Eternal Night The second of heartbeat.

7.7

เขียนโดย Rafael

วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 02.50 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  14.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 02.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) HEART BEAT second 07

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

HEART BEAT second 07

Raf Rafael

            ผมกลับมาอย่างทุลักทุเลเพราะยกทั้งกีตาร์ทั้งเบสกลับมาด้วย พลางเดินกลับมาที่ตึกห้องพักตามทางเดินที่เชื่อมกันระหว่างสองตึก อย่าเพิ่งถามว่าขับรถมาท่าไหนทรมานใจสุดๆ ผมอดคิดถึงสาวน้อยเพื่อนข้างห้องไม่ได้ ป่านนี้...น่าจะหลับไปแล้วมั้ง

            ระหว่างที่เหม่อมองเลขที่แสดงอยู่ด้านบนประตูลิฟท์ กลับต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก

            “กลับมาแล้วหรอ” รอยยิ้มสดใสของเรนทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้น ผมคลี่ยิ้มบางๆตอบเธอ

            “กลับมาแล้ว ลงมาทำอะไรป่านนี้”

            “ลงมาหานายนั่นแหละ” เรนส่งยิ้มหวานมาให้ พลางเดินเข้ามาใกล้ ห๊ะ! ลงมาหาทำไม อยู่ๆก็เดินเข้ามาใกล้ด้วย อึก...เดี๋ยวๆเตรียมใจไม่ทัน!

            “งะ...งั้นแวะไปมินิมาร์ทแป๊บนึงได้มั้ย” อยู่ๆก็พลั้งปากออกไป ทั้งๆที่ไม่ได้จะไปซื้ออะไร แค่คิดว่าอยากหลบออกจากสายตาเธอสักนิด เรนจ้องผมไม่วางตา หรือจะมีอะไรแปลกๆติดอยู่ตามเนื้อตัวรึเปล่านะ

            “อื้อ! ไปสิ” เธอยังส่งยิ้มสดใสมาให้ เป็นรอยยิ้มสดใสจนตาพร่าเลือน ผมเลยหมุนตัวหันหลังเดินไปทางร้านมินิมาร์ท เรนก็เดินตามมาติดๆ พอเหลือบสายตามอง เธอก็คลี่ยิ้มส่งมาให้ เรนมองผมไม่ได้วางตา หันไปเมื่อไหร่ก็จะสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลทุกครั้ง รู้สึกเกร็งขึ้นมาแล้วสิ

            “วันนี้...” อยู่ๆเสียงใสก็เปรยขึ้นระหว่างทาง ผมทำใจแข็งไม่หันไปมองคู่สนทนา

            “ขอบคุณที่พาไปข้างนอกนะ สนุกมากเลย” สิ้นคำผมหันไปมองเธออย่างลืมตัว เรนคลี่ยิ้มให้จนนัยน์ตาหรี่ลง ใบหน้าเธอดูสดใสอารมณ์ดี เจิดจ้าจนพาให้ใจเต้นตึกตัก ผมรีบเบนสายตากลับไปมองทางข้างหน้า

            “อืม...ไม่เป็นไร” แต่ตอนนี้รู้แค่ว่าผมนี่แหละเริ่มจะเป็นอะไรขึ้นมาแล้ว อยู่ๆก็ทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าร้อนๆ สายตาเลิกลั่ก ไม่รู้เรนจะสังเกตเห็นความผิดปกตินี้รึเปล่านะ

            พอเดินมาถึงหน้ามินิมาร์ท ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าเป็นการหาทางออกที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่ ในมือมีของพะรุงพะรังขนาดนี้จะเข้าไปซื้อของยังไง ผมถอนหายใจอยู่ด้านหน้าร้านก่อนจะหมุนตัวหันกลับไปบอกสาวน้อยเรือนผมสีวอลนัทว่า

            “ขึ้นห้องกันเถอะ”

            “ไม่ซื้อของแล้วหรอ” เธอส่งสายตาฉงนสงสัยมาให้ ก่อนจะมองกระเป๋ากีตาร์ที่อยู่บนหลังแถมด้วยกระเป๋าเบสอีกตัวหนึ่งในมือ แล้วเรนก็เผยสีหน้าเข้าใจออกมา

            “งั้นฉันเข้าไปซื้อให้มั้ย นายจะเอาอะไรหรอ”

            ผมอึกอักไปพักใหญ่ ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะซื้ออะไร เลยได้แต่ตอบส่งๆไป

            “ช็อกโกแลต”

            เธอส่งเสียงหัวเราะใส ก่อนหมุนตัวเดินเข้าไปในมินิมาร์ท ผมจ้องมองเธอผ่านกระจกใสมุมหนึ่งด้านหน้าร้าน เรนเดินมองนู้นมองนี่อยู่ตามชั้นขนม เหมือนเธอจะเจอของที่ผมอยากได้แล้ว เรนหยิบกล่องช็อกโกแลตขึ้นมาถือไว้กล่องหนึ่ง พอเราสบตากันเธอก็ชูช็อกโกแลตกล่องนั้นให้ดู ผมเลยพยักหน้าตอบรับไปให้ เธอดูดีอกดีใจทีเดียวที่เลือกสินค้าได้ถูกใจ จริงๆก็กินได้หมดนั่นละ

            “ปะ! ขึ้นห้องกัน” เรนดูมีชีวิตชีวาจนรู้สึกสดใสตามไปด้วย ผมเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอเบาๆอย่างเคยตัวก่อนจะออกเดินกลับไปทางลิฟท์อีกครั้ง เรนเดินตามมาพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนผมคลี่ยิ้มตามเธอจนได้

เธอนี่...น่ารักดีนะ

 

 

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบลัดเหมาะกับเสื้อหนังแบบนี้เหมือนกันนะ เขาดูเท่มาก ฉันลอบมองเขาอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ในมือเขาถือกีตาร์อยู่ด้วย ดูเหมือนดารามากเลย

ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ฉันก็ยังมองเขาอยู่ เหมือนเขาจะเขินอยู่นะ นัยน์ตาสีแดงไหวไปมาไม่ยอมหันมาสบสายตาตรงๆ น่ารักจริงๆ

วันนี้เขาอุส่าห์พาออกไปเที่ยว เลยอยากกล่าวขอบคุณเขาสักหน่อย พอได้ยินเสียงประตูห้อง 801 ดังแว่วมา ฉันเลยรีบไปหาบลัดที่ห้อง แต่พอประตูห้อง 801 เปิดออก เคลนกลับบอกว่าบลัดกลับไปที่สตูดิโอ จะเข้าไปนั่งรอในห้องเขาก็เกรงใจ สุดท้ายก็เลยกะว่าจะมารอที่ลอบบี้ แล้วก็โชคดีได้เจอเขาเข้าพอดี

ไม่ยักรู้ว่า...บลัดชอบของหวานด้วย ถ้าชวนเขาออกไปทานขนมเป็นเพื่อนคงน่าสนุกดีนะ

            ฉันลอบมองเขาไปด้วยพลางยิ้มอยู่กับตัวเอง ยิ่งเห็นเวลาเขาหลบสายตาอย่างเขินๆนั่น ไม่น่าเชื่อว่าบลัดจะเป็นหนุ่มขี้อายนะเนี่ย แบบนี้ก็ไม่กลัวเขาแล้วละ แม้ว่าหน้าตายามปกติของบลัดจะดูดุก็เถอะ

            “ราตรีสวัสดิ์” ฉันบอกเขาเมื่อเราเดินมาถึงหน้าห้อง 802 แล้ว

            “ราตรีสวัสดิ์” เขาตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่พอฉันทำท่าจะเปิดประตูเข้าห้อง เสียงของบลัดก็เรียกฉันเอาไว้

            “เรน...”

“หื้อ” ฉันหันกลับไปมองเขาตามเสียงเรียก เหมือนบลัดกำลังอึกอัก เขามีอะไรรึเปล่านะ

“พรุ่งนี้พวกฉันจะขึ้นแสดงวันแรก”

เขาก้มหน้าลงนิดหน่อย ก่อนจะเหลือบสายตามองฉัน

“อยากไปดูมั้ย” ฉันเบิกตาโต เขาชวนฉันไปดูเขาขึ้นเวทีหรอ ดีใจเหมือนกันนะ แต่ว่าเขาแสดงดึกเอาการ แถมเรามีเรียนตอนเช้าด้วย ฉันจะตื่นไหวไหมนะ พอฉันทำท่าคิดอยู่พักใหญ่เขาเลยกล่าวออกมาว่า

“ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ” แล้วบลัดก็เดินเข้าห้องเขาไปโดยไม่ได้หันมามองฉันเลย เขาโกรธรึเปล่านะ...พอเข้ามาในห้อง 802 เสียงลูคัสก็ลอยออกมาต้อนรับเป็นอย่างแรก

            “เจอพี่บลัดมั้ย”

            “เจอน่ะ เจอ...”

            “แล้ว...”

            “ก็ไม่แล้วไง” ฉันสะบัดมือไปมาปฏิเสธลุค เขาส่งสายตาไม่เข้าใจมาให้

            “ก่อนออกไปล่ะอารมณ์ดี พอกลับมาละเหมือนอมทุกข์มาด้วย”  ฉันมุ่ยปากตอบลุคไป ฉันไม่สบายใจนี่ ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจที่ไม่ตอบคำถามเขารึเปล่านะ น้องชายฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมาสนใจถุงมินิมาร์ทในมือ

            “ซื้ออะไรมา”

            “ขนม อ๊ะ!!”

            ฉันถือถุงขนมไว้จนเพลิน เลยลืมให้เขาไปซะได้

 

            ในตอนเช้าฉันเข้าไปรบกวนห้อง 801 เช่นเคย แต่วันนี้เคลนเป็นคนออกมาเปิดประตูให้พวกเรา ฉันสอดส่ายสายตามองหาบลัดโดยไม่รู้ตัว เสียงเคลนหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่เขาจะตอบว่า

            “พี่บลัดออกไปทำงานแล้ว”

            “อะ...อ๋อ” นี่ฉันแสดงอาการออกมาชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ แค่มองหาเขาเพราะจะเอาขนมมาให้ แค่นั้นจริงๆนะ

            แต่พอไม่มีเขาอยู่บนโต๊ะอาหารด้วย รอบข้างก็แลดูแปลกไป เคลนบอกว่าบางวันบลัดจะต้องไปช่วยเถ้าแก่ขนอุปกรณ์ทำขนมเข้าร้าน ก็จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ ภายในห้อง 801 เลยดูโล่งขึ้นมาถนัดตาเมื่อขาดสมาชิกไปคนหนึ่ง

            “งั้น...ผมไปก่อนนะครับ”

            “ไปก่อนนะครับ” ลูคัสส่งเสียงตามหลังเคลนมาไม่นาน หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากห้องไป

            งั้นวันนี้ก็อยู่คนเดียวน่ะสิ วันนี้ว่างเพราะไม่มีเรียน บลัดก็ไม่อยู่ ทำอะไรดีนะ

            ฉันรบกวนบลัดมาเกือบจะครบสองเดือนแล้ว ทำให้เขาเดือดร้อนมาไม่น้อย อยากซื้ออะไรตอบแทนเขาบ้างเหมือนกันนะ...ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยพลางตักข้าวในจานเข้าปากไปด้วย ร้านนาฬิกาที่เดินไปเจอเมื่อวานก็แว๊บเข้ามาในหัว ท่าทางบลัดจะสนใจไม่เบา

ดีล่ะ!! วันนี้ก็ว่างทั้งที ลองไปดูแล้วกัน!

            หลังจากตัดสินใจได้ ฉันรีบทานอาหารตรงหน้าให้หมด ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง เตรียมตัวออกไปผจญภัยในเมืองกันเถอะ!

            ฉันแต่งหน้าบางๆให้เข้ากับชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่ใส่ออกมา ทันทีที่เดินมาถึงสถานีรถไฟ ฉันก็ยืนมองป้ายที่แสดงแผนผันการเดินรถของแต่ของละสถานีไว้ ถ้าจำไม่ผิดละก็...เมื่อวานบลัดน่าจะพาไปลงสถานีตรงนี้รึเปล่านะ มันต้องเปลี่ยนขบวนรถรึเปล่า แต่น่าจะขึ้นจากสายนี้ได้เลยนี่นา ไม่น่ายากหรอกมั้ง

            ฉันกวาดสายตามองไปบนแผนผังอีกครั้ง และแล้วก็ตัดสินใจขึ้นรถไฟที่คิดว่าน่าจะใช่ขบวนนี้ ก็แค่...น่าจะใช่นะ

            ฉันตั้งใจฟังคำประกาศในขบวนรถไฟ น่าจะต้องลงหลังจากนี้อีกสามสถานี แล้วพอลงตรงนั้นก็น่าจะเดินออกจากสถานีไปทางทิศตะวันตก พอออกไปก็น่าจะเจอกับถนนที่มีห้างสรรพสินค้าเยอะๆจากตรงนั้นน่าจะหาทางไปร้านเป้าหมายไม่ยาก

            แม้ความทรงจำเรื่องหนทางจะเลือนราง ฉันตั้งใจนับจำนวนสถานีที่ผ่านมา งานนี้ไม่หลงแน่ๆ ชัวร์!! วันนี้จะมีของขวัญไปเซอร์ไพรส์เขาด้วย บลัดจะดีใจไหมนะ บลัดจะชอบสีอะไรนะ ปกติก็เห็นใส่แต่โทนมืดๆซะด้วยสิ แต่ฉันว่าสีขาวน่าจะเหมาะกับเขานะ ถึงแล้วๆ ลงสถานีนี้แหละ!

            ฉันเดินตามผู้คนออกมาจากขบวนรถไฟ หลังจากนั้นก็เงยหน้ามองป้ายที่ชี้ไปที่ทางออก แต่เอ๋...ทำไมไม่เห็นมีชื่อถนนที่ฉันจะไปเลย ถนนอะไรนะที่บลัดพามาเมื่อวาน อาจจะมาถูกที่แล้วแต่ฉันอาจจะจำไม่ได้เองรึเปล่า ไม่ลองเดินไปก่อนก็ไม่รู้ ฉันจึงก้าวเดินออกไปตามเส้นทางที่มั่นใจว่าจะพาฉันไปหาของขวัญโดยที่ไม่ได้เอะใจอะไรเลยสักนิด

            ออกไปจากตรงนี้น่าจะเจอห้างสรรพสินค้าแล้ว ฉันดีใจระคนโล่งอกที่เดินทางมาถึงที่หมายได้ ไม่อยากอวดหรอกนะ ปกติฉันหลงเป็นประจำ แม้แต่ที่อังกฤษที่อยู่มาตั้งแต่เกิด ถ้าออกนอกเส้นทางประจำไปละก็ ฉันก็เดินไม่ถูกแล้ว

แต่วันนี้น่ะ! มั่นใจสุดๆว่าไม่หลงแน่นอน ดูสิๆ คนเยอะแยะไปหมดเลย ข้างหน้านี้ต้องเป็นห้างสรรพสินค้าแน่ๆ แต่พอสายตาของฉันพ้นออกมานอกสถานี ก็พบกับตึกสูงๆที่ตั้งเรียงรายเต็มไปหมด

เอ๋...รึว่ายังไม่ถึงโซนของห้างสรรพสินค้าหรอ เหมือนบลัดจะพาเดินอยู่พักหนึ่งเหมือนกัน ลองเดินดูก่อนแล้วกันนะ

            แต่ยิ่งก้าวเดินไปไกลเท่าไหร่ ใจฉันก็เริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ แถวนี้ดูเหมือนมีแต่พนักงานบริษัทที่กำลังเร่งรีบ ฉันต้องเดินหลบคนนู้นทีคนนี้ที ทำไมเดินกันเร็วแบบนี้นะ น่ากลัว...ละ แล้ว ห้างมันอยู่ตรงไหนหรอ หรืออาจจะต้องเลี้ยวไปทางนี้รึเปล่านะ

            ฉันพยายามทำใจดีสู้เสือ อาจจะต้องเดินต่อไปอีกนิด แต่ว่า...ฉันรู้แล้วละ ฉันรู้ตัวแล้ว รู้แล้วละว่า

            หลงแล้วละ! ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย รอบตัวมีแต่อะไรไม่รู้ ที่นี่ที่ไหนกัน วันนี้มั่นใจมากๆแล้วนะ อ๊า!! ทำยังไงดี

            ทางออกหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็มีเพียงโทรศัพท์เครื่องหนึ่งที่ลุคให้มา ในนี้ลุคบอกว่ามีเบอร์โทรศัพท์ของลุคอยู่ แต่ตอนนี้ลุคน่าจะกำลังเรียนอยู่ ถ้าฉันโทรไปเขาจะต้องเดือดร้อนแน่ๆ ฉันกดเปิดรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ในมือถือขึ้นมา มันมีอยู่แค่สามรายชื่อเท่านั้น ลูคัส เคลนลิเอล แล้วก็...บลัดเทีย!!

            บลัด...เขาน่าจะกำลังทำงานอยู่ แต่ว่า ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ที่นี่ที่ไหนไม่รู้ ฉันกำลังจะร้องไห้แล้วจริงๆนะ รู้สึกใจคอไม่ดีเลย ในหัวมีแค่คำว่า ทำยังไงดี ทำยังไงดี เต็มไปหมดจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว

            ระหว่างที่กำลังฟังเสียงเรียกสาย เสียงหัวใจกำลังเต้นระทึก เป็นครั้งแรกที่โทรหาเขา แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาเขินอะไรบ้าๆแล้ว บลัดช่วยรับที ช่วยฉันด้วย...ฉันกำโทรศัพท์แน่นจนสัมผัสได้ว่ามันร้อนขึ้นมาจากเหงื่อที่ชื้นขึ้นบนฝ่ามือ และแล้วก็มีเสียงตอบรับกลับมาจากปลายสาย ฉันตะโกนเรียกชื่อเขาไปทันทีอย่างลืมตัว

            “บลัด! ช่วยด้วย...” น้ำเสียงของฉันกำลังไม่มั่นคง น้ำตาในดวงตากำลังคลอเอ่อใกล้จะหมดแรงยึดเหนี่ยวอยู่ร่อมร่อ

            “เรน! มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้อยู่ไหน!” เสียงของบลัดที่ตอบกลับมาดูร้อนรน ฉัน...ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง คิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้จะบอกยังไงว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันก็ไม่รู้

            “อยู่ไหนไม่รู้...” เสียงของฉันสะอื้นออกมาจนได้ ฉันกลัว...บลัด รอบตัวมีแต่ใครก็ไม่รู้ที่ฉันไม่รู้จัก ฉันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วตอนนี้ฉันจะทำยังไงดีก็ไม่รู้เหมือนกัน

            “ใกล้ๆมีสถานีรถไฟรึเปล่า”

            ฉันหันมองรอบตัวเพื่อหาคำตอบให้เขา ก่อนที่จะส่ายหน้ากับตัวเอง คิดว่าเดินมาไม่ไกล แต่สถานีรถไฟหายไปไหนแล้วไม่รู้

            “ไม่มี...ไม่มี...ไม่เห็นมีเลย บลัด...” ฉันพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้ปกติ แต่ว่าฉัน...นายอยู่ไหนนะบลัด...มาหาฉันหน่อยได้ไหม

            “เรน ใจเย็นๆนะ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ”

            “อื้อ...” ฉันตอบเขากลับไป พอได้ยินเสียงของเขาฉันก็ใจชื้นขึ้นนิดหน่อย พยายามควบคุมน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น

            “โทรศัพท์เปิดอินเตอร์เน็ตได้มั้ย” อยู่ๆบลัดก็ถามคำถามที่ต้องกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะตอบเขากลับไปว่า “ได้”

            “ส่งพิกัดมาให้ฉันได้มั้ย เรน GPS ใช้เป็นมั้ย” คิดไม่ถึงเลยว่ามีวิธีนี้อยู่ด้วย จริงด้วยสิ ถ้าใช้ GPS ละก็ อาจจะไม่หลงทางก็ได้ แต่ตอนนี้ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะออกก้าวเดิน

            “อื้อ เดี๋ยวส่งไปให้นะ” พอฉันกำลังจะกดวางสายเพื่อต่ออินเตอร์เน็ตตามที่เขาบอก เสียงบลัดลอยออกแผ่วเบา

“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว อยู่ตรงนั้นนะ รอฉันอยู่ตรงนั้นนะ”

น่าแปลกนะ เพียงแค่ได้ยินเสียงปลอบโยนของเขา ฉันกลับรู้สึกเบาใจ รู้สึกเบาใจจนความอดทนที่พยายามอดกลั้นไว้ถูกทลายลงจนสิ้น น้ำตาสองสายไหลอาบแก้มโดยไม่อาจควบคุมได้ อยากให้เขามาหาฉันตอนนี้ อยากให้เพียงแค่กระพริบตาก็เห็นเขาอยู่ตรงหน้า มารับฉันไวๆนะ บลัด...

 

รอเขามานานแค่ไหนแล้วนะ ฉันนั่งอยู่ในตรอกเล็กๆ พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อซ่อนตัวให้พ้นสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา ฉันนั่งชันเขาและซุกใบหน้าลงอิงแอบกับเข่าของตัวเอง เสียงในใจเอาแต่เรียกชื่อของเขาอยู่ตลอด เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า มันช้าราวกับผ่านไปหลายชั่วโมง

            “เรน!” เสียงของเขาสะท้อนก้องราวกับมันดังขึ้นมาจากในอกจนโสตประสาทได้ยิน

            “ลอเรน! เรน!” ฉันรีบเงยหน้าขึ้นเมื่อมั่นใจว่าหูไม่ได้ฝาดไป เสียงของเขาจริงๆ เสียงของบลัด

เสียงของบลัดกำลังเข้ามาใกล้

            “บลัด บลัด!” ฉันตะโกนไปสุดเสียงพลางพยายามลุกขึ้น ในที่สุดสายตาของฉันก็มองเห็นร่างสูงๆของเขา สีผมของบลัดทำให้ฉันจำเขาได้ทันที

ขาทั้งสองก้าวออกไป ฝ่าหมู่คนที่เดินสวนมา สายตาจ้องมองตรงไปหาเจ้าของเรือนผมสีเงิน นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นหันมาตามเสียงเรียกก่อนจะพยายามเดินแทรกผู้คนตรงเข้ามาหา

            “บลัด!!” ฉันกระโดดใส่เขาอย่างไม่คิดชีวิต น้ำตาทั้งหมดที่พยายามกลั้นไว้พลั่งพลูออกมารวดเดียว ซุกใบหน้าลงกับอกของเขา กลิ่นของบลัดฉันจำได้แม่น กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ตอนนี้มีกลิ่นเหงื่อผสมมาจางๆ เขาคงวิ่งตามหามาสักพักหนึ่งแล้วสินะ

            “ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่นี่แล้วนะ”

            “อื้อ...อื้อ” ฉันเค้นเสียงออกมาจากลำคอแต่เสียงสะอื้นกลับกลบคำพูดทุกอย่างที่อยากพูดหายไป ก่อนที่จะรู้สึกถึงอ้อมกอดอุ่นๆที่กระชับร่างไว้แน่น บลัดกอดร่างฉันเอาไว้จนใบหน้าฝังลงไปในอกของเขา

            “ไม่เป็นไรแล้วนะ” เสียงของเขาทำให้สบายใจ ปลดเปลื้องความกลัวทั้งหมดให้หายไปจากอก เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน บลัดวางฝ่ามือใหญ่ลงบนศีรษะของฉันก่อนจะลูบมันอย่างเบามือ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดทำให้รู้สึกปลอดภัย โล่งอก จนในที่สุดฉันก็สงบลง

            หลังจากนั้นถึงได้รู้สึกตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นช้อนสายตาไล่ไปตามแผงอกขึ้นไปจรดเข้ากับนัยน์ตาสีแดงคู่สวย ใบหน้าก็ร้อนผ่าวจนฉันรู้สึกได้ ฉันค่อยๆผละร่างออกมาจากอ้อมกอดของเขาพลางก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกมากมายหลากหลาย ทั้งโล่งใจ เขินอาย แต่กลับรู้สึกดีจนต้องอมยิ้มขึ้นที่มุมปาก

            “ร้องไห้แบบนี้ ตาบวมกันพอดี” อยู่ๆบลัดก็นำผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมาซับคราบน้ำตาที่ยังติดอยู่บนใบหน้าเบาๆ กลิ่นผ้าเช็ดหน้าเหมือนกับกลิ่นน้ำหอมของเขาเลย

            พอเริ่มตั้งสติได้แล้วถึงได้มีโอกาสมองเห็นเขาได้ชัดๆ บลัดยังสวมชุดยูนิฟอร์มอยู่เลย ท่าทางจะรีบวิ่งออกมาจากร้านทั้งแบบนั้น ชุดที่เขาใส่อยู่เหมือนชุดที่เราเจอกันวันแรก ฉันมองเขาตั้งแต่ผมลงมาถึงรองเท้าอย่างลืมตัว

            “เธอโทรมาแบบนั้นฉันก็ตกใจน่ะสิ มีเวลาเปลี่ยนชุดที่ไหนกัน” บลัดเอ่ยปากพร้อมเบนสายตาไปทางอื่น ท่าทางเขินอายจนแก้มเปลี่ยนสีจางๆแลดูขัดกับรูปร่างสูงโปร่ง แต่ในสายตาของฉันกลับเห็นว่าเขาน่ารักดีนะ

            “ขอบคุณนะ บลัด” ฉันรับผ้าเช็ดหน้าจากเขามาถือไว้ ราวกับหลุดออกมาจากฝันร้าย โล่งอก... โล่งอกมากๆ ณ ตอนนี้เขาอยู่ข้างๆฉันแล้ว

            “แล้ว...ออกมาทำอะไรถึงนี่” ไม่รู้จะตอบคำถามเขายังไงเลย ฉันอยากออกมาหาของขวัญให้เขา แต่กลับต้องโทรเรียกเจ้าของของขวัญออกมารับ มีอะไรน่าอับอายมากกว่านี้อีกไหมเนี่ย

            “คือ...” บลัดมองมาที่ฉัน นัยน์ตาสีแดงคู่นั้น ทำให้คำพูดทั้งหมดติดอยู่ในลำคอ

            “ฉันอยากไป...ร้านนาฬิกาที่เราเดินผ่านกันเมื่อวาน” ฉันก้มหน้าลงหลบสายตาของเขา

            “อ๋อ...” เขาต้องโกรธแน่ๆ ฉันก้มหน้าลงจนคางแทบจะติดกับอก รู้สึกแย่ที่ทำเขาเดือดร้อนอีกจนได้

            “ปะสิ”

            “เอ๋..” อยู่ๆบลัดก็คว้ามือของฉันไป ก่อนจะลากให้ออกเดินตามเขาไป มือของบลัดอุ่นมากเลย แถมรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด

ทั้งชีวิตผู้ชายที่ฉันสนิทด้วยก็มีแค่คนในครอบครัว แต่ตอนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังกุมมือฉันอยู่ ฝ่ามืออุ่นของเขาไม่ทำให้รู้สึกแย่แต่กลับรู้สึกเขินแทน แต่ว่านะ...ฉันกุมมือของบลัดกลับไปเบาๆ จนนิ้วมือของเราทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน บลัดไม่ได้หันกลับมามองฉันเลย จึงไม่เห็นสีหน้าของเขา

แต่ก็ดีนะ เพราะถ้าเขาหันมาละก็อาจจะเห็นว่าใบหน้าของฉันกำลังแดงแข่งกับมะเขือเทศอยู่

            ตลอดทางที่เดินมาจนถึงตอนนี้ มือของเราทั้งสองยังเกาะกุมกันไว้แน่น เขาจับมือฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยหัวใจก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

            “ออกมาแบบนี้ เจ้าของร้านไม่ว่าเอาหรอ” ฉันส่งเสียงถามเขาเพื่อทำให้หัวใจที่กำลังเต้นแรงสงบลงบ้างสักนิด

            “พรวดพราดออกมาแบบนั้น ยังไงก็โดนอยู่แล้ว” ทำไมคำตอบกับน้ำเสียงดูไปกันคนละทางนะ เขาพูดเรื่องแบบนี้ออกมาอย่างสบายๆได้ยังไงกัน โดนว่านี่ถือว่าโดนตำหนิ มันไม่ดีมิใช่หรอ

            “ไม่เป็นไรหรอก เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว” ฉันอมยิ้มขึ้นมาทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ แปลว่าที่เขามารับนี่...ฉันดีใจได้สินะ แถมเขายังนำทางให้อีก

ฉันตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อทิวทัศน์ของห้างสรรพสินค้าในความทรงจำสะท้อนเข้ามาในดวงตาอีกครั้ง ในที่สุดก็มาถึงแล้วละ!

            พวกเราเดินออกมาจากสถานีรถไฟไม่ไกล ฉันก็เริ่มจำบรรยากาศรอบๆตัวได้ จะถึงร้านนาฬิกาแล้ว...น่าจะใช่มั้ง ไม่มีความมั่นใจซะแล้วสิ เพิ่งจะหลงมาสดๆร้อนๆเลยนี่นา

            ฉันได้แต่เดินตามบลัดมาเงียบๆ จนมาถึงหน้าร้านกระจกใสในซอยหนึ่ง นาฬิกาข้อมือหลากหลายแบบตั้งเรียงรายอยู่หน้าร้าน ว้าว! สวยๆทั้งนั้นเลย

            “เข้าไปดูได้มั้ย” ฉันหันไปถามคนข้างตัว บลัดก้มลงมามองก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงอนุญาต เมื่อฉันผลักประตูเข้าไปในร้าน มือที่กุมกันไว้ถึงได้หลุดออก แต่เขาก็เดินตามฉันเข้ามาในร้านเงียบๆ

            ฉันเดินหลบเข้าไปดูด้านในร้าน ส่วนบลัดก็เดินดูนาฬิกาบนชั้นวางด้านหนึ่งอยู่ไม่ไกล พอเห็นฉันเริ่มสนใจในสินค้าพนักงานร้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา

            “สวัสดีค่ะ” เธอโค้งทักทาย ฉันโค้งทักทายเธอกลับ

            “กำลังหาของขวัญให้แฟนเหรอคะ” เธอไม่ว่าเปล่ามองตรงไปที่บลัดที่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งด้วย ความจริงฉันอยากเซอร์ไพรส์เขามากกว่าแต่ดันมาไม่ถูกนี่สิ สุดท้ายเลยต้องให้เจ้าของของขวัญพามา แต่เขาไม่ใช่แฟนฉันนะ!

            “ขะ...ขอดูเรือนนี้หน่อยได้มั้ยคะ” ฉันเลยเบี่ยงประเด็นเธอกลับไปที่สินค้าแทน

            “สักครู่นะคะ” เธอเดินกลับไปที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ในร้าน ระหว่างรอฉันแอบชำเลืองสายตามองเขานิดหน่อย บลัดสนใจเรือนไหนอยู่รึเปล่านะ สนใจสีไหนเป็นพิเศษรึเปล่า... ตลอดเวลาที่ลอบมองเขา บลัดหยุดดูนาฬิกาตามชั้นอยู่บ้างแต่ไม่มีเรือนไหนที่เขาทำท่าสนใจเป็นพิเศษ บลัดเดินไปดูมุมนู้นทีมุมนี้ทีแต่ก็ไม่เห็นหยิบเรือนไหนออกมาดูเลยสักเรือน ฉันคงต้องเลือกให้เขาด้วยตัวเองแล้วละ

            หลังจากพนักงานกลับมาเปิดตู้สินค้าให้ดู ฉันก็รบกวนเธอหยิบออกมาให้อีกหลายเรือน แต่ว่า...ยังไม่มีเรือนไหนที่ถูกใจแม้แต่เรือนเดียว ฉันเลยเปลี่ยนไปเดินดูส่วนอื่นภายในร้านบ้าง

            แอบชำเลืองสายตามองข้อมือของบลัดอยู่พักหนึ่ง เขาใช้นาฬิกาข้อมือเรือนสีดำแบบหน้าปัดดิจิตอล สีดำอีกแล้วหรอ...ฉันว่าเขาเหมาะกับสีขาวออกนะ

            หลังจากเดินดูไปแล้วรอบหนึ่ง ก็เริ่มเข้าใจว่าการเลือกของขวัญให้เขานี่ยากจัง...ฉันถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ หรือจะลองไปดูร้านอื่นดีนะ แต่แล้วสายตาก็หันไปสบกับตู้กระจกเล็กๆที่ตั้งโชว์นาฬิกาไว้แค่สองสามเรือนเท่านั้น ฉันพุ่งเข้าใส่ตู้นั้นอย่างสนอกสนใจ

            “คุณคะ ขอดูเรือนนี้หน่อยได้มั้ยคะ”

            หลังจากที่พนักงานภายในร้านนำนาฬิกาเรือนนั้นมาให้ ฉันพินิจพิเคราะห์ระหว่างพลิกนาฬิกาในมือดูโดยรอบ

มันน่าจะเข้ากับเขานะ...ตัวเรือนนาฬิกาเป็นสแตนเลสรมดำ พื้นหลังหน้าปัดสีดำ สลักด้วยเข็มและตัวเลขบนหน้าปัดสีฟ้าอ่อน ภายในหน้าปัดมีหน้าปัดเล็กๆไว้สำหรับบอกวินาทีและวันที่ พนักงานบอกว่ารอบๆหน้าปัดมีออฟชั่นสำหรับใช้จับเวลาได้ด้วย แต่ที่ทำให้ฉันสนใจมากที่สุดคือตัวเลขและเข็มบนหน้าปัดเรืองแสงได้ ต้องถูกใจบลัดแน่ๆเลย! ฉันตื่นเต้นอยู่คนเดียวพลางเหลือบมองเขา บลัดยังให้ความสนใจกับการเดินรอบๆร้าน ฉันเลยหันไปเรียกเขาแทน

            “บลัด...มาลองดูหน่อยสิ” เขาส่งสายตาฉงนสงสัยมาให้ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ บลัดยื่นข้อมือข้างที่ไม่ได้ใส่นาฬิกามาตรงหน้า ฉันเลยสวมนาฬิกาเข้ากับข้อมือของเขาได้อย่างสะดวก พอดีเป๊ะเลย!

            “น่าจะต้องตัดสายออกสักสองข้อละมั้ง” บลัดเอ่ยขึ้นหลังจากที่ฉันล็อกนาฬิกาลงกับข้อมือของเขาเรียบร้อย ฉันเงยหน้ามองเขา ก็พอดีแล้วนี่นา จะตัดออกทำไมกันนะ

            “ลุคข้อมือเล็กกว่าฉันนี่”

            พอเขาขยายความมาฉันก็ อ๋อ ออกมาทันที บลัดไม่คิดว่าฉันจะซื้อให้เขาสินะ หลังจากที่ปลดนาฬิกาออกจากข้อมือของเขาแล้ว ฉันก็หันไปมองป้ายราคา สมแล้วที่ตั้งโชว์อยู่ในตู้อย่างดี ราคาสูงกว่าเรือนอื่นอยู่เยอะทีเดียว แต่ว่า...ถือเป็นการขอบคุณในอะไรหลายๆอย่าง วันนี้เขายังโดดงานพามาที่นี่อีก เอาก็เอา!! เงินเก็บมีไว้เพื่อการนี้แหละ!

            ฉันเดินมาที่เคาน์เตอร์คิดเงินพร้อมกับพนักงานคนเดิม เธอนำเรือนที่ฉันลองเก็บไว้ในตู้ตามเดิมก่อนจะหยิบเรือนใหม่ในกล่องหรูหราส่งมาให้แทน ยิ่งเห็นมันใกล้ๆก็ยิ่งสวยจับใจ หวังว่าเขาจะชอบนะ...

            หลังจากร่ำลาเงินเก็บอยู่พักหนึ่ง ฉันวางค่านาฬิกาทั้งหมดลงบนถาดจ่ายเงิน พนักงานรับเงินไปจากถาดอย่างอ่อนน้อม เธอหันมาถามด้วยว่าจะให้เธอห่อของขวัญให้ด้วยไหม ฉันจึงพยักหน้าตอบเธอไป ระหว่างนั้นเธอส่งการ์ดใบเล็กๆมาให้ การ์ดหรอ...เขียนอะไรดีนะ

            ฉันหันไปมองเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เราสบตากันพอดี บลัดคลี่ยิ้มบางๆก่อนจะหลบสายตาไป ฉันหันกลับมามองการ์ดใบเล็กๆในมือก่อนจะบรรจงเขียนตัวอักษรลงไปในนั้นพลางยิ้มให้กับการ์ดใบเล็กๆตรงหน้า

            หลังจากถือถุงใบเล็กๆออกมาจากร้าน ริมฝีปากเหยียดยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง พอพวกเราก้าวเท้าออกมาจากร้าน บลัดก็คว้ามือกลับไปจับไว้เหมือนเดิม

            “เดี๋ยวหลงอีก” ฉันส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ก่อนจะกระชับมือของเราเข้าด้วยกัน เราเดินเล่นกันแถวนั้นอีกพักใหญ่ จนฉันบอกเขาว่าหิวแล้วนั่นละ บลัดถึงได้ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เขาดูร้อนรนขึ้นมาทันที

            “อยากทานอะไรรึเปล่า” ฉันส่ายหน้าให้เขาแทนคำตอบ ฉันกินอะไรก็ได้อยู่แล้วละ

            “ฉันกำลังจะไปซ้อมสายแล้ว ซื้อข้าวกล่องที่สถานีแล้วกันนะ”

            เรานั่งรถไฟกลับมาที่สถานีที่คุ้นเคย ทันทีที่เราหยุดยืนอยู่หน้าสถานีเขาก็ขอแยกตัวกลับไปที่ร้านเบเกอรี่  อย่าเพิ่งไปนะ! ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญนายเลย

            “วันนี้ขอไปด้วยได้มั้ย” ฉันพลั้งปากออกไปโดยไม่ทันคิด บลัดชะงักฝีเท้าหันกลับมามองอยู่ครู่หนึ่ง

            “วันนี้ทำงานที่คลับวันแรกไม่ใช่หรอ” ฉันยังไม่ได้ตอบคำถามเขาเมื่อคืนสินะ ฉันยังอยากได้ยินเสียงเขาร้องเพลง อยากไปดูเขาแสดง อยากเห็นสีหน้าเวลาเขาเปล่งเสียงร้อง

            “ขอฉันไปดูด้วยได้มั้ย...” ฉันช้อนสายตาขึ้นสบนัยน์ตาสีแดงคู่นั้นอย่างออดอ้อน ไม่นานนักบลัดก็เบือนหน้าหลบสายตา

            “อื้อ...” เขาเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปทางร้านเบเกอรี่ ฉันคลี่ยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินคำตอบก่อนจะออกก้าวเดินตามร่างของเขาไป

            มือของเราทั้งสองแกว่งอยู่ข้างตัวตามจังหวะการก้าวเดิน หลังมือเฉียดผ่านกันจบแทบจะสัมผัสกัน ไม่นานนักไออุ่นของเขาก็แผ่ตรงมาจากฝ่ามือที่เกาะกุมกันไว้อีกครั้งหนึ่ง

 

            รู้สึกราวกับเดินมาแค่ไม่กี่ก้าว สายตาก็สบเข้ากับร้านเบเกอรี่เล็กๆติดถนนใหญ่ หน้าร้านเป็นกระจกใสบานใหญ่สามารถมองลอดเข้าไปเห็นขนมปังสีเหลืองนวลด้านในชวนให้น้ำลายสอ

เมื่อก้าวย่างเข้ามาด้านใน กลิ่นหวานหอมลอยออกมากระทบปลายจมูกเป็นอย่างแรก บลัดให้ฉันนั่งรออยู่ที่โต๊ะเล็กๆมุมหนึ่งในร้าน พลางจัดแจงแกะข้าวกล่องให้ทานอย่างเป็นห่วง ฉันเลยไม่เกรงใจลงมือทานด้วยความหิว

หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปด้านหลังร้าน ฉันช้อนสายตามองตามแผ่นหลังของเขาไปก่อนจะสบเข้ากับสายตาอ่อนโยนคู่หนึ่งที่มองตรงมา คุณยายที่เคาน์เตอร์ท่านส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตรท่าทางโอบอ้อม

บลัดจะโดนว่ารึเปล่านะ ใจคอไม่ดีเลย ทำให้เขาเดือดร้อนจริงๆสินะ

            หลังจากนั่งทานข้าวกล่องด้วยความรู้สึกผิด อยู่ๆฝ่ามืออุ่นที่คุ้นเคยก็วาดลงบนศีรษะเบาๆ ฉันเงยหน้ามองเขา ตอนนี้บลัดกลับมาอยู่ในชุดที่คุ้นตา เสื้อเชิ้ตสีเข้มถูกพับแขนขึ้นไปจนถึงข้อศอก กับกางเกงสแลคสีดำ

            “แน่ใจนะว่าจะไปด้วย” เขาเลิกคิ้วถาม ฉันพยักหน้าตอบทันทีอย่างไร้ความลังเล บลัดถึงได้คลี่ยิ้มบางๆตอบกลับมา

            “บ่นอยากกลับบ้านไม่ได้นะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ

            ฉันจ้องมองบลัดที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่ตรงหน้า รู้สึกว่า...เขาน่ารักจังนะ เวลาเขาคลี่ยิ้ม เรียวคิ้วที่มักขมวดกันมุ่นจะคลายออก นัยน์ตาสีแดงหรี่ลงอย่างอ่อนโยน ทำให้เผลอคลี่ริมฝีปากยิ้มตามเขาอย่างไม่รู้ตัว

            “ไปกันเถอะ” เขายื่นฝ่ามือใหญ่มาตรงหน้า ฉันก้มหน้าลงมองมือของเขาก่อนจะวางมือลงไป แรงฉุดเบาๆจากร่างสูงดึงให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เราจะออกจากร้านเบเกอรี่เขาหันไปโค้งลาให้กับคุณตาคุณยายเจ้าของร้าน ฉันเลยค้อมตัวลงให้ท่านทั้งสองคนด้วย

            เราสองคนเดินเคียงกันไปโดยไร้เสียงพูดคุย แต่ความอบอุ่นจากฝ่ามือกลับคลายเหงาได้โดยไม่ต้องเอ่ยเสียง ใบหน้าด้านข้างของเขาสะท้อนอยู่ในสายตา ฉันทอดสายตามองราวกับถูกตรึงเอาไว้ พอเขาหันมาสบสายตารอยยิ้มบนใบหน้าคลี่ออกทันทีก่อนที่สมองจะได้สั่งการ เราประสานสายตากันไม่นานบลัดก็เป็นฝ่ายเบือนใบหน้าหนีไป

เขายกหลังมือข้างที่เหลือขึ้นป้องริมฝีปาก ราวกับกำลังซ่อนแก้มนวลที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ ยิ่งเขาซ่อน ฉันก็ยิ่งอยากรู้ ยิ่งชะเง้อมอง เขาก็ยิ่งหลบ ท่าทางไร้เดียงสาจนอยากรังแกขึ้นมาเลย

            หลังจากเราขึ้นรถกันมาสักพักบลัดก็พาลงที่มุมถนนมุมหนึ่ง ฉันกวาดสายตามองรอบๆตัว เราไม่ได้ตรงไปที่คลับสินะ แถวนี้เหมือนเป็นเขตชุมชนมากกว่าจะเป็นย่านไนท์คลับ เขาเดินนำเข้าไปในร้านตรงหัวมุมนั่น บรรยากาศในร้านหรูหราน่าดู พาให้เครื่องดนตรีราคาแพงที่เรียงรายอยู่ด้านในดูราวกับของล้ำค่าประเมินมูลค่าไม่ได้

            “ยินดีต้อนรับครับ อ้าว...บลัด”

            “สวัสดีครับ พี่อาโอ” บลัดค้อมตัวทักทายหนุ่มวัยกลางคน เจ้าของร้านรึเปล่านะ ฉันเลยค้อมตัวให้เขาด้วยอีกคน พี่อาโอส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร แต่ไม่นานนักก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พาให้เสียวสันหลังอย่างหาเหตุผลไม่ได้

            “ห้องซ้อมยังไม่มีใครมาก็เถอะ เบาๆหน่อยละกัน” พี่อาโอหัวเราะร่วนส่งไปให้บลัดพร้อมกับหรี่นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มลงอย่างมีเลศนัย บลัดหน้าแดงก่ำทันทีที่เข้าใจความหมายในคำพูดนั้น ก่อนจะหันไปโวยวายใส่เจ้าของร้านเต็มเสียง

            “ผมไม่ใช่เรย์นะ!!”

            “ยังไงก็ผู้ชาย” พี่อาโอหัวเราะในลำคอ บลัดอึกอักไปนานก่อนจะเดินผ่านพี่อาโอไปหน้าตาเฉย ฉันเลยเดินตามเขาเข้าไปด้านหลังร้านด้วย

            “ไม่ต้องไปใส่ใจก็ได้นะ” เขาเปรยเบาๆระหว่างที่เรากำลังเดินขึ้นบันได ฉันคลี่ยิ้มบางๆระหว่างก้าวเท้าตามหลังเขาขึ้นไป จะส่งของขวัญให้เขายังไงดีนะ ห้องซ้อมยังไม่มีใครมาใช่ไหม งั้น...ฉันก็มีโอกาสอยู่กับเขาสองต่อสองด้วยสิ

 

 


 

เนื่องจากพื้นหลังเรื่องนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นครับ เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆไว้สำหรับให้ผู้อ่านทุกคนสามารถทำความเข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นครับ ส่วนใหญ่เกร็ดความรู้จะเขียนมาจากประสบการณ์ตรงของไรเตอร์เอง อาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ของประเทศนะครับ

- นิสัยเดินเร็ว = เพราะคนญี่ปุ่นในความสำคัญกับเวลามากครับ เวลาในการเดินเปลี่ยนสถานีเพียงไม่กี่นาทีก็ต้องทำเวลาให้ทันเป็นต้น เพราะฉะนั้นคนญี่ปุ่นจึงติดนิสัยเดินเร็วเป็นเรื่องปกติครับ

- ถาดจ่ายเงินสินค้า = ที่ญี่ปุ่นนั้นไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กร้านใหญ่ จะเป็นร้านโชว์ห่วยหรือห้างสรรพสินค้า เขาจะมีถาดใบเล็กไว้สำหรับจ่ายเงินและวางเงินทอนตรงหน้าเคาท์เตอร์ ถ้าหากคุณเอาเงินวางไว้นอกถาดจ่ายเงิน พนักงานจะไม่รับไปนะครับ เพราะเขาถือว่า คุณยังนับเงินไม่เสร็จครับ

ขอบคุณทุกท่านคับ // โค้งRaf Rafael

(58/08/16)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา