่อน พวกนั้นมีปืน...เอ่อ พวกนั้นมีของที่ฉันต้องการ” ปาวพูดติดๆ ขัดๆ จนฉันฟังไม่ถนัดว่าของที่เขาหมายถึงนั้นคืออะไรกันแน่
เราเดินกลับห้องอย่างระมัดระวัง ระหว่างทางปาวก็โทรหาคุณภาสน์ไปด้วย บอกว่าให้รีบมาด่วนที่สุด ยิ่งเจอสถานการณ์แบบนี้ฉันยิ่งเริ่มมั่นใจว่านอกปล่อยเงินกู้ ครอบครัวของปาวต้องทำอย่างอื่นด้วยแน่ๆ ไม่งั้นไม่มีคนเอาปืนมาไล่ยิงกันแบบอุกอาดขนาดนี้หรอก
“นี่! ปล่อยมือก่อนสิ มันพิมพ์ไม่ถนัด” ปาวหันมาบอกฉัน
“ไม่เอา ฉันกลัว” ฉันคว้าหมับเข้าที่มือของปาวด้วยมือทั้ง 2 ข้างของฉัน
“เฮ้อ...แป๊บเดียว...นะ ขอร้องล่ะ ไอ้ฟานมันไม่รับสายฉันจะส่งไลน์ให้มันเอาของลงมาให้ พวกนั้นคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ ห้องฉัน คงขึ้นตึกเรียนไม่ได้”
“ถ้าฉันยอมปล่อย นายจะไม่ทิ้งฉันใช่ไหม” ฉันถามเพื่อความมั่นใจ ปาวหันมาเหมือนจะต่อว่าความงี่เง่าและขี้ขลาดของฉัน แต่พอเขามองหน้าฉันตรงๆ เขาก็ไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ฉันจึงค่อยๆ คลายมือออก เมื่อมือของปาวเป็นอิสระเขาก็รีบกดมือถืออย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นฉันก็จับที่ชายเสื้อของปาวไว้แทน
ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้น้ำตามันเอ่อคลออยู่ที่เบ้าพร้อมกับล้นออกมาได้ทุกเมื่อ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาวิ่งหลบลูกกระสุนแบบนี้
“เสร็จแล้ว” ปาวเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหันมาหาฉัน เขายื่นมืออกมาให้ฉันจับตามที่เขารับปากเอาไว้ ฉันก็เลยเอื้อมมือไปจับมันไว้แน่น ข้อดีของเหตุการณ์หนีตายในวันนี้มันทำให้ฉันรู้ว่าเขาใส่ใจกับความรู้สึกคนอื่นมากกว่าที่คิด…
“ฟานกำลังลงมา” ปาวพาฉันมารอที่ใต้ตึก ม.6 แถวๆ ล็อกเกอร์ เรายืนกันไม่ติดที่เลยเพราะว่าเรากลายเป็นเป้านิ่งไปแล้วหลังจากที่เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ยิ่งอยู่ชั้นล่างในเวลาที่คนอื่นเข้าเรียนแบบนี้ทำให้ตรงนี้เป็นที่ปลอดคนจนน่ากลัว
“ดีนะที่วันนี้ฉันแบกมาด้วย” ฟานส่งกล่องสีดำขนาดพอดีมือที่ถือลงมาจากตึกให้ปาว ปาวรีบรับกล่องนั้นมาทันที
“ขอบใจ”
“อ้าว! เธอมาด้วยหรอเนี่ย จุ้นจนได้เรื่องเลยนะ” ฟานเหน็บแนมฉันชุดใหญ่ ที่ฉันโดนหางเลขไปด้วยเพราะเพื่อนนายนั่นแหละที่ลากฉันมา -*-!
“แล้วสถานการณ์เป็นไงบ้าง” ฟานละสายตาจากฉันไปถามปาวบ้าง
“ไม่ค่อยดี พวกมันมาเยอะกว่าวันนั้น ฉันคงรับมือคนเดียวไม่ไหว” ปาวบอกพร้อมกับเปิดเอาของในกล่องนั้นออกมา ก่อนจะส่งกล่องคืนไปให้ฟาน
“ปะ..ปืน!! O_O!” ฉันอุทานออกมาอย่างลืมตัวทำให้ปาวกับฟานถึงกับส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ
ไม่ได้กระต่ายตื่นตูมเกินจริงนะ!! เด็กนักเรียน ม.ปลายพกปืนมาเรียนจะไม่ให้อุทานออกมาได้ยังไง มันผิดกฎของโรงเรียน ผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม ผิด! ผิด! ผิด! ไปหมดเลย!! พวกนี้จำเป็นขนาดไหนกันที่ต้องพกปืนมาเรียนแบบนี้ แล้วอาจารย์กับพ่อแม่ไม่ว่าเลยรึไง!
“ยืมก่อนแล้วกัน แล้วจะเอามาคืน” ปาวหันไปคุยกับฟานโดยไม่สนใจอาการตกใจของฉันเลย
“คืนเมื่อไหร่ก็ได้น่า ว่าแต่ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณภาสน์จะมาไหม” ฟานถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวคุณภาสน์ก็คงถึงแล้ว”
“งั้นฉันขึ้นไปก่อนแล้วกัน” ฟานบอกแล้วเดินขึ้นตึกเรียนไป แล้วความเงียบก็คืบคลานเข้ามาฉันก้มลงมองปืนสีดำทะมึนที่อยู่ในมือปาวสลับกับใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกปิดบังเอาไว้ด้วยแว่นตากรอบดำด้วยคำถามมากมาย จากที่เมื่อกี๊ฉันกลัวชายชุดดำพวกนั้นจนตัวสั่นเทิ้มจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้ฉันเริ่มกลัวปาวแล้ว
เขาอาจจะเป็นผู้ชายที่ฉันไม่ควรยุ่งเหมือนอย่างที่ยัยแมทธ์บอกก็ได้...
“มองฉันแบบนั้น เธอมีอะไรจะถามใช่ไหม” ปาวหันมามองฉันบ้าง เขาคงรู้ตัวว่าฉันมองหน้าเขาอยู่นานแล้ว
“มี...มีเยอะเลยล่ะ แต่ตอนนี้มันพูดไม่ออก” ฉันหลุบสายตาลงต่ำเพราะไม่รู้จะทำตัวยังไง จะชักมือกลับมาก็กลัวว่าจะวิ่งหนีลูกปืนไม่ทันถ้าปาวไม่เป็นคนลากไปด้วย จะถามออกไปตรงๆ ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ตอนนี้ฉันสับสนไปหมด
“ฝากหน่อย ยิงปืนไม่ถนัด” ปาวถอดแว่นตาออกแล้วส่งมันมาให้ฉัน
“แล้ว...นายจะมองเห็นหรอ” ฉันถามแต่ก็ยอมรับมาถือไว้อยู่ดี
“ฉันไม่ได้สายตาสั้น ใส่ไว้อำพรางหน้าเฉยๆ” ปาวบอก เอ่อ...เวลาใส่แว่นกับเวลาถอดแว่นนี่ต่างกันมากเลยหรอปาว ฉันว่าไม่ต่างกันเลยนะ หมายถึงความหล่อน่ะไม่ต่างกันเลย -////- (มันใช่เวลาไหมเนี่ย U_U)
“อำพรางไว้ทำไม นายเป็นซุป’ตาร์แฝงตัวเข้ามาเรียนในโรงเรียนรึไง”
“เปล่า ก็แค่ใส่ไว้ให้เนียนๆ ไปกับเด็กเรียนห้องเอก็เท่านั้นแหละ”
“แล้วนายไม่มีกล่องใส่แว่นหรอ ฉันกลัวทำมันตกอ่ะ เวลากลัวแขนขาฉันยิ่งไม่ค่อยมีแรงอยู่”
“ใส่ไว้ในกระเป๋าเธอนั่นแหละ”
“ถ้ามันหักล่ะ”
“ก็ซื้อใหม่”
ง่ายดีนะ =_= ฉันเก็บมันเข้าไปในกระเป๋าอย่างเบามือ ถึงเขาจะบอกแบบไม่สนใจว่าหักก็แค่ซื้อใหม่ แต่ฉันก็ใส่ไว้ในกระเป๋าดินสอที่เป็นถุงผ้าของฉันอย่างระมัดระวังอยู่ดี ซื้อกรอบแว่นใหม่มันก็แพงอยู่นะ
“อ้าว...ไม่มีที่ไปแล้วหรอคุณชาย” จู่ๆ เสียงนายศรก็ดังมาจากด้านหลังของปาว มันมาพร้อมกับลูกสมุนทั้งหมด 5 คนของมัน
“ถ้ายิงแม่งตรงนี้เลย ภารโรงจะเช็ดเลือดกี่วันวะ” นายพีพูดเสริมอย่างน่ากลัว อะไร...นี่กะจะฆ่ากันให้ตายจริงๆ ใช่ไหม
“เธอรู้จักที่ที่ปลอดคนบ้างไหม” ปาวแอบกระซิบถามฉันเบาๆ
“มี แต่ว่า...”
“ถ้าฉันบอกว่าวิ่ง เธอรีบพาฉันไปที่นั่นเลยนะ” ปาวบอกแล้วหันไปคุยกับพวกนั้นไปพลางๆ ที่ปลอดคนก็เป็นตึกนาฏศิลป์ที่ฉันเคยพาโปรดไป แต่ฉันคิดไม่ออกเลยว่าตึกนั้นมันจะมีทางหนีที่ไหน มีแต่กำแพงสูงๆ ของโรงเรียนซึ่งฉันคงปีนหนีไม่ไหวแน่ๆ ยอมตายตอนนี้เลยดีไหมนะ T^T
“ก็คงเช็ดกันหลายวัน เพราะว่าเลือดพวกแกรวมกันมันคงจะหลายลิตรอยู่” ปาวพูดเสียงดังฟังชัดอย่างยียวนกวนประสาทสุดๆ มันไม่ใช่เวลามาเล่นกวนโอ๊ยกับลูกปืนนะปาว =_=;
“ปากเก่งจริงๆ นะคุณชาย ขอยิงกรอกปากแม่งให้จบกันเลยดีไหม” นายพีทำท่าจะเดินเข้ามาหา แต่ก็ถูกนายศรรั้งเอาไว้
“...วิ่ง!!!” ปาวรีบอาศัยจังหวะที่พวกนั้นสนใจกิริยาของนายพีส่งสัญญาณมาทันที ฉันจึงทำหน้าที่เป็นคนนำทางไปยังตึกนาฏศิลป์ทันทีเช่นกัน
“เฮ้ย!! หยุด!!!!” เสียงพวกชุดดำอุทานลั่นพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ ของคน 6 คนวิ่งตามมาติดๆ
ปิ้ว!! ปิ้ว!! ปิ้ว!!
เสียงปืนที่ถูกยิงออกมาเบาจนแทบไม่ได้ยืนเพราะที่เก็บเสียง แต่กระสุนที่ถูกยิงออกมายังทรงพลังอยู่ ข้าวของและตู้ล็อกเกอร์ที่อยู่ระหว่างทางที่เราวิ่งผ่านมากระจัดกระจายอยู่เต็มทางเดินอย่างไร้การควบควบคุม
ปาวพาฉันวิ่งหลบไปมาตรงทางเดินจนกระทั่งเราเข้าใกล้กับตึกนาฏศิลป์เรื่อยๆ ใจฉันเริ่มชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะที่นั่นน่าจะพอมีที่กำบังบ้าง แต่...
“กรี๊ด!!!” จู่ๆ ฉันก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาที่ต้นแขนซ้าย มันปวดร้าวลงไปทั่วแขนจนไร้ความรู้สึกไปหมด เลือดอุ่นๆ ไหลรินออกมาจนกระทั่งมันหยดลงจากปลายนิ้ว
“โบอิ้ง!!” ปาวเรียกฉันอย่างตกใจก่อนจะใช้มือโอบรอบตัวฉันเพื่อกดห้ามเลือดที่ปากแผลเอาไว้ ฉันรู้สึกว่าหนทางที่กำลังไปมันไกลออกไปเรื่อยๆ ทั้งที่มองเห็นตึกนาฏศิลป์อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง แต่มันกลับไปไม่ถึงสักที...
เราวิ่งมาจนถึงทางข้ามแม่น้ำที่จะพาเราไปยังตึกนาฏศิลป์ แต่ก็ถูกพวกมันยิงปืนดักทางเราซะก่อน ทำให้เราจำเป็นต้องหยุดอยู่กับที่ ถ้าวิ่งต่อก็เท่ากับว่าเราวิ่งไปหาลูกกระสุนของมันด้วยตัวเอง
“ฮึๆๆๆ จนมุมแล้วสิคุณชาย” นายศรหัวเราะในลำคออย่างร้ายกาจ พร้อมกับเล็งปากกระบอกปืนมาที่เรา ตอนนี้เรามีปืนจ่อมาที่ตัวทั้งหมด 6 กระบอก ถ้าถูกยิงเนื้อตัวคงพรุนไม่เหลือซากแน่!!
“ถึงแกจะฆ่าฉัน แต่ตัวแกเองก็คงหนีไปไหนไม่รอดหรอก คนของฉันกำลังมาที่นี่ หนีได้ไกลสุดก็แค่ประตูโรงเรียนนั่นแหละเพราะคนของฉันล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว” ปาวพูดพร้อมกับเล็งปืนไปที่ศร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีมสังหารในครั้งนี้
“ถึงฉันจะหนีไม่รอด แต่ฉันก็จะได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษ เพราะฉันสามารถฆ่าแกได้ไงไอ้คุณชาย...” นายศรยิ้มมุมปากเหมือนไม่ได้เกรงกลัวต่อความตายเลยสักนิด
“เอาล่ะ จะเริ่มที่ใครก่อนดี เริ่มที่คุณชายโอเชี่ยนคอป. หรือสาวน้อยผู้บอบบางคนนี้ดีนะ” นายศรส่งยิ้มกริ่มมาให้ฉัน จนฉันรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เอาไว้ทีหลังดีกว่าว่ะศร ถ้าคุณชายปาวตายไป บางทีน้องเขาอาจจะเปลี่ยนใจยอมเป็นเมียแกก็ได้ แกก็ออกจะหล่อเถื่อนกระชากใจขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆ” ไอ้พีช่วยเสริมเพื่อนตัวเองอย่างสนุกสนาน
มันพูดอะไรกัน...เมียหรอ? จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ฉันไม่ยอมนะ!!! ถ้าเกิดปาวโดนยิงตายฉันขอกัดลิ้นตายตามดีกว่า ฉันไม่ยอมตกเป็นคนของนักเลงพวกนี้หรอก!
“ดูสิๆ ดีใจจนจะร้องไห้เลยสาวน้อย ฮ่าๆๆ” นายพีแซวฉันพร้อมกับหัวเราะร่า กิริยาท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจมาฆ่าคนเลยไอ้พวกนี้ อารมณ์ดีเกินไปแล้ว!!
“เอาล่ะ เรามาเช็คบิลกันดีกว่า” นายศรพูดพร้อมกับเหนี่ยวไกเตรียมพร้อมยิง
ไม่นะ!!!!
“อยากสั่งเสียอะไรก่อนไหมคุณชาย..”
“เธอเชื่อใจฉันไหม” ปาวหันมามองหน้าฉัน ฉันมองลึกเข้าไปในตาของปาวเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง แล้วน้ำตาที่เอ่ออยู่ก่อนหน้านี้ก็ไหลลงมาอาบแก้ม ฉันไม่รู้ว่าฉันเผลอพยักหน้าให้เขาตอนไหน แต่พอมารู้ตัวอีกทีปาวก็ลากฉันกระโดดลงมาในน้ำแล้ว!
ตูบ!!!
แรงกระแทกของน้ำในสระทำให้ฉันตกใจและได้สติ ฉันพยายามตะเกียกตะกายขึ้นไปเหนือผิวน้ำเพราะต้องการอากาศหายใจ แต่ปาวก็คว้าตัวฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะโผล่ขึ้นไปได้ ฉันพยายามดิ้นขลุกขลักไปมาภายในอ้อมแขนของปาวแต่เพราะปวดแผลที่ถูกยิงทำให้ฉันดิ้นแรงไม่ได้
วิถีกระสุนที่ตัดผ่านลงมาใต้น้ำเฉียดตัวเรา 2 คนไปแล้วหลายลูก มีลูกหนึ่งเฉียดถูกคิ้วปาวจนมีเลือดไหลซึมออกมา ฉันมองแผลนั้นด้วยความตกใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากภาวนาขอให้มันเลิกยิงลงมาในน้ำสักที หรือไม่ก็ขอให้คุณภาสน์มาช่วยเราเร็วๆ ก่อนที่ฉันจะขาดใจตายซะก่อน...
ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของปาวเริ่มเลือนหายไปช้าๆ พร้อมกับอากาศที่หลงเหลือในร่างกายน้อยนิดลงเรื่อยๆ ปาวใช้มือตบที่ใบหน้าของฉันเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่มันก็ทำให้ฉันตั้งสติลืมตาขึ้นมาได้แค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นฉันก็ลืมตาไม่ขึ้นอีกเลย...
*******************************************************
ตอนที่ 15 ไรท์ขอจัดหนักๆ ให้กับคิวบู๊เล็กๆ ของปาวกับโบนะคะ
แอบส่งความฟินน้อยๆ ไว้ให้ด้วย
เรื่องราวกำลังเข้มและข้นขึ้นเรื่อยๆ
:: ฝากด้วยนะ
********************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ