รักนะติวเตอร์
9.5
เขียนโดย ธาริน
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.12 น.
7 ตอน
0 วิจารณ์
9,508 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 12.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ไปซื้อของขวัญเป็นเพื่อนหน่อยนะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนนี้ฉันกำลังพอกหน้าอย่างมีความสุข มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆเลยล่ะ:) คงเป็นเพราะช่วงนี้ฉันไม่ได้พอกหน้าเลยล่ะมั้ง ฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับการติวเพื่อสอบชิงทุนนั่น แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันยุ่งอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่การอ่านหนังสือสอบนะฉันกำลังยุ่งอยู่กับการขอร้องคนบางคนให้ช่วยน่ะสิ พูดถึงแล้วมันน่าโมโห! หมอนั่นยังไม่ตอบตกลงฉันเลยน่ะสิ นี่ไม่รู้จะเล่นตัวไปถึงเมื่อไหร่กัน บอกตอนไหนก็คำตอบเดิมอยู่ดี ไม่เข้าใจความคิดมนุษย์เลยจริงๆจะยืดเยื้อเวลาออกไปทำไม
ถ้าฉันเก่งนะฉันไม่ง้อนายหรอกย่ะ!!
กริ๊งงงงงงงง!!
"ใครโทรมาล่ะเนี่ย ยิ่งไม่อยากขยับหน้าอยู่ ฉันพอกหน้าอยู่นะ!!!" ฉันพึมพำกับตัวเอง มองไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่บนชั้นวางสบู่ที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดร้องเลย
"ให้ตายสิ" ฉันสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่โทรศัพท์เจ้ากรรมนั่นเพื่อดูว่าใครโทรมา
"เบอร์ไม่คุ้นแฮะ?...รับดีมั้ย? แต่ถ้ารับแล้ว...หน้าฉันล่ะ"
ฉันคิดอยู่สักพักว่าจะรับดีมั้ย แต่เบอร์นี้ไม่คุ้น
บางทีเขาอาจจะโทรผิดนะ ใช่! เขาโทรผิด
ฉันยกเหตุผลขึ้นมาอ้างเพื่อที่จะไม่ได้รับโทรศัพท์
ติ๊งงงงง!
อีกละ! คราวนี้ข้อความ เฮ้อออ ทำไมวันนี้ดูเหมือนมีแต่คนต้องการติดต่อฉันนะ ฉันเดินไปที่โทรศัพท์และหยิบมันขึ้นมาเพื่อเปิดอ่านข้อความ
'ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ! ถ้าเธอไม่โทรกลับภายในสามนาที ฉันอาจจะเปลี่ยนใจ’ - ฟินิกซ์
ห๊าาาาาา!! เมื่อกี้นี้อีตาบ้านั่นโทรมาหรอกเหรอ? แล้วจะให้ฉันโทรกลับภายในสามนาทีไม่งั้นจะเปลี่ยนใจงั้นเหรอ
นี่เขาสำคัญตัวเองเกินไปมั้ย แต่เดี๋ยวนะ!...'เปลี่ยนใจ' งั้นเหรอ หมอนี่จะเปลี่ยนใจเรื่องอะไร?...หรือว่าหมอนี่จะยอมช่วยฉันแล้ว :)
เยสสสสส!! ขอบคุณพระเจ้าที่เห็นความพยายามของหนู
ฉันกำลังจะกดโทรออกแต่ก็ฉุกนึกขึ้นได้ว่า...ฉันพอกหน้านี่นา - -" ถ้าเกิดคุยกับหมอนั่นทั้งๆที่พอกอยู่แบบนี้ มันก็ย่นหมดสิ แต่ฉันไม่มีทางเลือกนี่นาเกิดฉันโทรช้าหมอนั่นเปลี่ยนใจ อนาคตอันสดใสของฉันก็ได้พังทลายลงพอดี เอาวะ!! เรื่องหน้าเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้เรื่องคำตอบหมอนั่นสำคัญกว่า ในที่สุดฉันก็ต่อสายหาฟินิกซ์
ตู๊ด...ตู๊ด...
รับช้า!!! นี่คิดจะเล่นตัวหรือไงกัน เห็นว่าฉันทำตามคำสั่งนี่เอาใหญ่เลยนะ
(ฮัลโหล)
"หวัดดี ฟินิกซ์"
(เธอเป็นใครเหรอ?)
"อย่ามาตีหน้าซื่อทำเสียงใสไปหน่อยเลย ฉันรู้ว่านายรู้ว่าฉันเป็นใคร อันที่จริงก็เป็นนายไม่ใช่เหรอที่โทรหาฉันก่อน"
(งั้นเหรอ?)
"ยังจะมีหน้ามาถามอีก อ้อ! ที่ฉันโทรกลับเพราะต้องการคำตอบ...นายตกลงแล้วใช่ไหม?"
(อันที่จริงแล้ว มันก็ควรมีข้อแลกเปลี่ยนนะเธอว่าไหม?)
"ยังไง?"
บางทีฉันก็แอบคิดนะว่าผู้ชายเป็นมนุษย์ที่เรื่องมากกว่าผู้หญิง และที่สำคัญกวนอารมณ์สุดๆ
(ก็...ฉันช่วยติวให้เธอ เธอเองก็ควรจะช่วยฉันเป็นการตอบแทนบ้าง)
"ช่วยอะไร?"
(ไปซื้อของขวัญเป็นเพื่อนฉันหน่อย)
"ห๊า!!" ฉันร้องเสียงหลง
(นี่เธอจะตกใจอะไรขนาดนั้น ฉันไม่ได้จะชวนเธอไปทัวร์อะเมซอนนะ แก้วหูแทบแตกร้องมาได้)
"ก็...แค่ซื้อของขวัญนายไปเองไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องชวนฉันด้วยเราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันขนาดนั้นนะ"
(งั้นเราก็คงจะไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่ต้องมานั่งติวให้กันสินะ)
...นี่กะจะเอาเรื่องติวมาขู่เหรอ? คิดว่าได้ผลงั้น?
...อืม นั่นแหละได้ผล
“โอเคๆ”
(โอเคนี่คือไป?)
“โอเคบ้านนายเรียกว่าปฏิเสธมั้ง”
ฉันบอกแล้วว่าผู้ชายเป็นมนุษย์ที่กวนอารมณ์ดีสุดๆ
(สรุปว่าตกลง)
“โว้ยยยย!! ฟินิกซ์นายจะกวนประสาททำไมฮะ สนุกมั้ย? ต้องการอะไรจากชีวิตฉัน อยากให้ไปฉันก็ตกลงแล้วเนี่ย ถามซ้ำทำไมนักหนา”
(ก็แค่ถามย้ำเพื่อความมั่นใจไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย เธอเป็นผู้หญิงนะ)
“ก็แล้วไง ใครใช้ให้นายมากวนอารมณ์ฉันก่อนล่ะ”
(เท่าที่หันซ้ายหันขวามองตอนนี้ในห้องฉันก็ไม่มีใครนะ เพราะงั้นก็สรุปได้ว่าไม่มีคนใช้ฉันเต็มใจทำเอง ตกลงว่าไปนะ งั้นเจอกันอีกหนึ่งชั่วโมง บาย)
ติ๊ด!!
ไอ้จอมเผด็จการ!! ไอ้จอมกวนประสาท!! ไอ้มนุษย์เข้าใจยาก!! ฉันทำได้แค่พ่นประโยคเมื่อครู่ใส่โทรศัพท์หลังจากที่ฟินิกซ์วางสายไปแล้ว ฉันคงทำได้แค่นี้สินะตราบใดที่ฉันยังคงต้องพึ่งเขาอยู่ ฉันใช้เวลาจัดการภารกิจส่วนตัวทุกอย่างภายในสี่สิบห้านาทีก่อนจะอพยพตัวเองลงมาข้างล่างแล้วตรงดิ่งไปที่ครัว
กลิ่นหอมของกับข้าวที่แม่ทำเอาไว้ลอยมาเตะจมูกทันที อาหารที่แม่เตรียมไว้ก็คงไม่พ้นของโปรดของฉันแน่นอนเพราะท่านต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน ทุกๆครั้งที่ผ่านมามักจะเป็นแบบนี้น่ะนะ นั่งลงจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะนึกได้ว่าอีกสองสามวันต่อจากนี้ฉันคงต้องพึ่งมาม่าแทน ก็พ่อกับแม่น่ะสิไปบ้านสวนกันสองคนแล้วปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว โดยให้เหตุผลว่าฉันต้องไปโรงเรียน นี่มันวันเสาร์นะถ้าขาดอย่างมากก็แค่วันจันทร์เอง จะแอบไปฮันนีมูนกันสองคนก็บอกมาเหอะ
ฉันจัดการทุกอย่างบนโต๊ะเรียบร้อยก่อนจะเดินไปดื่มน้ำในตู้เย็น แล้วสะดุดตากับโพสอิทที่แม่เขียนแปะไว้ อ่านข้อความในโพสอิทแล้วต้องยิ้มแก้มแทบปริเลยแหละ
ปิ๊นนนนนนนนนนน!! ปิ๊นนนนนนนนนนน!! ปิ๊นนนนนนนนนนน!!
“นี่ หยุดได้แล้วรบกวนคนอื่นเขา กริ่งหน้าบ้านก็มีทำไมไม่กด เสียงแตรนายนี่มันน่าฟังนักหรือไง” ฉันยืนหอบแฮก สลับกับมองคนที่นั่งทำหน้านิ่งในรถ ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงเมื่อกี้เป็นเพียงลมพัดใบไม้แต่ความจริงแล้วหูแทบแตกเพราะเสียงแตรนรกนั่น!! นี่ถ้าฉันออกมาช้ากว่านี้ ป้าข้างบ้านคงได้ขุดโคตรเหง้าตระกูลฉันมาด่าเล่นแล้วมั้ง
“ขึ้นรถสิ”
และยังคงเผด็จการ ออกคำสั่งเหมือนเดิม
ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิม หน็อยยยย!! ก่อเรื่องแล้วยังมาทำหน้าตาเฉยแถมยังมาออกคำสั่งอีก ใหญ่ตายอ่ะ วันนี้วันเสาร์นะไม่ใช่วันธรรมดา อีกอย่างนี่หน้าบ้านฉันไม่ใช่โรงเรียนสักหน่อยที่นายจะมาใช้อำนาจประธานสภานักเรียนออกคำสั่ง
“อ้อ หรือจะเปลี่ยนใจไม่ไป...”
“ฉันก็คิดว่าจะทำแบบนั้นอยู่”
“...งั้นคงต้องไปหาคนติวให้ใหม่นะ”
“คิดว่าฉันง้อนายงั้นเหรอ?”
“ก็ไม่เคยคิดนี่” ฟินิกซ์ยักคิ้วกวนประสาทก่อนจะพูดต่อ “แต่คิดดีๆนะติวกับคนที่เคยมีประสบการณ์สอบแถมคะแนนอันดับหนึ่งกับคนที่อาจจะไม่มีประสบการณ์และไม่ใช่ที่หนึ่ง แบบไหนเสี่ยงน้อยกว่ากัน :)”
“โอเค :) ฉัน จะ ไป กับ นาย ชัดนะ!!”
ฉันเปิดประตูรถก่อนจะยัดตัวเองเข้าไปข้างในพร้อมกับปิดประตูเสียงดังปังงง เป็นการระบายอารมณ์เบาๆ ...เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องยอม ฝากไว้ก่อนเหอะ
“เบาๆสิ”
“โทษทีกลัวมันไม่สนิท”
“กลัวมันไม่สนิทหรือกลัวมันไม่พัง”
“ทั้งสองอย่าง”
“รถมันไปทำอะไรให้หมั่นไส้กัน”
“รถไม่ได้ทำ แต่เจ้าของมันทำ น่าหมั่นไส้นักคนอะไรกวนโมโหชิบ”
ยิ้ม...ยิ้มมมมมมมมม ยิ้มบ้าอะไรห๊า!!
“หยุดยิ้มเลยนะ ออกรถได้แล้วจะซื้อไหมของขวัญนายน่ะ”
“ฮะๆ :)"
“หัวเราะอะไรฮะ แล้วก็ไอ้รอยยิ้มบ้าๆนั่นอีก ฉันบอกให้หยุดไงเล่า”
“โอเค หยุดๆ”
ขนาดขับรถออกมาไกลขนาดนี้แล้วหมอนั่นยังไม่หยุดยิ้มเลย เป็นบ้าอะไรฮะอยู่ๆเกิดจิตวิกลขึ้นมาหรือไงกัน ถึงได้ยิ้มไม่หุบ หรือกรามค้าง หรือจะบ้าจริงๆ ฉันว่าต้องเป็นอย่างหลังแน่ๆต้องใช่ชัวร์ ฉันมองออกไปข้างนอกแทนการมองหน้าแป๊ะยิ้มกวนๆของคนข้างๆ ถึงแม้มันจะไม่ได้ทำให้อารมณ์ฉันหายบูดได้ หรือออาจจะทำให้ฉันบูดยิ่งกว่าเดิม เมืองที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตึก กับรถที่วิ่งสวนไปมาอย่างไม่ยอมหยุดพัก คิดถึงบ้านสวนจัง พ่อกับแม่ไม่น่าทิ้งฉันไว้บ้านคนเดียวเลย ไหนบอกรักไงแล้วปล่อยไว้คนเดียวนี่คืออะไร งอนแล่ว
ฟินิกซ์ขับรถราวๆครึ่งชั่วโมงได้ เราก็มาถึงห้างที่ฟินิกซ์บอกจะมาซื้อของขวัญ หมอนั่นบอกดูๆร้านเอาไว้แล้วเพราะฉะนั้นเราจึงไม่ต้องเสียเวลาว่าจะเลือกร้านไหน เราหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายของกิ๊ฟช็อบเล็ก แต่ทว่าตกแต่งร้านได้น่ารักมาก หมอนี่มีมุมหวานๆแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย นึกว่ามีแค่กวนประสาทคนอื่นไปวันๆ
“เฮ้!! เข้ามาสิ หรือจะให้ไปจูงมือเดินเข้ามา” ฟินิกซ์ทำท่าจะเดินกลับมา แต่ฉันร้องปฏิเสธไปก่อน เรื่องอะไรจะยอมล่ะ เดี๋ยวคนเข้าใจผิดหมด
“รู้แล้วน่า อีกอย่างฉันเดินเองได้”
ยิ่งเดินเข้าไปข้างในฉันก็ยิ่งรู้สึกชอบร้านนี้มากขึ้น ทำไมตกแต่งร้านได้น่ารักอย่างนี้ เจ้าของร้านต้องน่ารักมากแน่ๆเลย ว่าแต่เกี่ยวอะไรกับเจ้าของร้านอ่ะ
“ชอบล่ะสิ”
ฉันหันไปมองเจ้าของประโยคที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆฉัน เรียกว่ายืนคำหัวก็ได้นะคนอะไรสูงชิบ หรือว่าฉันเตี้ยเอง?
“อืม ชอบ น่ารักดี” ฉันตอบพร้อมกับมองรอบๆร้านอีกครั้งมันน่ารักจริงๆ อยากจะยกทั้งร้านไปไว้ที่บ้านคงจะดีไม่น้อย
“ชอบก็ดีแล้ว”
หึ พูดอย่างกับที่พามานี่เพื่อฉันงั้นแหละ แล้วนั่นยิ้มอีกแล้ว ฉันซื้อทิ้งได้ไหมไอ้ยิ้มบ้าๆเนี่ย มันก็ดูดีน่ามองอยู่หรอก แต่ตั้งแต่เมื่อเช้าฉันก็พึ่งรู้ว่านอกจากจะดูดีแล้ว มันสามารถทำให้ฉันหงุดหงิดได้ด้วย
“ถามหน่อย...ปกตินายยิ้มบ่อยแบบนี้ ป้ะ”
“ไม่รู้สิ แล้วแต่อารมณ์และคนรอบข้างมั้ง”
“บ้าไปแล้ว”
“คงงั้นมั้ง”
เหอะๆ คงบ้าจริงนี่ขนาดคนอื่นว่าบ้ายังยอมรับเลย นี่หรือคนที่จะมาติวให้ฉัน เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมนะ ฉันตัดสินใจหยุดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ฉันจะบ้าตามหมอนั่นไปอีกคน ไปหาเดินดูของดีกว่าเผื่อมีอะไรอยากได้ พักหลังนี่ไม่ค่อยได้ซื้อของกระจุกกระจิกแบบนี้เท่าไหร่ เพราะฉันเอาเงินไปซื้ออัลบั้มและจิปาถะเกี่ยวกับไอดอลที่ฉันชอบ รู้สึกตั้งแต่ติ่งมานี่เงินหมดไปกับของพวกนี้เยอะมาก แต่ก็นะความสุขของช้านนนนนนน
นั่นไง!! เจอละของที่คู่ควรกับห้องนอนของฉัน ฉันรีบเดินไปที่ชั้นวางตุ๊กตาเรซิ่น
ฉันเลือกหยิบตัวที่ชอบก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าฟินิกซ์ให้ฉันมาเป็นเพื่อนเพื่อนเลือกของนี่นา แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนกันล่ะ ฉันเดินเข้าล็อกนั้นออกล็อกนี้จนเกือบจะทั่วร้านแล้วก็ยังไม่เจอหมอนั่น เล่นซ่อนแอบอยู่หรือไงกัน ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะกดโทรออกหาฟินิกซ์ แต่หมอนั่นโผล่ออกมาจากอีกมุมซะก่อน ดี!! จะได้ไม่เปลืองค่าโทร
“เลือกได้แล้วเหรอ?”
ฟินิกซ์ชี้มาที่มือฉันที่ถือตุ๊กตาอยู่
“อะไร นี่ของฉัน” ฉันมองฟินิกซ์พร้อมกับกอดตุ๊กตาในมือนให้แน่นกว่าเดิม
“ได้ไงอ่ะ ที่ฉันชวนเธอมานี่ก็เพื่อจะให้เลือกให้นะ”
“แล้วทำไมนายไม่เลือกเองอ่ะ”
จบประโยคที่ฉันพูดหมอนั่นก็เริ่มทำหน้างอแงเหมือนเด็กสามขวบที่กำลังโดนพ่อแม่ขัดใจ จริงๆเลย ฉันจิ๊ปากเบาๆ รู้สึกสับสนกับอารมณ์หมอนี่ คนอะไรเปลี่ยนอารมณ์วันละสามเวลาอย่างกับมื้ออาหาร ถ้าหมอนี่เป็นป้าวัยสี่สิบฉันต้องคิดว่ากำลังจะเข้าสู่วัยทองแน่ๆ
“นินทาอะไรฉันอยู่หรือเปล่า”
ตอนนี้หมอนั่นกำลงหรี่ตาจับผิดฉันราวกับว่าฉันไปขโมยโมเดลรถที่เขาสะสมไว้มางั้นแหละ แต่...ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่มองนะ หมอนั่นกำลังขยับเข้ามาใกล้ฉันและฉันก็กำลังถอยหลังหนี ถ้าฉันไม่ทำอะไรคงต้องถอยไปชนแผงตุ๊กตาข้างหลังแน่ๆ
“โอ๊ะ!!” ฉันร้องออกมาเพราะมีอะไรบ้างอย่างกระแทกเข้าที่หัว ไม่ใช่แผงตุ๊กตาแต่อย่างใด...
“นี่ เขกหัวฉันทำไม” ฉันมองฟินิกซ์อย่างคาดโทษ หมอนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ โทรมาบังคับให้ฉันมาด้วย บีบแตรหน้าบ้านกวนประสาท แล้วยังจะเขกหัวฉันอีกคิดว่าถือไพ่เหนือกว่าหรือไง
“ก็ใครใช้ให้ถอยหลัง” ฟินิกซ์ตอบหน้าเนือยๆ อย่างคนไม่รู้สึกผิด ฉันคิดว่าอย่างนั้นน่ะนะ
“แล้วใครใช้ให้เดินเข้ามาล่ะ”
“นี่อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันจะทำมิดีมิร้ายเธอ”
“ไม่รู้ล่ะ ใครใช้ให้เดินมาแบบนั้นล่ะ”
“ยัยบ๊อง” ฟินิกซ์ยื่นมือมายีหัวฉัน เยอะเกินไปแล้วนะ!! ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าเล่นหัวฉันเลยนะนอกจากพ่อ
“เอามือออกไป” ฉันบอกฟินิกซ์หน้านิ่งๆ
“หวงด้วย?”
“อืม เอาออกไป” ฉันย้ำอีกรอบ หวังว่าเขาจะรู้นะว่าฉันจริงจังกับประโยคเมื่อกี้
“โอเคๆ ”
“ตกลงว่าตุ๊กตานั่นจะให้ฉันเลือกให้”
“อืม ไม่งั้นจะชวนเธอมาทำไม”
“โอเค งั้นเดี๋ยวเลือกให้ อยากได้แบบไหนว่ามา”
“เอาแบบที่เธอชอบ”
“ฮะ แบบที่ฉันชอบ?”
“อืม ไม่ต้องถามมาก ไปเลือกมาอันนึงจะได้ไปจ่ายตังค์ แล้วไปหาอะไรกิน หิวจะแย่แล้วเนี่ย”
ถ้าฉันเก่งนะฉันไม่ง้อนายหรอกย่ะ!!
กริ๊งงงงงงงง!!
"ใครโทรมาล่ะเนี่ย ยิ่งไม่อยากขยับหน้าอยู่ ฉันพอกหน้าอยู่นะ!!!" ฉันพึมพำกับตัวเอง มองไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่บนชั้นวางสบู่ที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดร้องเลย
"ให้ตายสิ" ฉันสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่โทรศัพท์เจ้ากรรมนั่นเพื่อดูว่าใครโทรมา
"เบอร์ไม่คุ้นแฮะ?...รับดีมั้ย? แต่ถ้ารับแล้ว...หน้าฉันล่ะ"
ฉันคิดอยู่สักพักว่าจะรับดีมั้ย แต่เบอร์นี้ไม่คุ้น
บางทีเขาอาจจะโทรผิดนะ ใช่! เขาโทรผิด
ฉันยกเหตุผลขึ้นมาอ้างเพื่อที่จะไม่ได้รับโทรศัพท์
ติ๊งงงงง!
อีกละ! คราวนี้ข้อความ เฮ้อออ ทำไมวันนี้ดูเหมือนมีแต่คนต้องการติดต่อฉันนะ ฉันเดินไปที่โทรศัพท์และหยิบมันขึ้นมาเพื่อเปิดอ่านข้อความ
'ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ! ถ้าเธอไม่โทรกลับภายในสามนาที ฉันอาจจะเปลี่ยนใจ’ - ฟินิกซ์
ห๊าาาาาา!! เมื่อกี้นี้อีตาบ้านั่นโทรมาหรอกเหรอ? แล้วจะให้ฉันโทรกลับภายในสามนาทีไม่งั้นจะเปลี่ยนใจงั้นเหรอ
นี่เขาสำคัญตัวเองเกินไปมั้ย แต่เดี๋ยวนะ!...'เปลี่ยนใจ' งั้นเหรอ หมอนี่จะเปลี่ยนใจเรื่องอะไร?...หรือว่าหมอนี่จะยอมช่วยฉันแล้ว :)
เยสสสสส!! ขอบคุณพระเจ้าที่เห็นความพยายามของหนู
ฉันกำลังจะกดโทรออกแต่ก็ฉุกนึกขึ้นได้ว่า...ฉันพอกหน้านี่นา - -" ถ้าเกิดคุยกับหมอนั่นทั้งๆที่พอกอยู่แบบนี้ มันก็ย่นหมดสิ แต่ฉันไม่มีทางเลือกนี่นาเกิดฉันโทรช้าหมอนั่นเปลี่ยนใจ อนาคตอันสดใสของฉันก็ได้พังทลายลงพอดี เอาวะ!! เรื่องหน้าเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้เรื่องคำตอบหมอนั่นสำคัญกว่า ในที่สุดฉันก็ต่อสายหาฟินิกซ์
ตู๊ด...ตู๊ด...
รับช้า!!! นี่คิดจะเล่นตัวหรือไงกัน เห็นว่าฉันทำตามคำสั่งนี่เอาใหญ่เลยนะ
(ฮัลโหล)
"หวัดดี ฟินิกซ์"
(เธอเป็นใครเหรอ?)
"อย่ามาตีหน้าซื่อทำเสียงใสไปหน่อยเลย ฉันรู้ว่านายรู้ว่าฉันเป็นใคร อันที่จริงก็เป็นนายไม่ใช่เหรอที่โทรหาฉันก่อน"
(งั้นเหรอ?)
"ยังจะมีหน้ามาถามอีก อ้อ! ที่ฉันโทรกลับเพราะต้องการคำตอบ...นายตกลงแล้วใช่ไหม?"
(อันที่จริงแล้ว มันก็ควรมีข้อแลกเปลี่ยนนะเธอว่าไหม?)
"ยังไง?"
บางทีฉันก็แอบคิดนะว่าผู้ชายเป็นมนุษย์ที่เรื่องมากกว่าผู้หญิง และที่สำคัญกวนอารมณ์สุดๆ
(ก็...ฉันช่วยติวให้เธอ เธอเองก็ควรจะช่วยฉันเป็นการตอบแทนบ้าง)
"ช่วยอะไร?"
(ไปซื้อของขวัญเป็นเพื่อนฉันหน่อย)
"ห๊า!!" ฉันร้องเสียงหลง
(นี่เธอจะตกใจอะไรขนาดนั้น ฉันไม่ได้จะชวนเธอไปทัวร์อะเมซอนนะ แก้วหูแทบแตกร้องมาได้)
"ก็...แค่ซื้อของขวัญนายไปเองไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องชวนฉันด้วยเราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันขนาดนั้นนะ"
(งั้นเราก็คงจะไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่ต้องมานั่งติวให้กันสินะ)
...นี่กะจะเอาเรื่องติวมาขู่เหรอ? คิดว่าได้ผลงั้น?
...อืม นั่นแหละได้ผล
“โอเคๆ”
(โอเคนี่คือไป?)
“โอเคบ้านนายเรียกว่าปฏิเสธมั้ง”
ฉันบอกแล้วว่าผู้ชายเป็นมนุษย์ที่กวนอารมณ์ดีสุดๆ
(สรุปว่าตกลง)
“โว้ยยยย!! ฟินิกซ์นายจะกวนประสาททำไมฮะ สนุกมั้ย? ต้องการอะไรจากชีวิตฉัน อยากให้ไปฉันก็ตกลงแล้วเนี่ย ถามซ้ำทำไมนักหนา”
(ก็แค่ถามย้ำเพื่อความมั่นใจไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลย เธอเป็นผู้หญิงนะ)
“ก็แล้วไง ใครใช้ให้นายมากวนอารมณ์ฉันก่อนล่ะ”
(เท่าที่หันซ้ายหันขวามองตอนนี้ในห้องฉันก็ไม่มีใครนะ เพราะงั้นก็สรุปได้ว่าไม่มีคนใช้ฉันเต็มใจทำเอง ตกลงว่าไปนะ งั้นเจอกันอีกหนึ่งชั่วโมง บาย)
ติ๊ด!!
ไอ้จอมเผด็จการ!! ไอ้จอมกวนประสาท!! ไอ้มนุษย์เข้าใจยาก!! ฉันทำได้แค่พ่นประโยคเมื่อครู่ใส่โทรศัพท์หลังจากที่ฟินิกซ์วางสายไปแล้ว ฉันคงทำได้แค่นี้สินะตราบใดที่ฉันยังคงต้องพึ่งเขาอยู่ ฉันใช้เวลาจัดการภารกิจส่วนตัวทุกอย่างภายในสี่สิบห้านาทีก่อนจะอพยพตัวเองลงมาข้างล่างแล้วตรงดิ่งไปที่ครัว
กลิ่นหอมของกับข้าวที่แม่ทำเอาไว้ลอยมาเตะจมูกทันที อาหารที่แม่เตรียมไว้ก็คงไม่พ้นของโปรดของฉันแน่นอนเพราะท่านต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน ทุกๆครั้งที่ผ่านมามักจะเป็นแบบนี้น่ะนะ นั่งลงจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะนึกได้ว่าอีกสองสามวันต่อจากนี้ฉันคงต้องพึ่งมาม่าแทน ก็พ่อกับแม่น่ะสิไปบ้านสวนกันสองคนแล้วปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว โดยให้เหตุผลว่าฉันต้องไปโรงเรียน นี่มันวันเสาร์นะถ้าขาดอย่างมากก็แค่วันจันทร์เอง จะแอบไปฮันนีมูนกันสองคนก็บอกมาเหอะ
ฉันจัดการทุกอย่างบนโต๊ะเรียบร้อยก่อนจะเดินไปดื่มน้ำในตู้เย็น แล้วสะดุดตากับโพสอิทที่แม่เขียนแปะไว้ อ่านข้อความในโพสอิทแล้วต้องยิ้มแก้มแทบปริเลยแหละ
ปิ๊นนนนนนนนนนน!! ปิ๊นนนนนนนนนนน!! ปิ๊นนนนนนนนนนน!!
“นี่ หยุดได้แล้วรบกวนคนอื่นเขา กริ่งหน้าบ้านก็มีทำไมไม่กด เสียงแตรนายนี่มันน่าฟังนักหรือไง” ฉันยืนหอบแฮก สลับกับมองคนที่นั่งทำหน้านิ่งในรถ ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงเมื่อกี้เป็นเพียงลมพัดใบไม้แต่ความจริงแล้วหูแทบแตกเพราะเสียงแตรนรกนั่น!! นี่ถ้าฉันออกมาช้ากว่านี้ ป้าข้างบ้านคงได้ขุดโคตรเหง้าตระกูลฉันมาด่าเล่นแล้วมั้ง
“ขึ้นรถสิ”
และยังคงเผด็จการ ออกคำสั่งเหมือนเดิม
ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิม หน็อยยยย!! ก่อเรื่องแล้วยังมาทำหน้าตาเฉยแถมยังมาออกคำสั่งอีก ใหญ่ตายอ่ะ วันนี้วันเสาร์นะไม่ใช่วันธรรมดา อีกอย่างนี่หน้าบ้านฉันไม่ใช่โรงเรียนสักหน่อยที่นายจะมาใช้อำนาจประธานสภานักเรียนออกคำสั่ง
“อ้อ หรือจะเปลี่ยนใจไม่ไป...”
“ฉันก็คิดว่าจะทำแบบนั้นอยู่”
“...งั้นคงต้องไปหาคนติวให้ใหม่นะ”
“คิดว่าฉันง้อนายงั้นเหรอ?”
“ก็ไม่เคยคิดนี่” ฟินิกซ์ยักคิ้วกวนประสาทก่อนจะพูดต่อ “แต่คิดดีๆนะติวกับคนที่เคยมีประสบการณ์สอบแถมคะแนนอันดับหนึ่งกับคนที่อาจจะไม่มีประสบการณ์และไม่ใช่ที่หนึ่ง แบบไหนเสี่ยงน้อยกว่ากัน :)”
“โอเค :) ฉัน จะ ไป กับ นาย ชัดนะ!!”
ฉันเปิดประตูรถก่อนจะยัดตัวเองเข้าไปข้างในพร้อมกับปิดประตูเสียงดังปังงง เป็นการระบายอารมณ์เบาๆ ...เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องยอม ฝากไว้ก่อนเหอะ
“เบาๆสิ”
“โทษทีกลัวมันไม่สนิท”
“กลัวมันไม่สนิทหรือกลัวมันไม่พัง”
“ทั้งสองอย่าง”
“รถมันไปทำอะไรให้หมั่นไส้กัน”
“รถไม่ได้ทำ แต่เจ้าของมันทำ น่าหมั่นไส้นักคนอะไรกวนโมโหชิบ”
ยิ้ม...ยิ้มมมมมมมมม ยิ้มบ้าอะไรห๊า!!
“หยุดยิ้มเลยนะ ออกรถได้แล้วจะซื้อไหมของขวัญนายน่ะ”
“ฮะๆ :)"
“หัวเราะอะไรฮะ แล้วก็ไอ้รอยยิ้มบ้าๆนั่นอีก ฉันบอกให้หยุดไงเล่า”
“โอเค หยุดๆ”
ขนาดขับรถออกมาไกลขนาดนี้แล้วหมอนั่นยังไม่หยุดยิ้มเลย เป็นบ้าอะไรฮะอยู่ๆเกิดจิตวิกลขึ้นมาหรือไงกัน ถึงได้ยิ้มไม่หุบ หรือกรามค้าง หรือจะบ้าจริงๆ ฉันว่าต้องเป็นอย่างหลังแน่ๆต้องใช่ชัวร์ ฉันมองออกไปข้างนอกแทนการมองหน้าแป๊ะยิ้มกวนๆของคนข้างๆ ถึงแม้มันจะไม่ได้ทำให้อารมณ์ฉันหายบูดได้ หรือออาจจะทำให้ฉันบูดยิ่งกว่าเดิม เมืองที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตึก กับรถที่วิ่งสวนไปมาอย่างไม่ยอมหยุดพัก คิดถึงบ้านสวนจัง พ่อกับแม่ไม่น่าทิ้งฉันไว้บ้านคนเดียวเลย ไหนบอกรักไงแล้วปล่อยไว้คนเดียวนี่คืออะไร งอนแล่ว
ฟินิกซ์ขับรถราวๆครึ่งชั่วโมงได้ เราก็มาถึงห้างที่ฟินิกซ์บอกจะมาซื้อของขวัญ หมอนั่นบอกดูๆร้านเอาไว้แล้วเพราะฉะนั้นเราจึงไม่ต้องเสียเวลาว่าจะเลือกร้านไหน เราหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายของกิ๊ฟช็อบเล็ก แต่ทว่าตกแต่งร้านได้น่ารักมาก หมอนี่มีมุมหวานๆแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย นึกว่ามีแค่กวนประสาทคนอื่นไปวันๆ
“เฮ้!! เข้ามาสิ หรือจะให้ไปจูงมือเดินเข้ามา” ฟินิกซ์ทำท่าจะเดินกลับมา แต่ฉันร้องปฏิเสธไปก่อน เรื่องอะไรจะยอมล่ะ เดี๋ยวคนเข้าใจผิดหมด
“รู้แล้วน่า อีกอย่างฉันเดินเองได้”
ยิ่งเดินเข้าไปข้างในฉันก็ยิ่งรู้สึกชอบร้านนี้มากขึ้น ทำไมตกแต่งร้านได้น่ารักอย่างนี้ เจ้าของร้านต้องน่ารักมากแน่ๆเลย ว่าแต่เกี่ยวอะไรกับเจ้าของร้านอ่ะ
“ชอบล่ะสิ”
ฉันหันไปมองเจ้าของประโยคที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆฉัน เรียกว่ายืนคำหัวก็ได้นะคนอะไรสูงชิบ หรือว่าฉันเตี้ยเอง?
“อืม ชอบ น่ารักดี” ฉันตอบพร้อมกับมองรอบๆร้านอีกครั้งมันน่ารักจริงๆ อยากจะยกทั้งร้านไปไว้ที่บ้านคงจะดีไม่น้อย
“ชอบก็ดีแล้ว”
หึ พูดอย่างกับที่พามานี่เพื่อฉันงั้นแหละ แล้วนั่นยิ้มอีกแล้ว ฉันซื้อทิ้งได้ไหมไอ้ยิ้มบ้าๆเนี่ย มันก็ดูดีน่ามองอยู่หรอก แต่ตั้งแต่เมื่อเช้าฉันก็พึ่งรู้ว่านอกจากจะดูดีแล้ว มันสามารถทำให้ฉันหงุดหงิดได้ด้วย
“ถามหน่อย...ปกตินายยิ้มบ่อยแบบนี้ ป้ะ”
“ไม่รู้สิ แล้วแต่อารมณ์และคนรอบข้างมั้ง”
“บ้าไปแล้ว”
“คงงั้นมั้ง”
เหอะๆ คงบ้าจริงนี่ขนาดคนอื่นว่าบ้ายังยอมรับเลย นี่หรือคนที่จะมาติวให้ฉัน เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมนะ ฉันตัดสินใจหยุดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ฉันจะบ้าตามหมอนั่นไปอีกคน ไปหาเดินดูของดีกว่าเผื่อมีอะไรอยากได้ พักหลังนี่ไม่ค่อยได้ซื้อของกระจุกกระจิกแบบนี้เท่าไหร่ เพราะฉันเอาเงินไปซื้ออัลบั้มและจิปาถะเกี่ยวกับไอดอลที่ฉันชอบ รู้สึกตั้งแต่ติ่งมานี่เงินหมดไปกับของพวกนี้เยอะมาก แต่ก็นะความสุขของช้านนนนนนน
นั่นไง!! เจอละของที่คู่ควรกับห้องนอนของฉัน ฉันรีบเดินไปที่ชั้นวางตุ๊กตาเรซิ่น
ฉันเลือกหยิบตัวที่ชอบก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าฟินิกซ์ให้ฉันมาเป็นเพื่อนเพื่อนเลือกของนี่นา แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนกันล่ะ ฉันเดินเข้าล็อกนั้นออกล็อกนี้จนเกือบจะทั่วร้านแล้วก็ยังไม่เจอหมอนั่น เล่นซ่อนแอบอยู่หรือไงกัน ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะกดโทรออกหาฟินิกซ์ แต่หมอนั่นโผล่ออกมาจากอีกมุมซะก่อน ดี!! จะได้ไม่เปลืองค่าโทร
“เลือกได้แล้วเหรอ?”
ฟินิกซ์ชี้มาที่มือฉันที่ถือตุ๊กตาอยู่
“อะไร นี่ของฉัน” ฉันมองฟินิกซ์พร้อมกับกอดตุ๊กตาในมือนให้แน่นกว่าเดิม
“ได้ไงอ่ะ ที่ฉันชวนเธอมานี่ก็เพื่อจะให้เลือกให้นะ”
“แล้วทำไมนายไม่เลือกเองอ่ะ”
จบประโยคที่ฉันพูดหมอนั่นก็เริ่มทำหน้างอแงเหมือนเด็กสามขวบที่กำลังโดนพ่อแม่ขัดใจ จริงๆเลย ฉันจิ๊ปากเบาๆ รู้สึกสับสนกับอารมณ์หมอนี่ คนอะไรเปลี่ยนอารมณ์วันละสามเวลาอย่างกับมื้ออาหาร ถ้าหมอนี่เป็นป้าวัยสี่สิบฉันต้องคิดว่ากำลังจะเข้าสู่วัยทองแน่ๆ
“นินทาอะไรฉันอยู่หรือเปล่า”
ตอนนี้หมอนั่นกำลงหรี่ตาจับผิดฉันราวกับว่าฉันไปขโมยโมเดลรถที่เขาสะสมไว้มางั้นแหละ แต่...ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่มองนะ หมอนั่นกำลังขยับเข้ามาใกล้ฉันและฉันก็กำลังถอยหลังหนี ถ้าฉันไม่ทำอะไรคงต้องถอยไปชนแผงตุ๊กตาข้างหลังแน่ๆ
“โอ๊ะ!!” ฉันร้องออกมาเพราะมีอะไรบ้างอย่างกระแทกเข้าที่หัว ไม่ใช่แผงตุ๊กตาแต่อย่างใด...
“นี่ เขกหัวฉันทำไม” ฉันมองฟินิกซ์อย่างคาดโทษ หมอนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ โทรมาบังคับให้ฉันมาด้วย บีบแตรหน้าบ้านกวนประสาท แล้วยังจะเขกหัวฉันอีกคิดว่าถือไพ่เหนือกว่าหรือไง
“ก็ใครใช้ให้ถอยหลัง” ฟินิกซ์ตอบหน้าเนือยๆ อย่างคนไม่รู้สึกผิด ฉันคิดว่าอย่างนั้นน่ะนะ
“แล้วใครใช้ให้เดินเข้ามาล่ะ”
“นี่อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันจะทำมิดีมิร้ายเธอ”
“ไม่รู้ล่ะ ใครใช้ให้เดินมาแบบนั้นล่ะ”
“ยัยบ๊อง” ฟินิกซ์ยื่นมือมายีหัวฉัน เยอะเกินไปแล้วนะ!! ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าเล่นหัวฉันเลยนะนอกจากพ่อ
“เอามือออกไป” ฉันบอกฟินิกซ์หน้านิ่งๆ
“หวงด้วย?”
“อืม เอาออกไป” ฉันย้ำอีกรอบ หวังว่าเขาจะรู้นะว่าฉันจริงจังกับประโยคเมื่อกี้
“โอเคๆ ”
“ตกลงว่าตุ๊กตานั่นจะให้ฉันเลือกให้”
“อืม ไม่งั้นจะชวนเธอมาทำไม”
“โอเค งั้นเดี๋ยวเลือกให้ อยากได้แบบไหนว่ามา”
“เอาแบบที่เธอชอบ”
“ฮะ แบบที่ฉันชอบ?”
“อืม ไม่ต้องถามมาก ไปเลือกมาอันนึงจะได้ไปจ่ายตังค์ แล้วไปหาอะไรกิน หิวจะแย่แล้วเนี่ย”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ