เสน่หาภัทรากานต์
-
เขียนโดย ระติ
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.36 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,669 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558 17.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 1 (ต่อ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1 (ต่อ)
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน บริเวณบอร์ดประกาศของคณะกรรมการนักเรียนก็เต็มไปด้วยนักเรียนที่ต่างก็มายืนมุงดูผลการจับฉลากแบ่งกลุ่มสี และหนึ่งในจำนวนนักเรียนเหล่านั้นก็มีนีรนาถ รวมอยู่ด้วย
นีรนาถวิ่งขึ้นอาคารเรียนเพื่อไปยังห้องเรียนที่ภัทรากรและพาฝันกำลังทำความสะอาดอยู่ พอไปถึงก็กรี๊ดเสียงดังจนเพื่อนทั้งสองต้องวางอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้ววิ่งมาหาเธอด้วยความตกใจ
“แกเป็นอะไรหนูนุ่น!!!” ภัทรากรทำตาโตเพราะความตกใจ
“ฉันดีใจอ่ะแก เมื่อกี้ฉันไปดูผลการจับฉลากแบ่งสีมา”
“ผลเป็นยังไงแก” พาฝันเขย่าแขนนีรนาถด้วยความอยากรู้
“พวกเราได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์”
“กรี๊ด!!!!!” พาฝันกรี๊ดเสียงดังจนภัทรากรต้องเอานิ้วอุดหูทั้งสองข้าง
“ยัยฝัน หยุด!!!” ภัทรากรสั่งเพื่อนในขณะที่ยังไม่ลดมือลง
“โทษที เผลอตัวไปหน่อย ก็คนมันดีใจนี่ ” พาฝันเอ่ยกับเพื่อนเสียงอ่อย
“อย่าเผลอให้มันบ่อยแล้วกัน มีหวังหูดับกันพอดี” ภัทรากรว่าแล้วก็เดินกลับไปหยิบไม้กวาดเพื่อทำความสะอาดพื้นในส่วนที่เหลือ
“ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์ ‘ตกลงคือพรหมลิขิตใช่มั้ย ตกลงให้เรารักกันใช่ม่ายยย’ อ๊ากกก คริคริ” พาฝันร้องเพลงและหัวเราะคิกคักกับนีรนาถสองคน
“อยากให้ถึงวันประชุมสีเร็วๆจัง” นีรนาถยิ้มหวานขณะจินตนาการถึงวันประชุมสีที่มาถึงในวันจันทร์หน้า
“ใช่ๆ” พาฝันพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน
“คุณพาฝันคะ มาช่วยกันทำเวรหน่อยได้มั้ยคะ คือภัทรากรอยากกลับบ้านแล้วค่ะ” ภัทรากรเอ่ยประชดเพื่อนอย่างไม่จริงจัง
“อุ่ย! โทษทีเค้าลืมอีกแล้ว” พาฝันยิ้มหวานให้เพื่อนเพื่อเป็นการขอโทษ
“เร็วเลยแก ไม่งั้นวันนี้ฉันโดนลุงนพบ่นหูชาอีกแน่” ภัทรากรเบ้ปากและส่ายหน้าเบาๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันที่แล้วที่เธอทำให้ลุงนพและเด็กหลายคนต้องรอโดยไม่ได้โทรไปบอกก่อนว่าต้องอยู่ติววิทยาศาสตร์เพื่อเตรียมตัวไปแข่งในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า พอไปถึงเธอก็โดนลุงนพบ่นซะหูชา เมื่อกลับไปถึงบ้านก็โดนแม่เธอบ่นอีกรอบ เธอไม่เคยแปลกใจเลยว่าทำไมลูกศิษย์ของแม่เธอถึงเป็นเด็กดี มีระเบียบวินัยกันทุกคน ก็เธอได้รับการอบรมสั่งสอนจากแม่เธอซึ่งเป็นครูดีเด่นอยู่ทุกวันนะซิ
“ได้ๆ ฉันจะทำเวรด้วยความเร็วแสง แกไม่ต้องกังวลพีช” พาฝันวิ่งไปหยิบไม้กวาด แล้วกวาดอย่างแข็งขัน โดยมีนีรนาถช่วยอีกแรง
“นักเรียนคะ ในคาบสุดท้ายองวันนี้ ขอให้นักเรียนทุกคนได้เข้าร่วมประชุมกับคณะสีด้วยนะคะ โดยรายละเอียดเรื่องสถานที่ของแต่ละคณะสีครูจะประกาศอีกทีในช่วงพักกลางวันค่ะ แยกย้ายเข้าห้องเรียนได้ค่ะ” เมื่อเสียงประกาศของอาจารย์สุพรรณีจบลง นักเรียนต่างก็แยกย้ายเดินเข้าห้องเรียนด้วยความเป็นระเบียบ
“เฮ่ย พวกแก! เมื่อคืนฉันฝันแปลกๆ” นีรนาถเอ่ยขึ้นทันทีหลังมีคำสั่งของครูสุพรรณีให้แยกย้ายเข้าห้องเรียน
“ฝันแปลกๆ แปลกยังไง? ”ภัทรากรถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แกฝันว่ามีงูมารัดรึเปล่ายัยหนูนุ่น” พาฝันถามเพื่อนแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“บ้าน่าแก เมื่อคืนฉันฝันว่ามีสองตายายมาหาที่บ้านแล้วพูดงึมงำอะไรสักอย่าง ฉันจำไม่ได้อ่ะแก” นีรนาถขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนพยายามนึก
“สองตายายหรอ อืม เห้ย!!! ฉันรู้แล้ว” พาฝันทำตาโตเหมือนคิดอะไรออก
“อะไรฝัน” ภัทรากรและนีรนาถเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“แกรู้อะไร?” ภัทรากรถามซ้ำ
“เราลืมไปแก้บนรึเปล่าแก” พาฝันทำหน้าเหรอหราถามเพื่อน
“จริงด้วย ฉันลืมสนิทเลยอ่ะ” นีรนาถแสดงสีหน้ากังวล
“เย็นนี้พวกแกค่อยไปแก้บนก็ได้ อย่ากังวลไปเลย รีบๆเดินเข้าห้องเรียนดีกว่า ป่านนี้ครูคงเริ่มสอนแล้ว” ภัทรากรเอ่ยปลอบเพื่อนให้หายเป็นกังวล
“ไม่ใช่แค่พวกฉันที่ต้องไป แกก็ด้วยยัยพีช” นีรนาถตบเบาๆที่บ่าของภัทรากรแล้วยิ้มกว้างให้เพื่อน
“ฉันเกี่ยวอะไรด้วย พวกแกสองคนนะที่บน ฉันไม่ได้บนด้วยซะหน่อย” ภัทรากรทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อน
“ตอนที่บนเหมือนฉันจะพูดว่า”พวกเรา” พวกเราของฉันหมายถึงแกด้วยพีช” นีรนาถยิ้มกริ่มให้เพื่อนยอมรับในชะตากรรมของตนเอง
“โอ๊ยแก ทำไมแกเป็นคนแบบนี้ยัยหนูนุ่น!” ภัทรากรคว่ำปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“โอ๋ๆ พีชจ๋า อย่าร้องนะคนดี ไปรำเป็นเพื่อนฉันกับฝันเถอะนะ พลีสๆ” นีรนาถอ้อนเพื่อนเหมือนเคย
“แกจะไม่ไปก็ได้นะพีช ถ้าแกคิดว่ามิตรภาพของเรามันไม่มีค่า” พาฝันเอ่ยตัดพ้อเพื่อนด้วยแววตาเศร้าๆ
“เฮ่ย ไม่ใช่อย่างงั้น คือว่าฉันอายอ่ะแก ฉันไม่เคยรำให้ใครดูมานานแล้วนะ”
“ไม่เห็นต้องอายเลย รำกันตั้งสามคน อีกอย่างช่วงเย็นๆก็ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านแถวนั้นหรอก” นีรนาถพูดว่านล้อมเพื่อน
“ก็ได้ๆ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนน่ะเนี่ย แล้วอย่าลืมเตือนฉันให้โทรไปบอกลุงนพด้วย เดี๋ยวเจอบ่นหูชาอีก”
“พีชแกเป็นเพื่อนที่ประเสริฐมาก ฉันรักแก มา! มาให้ฉันจุ๊บสักหนึ่งที” นีรนาถทำปากจู๋ยื่นหน้าจะจูบเพื่อนจริงๆ ทำให้ภัทรากรต้องเอามือยันหน้าเพื่อนเอาไว้ ทั้งสามคนหัวเราะอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่าบทสนทนาเมื่อสักครู่ได้ส่งไปถึงบุคคลที่สี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“กานต์ๆ มึงเคยเห็นนางฟ้าเค้าร่ายรำมั้ยหว่ะ” รณภัทรเอ่ยถามเพื่อนทันทีที่เข้ามานั่งในห้องเรียน
“อะไรของมึง เมื่อกี้มึงไปขรี้หรือไปทัวร์สวรรค์มาครับ มานางฟงนางฟ้าอะไร” กานตภณเอ่ยกับเพื่อนในขณะที่สายตายังจดจ้องอยู่ที่กระดาษรายชื่อนักเรียนในคณะสีของเขา
“ถ้าไม่เคยเห็น วันนี้เดี๋ยวกูจะพามึงไปดู อย่าเพิ่งรีบกลับละกัน” รณภัทรสั่งเพื่อนสนิทแล้วยิ้มกริ่มเหมือนกำลังจินตนาการถึงเรื่องสนุกๆ
“ท่าจะเพี้ยนนะมึง”กานตภณส่ายหน้าน้อยๆ แล้วหันมาสนใจใบรายชื่อในมือเขาต่อ โดยที่มืออีกข้างก็หมุนปากกาเล่นไปด้วย กานตภณยิ้มน้อยๆออกมาเมื่อเห็นว่ารายชื่อนักเรียนห้องสุดท้ายที่อยู่สีเดียวกับเขาคือห้องอะไร ‘4/1’ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกดีใจที่ได้เห็นรายชื่อห้องนี้ เมื่อก่อนเขารู้สึกเหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง ตั้งแต่เปิดเทอมมาเขากลับรู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันหายไปแล้ว เหมือนการรอคอยของเขามันสิ้นสุดลง แต่กลับมีความรู้สึกอื่นเกิดขึ้นแทน รู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเธอ เวลาบังเอิญเจอกัน อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือคว้า เขาอยากจะเอ่ยทักทายแต่กลับไม่กล้า เขาจ้องหน้าเธอทุกครั้งที่เห็นหน้า แต่เธอกลับหลบหน้าหลบตาเขา แค่ได้เดินผ่าน ได้เห็นหน้า เขาก็มีความสุข เขาไม่แนใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเรียกว่าอะไร ถ้าจะบอกว่ามันคือความรัก เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันใช่มั้ย เพราะความรู้สึกเช่นนี้เพิ่งเกิดกับเขาเป็นครั้งแรก
#ระติ
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน บริเวณบอร์ดประกาศของคณะกรรมการนักเรียนก็เต็มไปด้วยนักเรียนที่ต่างก็มายืนมุงดูผลการจับฉลากแบ่งกลุ่มสี และหนึ่งในจำนวนนักเรียนเหล่านั้นก็มีนีรนาถ รวมอยู่ด้วย
นีรนาถวิ่งขึ้นอาคารเรียนเพื่อไปยังห้องเรียนที่ภัทรากรและพาฝันกำลังทำความสะอาดอยู่ พอไปถึงก็กรี๊ดเสียงดังจนเพื่อนทั้งสองต้องวางอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้ววิ่งมาหาเธอด้วยความตกใจ
“แกเป็นอะไรหนูนุ่น!!!” ภัทรากรทำตาโตเพราะความตกใจ
“ฉันดีใจอ่ะแก เมื่อกี้ฉันไปดูผลการจับฉลากแบ่งสีมา”
“ผลเป็นยังไงแก” พาฝันเขย่าแขนนีรนาถด้วยความอยากรู้
“พวกเราได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์”
“กรี๊ด!!!!!” พาฝันกรี๊ดเสียงดังจนภัทรากรต้องเอานิ้วอุดหูทั้งสองข้าง
“ยัยฝัน หยุด!!!” ภัทรากรสั่งเพื่อนในขณะที่ยังไม่ลดมือลง
“โทษที เผลอตัวไปหน่อย ก็คนมันดีใจนี่ ” พาฝันเอ่ยกับเพื่อนเสียงอ่อย
“อย่าเผลอให้มันบ่อยแล้วกัน มีหวังหูดับกันพอดี” ภัทรากรว่าแล้วก็เดินกลับไปหยิบไม้กวาดเพื่อทำความสะอาดพื้นในส่วนที่เหลือ
“ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะได้อยู่สีเดียวกับพี่กานต์ ‘ตกลงคือพรหมลิขิตใช่มั้ย ตกลงให้เรารักกันใช่ม่ายยย’ อ๊ากกก คริคริ” พาฝันร้องเพลงและหัวเราะคิกคักกับนีรนาถสองคน
“อยากให้ถึงวันประชุมสีเร็วๆจัง” นีรนาถยิ้มหวานขณะจินตนาการถึงวันประชุมสีที่มาถึงในวันจันทร์หน้า
“ใช่ๆ” พาฝันพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน
“คุณพาฝันคะ มาช่วยกันทำเวรหน่อยได้มั้ยคะ คือภัทรากรอยากกลับบ้านแล้วค่ะ” ภัทรากรเอ่ยประชดเพื่อนอย่างไม่จริงจัง
“อุ่ย! โทษทีเค้าลืมอีกแล้ว” พาฝันยิ้มหวานให้เพื่อนเพื่อเป็นการขอโทษ
“เร็วเลยแก ไม่งั้นวันนี้ฉันโดนลุงนพบ่นหูชาอีกแน่” ภัทรากรเบ้ปากและส่ายหน้าเบาๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันที่แล้วที่เธอทำให้ลุงนพและเด็กหลายคนต้องรอโดยไม่ได้โทรไปบอกก่อนว่าต้องอยู่ติววิทยาศาสตร์เพื่อเตรียมตัวไปแข่งในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า พอไปถึงเธอก็โดนลุงนพบ่นซะหูชา เมื่อกลับไปถึงบ้านก็โดนแม่เธอบ่นอีกรอบ เธอไม่เคยแปลกใจเลยว่าทำไมลูกศิษย์ของแม่เธอถึงเป็นเด็กดี มีระเบียบวินัยกันทุกคน ก็เธอได้รับการอบรมสั่งสอนจากแม่เธอซึ่งเป็นครูดีเด่นอยู่ทุกวันนะซิ
“ได้ๆ ฉันจะทำเวรด้วยความเร็วแสง แกไม่ต้องกังวลพีช” พาฝันวิ่งไปหยิบไม้กวาด แล้วกวาดอย่างแข็งขัน โดยมีนีรนาถช่วยอีกแรง
“นักเรียนคะ ในคาบสุดท้ายองวันนี้ ขอให้นักเรียนทุกคนได้เข้าร่วมประชุมกับคณะสีด้วยนะคะ โดยรายละเอียดเรื่องสถานที่ของแต่ละคณะสีครูจะประกาศอีกทีในช่วงพักกลางวันค่ะ แยกย้ายเข้าห้องเรียนได้ค่ะ” เมื่อเสียงประกาศของอาจารย์สุพรรณีจบลง นักเรียนต่างก็แยกย้ายเดินเข้าห้องเรียนด้วยความเป็นระเบียบ
“เฮ่ย พวกแก! เมื่อคืนฉันฝันแปลกๆ” นีรนาถเอ่ยขึ้นทันทีหลังมีคำสั่งของครูสุพรรณีให้แยกย้ายเข้าห้องเรียน
“ฝันแปลกๆ แปลกยังไง? ”ภัทรากรถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แกฝันว่ามีงูมารัดรึเปล่ายัยหนูนุ่น” พาฝันถามเพื่อนแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“บ้าน่าแก เมื่อคืนฉันฝันว่ามีสองตายายมาหาที่บ้านแล้วพูดงึมงำอะไรสักอย่าง ฉันจำไม่ได้อ่ะแก” นีรนาถขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนพยายามนึก
“สองตายายหรอ อืม เห้ย!!! ฉันรู้แล้ว” พาฝันทำตาโตเหมือนคิดอะไรออก
“อะไรฝัน” ภัทรากรและนีรนาถเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“แกรู้อะไร?” ภัทรากรถามซ้ำ
“เราลืมไปแก้บนรึเปล่าแก” พาฝันทำหน้าเหรอหราถามเพื่อน
“จริงด้วย ฉันลืมสนิทเลยอ่ะ” นีรนาถแสดงสีหน้ากังวล
“เย็นนี้พวกแกค่อยไปแก้บนก็ได้ อย่ากังวลไปเลย รีบๆเดินเข้าห้องเรียนดีกว่า ป่านนี้ครูคงเริ่มสอนแล้ว” ภัทรากรเอ่ยปลอบเพื่อนให้หายเป็นกังวล
“ไม่ใช่แค่พวกฉันที่ต้องไป แกก็ด้วยยัยพีช” นีรนาถตบเบาๆที่บ่าของภัทรากรแล้วยิ้มกว้างให้เพื่อน
“ฉันเกี่ยวอะไรด้วย พวกแกสองคนนะที่บน ฉันไม่ได้บนด้วยซะหน่อย” ภัทรากรทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อน
“ตอนที่บนเหมือนฉันจะพูดว่า”พวกเรา” พวกเราของฉันหมายถึงแกด้วยพีช” นีรนาถยิ้มกริ่มให้เพื่อนยอมรับในชะตากรรมของตนเอง
“โอ๊ยแก ทำไมแกเป็นคนแบบนี้ยัยหนูนุ่น!” ภัทรากรคว่ำปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“โอ๋ๆ พีชจ๋า อย่าร้องนะคนดี ไปรำเป็นเพื่อนฉันกับฝันเถอะนะ พลีสๆ” นีรนาถอ้อนเพื่อนเหมือนเคย
“แกจะไม่ไปก็ได้นะพีช ถ้าแกคิดว่ามิตรภาพของเรามันไม่มีค่า” พาฝันเอ่ยตัดพ้อเพื่อนด้วยแววตาเศร้าๆ
“เฮ่ย ไม่ใช่อย่างงั้น คือว่าฉันอายอ่ะแก ฉันไม่เคยรำให้ใครดูมานานแล้วนะ”
“ไม่เห็นต้องอายเลย รำกันตั้งสามคน อีกอย่างช่วงเย็นๆก็ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านแถวนั้นหรอก” นีรนาถพูดว่านล้อมเพื่อน
“ก็ได้ๆ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนน่ะเนี่ย แล้วอย่าลืมเตือนฉันให้โทรไปบอกลุงนพด้วย เดี๋ยวเจอบ่นหูชาอีก”
“พีชแกเป็นเพื่อนที่ประเสริฐมาก ฉันรักแก มา! มาให้ฉันจุ๊บสักหนึ่งที” นีรนาถทำปากจู๋ยื่นหน้าจะจูบเพื่อนจริงๆ ทำให้ภัทรากรต้องเอามือยันหน้าเพื่อนเอาไว้ ทั้งสามคนหัวเราะอย่างมีความสุข โดยไม่รู้เลยว่าบทสนทนาเมื่อสักครู่ได้ส่งไปถึงบุคคลที่สี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“กานต์ๆ มึงเคยเห็นนางฟ้าเค้าร่ายรำมั้ยหว่ะ” รณภัทรเอ่ยถามเพื่อนทันทีที่เข้ามานั่งในห้องเรียน
“อะไรของมึง เมื่อกี้มึงไปขรี้หรือไปทัวร์สวรรค์มาครับ มานางฟงนางฟ้าอะไร” กานตภณเอ่ยกับเพื่อนในขณะที่สายตายังจดจ้องอยู่ที่กระดาษรายชื่อนักเรียนในคณะสีของเขา
“ถ้าไม่เคยเห็น วันนี้เดี๋ยวกูจะพามึงไปดู อย่าเพิ่งรีบกลับละกัน” รณภัทรสั่งเพื่อนสนิทแล้วยิ้มกริ่มเหมือนกำลังจินตนาการถึงเรื่องสนุกๆ
“ท่าจะเพี้ยนนะมึง”กานตภณส่ายหน้าน้อยๆ แล้วหันมาสนใจใบรายชื่อในมือเขาต่อ โดยที่มืออีกข้างก็หมุนปากกาเล่นไปด้วย กานตภณยิ้มน้อยๆออกมาเมื่อเห็นว่ารายชื่อนักเรียนห้องสุดท้ายที่อยู่สีเดียวกับเขาคือห้องอะไร ‘4/1’ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกดีใจที่ได้เห็นรายชื่อห้องนี้ เมื่อก่อนเขารู้สึกเหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่าง ตั้งแต่เปิดเทอมมาเขากลับรู้สึกว่าความรู้สึกนั้นมันหายไปแล้ว เหมือนการรอคอยของเขามันสิ้นสุดลง แต่กลับมีความรู้สึกอื่นเกิดขึ้นแทน รู้สึกอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเธอ เวลาบังเอิญเจอกัน อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือคว้า เขาอยากจะเอ่ยทักทายแต่กลับไม่กล้า เขาจ้องหน้าเธอทุกครั้งที่เห็นหน้า แต่เธอกลับหลบหน้าหลบตาเขา แค่ได้เดินผ่าน ได้เห็นหน้า เขาก็มีความสุข เขาไม่แนใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเรียกว่าอะไร ถ้าจะบอกว่ามันคือความรัก เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันใช่มั้ย เพราะความรู้สึกเช่นนี้เพิ่งเกิดกับเขาเป็นครั้งแรก
#ระติ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ