Eternal Night The second of heartbeat.
เขียนโดย Rafael
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 02.50 น.
แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 02.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) HEART BEAT second 10
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความHEART BEAT second 10
Raf Rafael
“ลอเรนจัง อาทิตย์หน้าทำตัวให้ว่างไว้นะ” เคลนพูดขึ้นตอนที่เรากำลังนั่งทางอาหารเช้าด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ ลูคัสหันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รู้สึกราวกับกำลังจะได้รับรู้ข่าวใหญ่ระดับชาติ
“มีอะไรหรอ” ฉันถามเคลนพร้อมกับตักอาหารเช้าเข้าปาก น้องชายทั้งสองมองหน้ากันพลางยิ้มกรุ่มกริ่ม หลังจากนั้นลูคัสก็หันมาส่งยิ้มให้ก่อนจะประกาศถึงข่าวใหญ่
“วันเกิดพี่บลัด”
“จะมีปาร์ตี้กัน เพราะงั้น! ห้าม-พลาด-นะ” เคลนเน้นย้ำก่อนกล่าวต่อไปว่า
“พี่อาโอเป็นเจ้ามือจัดงานด้วยตัวเองเชียวนา”
“บลัดเกิดวันที่เท่าไหร่หรอ” ฉันเริ่มสนใจขึ้นมาแล้วสิ วันเกิดของเขาหรอ ปีนี้บลัดอายุครบเท่าไหร่นะ เราสองคนเกิดปีเดียวกันงั้นบลัดก็อายุครบสิบเก้าปีแล้วสิ
“18” เคลนตอบกลับมาพร้อมรินน้ำชาเติมในแก้วของฉัน
18 มิถุนา... ฉันคงต้องจดเอาไว้ซะแล้วละ
“จะจัดงานกันที่ไหนหรอ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน พี่อาโอบอกแค่ว่าปีนี้พิเศษแน่นอน นอกจากนั้นพวกเราก็ไม่รู้อะไรแล้ว” เคลนยักไหล่ก่อนนั่งลงที่ประจำของเขา
“งั้นไปหาซื้อของขวัญกันมั้ย” ฉันหันไปถามสองสมาชิกที่นั่งร่วมโต๊ะ ส่วนบลัดออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว แม้แต่วันเสาร์ก็ต้องออกไปทำงานเนี่ย รู้สึกเหนื่อยแทนเขาขึ้นมาเลย
“ไม่ต้องเหนื่อยหรอก ลอเรนจัง” เคลนกลับปรามฉันไว้พร้อมคลี่ยิ้มส่งมาให้
“แค่ไปร่วมงานก็พอแล้วละ”
แต่ว่า...ไปร่วมงานวันเกิดทั้งทีจะไม่มีอะไรให้เขาเลยหรอ วันเกิดของเขาเลยนะ
“แถมลอเรนจังน่ะ” ฉันเงยหน้ากลับไปมองเคลนอีกครั้ง
“เพิ่งจะซื้อนาฬิกาให้พี่บลัดเองไม่ใช่หรอ” เขารู้ได้ยังไง! ราวกับเคลนอ่านใจฉันได้ เขาถึงได้ขำออกมาพร้อมกล่าวต่อว่า
“เห็นพี่บลัดใส่ไม่ห่าง ก็เลยสงสัย”
ฉันว่า...ต้องระวังเคลนเอาไว้บ้างแล้วละ สายตาของเขาเฉียบคมจริงๆ
“อ๊ะ! อย่าเพิ่มอิ่มๆ” ฉันเอียงคอฉงนกับคำกล่าวของเคลน เขารีบลุกหายไปในครัวก่อนจะกลับออกมาพร้อมจานไปใหญ่ที่ส่งกลิ่นครีมหอมเย้ายวน
“สปาเก็ตตี้” ฉันดึงเสียงขึ้นสูงอย่างแปลกใจ
“ลองชิมดู” เมื่อเคลนเสนอฉันก็สนอง ฉันกับลุคค่อยๆม้วนเส้นขึ้นมาใส่ปากคนละคำ เมื่อรสชาติอาหารแตะลงบนลิ้น ถึงกับต้องเบิกตาโพลง
“อร่อยมากครับ! พี่เคลน” ลูคัสเอ่ยปากชม ฉันพยักหน้าเห็นด้วย รสชาติมันคุ้นลิ้นมาก จนต้องขมวดคิ้วพยายามนึกอย่างเต็มกำลัง เคยทานที่ไหนมานะ...
“หรือว่า...สูตรของคลับคุณซินซียร์” เคลนไม่ได้ตอบคำถาม เขาแค่ส่งยิ้มมาให้แทนคำตอบ ที่ฉันเห็นเขาจดอะไรบางอย่างลงไปในโทรศัพท์ หรือเขากำลังวิเคราะห์สูตรอาหารอยู่ แถมทำออกมาได้ในเวลาไม่กี่วัน สุดยอด!
“ว่าจะเป็นของขวัญให้พี่บลัดในวันเกิด พอไหวมั้ย”
“อร่อยมาก! บลัดต้องดีใจ ชัวร์!” เมื่อฉันตอบออกไป รอยยิ้มของเคลนยิ่งคลี่ออกกว้างขึ้น เขามีพรสวรรค์ในการทำอาหารจริงๆ ทำยังไงถึงได้วิเคราะห์รสชาติอาหารออกมาได้แบบนี้กันนะ ถึงจะน่าคับแค้นใจในฐานะลูกผู้หญิง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อยจนหยุดทานไม่ได้เชียวละ
“เอาไงดี ลุค” ฉันนั่งกอดเข่าพลางเหล่มองน้องชายไปด้วย ลูคัสผละสายตาออกจากจอทีวีหันมาจ้องฉันแทน
“ของขวัญพี่บลัด?”
“อื้อ...ยังไงก็อยากให้อะไรในวันเกิดเขาบ้าง” ลูคัสครุ่นคิดอย่างหนัก แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“ไปก่อนนะ” อยู่ๆเคลนก็เดินออกมาจากห้องนอน ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู
“ไปไหนหรอ เคลน” ฉันถามเขาระหว่างที่เคลนกำลังนั่งใส่รองเท้าอยู่ที่หน้าประตู
“ซ้อมครับ” อ๋อ! คืนนี้พวกเขาต้องขึ้นโชว์สินะ อ๊ะ! นี่แหละ นี่ไง นี่เลย! ของขวัญที่ฉันจะให้เขาในวันเกิด
“ยังมีสปาเก็ตตี้อยู่ในครัว ยกไปทานที่ห้องก็ได้นะ” ก่อนออกไปเคลนยังห่วงปากท้องพวกเรา ก็ดีนะ อย่างน้อยเย็นนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรกิน ความตื่นเต้นมวนอยู่ในอกจนลืมหิว ฉันคิดออกแล้วละ ว่าจะให้อะไรเขาดี!
“ลุคเราไปซ้อมกันบ้างสิ” ลูคัสหันมาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม
“เรามาร้องเพลงในวันเกิดบลัดกันเถอะ!”
วันนี้ทั้งวัน ฉันหมดเวลาไปกับการซ้อมเสียงอยู่กับลุค เวลาน้องชายเล่นกีตาร์เนี่ย ลุคดูเท่ไม่เบา แต่ว่า...ดันเผลอนึกถึงมือกีตาร์อีกคนขึ้นมาเนี่ยสิ ป่านนี้เขาน่าจะอยู่ที่คลับแล้วมั้ง
“ยิ้มอะไรอยู่หรอจ๊ะ” ฉันสะดุ้งตกใจกับเสียงของลุค เขากำลังท้าวกีตาร์แล้วนั่งจ้องฉันเขม็งเหมือนกำลังจับผิดสีหน้าของพี่สาว
“ก็ไม่ได้ร้องเพลงกับลุคนานแล้ว เลยมีความสุข” ฉันสะบัดหน้าหนีสายตาของน้องชาย ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของลุคแว่วมา ฉันยิ้มออกมาหรอ...แค่คิดถึงเขาก็ยิ้มอยู่คนเดียวแล้วหรอ
“แล้วจะร้องเพลงไหนล่ะ”
“อยากได้เพลงที่ให้กำลังใจเขานะ” ฉันรีบหันไปตอบลูคัสพลางหยิบโทรศัพท์มาไล่หารายชื่อเพลงที่น่าสนใจในอินเตอร์เน็ต ถึงจะตัดสินใจแล้วว่าจะร้องเพลงให้เขา แต่ก็ไม่ทันได้คิดเพลงเอาไว้เหมือนกันแฮะ
“เพลงนี้เลย” อยู่ๆลุคก็ยื่นโทรศัพท์ของเขามาตรงหน้า ฉันรับมันมาอ่านเนื้อเพลงที่แสดงอยู่บนหน้าจอ แต่ยิ่งอ่าน หัวใจก็ยิ่งเต้นตึกตัก
“มันให้กำลังใจตรงไหนกันเล่า!” ฉันหันไปอุบอิบใส่ลุคเมื่ออ่านเนื้อเพลงจนจบ ราวกับใบหน้าจะเริ่มร้อนขึ้นมา แค่คิดว่าจะร้องเพลงนี้ให้เขาฟังก็รู้สึกจักจี้อยู่ในอก
“เพลงนี้น่ารักดีออก คนที่เขาไม่คิดอะไรน่ะ เขา-ไม่-คิด-มาก-หรอก” ลุคยิ้มขึ้นมาเต็มใบหน้า ทำไมต้องพูดเน้นย้ำชัดถ้อยชัดคำขนาดนั้น นายต้องการอะไร หื้อ...
“ฉันอยากได้เพลงที่ให้-กำ-ลัง-ใจ-เขา” ฉันยื่นมือถือน้องชายกลับไปพลางส่งค้อนวงใหญ่แถมไปด้วย
“นี่ไงให้กำลังใจ กำลังของหัวใจจริงๆนะ” ลุคยังไม่ยอมแพ้ “บอกแล้วไง...”
“คนที่ไม่คิดอะไร เขาไม่คิดมากกันหรอกนะ” นี่ลุคกำลังลองใจฉันอยู่หรอ ไม่ได้คิดอะไรกับเขาซะหน่อย แค่คิดว่าฉันต้องร้องเพลงนี้ต่อหน้าเพื่อนๆเขา แถมร้องต่อหน้าบลัด มัน...มัน...ไม่เหมาะในงานวันเกิดเท่านั้นเอง!
“เพลงนี้เหมาะกับเสียงลอเรนออก เขาไม่คิด-มาก-กัน-หรอก”
“ก็ได้ๆ เพลงนี้ก็ได้ ไม่ได้คิดมากซะหน่อย” ฉันมุ่ยริมฝีปากใส่ลุคอย่างยอมแพ้ เขาส่งเสียงหัวเราะร่าออกมาแบบไม่เกรงใจ ถ้าฉันร้องเพลงนี้ให้นาย หวังว่า...นายจะไม่คิดมากจริงๆนะ บลัดเทีย
ร้อนชะมัด...วันอาทิตย์เป็นวันเดียวของสัปดาห์ที่ผมจะให้พักผ่อนแท้ๆ แต่กลับต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะอากาศรอบกายมันร้อนจนทำให้เริ่มมีเหงื่อชื้นขึ้นตามตัว ผมพยุงตัวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างงัวเงียก่อนจะหันไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนเล็กบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่รวบยอดเป็นโต๊ะทำงานตั้งอยู่ชิดริมผนังตรงปลายเตียง
เพิ่งจะแปดโมงเอง ผมลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ตรงไปที่รีโมทเครื่องปรับอากาศก่อนจะปรับอุณภูมิห้องให้ต่ำลง เอาละ...ได้เวลานอนต่อ แต่แล้วเสียงเคาะประตูที่ไม่ต้องการก็ดังขึ้นจนได้
“บลัดตื่นรึยัง ฉันเข้าไปนะ อ้าว...” เรนเบิกตาโพลงมองผมที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างไม่เชื่อสายตา ดูทำหน้าเข้าสิ เหมือนเห็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่ระบุสปีชี่ส์ไม่ได้ยังไง ยังงั้น
“ตื่นแล้วหรอ ไม่น่าเชื่อ” เธอยังส่งยิ้มเชิงล้อเลียนมาให้ ยังไม่ตื่นซะหน่อย
“กำลังจะนอนต่อ” ว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงที่นอนตามคำกล่าว
“วันนี้ไม่มีงานไม่ใช่หรอ”
“อื้อ” ผมครางในลำคอให้เธอแทนคำตอบ ก่อนจะจัดการดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวพร้อมกับกอดตุ๊กตาตัวเดิมไว้ในอ้อมแขน เรนนั่งลงข้างเตียงที่ประจำเวลาเธอเข้ามาปลุก
“บลัด”
“หือ” ผมพยายามครองสติที่เหลือน้อยนิดเต็มทน
“วันนี้เคลนชวนออกไปปิกนิกกันข้างนอก ไปด้วยกันนะ”
“ร้อนจะแย่”
“อากาศดีออก ไปด้วยกันน้า”
“ขอนอนอีกนิดนะ” ว่าแล้วก็ทิ้งสติลงกับหมอน ผมยังรับรู้ถึงร่างของเรนที่นั่งอยู่ที่เดิม เธอพยายามจะลากผมออกไปให้ได้สินะ เสียใจ...ผมจะนอน
เมื่อกำลังจะเคลิ้มหลับ อยู่ๆไออุ่นก็ประทับลงที่ข้างแก้ม ค้างไว้เนิ่นนานจนรู้สึกถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าว ผมค่อยๆปรือตาขึ้นพร้อมขยับตัวหันไปมองใบหน้าของสาวน้อยผู้ใจกล้า หอมแก้มผมจนเป็นกิจวัตรประจำวัน เวลาผมไม่ยอมตื่นเธอมักจะหอมแก้มอยู่แบบนั้นจนกว่าจะหันไปตอบรับเธอ แล้วก็เป็นฝ่ายผมที่พ่ายแพ้เธอทุกครั้งซะด้วยสิ
“จะออกไปเลยหรอ”
“จะออกไปตอนเย็นๆต่างหาก” เธอยิ้มหน้าระรื่นเมื่อเห็นว่าผมยอมจำนนในที่สุด
“แล้วรีบมาปลุกทำไมเล่า” ผมขมวดคิ้วมุ่น ไม่พอใจที่โดนขัดเวลานอน ต้องตื่นเช้าทุกวันทั้งสัปดาห์แถมเวลานอนก็น้อยนิดเพราะงานที่คลับ ราวกับพลังงานในชีวิตหดหายไปเกือบหมด
“เพราะนายต้องออกไปทำขนมไว้ออกไปปิกนิกไง” เรนส่งยิ้มให้พลางพูดออกมาอย่างจริงจังเหมือนมันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ไม่ควรมีข้อโต้แย้ง
“ขอนอนก่อน” ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะไว้ก่อนจะพลิกตัวหันหน้าเข้ากำแพง เรนเอื้อมมือมาเขย่าร่างพลางส่งเสียงออดอ้อนเต็มที่
“ฉันอยากหม่ำพุดดิ้งอ่า ทำให้หน่อยน้า ต้องออกไปซื้อของกันก่อนด้วยอ่า เดี๋ยวอดกินอ่า บลัดอ้า!”
“สองชั่วโมง เดี๋ยวทำให้” ผมแทรกมือออกไปจากผ้าห่ม ชูสองนิ้วให้เธอดู เสียงเรนกระเง้ากระงอดลอดผ้าห่มเข้ามา ผมแอบหัวเราะคิกคักกับเสียงออดอ้อนราวกับเด็ก
“สัญญาแล้วนะ!” เรนเลิกผ้าห่มออกอย่างไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด ผมเบนสายตาไปมองเธออย่างไม่เต็มใจก่อนจะพยักหน้าตอบรับเป็นการใหญ่
“คนผิดสัญญาต้องโดนลงโทษนะ!” ผมส่งเสียงหัวเราะตอบเธอ ก่อนจะพยักหน้าให้อีกรอบ
“สองชั่วโมงค่อยปลุกใหม่” ผมชูนิ้วสองนิ้วขึ้นในระดับสายตาของเรน เธอส่งค้อนวงใหญ่กลับมา ก่อนจะหันมาจ้องตรงๆราวกับไม่เชื่อคำของผม
“สองชั่วโมงเท่านั้นนะ!” เธอชูสองนิ้วกลับมาบ้าง
“สองชั่วโมงครับ” ผมใช้นิ้วที่ชูอยู่เอื้อมไปบีบจมูกเธอเบาๆอย่างมันเขี้ยว เรนส่งเสียงอืออาไม่พอใจยกใหญ่ ก่อนที่เธอจะได้ค้อนใส่อีกรอบ ผมก็ชิ่งหนีมุดหายไปใต้ผ้าห่มซะก่อน
พุดดิ้งหรอ...เธอจะชอบรสอะไรกันนะ
“อั๊ก!!” จุกชะมัด...ผมค่อยๆปรือตาขึ้น สายตาก็ปะทะเข้ากับใบหน้ายิ้มแฉ่งของสาวคนเดิม เธอยังนอนอยู่บนตัวเป็นหลักฐานการทำร้ายร่างกายแบบจงใจ ผมถลึงตาใส่เธอ เรนถึงได้มุ่ยปากตอบกลับมาอุบอิบ
“สองชั่วโมงแล้วนี่ ฉันปลุกดีๆแล้ว นายไม่ตื่นเอง” ผมเอี้ยวตัวไปดูนาฬิกาเรือนเล็กบนโต๊ะ สิบโมงเป๊ะไม่ขาดไม่เกินแม้แต่เสี้ยวนาที
“ไปซุปเปอร์กัน” เธอเด้งตัวขึ้นนั่งข้างเตียงอย่างกระฉับกระเฉง ทำไมถึงร่าเริงได้ตั้งแต่เช้านะ
“ให้เคลนออกไปซื้อให้ก็ได้นี่” ผมพยายามหาเหตุผลจะนอนต่อ เหมือนเรนจะไม่ปล่อยให้ได้ทำตามใจหวัง
“ฉันอยากไปเลือกเองนี่”
“ไปกับเคลนก็ได้” ผมพลิกตัวหามุมเหมาะๆเพื่อจะหลับต่อ แต่แล้วก็ต้องหันกลับไปสบนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่กำลังฉายแววขุ่นมัว
“ฉันโกรธแล้วนะ บลัด”
ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะทำใจลุกขึ้นนั่ง เรนหันมาส่งยิ้มระยิบระยับให้แทบจะทันที ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้เพื่อเร่งคนงัวเงียให้ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงสักที
“อาบน้ำ” เธอยื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาให้ ผมขยี้เรือนผมสีเงินอย่างขัดใจ แต่ก็รับผ้าขนหนูมาแต่โดยดี เมื่อผมยอมเดินเข้าห้องน้ำ เรนก็ถึงได้ยอมเดินออกไปรอด้านนอกอย่างอารมณ์ดี
เริ่มเห็นแววว่า...ในภายภาคหน้าผมคงสู้เรนไม่ไหวแน่ๆ
“ซื้อมากุโร่มาด้วยก็ดีนะพี่” เคลนโผล่หน้าออกมาจากครัวทันทีที่ผมเดินออกมาที่ทางเดินกลาง
“จะทำอะไรไปกินล่ะ” ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อหยิบน้ำดื่มออกมาเทใส่แก้ว หางตาเหลือบไปเห็นเสื่อไม้ไผ่สำหรับม้วนซูชิถูกกางเตรียมไว้บนเคาน์เตอร์เตรียมอาหาร อืม...เดี๋ยวซื้อมาหลายๆอย่างแล้วกัน
“มีไก่คาราเงะ กับโคร็อกเกะ แล้วอาหารจานหลักก็ซูชิ เดี๋ยวว่าจะเตรียมไข่หวานอีกอย่าง” เคลนหันมาตอบพลางหันกลับไปเตรียมอาหารต่ออย่างคล่องแคล่ว
“คิดไง จะออกไปปิกนิก” ผมหันไปถามคำถามที่คาใจมาตั้งแต่เช้า เคลนหันมาหัวเราะร่า ก่อนตอบมาแบบกำปั้นทุบดิน
“ว่าง” ขอบใจ... ผมเบนนัยน์ตาสีแดงไปจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง เคลนถึงได้ตอบออกมาแต่โดยดี
“ดอกไม้ที่สวนสาธารณะบานแล้ว ตอนนี้กำลังสวย พาเรนกับลุคออกไปเดินเล่นบ้างก็ไม่เลว พี่ก็ด้วยวันๆไม่ทำงานก็นอนอยู่ในห้อง ไม่เบื่อเรอะ!”
“แล้ววันๆแกมุดอยู่ในครัวไม่เบื่อเรอะ!”
“ไม่มุดอยู่ในครัว ก็ไม่ได้กินกันหมดนี่แหละ” เคลนยักคิ้วท้าทายอย่างเป็นต่อ ก็จริงของมัน เออ...ไม่สู้ก็ได้
“ไปนะ” ผมบอกเคลนก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัว
“อย่าลืมมากุโร่นะพี่” เคลนยังไม่วายส่งเสียงกำชับ
“เออ”
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามาที่ห้องรับแขก สายตาก็ปะทะเข้ากับประกายอยากรู้อยากเห็นจากนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล นัยน์ตากลมโตเพ่งมองไม่ต่างจากเด็ก ผมรู้สึกกระสับกระส่ายไม่อยากจ้องตาคู่นั้นนานไปกว่านี้ สุดท้ายจึงทำทีเบนสายตาไปที่จอทีวีแทน
“มากุโร่คืออะไรหรอ” เสียงลูคัสที่นั่งอยู่ข้างเรนหัวเราะคิกคัก ผมคิดอยู่พักหนึ่ง ในบ้านเรนจะเรียกมันว่าอะไรนะ
“ปลาทูน่า”
“อ๋อ~” เรนลากเสียงยาวเหมือนเด็กที่ได้รับการไขข้อข้องใจ ผมยิ้มให้กับท่าทางไร้เดียงสาแบบนั้น ก่อนจะกวักมือเรียกเธอให้ออกไปซื้อของด้วยกัน เรนลุกขึ้นจากโซฟาโดยไร้ท่าทีอิดออด สาวคนนี้...แรงดีจริงๆ
“ไม่เอารถไปหรอ” เธอทำหน้าฉงนทันทีที่ผมขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ซุปเปอร์ไบค์สีดำเงา แต่ในแววตาคู่นั้นกลับฉายแสงแวววับ ท่าทางอยากกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ใจจะขาด
“ซื้อของทำขนมอย่างเดียวไม่ใช่หรอ” ของไม่น่าเยอะขนาดที่ผมต้องเอารถใหญ่ไปมันเทอะทะ ผมชอบขับมอเตอร์ไซค์มากกว่า เมื่อผมยืนยันว่าจะเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ร่างเล็กๆก็กระโดดขึ้นซ้อนหลังอย่างกระฉับกระเฉงทันที
“ป๊ะ!” เสียงใสดังขึ้นข้างหู ผมเอี้ยวตัวหันไปมองใบหน้ากลมมนที่กำลังฉายรอยยิ้ม
“ชอบมอเตอร์ไซค์หรอ”
“เวลานั่งมอไซค์ มันไม่มีหลังคาใช่มั้ย” เสียงใสทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ก็แน่นอนอยู่แล้วสิ มอเตอร์ไซค์จะมีหลังคาได้อย่างไรกัน ผมพยักหน้าตอบคำถามเธออย่างฉงน
“พอไม่มีหลังคาก็จะรับลมได้เต็มที่” ผมนิ่งเงียบฟังเสียงของเรนต่อไป
“เวลาลมผ่านตัวไป รู้สึกดีมากเลย” เธอคลี่ยิ้มสดใสเต็มใบหน้า รอยยิ้มของเรนกำลังทำให้ผมยิ้มตามราวกับอารมณ์ดีขึ้นมาซะเฉยๆ
“งั้นก็...พร้อมมั้ย” ผมส่งหมวกกันน็อกแบบสวมทั้งศีรษะให้เธอ เรนรับไปสวมโดยไม่อิดออดแม้แต่น้อย แววตาวิบวับนั่นอนุภาพร้ายแรงจนสามารถข้ามผ่านกระจกสีทึบของหมวกกันน็อกออกมาได้
“เกาะดีๆนะ” ผมหันมาสวมหมวกกันน็อกให้ตัวเองบ้าง สองมือบางเกาะไหล่ของผมไว้ทันทีที่มอเตอร์ไซต์เริ่มส่งเสียงคำราม
“เกาะแบบนั้นเดี๋ยวก็ร่วงลงไปหรอก” นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลหันมองอย่างสงสัย ผมแอบอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจับแขนบางทั้งสองข้างลงมาจากบ่า พลางดึงแขนเรียวเล็กนั่นลอดใต้แขนมาเกี่ยวเอวเอาไว้แทน ผมดึงแขนเรนมาด้านหน้าให้มือของเธอกุมกันไว้บนหน้าตัก หลังจากนั้นก็วางมือลงบนมือของเรนที่กุมกันไว้แน่นหนา
“เกาะไว้แบบนี้”
“แบบนี้เรียกว่ากอด!” เรนเหวใส่อย่างน่ารัก น่าเสียดายที่มองไม่เห็นสีหน้าของเธอ หมวกใบเบ้อเริ่มปิดบังหน้าตาของเธอจนมิด ก่อนออกรถผมหันไปกำชับเธออีกครั้ง
“งั้น...กอดไว้แน่นๆล่ะ”
ตลอดทางสาวน้อยด้านหลัง หันมองซ้ายมองขวาอย่างสนอกสนใจ หลายครั้งที่เธอลืมตัวปล่อยมือออกจากเอวจนผมต้องกุมมือเธอไว้อย่างเป็นห่วง ทำประกันไว้รึยังก็ไม่รู้ ตกจากรถไปคงไม่คุ้มกันเท่าไหร่
ยิ่งเวลารถหักเลี้ยวแลดูจะชอบใจเป็นพิเศษ เรนตัวเล็กนิดเดียวจนกลัวว่าลมจะหอบร่างของเธอลงจากรถไปได้ทุกเวลา
เมื่อมาถึงที่หมายเรนลงจากรถอย่างคล่องแคล่วก่อนส่งหมวกกันน็อกให้ผมอย่างอารมณ์ดี เธอแจ่มใสซะจนรอยยิ้มบนใบหน้าฉีกตัวออกกว้างส่งเสียงฮัมเพลงอย่างร่าเริง
หายากนะ ผู้หญิงที่รับมือกับฝีมือขับรถของผมได้น่ะ
“อยากกินพุดดิ้งรสอะไรล่ะ” ผมหันไปถามสาวข้างตัวระหว่างที่กำลังหยิบนมจืดสำหรับทำขนมใส่ตะกร้าที่ถืออยู่ เรนครุ่นคิดก่อนจะตอบออกมาเสียงดังฟังชัด
“คาราเมล!”
“งั้นทำพุดดิ้งไข่ ราดคาราเมลละกัน”
ไหนๆทำแล้ว ทำรสโกโก้ไว้กินเองบ้างก็ไม่เลว ระหว่างหยิบนู้นหยิบนี่ลงตะกร้า เรนก็มองตามมือของผมด้วยสายตาอย่างรู้อยากเห็น
“นี่อะไรหรอ” เธอหยิบขวดแก้วเล็กๆขึ้นมาจากตะกร้า พลิกมันไปมาในมืออย่างพินิจพิเคราะห์ ผมเหลือบมองนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปหยิบวัตดุดิบต่อ
“กลิ่นวานิลลา”
“ใช้ทำอะไรหรอ” ผมหัวเราะออกมาเบาๆ เธอนี่กระตือรือร้นดีนะ
“ระหว่างกินพุดดิ้งกลิ่นไข่ธรรมชาติ กับ กลิ่นวานิลลาอะไรดีกว่ากันล่ะ”
“อ๋อ” เธอหันมาพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ สงสัยเหมือนเด็กๆเลยนะ
ผมมองวัตถุดิบในตะกร้าตอนนี้ของสำหรับทำขนมก็ครบแล้ว เหลือแค่ของที่เคลนฝากซื้อมา
ผมจูงมือเรนเดินไปฝั่งของสดมุมหนึ่งในซุปเปอร์ ระหว่างที่กำลังจะเดินไปเลือกมากุโร่ให้เคลนสายตาดันเหลือบไปเห็นของโปรดเข้าให้ ซื้อไปเป็นหน้าซูชิก็ไม่เลว เมื่อคิดได้ดังนั้นก็พุ่งเข้าใส่ตู้กระจกทันทีโดยไม่บอกกล่าวสาวข้างตัว
นัยน์ตาสีแดงเป็นประกายเมื่อเดินมาถึงหน้าตู้กระจกใส แค่เห็นก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ชักจะหิวขึ้นมาเลย
“รับอะไรดีคะ” คุณป้าคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังตู้กระจก เมื่อเธอถามมาผมก็ตอบกลับไปทันที
“อิคุระ กล่องนึงครับ” ไม่นานนักคุณป้าก็ส่งกล่องใบใหญ่ที่บรรจุของชอบของผมไว้เต็มกล่อง หิวจริงจังเลยนะเนี่ย
“อะไรหรอ” เรนชะเง้อหน้าเข้ามามอง ผมยื่นกล่องไปให้เธอดูเต็มตา ไข่ปลาสีส้มกำลังส่องแสงเย้ายวนอยู่ในกล่อง แค่มองมันก็พาลท้องร้อง
“ไข่ปลาแซลมอน” ผมตอบเรนอย่างอารมณ์ดี วันนี้ออกไปปิกนิกก็ไม่เลวเนอะ พอได้ของที่อยากได้แล้วก็ถึงเวลาเดินไปเลือกของที่เคลนอยากได้บ้าง รีบๆซื้อของดีกว่า ชักจะหิวจนตาลายแล้วนะ
เมื่อกลับมาถึงห้องปุ๊บ บลัดกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาเคลนในห้องครัว รบเร้าให้น้องชายของเขาทำอาหารให้ทาน
“ไม่รีบทำขนมก่อน เดี๋ยวอดกินอ่า” ฉันส่งเสียงอิดออดพร้อมโผล่หน้าเข้าไปในครัว เคลนกำลังยุ่งอยู่กับการปั้นโอนิกิริพลางโบกมือไล่บลัดไปด้วย
“ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย หิวแล้ว” ฉันเพิ่งเคยเห็นบลัดเข้าไปเกาะแกะเคลนเป็นครั้งแรก พวกเขาก็ดูเป็นพี่น้องที่สนิทกันดีนะ
“เดี๋ยวออกไปข้างนอกก็กินไม่ลงหรอก”
“แต่ตอนนี้หิว” บลัดได้เปรียบเคลนเรื่องส่วนสูง เขาถึงได้เข้าไปคุกคามก้าวก่ายเคลน ทำให้พ่อครัวประจำบ้านทำอาหารได้ลำบาก แถมยังเข้าไปกอดคอน้องไว้ไม่ปล่อยจนกว่าเขาจะได้กิน งอแงเหมือนกันนะเนี่ย
“มีข้าวอยู่ในหม้อ อย่ากินเยอะล่ะ!” หลังเคลนเอ่ยปากอนุญาตบลัดถึงได้ผละออกจากน้อง ตรงไปหยิบจานชามขึ้นมาแทนราวกับลืมพุดดิ้งของฉันไปซะสนิท
“พุดดิ้ง~” ฉันส่งเสียงอิดออดกระเง้ากระงอดอ้อนเขาบ้าง ถ้าหากนั่งรอเฉยๆวันนี้อาจจะไม่ได้กินเป็นแน่
บลัดปรายตามองก่อนจะหันไปหยิบอุปกรณ์ทำขนมจำพวกหม้อ ชามไปใหญ่ กับแม่พิมพ์ออกมาจากในตู้ เขาจัดการวางอุปกรณ์แต่ละอย่างลงบนเคาน์เตอร์อีกด้านหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเคลนนัก
แต่เมื่ออุปกรณ์ทั้งหมดพร้อม บลัดกลับหันไปคดข้าวใส่ชามพร้อมกับแกะกล่องไข่ปลาแซลมอนใช้เป็นกับข้าวซะอย่างนั้น พุดดิ้งล่ะ!
“อย่าตักอิคุระไปเยอะดิ” เคลนหันมาโวยเมื่อเห็นว่าบลัดตักไข่ปลาออกจากกล่องเป็นช้อนที่ห้า เขาตวัดนัยน์ตาสีแดงไปมองน้องอย่างไม่พอใจแต่ก็วางกล่องไข่ปลาลงแต่โดยดี หลังจากนั้นชามข้าวของเขาก็ถูกวางลงบนมือของฉัน
ระหว่างที่กำลังจ้องมองชามข้าวในมืออย่างฉงน บลัดหันไปหยิบผ้ากันเปื้อนออกมาจากลิ้นชักมุมหนึ่งในครัวขึ้นมาสวม
ร่างสูงๆของบลัดมีผ้ากับเปื้อนแบบคล้องคอยาวลงมาถึงหัวเข่าแลดูแปลกตา เขากำลังจัดการผูกผ้ากันเปื้อนเข้ากับหลังอย่างคล่องแคล่ว ฉันจ้องมองเขานิ่งๆ อืม...ดูเป็นพ่อศรีเรือนขึ้นมาทันทีเลย จะบอกว่าน่ารักดีไหมนะ ในที่สุดเขาก็ลงมือทำขนมซะที!
เมื่อเขาเริ่มลงมือทำ ฉันก็ขยับตัวเข้ามาดูใกล้ๆ บลัดตักน้ำตาลทรายแดงลงไปในหม้อใบเล็กๆ ก่อนจะใส่น้ำสะอาดตามลงไป โห! ผู้ชายบ้านนี้ จับเครื่องครัวคล่องทั้งคู่เลย ฉันทอดสายตามองเขาทำขนมอย่างเพลิดเพลิน นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นกลับหันมาจ้องฉันไว้ไม่กระพริบ
“อ้าม~” หืม...อ้ามอะไร เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อฉันไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ
“หิวแล้ว” เขาเบนสายตามองชามข้าวในมือของฉัน อ๋อ~ เดี๋ยวนะ! นี่นายจะให้ฉันป้อนข้าวนายไปด้วยเนี่ยนะ
“ท้องร้องไม่มีแรงทำขนมเลย” นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเสมองไปทางอื่นราวกับกำลังถอดถอนใจอย่างปลงตก
ทำขนมให้แรงขนาดไหนกัน! ฉันจำใจตักข้าวในมือขึ้นมาคำหนึ่ง บลัดค้อมตัวลงมาอ้าปากให้ป้อนแต่โดยดี หลังจากข้าวสวยร้อนๆเข้าปากไปแล้ว บลัดเคี้ยวไปด้วยระหว่างทำขนมอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเขากลืนลงคอแล้วก็หันมาให้ป้อนอีกครั้ง เหมือนลูกนกที่กำลังรอให้แม่นกส่งอาหารเข้าปาก ฉันป้อนข้าวเขาไปด้วยพลางเหลือบสายตามองตามมือใหญ่เป็นระยะ ไม่นานนักกลิ่นหอมหวานก็ลอยออกมาแตะจมูกเบาๆ กลิ่นคาราเมล หอมจัง!
เขายกหม้อใบเล็กขึ้นมาจากเตา พักไว้บนเคาน์เตอร์ ฉันหันไปป้อนข้าวเขาอีกคำก่อนจะหันกลับมาสนใจซอสคาราเมลสีน้ำตาลทอง บลัดใช้ช้อนคันเล็กตักซอสขึ้นมา ริมฝีปากของเขาค่อยๆบรรจงเป่าไล่ความร้อนออกจากซอสเบาๆ หลังจากนั้นช้อนคันนั้นก็ถูกยื่นมาตรงหน้าจ่อริมฝีปากจนปลายช้อนแทบแตะลงกับเรียวปาก
“ลองชิมดู” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้ฉันอ้าริมฝีปากออกโดยอัตโนมัติ รับช้อนคันเล็กเข้าไปในปากอย่างว่าง่าย
เมื่อซอสสีน้ำตาลทองแตะลงที่ปลายลิ้นรสชาติหวานหยดแต่แฝงด้วยรสขมเล็กน้อยก็ซึมซาบไปทั่ว บลัดคลี่รอยยิ้มท่าทางภูมิใจในผลงานตัวเองไม่น้อย หลังจากตอบแทนเขาด้วยการป้อนข้าวอีกคำ บลัดก็หันกลับไปอุ่นนมสดในหม้อขนาดกลาง ระหว่างนั้นเขาก็ใช้อีกมือหนึ่งตอกไข่ไก่ลงในถ้วยใบเล็ก สมแล้วที่เป็นลูกมือของเถ้าแก่ร้านขนม คล่องแคล่วไม่แพ้เคลนเลย
เมื่อผสมไข่กับนมสดเข้าด้วยกันช้าๆ เขาก็เริ่มเทน้ำสีเหลืองนวลลงไปในแม่พิมพ์ หลังจากนั้นก็ตั้งเตาเพื่อนึ่งพุดดิ้ง ของหวานแบบนี้เขานึ่งกันด้วยหรอ ฉันเฝ้ามองลักษณะที่เริ่มเปลี่ยนไปของพุดดิ้งในแม่พิมพ์ผ่านฝาหม้อกระจก จากน้ำสีเหลืองนวล กำลังค่อยๆจับตัวกันจนรู้สึกว่ามันต้องเริ่มนิ่มแล้วแน่ๆ แค่มองด้วยสายตาก็น่าอร่อยแล้ว
ฉันเฝ้ามองพุดดิ้งบนเตาอย่างตื่นเต้นพลางป้อนข้าวพ่อครัวทำขนมไปด้วยจนในที่สุดข้าวก็หมดชาม เมื่อท้องอิ่มแล้ว บลัดก็เดินกลับไปเปิดฝาหม้อออก
ว้าว! พุดดิ้งเป็นสีเหลืองไข่ไก่ เนื้อเนียนสวยชวนน้ำลายสอ ฉันมองเหล่าพุดดิ้งน้อยๆที่เด้งดึ๋งอยู่ในแม่พิมพ์ ขอลองชิมสักชิ้นได้ไหมน้า
“ลองชิมมั้ย แต่มันร้อนนะ” ฉันพยักหน้าให้เขาทันที ถึงจะร้อนแต่ก็อยากลองทานดู อดใจรอลุ้นรสชาติไม่ไหวแล้วน่ะสิ ฉันได้ยินเสียงหัวเราะของเขาเบาๆ บลัดค่อยๆกดแม่พิมพ์ลงกับถ้วย เมื่อพุดดิ้งหลุดออกมาจากแม่พิมพ์มันเป็นรูปดอกกุหลาบด้วยละ!
เขายื่นถ้วยพุดดิ้งมาให้ แต่เมื่อเอื้อมมือออกไปคว้าถ้วย เขากลับดึงมันกลับไป ฉันมุ่ยหน้าให้เขาอย่างไม่พอใจ
“รางวัลพ่อครัว” ฉันหันมองหน้าเขา เพิ่งเคยเห็นว่าบลัดยิ้มทะเล้นแบบนี้เป็นด้วย แลดูร้าย เจ้าเล่ห์แถมไม่น่าไว้ใจสุดๆ พร้อมด้วยเสียงหัวเราะต่ำๆในลำคอ นายเป็นคนแบบนี้หรอบลัด
บลัดยกพุดดิ้งชิ้นสวยขึ้นในระดับสายตาของฉัน แต่พอเอื้อมมือไปคว้ามันไว้ มันกลับลอยหวือขึ้นเหนือศีรษะ ฉันคว้ามันไม่ถึงเพราะส่วนสูงต่างกันเกินไป หลงนึกว่านายเป็นคนดีมาตั้งนานนะบลัด!
“ขอหม่ำหน่อยน้า” ฉันส่งเสียงออดอ้อน แต่บลัดกลับส่งเสียงหัวเราะร่ากลับมาซะนี่
“รางวัลพ่อครัวล่ะ” รางวัลอะไรกันเล่า! เมื่อเอื้อมมือไม่ถึงเป้าหมาย ฉันเลยกอดคอเขาไว้ใช้แรงโน้มร่างสูงลงมาแทน เรื่องใช้แรงค่อนข้างมั่นใจพอตัวเลยนะ แต่เขายังพยายามขืนตัวไว้ไม่ยอมแพ้สักที บลัดเทีย!
ฉันเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่ ก่อนจะส่งค้อนวงใหญ่ตามไปติดๆ
“ให้รางวัลแล้ว” ฉันแบมือออกขอพุดดิ้งจากเขา บลัดวางถ้วยใบเล็กลงในมือของฉันอย่างว่าง่าย เมื่อเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งสันฉวยโอกาสฝังลงบนแก้ม หอมไปฟอดใหญ่ ฉันเลยมุ่ยปากใส่เขาพร้อมถลึงตาแถมไปด้วย
ฉันเดินออกมาจากห้องครัว พลางทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาวข้างลูคัส เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของบลัดยังดังไล่หลังมาติดๆ พร้อมด้วยเสียงแซวของเคลนที่ดังลอยแว่วมา
เดี๋ยวนี้เหมือนเราจะใกล้ชิดกันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้วรึเปล่านะ
เนื่องจากพื้นหลังเรื่องนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นครับ เพราะฉะนั้นจึงอยากฝากเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆไว้สำหรับให้ผู้อ่านทุกคนสามารถทำความเข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นครับ ส่วนใหญ่เกร็ดความรู้จะเขียนมาจากประสบการณ์ตรงของไรเตอร์เอง อาจจะมีข้อมูลบางส่วนที่อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ของประเทศนะครับ
- การอาบน้ำของชาวญี่ปุ่น = โดยปกติแล้วจะอาบน้ำกันแค่วันละครั้งครับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นตอนเย็น เพราะบ้านเขาอากาศค่อนข้างเย็น เหงื่อจึงไม่ค่อยมีนอกจากหน้าร้อนที่ร้อนมาก!! มากจริงๆ ร้อนเหมือนเตาอบเลย เพราะมันไม่มีลม อากาศจึงร้อนอบอ้าวมากๆ
- โอนิกิริ = คือข้าวปั้นนั่นเองครับ ในที่นี้คือข้าวปั้นรูปสามเหลี่ยมที่ด้านในมีไส้ต่างๆ คิดแล้วก็ท้องร้องเลยใช่ม๊า
ตอนนี้ไรเตอร์เข้าสู่ช่วงปั่นโปรเจคเต็มตัวแล้วครับ
แต่เรื่องงานเขียนคิดว่ายังไม่มีปัญหา จะเข้ามาอัพประมาณอาทิตย์ละครั้งนะครับ
น่าจะว่างอัพช่วงวันอาทิตย์ หรือ จันทร์
ขอบคุณที่ติดตามกันมานะครับ // โค้ง
Raf Rafael
(58/08/23)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ