ปมลิขิตรัก

10.0

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.51 น.

  6 บท
  4 วิจารณ์
  9,886 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน พ.ศ. 2562 19.56 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ไม่รักอย่าทำร้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 4/1
“เมื่อเช้าพวกเกรย์มาที่ไร่” คาร์ลอสเปิดประเด็น
“งั้นเหรอแล้วนายว่าไง” เลโอถามอย่างสนใจ
“คำตอบของฉันคือเหมือนเดิม”
เรื่องที่พวกเขาหมายถึงคือเรื่องที่ดินทางฝั่งตะวันตกของไร่คาร์เบลลัสที่เกรย์กำลังขอซื้อจากคาร์ลอสแต่เขาไม่ขาย คาร์ลอสเป็นประธานโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในจีเรสและเป็นนักรณรงค์ให้ชาวไร่ผลิตกาแฟออร์แกนนิคเพราะตอนนี้เป็นที่ต้องการสำหรับตลาดของผู้รักสุขภาพ และเขาทราบดีว่านายเกรย์มีนิสัยชอบทำในสิ่งสวนทางกับสิ่งที่เขากำลังรณรงค์
ทุกวันนี้ปัญหามลพิษในอากาศ และดินของจีเรสย่ำแย่ลงทุกวันเพราะชาวไร่ส่วนใหญ่หันมาใช้สารเคมีในการฆ่าแมลง แน่นอนว่าสารเคมีทำให้ผลลัพธ์รวดเร็วทันใจ แต่กฎของโลกใบนี้มีอยู่ว่าเมื่อได้มาย่อมมีเสียนั้นคือปัญหามลพิษที่ตามมานั้นเอง ดังนั้นคาร์ลอสผู้เป็นทั้งประธานและผู้ก่อตั้งโครงการต้องทำให้ดีที่สุดในการรักษาสิ่งแวดล้อม
“ดีแล้วหละถ้านายนั้นได้ที่ดินไปฉันคิดว่าสิ่งแวดล้อมของเราต้องเป็นพิษขึ้นเยอะ” เลโอเสนอความคิดเห็น
“ว่าแต่เรื่องคุณอาตอนนี้เป็นไงบ้าง” เลโอถามอย่างห่วงใย เรื่องนี้เดรโก้เล่าให้ฟังแล้วแต่ว่าเลโอยังไม่ทราบเรื่องญาณิศาเป็นพยาน
“ยังจับคนร้ายไม่ได้”
“ตอนนี้นายสงสัยใครบ้าง”
“นายเกรย์” คาร์ลอสตอบอย่างไม่ต้องคิดหนักเพราะเกรย์เป็นคนหนึ่งที่มีคดีกดราคากาแฟกระฉ่อนที่สุดในเวลานี้ “และอีกคนคือออสติน”
 “ทำไมละฉันไม่เคยได้ยินว่าออสตินมีเรื่องกดราคา” เลโอมองหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ ออสติน เนวีซาร์เพื่อนบ้านข้างเคียงที่เขารู้จักไม่เคยมีเรื่องดังกล่าว ออสตินคนนั้นเป็นคนใจดีมีน้ำใจหากวันไหนราคากลางลดต่ำเขายังใจดีให้ราคาขายสูงกว่าราคากลาง ทำให้เขาเป็นที่รักของชาวไร่กาแฟ
สำหรับคาร์ลอสสิ่งที่เขาเห็นอาจไม่ใช่ทุกอย่าง เลโอมองเพื่อนเล็กน้อยก่อนนึกอะไรได้บางอย่าง
“นายได้อ่านข่าวนี้หรือยัง” เลโอยื่นโทรศัพท์มือถือให้เพื่อนดู
‘พบชิ้นส่วนมนุษย์ลอยติดแหชาวประมง...’ คาร์ลอาอ่านข่าวบนหน้าจอจบก็ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนเจ้าของ “หวังว่าข่าวนี้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องขอพ่อ” คาร์ลอสภาวนา
เลโอขอตัวกลับไปดูแลร้านซึ่งเขากับคาร์ลอสเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน คาร์ลอส เดรโก้และเลโอเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนและสนใจในเรื่องกาแฟเหมือนกันเมื่อลาอกจากการเป็นตำรวจคาร์ลอส แล้วหันมาสร้างไร่กาแฟที่ตนหลงใหลจึงชวนเพื่อนสนิททั้งสองมาร่วมทำด้วยกันและยังมีอีกคนที่ขอมาร่วมทำด้วยคือดาเลน
                ในห้องเล็ก ๆ ที่มีชั้นวางหนังสือและชายหนุ่มนั่งอยู่คนเดียวในห้องเงียบสงัดช่วงเวลาแบบนี้เป็นเวลาที่คาร์ลอสมีสมาธิกับงานมากที่สุดแต่ทำไมสมองเอาแต่นึกถึงคนบนห้องอยู่ร่ำไป ชายหนุ่มพยายามตั้งสมาธิกับเอกสารในมืออีกครั้งปัดสิ่งที่ทำลายสมาธิออกไป แต่แล้วในที่สุดชายหนุ่มก็ทนความเอาแต่ใจของตัวเองไม่ได้ มือหนากวาดเอกสารเข้าไว้ในอ้อมและเปลี่ยนสถานที่ทำงานใหม่
                เมื่อเปิดประตูห้องเขาพบว่าหญิงสาวกำลังจัดดอกไม้ที่มีตัวดอกลักษณะคล้ายกรวยสีส้อมอ่อนใส่แจกัน ดอกไม้ทำให้เขาโมโหมากกว่าหญิงสาวที่ขัดคำสั่งเขาที่บอกว่าให้พักผ่อน
                “เป็นไงฝีมือจัดดอกไม้ของฉันสวยป้ะ” ญาณิศายิ้มโชว์ฟันสวยอย่างภาคภูมิใจกับฝีมือจัดดอกไม้ของตัวเอง เธอพยายามปัดความรู้สึกประหลาบางอย่างที่มาเกาะกินหัวใจจึงไปหาอะไรทำโดยการไปเก็บดอกไม้บริเวณบ้านซึ่งได้รับการอนุญาตจากป้าโซเฟีย
                “ฮึ สวยตาย” ชายหนุ่มยิ้มเย้ย “เอาพวกมันออกไปซะผมเกลียดดอกไม้” คาร์ลอสกวาดตามองแจกันดอกไม้อย่างชิงชังโดยเฉพาะดอกสีส้มอ่อน
                ‘ปากจัดชนะเลิศนะยะ’ หญิงสาวกัดฟันพึมพำในใจ “ชีวิตนายไม่มีสีสันจืดชืดเพราะเกลียดดอกไม่นี้เอง” เธอทำเป็นหูทวนลมในสิ่งที่เขาพูดและยังคงตั้งใจจัดต่อไป คาร์ลอสเห็นเธอไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเขาจึงคว้าแจกันที่เธอจัดเสร็จสองใบแล้วพามันออกไปข้างนอก ญาณิศาเห็นดังนั้นจึงเข้าไปห้าม
                “นายจะเอามันไปไหนน่ะ”
                “พามันไปนอนในถังขยะ” เขาตะหวาดใส่เธอแต่ญาณิศาไม่ยอมแพ้เธอยังคงเข้าไปแย้งแจกันจากมือชายหนุ่มยื้อยุดกันไปมาสักพักแจกกันอันหนึ่งหล่นแตก ญาณิศาก้มลงเก็บเศษกระเบื้องเธอเห็นเท้าของชายหนุ่มเหยียบขยี้อยู่บนกองดอกไม้อย่างชิงชัง
                “ไม่รักก็อย่าทำร้าย” หญิงสาวเงยหน้ามองผู้คุ้มครองพร้อมกับพูด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมดอกไม้ดอกเล็กๆทำให้เขากลายเป็นคนโมโหร้ายถึงเพียงนี้ พวกมันทำผิดอะไร
                “ใช่” เขาหยุดเว้นวรรคพร้อมมองกองดอกไม้นิ่ง “ไม่รักก็อย่าทำร้าย” คาร์ลอสพูดช้าและชัดทุกคำพร้อมกับมองกองดอกไม้ยับยู้ยี้ด้วยนัยต์ตาหมองเศร้าปนเคืองแค้น
                ญาณิศาเก็บเศษแจกันไปพร้อมกับแอบลอบมองสีหน้าอาการของคาร์ลอส หญิงสาวมองใบหน้าด้านข้างของผู้คุ้มครองอย่างสงสัยแต่เธอไม่กล้าเอ่ยปากถามเพราะแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ในใจญาณิศามีแต่คำถามที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคาร์ลอส
 
                พยานสาวนั่งเล่นนอนเล่นบนเตียงหลังใหญ่พลางแอบลอบมองผู้คุ้มครองหนุ่มที่กำลังจดจ่อสายตาอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะทำงาน เธอมีคำพูดประโยคหนึ่งที่ติดอยู่ในลำคอไม่กล้าโพล่งออกไปได้แต่นั่งมองเขาพลิกหน้ากระดาษไปมา คนถูกมองรู้สึกตัวจึงละสายตาจากตัวหนังสือมาสนใจคนบนเตียงแทน พอเขามองมาเธอหลบสายตา
                “มีอะไร” เจ้าของคำถามถามเสียงเรียบแววตาไม่บ่งบอกอารมณ์นั้นทำให้ญาณิศารู้สึกขนลุก เธอรวบรวมสติไว้หากคำถามที่เธอกำลังถามเกิดแทงใจดำแล้วเขาเกิดโมโหขึ้นมาเธอจะได้เตรียมตัวสตาร์ทเครื่องวิ่งหนีทัน
                “ทำไม...” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด “นายไม่ชอบดอกไม้” คาร์ลอสมองสายตาที่ต้องการคำตอบของญาณิศา ร่างสูงลุกออกจาเก้าอี้แล้วก้าวขาเดินมาที่เตียง ตอนนั้นเองญาณิศารีบพาร่างออกจากเตียงทันทีและไปหยุดที่ประตูชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงและตบที่นั่งว่างข้างกายญาณิศาค่อยย่างเข้ามาทีละก้าวจนถึงที่แล้วหย่อนสะโพกลงนั่ง
                “ทำไมถึงอยากรู้ ต้องการข้อมูลไปทำวิจัยเหรอ” เขาว่ากวนโมโห
                “ฉันน่ะเหรออยากรู้ ฉันแค่สงสัยต่างหาก” เธอแสร้งมองไปทางอื่น
                “อยากรู้กับสงสัยเหมือนกันสองอย่างนี้เป็นสิ่งเริ่มต้นเมื่อมนุษย์ต้องการหาข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง” เขามองใบหน้าเล็ก “เมื่อต้องการข้อมูลก็ต้องสร้างความอยากรู้อยากเห็นและความสงสัย” เขาหยักมุมปากข้างหนึ่ง เธอยุติอาการอยากรู้อยากเห็นและผ่อนลมหายใจออก
                “ผมขอถามคุณบ้าง”
                “อะไรเล่า” เธอสะบัดเสียงอย่างรำคาญ
                “คุณไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างในบราซิล”
                ญาณิศาแบะปาก “เหอะ จะเอาข้อมูลไปพัฒนาสถานที่เหรอยะ” หญิงสาวยอกย้อนโอกาสมาต้องเอาคืนเสียบ้าง
                “เปล่า ผมแค่อยากดูรูป” คาร์ลอสเอนกายลงนอนในท่าสบายราบกับฟูกที่นอน หญิงสาวขมวดคิ้ว
“เอากล้องถ่ายรูปของคุณมา” ชายหนุ่มยกมือขึ้นกระดิกนิ้วประกอบ เมื่อยังเห็นญาณิศายังนั่งนิ่งเขาจึงเร่งแต่เธอยังคงนั่งเฉยเหมือนเดิม ชายหนุ่มคร้านจะพูดให้มากความเขาลุกเดินไปทางกระเป๋าเดินทางของเธอที่วางอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้า
                “ไม่มีมารยาท” ญาณิศาวิ่งไปขวางหน้าร่างสูงก่อนเดินไปหยิบกล้องถ่ายรูปในกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้กับคนอยากดูรูป
                คาร์ลอสสมองตามหลังเธอจนกระทั่งได้รับกล้องถ่ายรูป ญาณิศาเดินมาล้มตัวลงนอนบนเตียงส่วนคาร์ลอสเดินมานอนท่าเดิมบนเตียงเขากดเปิดเครื่องแล้วค่อยๆเลื่อนดูรูปในกล้องถ่ายรูปมีภาพของญาณิศาถ่ายคู่กับสถานที่ในบราซิเลียหลายแห่ง และมีภาพเซลฟี่ของเธอด้วย พอเลื่อนมาถึงวีดีโอเขากดเปิดดูด้วยเช่นกัน
                ปี๊บๆ คาร์ลอสดูวีดีโอยังไม่จบเสียงเตือนแบตเตอร์รี่ต่ำร้องเตือนเขาสั่งให้ญาณิศาไปเอาที่ชาร์ทแบตเตอร์รี่มาให้เขาแต่ญาณิศาบอกว่าที่ชาร์ทแบตเตอร์รี่ของเธอไม่สามารถเสียบกับปลั๊กไฟของบราซิลได้ คาร์ลอสเดินไปที่โต๊ะทำงานหยิบโน๊ตบุ๊คออกมาและถอดการ์ดหน่วยความจำของกล้องออก
                “นายจะทำอะไร” ญาณิศาถามเมื่อเขาถอดการ์ดหน่วยความจำออก
                “ผมจะดูวีดีโอ”
                “ฉันไม่ได้ถ่ายวีโอ”  ญาณิศาบอกชายหนุ่มอย่างแปลกใจ คาร์ลอสกวักมือเรียกพยานสาวให้มาหาแล้วให้เธอดูวีดีโอ
                ภาพในจอส่ายไปมาได้ยินเสียงตะโกนของหญิงสาวและต่อมามีเสียงปืนดัง คาร์ลอสหยุดเล่นวีดีโอ ภาพบนหน้าจอแสดงร่างของชายฉกรรจ์สองคน หนึ่งในนั้นถือปืนสไนท์เปอร์แม้ภาพเบลอจนไม่ชัดเจนแต่อดีตตำรวจมั่นใจ
                “สองคนนี้คือคนร้ายใช้ไหม”
                คาร์ลอสหันไปขอความคิดเห็นทันใดนั้นจมูกโด่งได้รูปสัมผัสกับผิวแก้มเนียนใส ญาณิศาหันมาตอบคำถามเช่นกันปลายจมูกเล็กแตะกลับปลายจมูกโด่ง ดวงตาสองคู่ประสานกันคนที่ถอนใบหน้าออกก่อนคือญาณิศาเธอหันไปอีกด้านพร้อมกับลูบปลายจมูกตัวเองคาร์ลอสก็ทำเช่นเดียวกับเธอ ญาณิศาหันมาทางคาร์ลอส
                “อะ เอ่อ...” ทั้งสองออกเสียงพร้อมกัน คาร์ลอสให้ญาณิศาพูดก่อน
                “ชะ...ใช่ สองคนนั้นเป็นคนร้าย” เธอพยักหน้าประกอบ
                ชายหนุ่มพยักหน้า “ดี เรามีหลักฐานเพิ่มแล้ว” คาร์ลาสเว้นวรรคหายใจเพราะตอนนี้ระบบภายในของเขามันสั่น “อีกไม่กี่วันตำรวจจะนัดคุณไปสอบปากคำ เตรียมตัวให้พร้อม” คาร์ลอสพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น ทำไมดวงตาคู่นั้นมีอิทธิพลต่อการควบคุมตัวเองของเขาเหลือเกิน
                ญาณิศาพยักหน้ารับ เป็นอีกครั้งที่หัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนถูกฤธิ์คาเฟอีนญาณิศาก้มหน้าหนีสองมือเล็กประสานกันไว้ที่หน้าท้อง
                “ฉันขอยืมโน๊ตบุ๊คของนายได้ไหม" เธอเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อพยายามปกปิดอาการใจสั่น ญาณิศาพูดไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าใด เธอมองไปยังคอมพิวเตอร์พกพาบนโต๊ะทำงานแทนการมองหน้าเจ้าของโดยตรง
                คาร์ลอสมองร่างเล็กสลับกับของบนโต๊ะ “อืม ได้สิคุณอยากใช้เมื่อไหร่ก็ได้ผมจะตั้งมันไว้บนโต๊ะ” คำตอบนั้นทำให้ญาณิศายิ้มออกหญิงสาวโผเข้าจับท่อนแขนกำยำอย่างดีใจ
                “จริงเหรอขอบใจนะ” เรียวปากสีกุหลาบเผยยิ้มสดใส โทรศัพท์มือถือของญาณิศาหมดแบตเตอร์รี่ซ้ำร้ายยังลืมที่ชาร์ทไว้ที่บ้านเธออยากติดต่อไปหาคนที่บ้าน และบอกพวกเขาว่าเธอสบายดี
 
 *******************************
 
บทที่ 4/2
            “ฉันมีของให้นาย” คาร์ลอสหรี่ตากับคำว่าของของญาณิศา
            ชายหนุ่มไม่ทันเอ่ยปากถามญาณิศารีบสับเท้าออกนอกห้องไปแล้ว ญาณิศาหายออกไปสักครู่และกลับมาพร้อมแจกันดอกไม้
            “เอามันออกไปให้พ้น” คาร์ลอสขึ้นเสียงปรามทันทีเมื่อเห็นของที่ว่าของเธอ
                “ทำไมละนี้เป็นของตอบแทนน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากฉันรับไปเถอะนะ” แววตาซื่อใสของญาณิศาแสดงออกว่าไม่เกรงกลัวต่อแววตาของเขาแม้แต่น้อย ยิ่งเขาแสดงท่าทีว่าเขาไม่ต้องการดอกไม้มากเท่าไหร่ระบบประสาทส่วนขี้สงสัยของญาณิศายิ่งทำงานหนัก
                “ฉันเสียใจถ้านายไม่รับ” แววตาและน้ำเสียงของญาณิศาสลดลง “ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี้นายดูแลฉันอย่างดีแม้ว่าเราเพิ่งรู้จักกัน ฉันแค่อยากตอบแทนนายบ้าง” คำว่าดูแลอย่างดีที่ออกจากปากแม้ว่าต้องกัดฟันพูดก็ยอม เธอหวังว่าแผนกวางน้อยจะทำให้คาร์ลอสใจอ่อนลงและหลุดปากเรื่องดอกไม้ แววตาลูกกวางน้อยสบกับดวงตาคม
                ถ้าเป็นเมื่อก่อนสายตาแบบนี้ของผู้หญิงทำให้เขาใจอ่อนได้ในเวลาอันรวดเร็วแต่สายตาแบบนี้ก็ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนผิดและทำร้ายหัวใจตัวเองจนร้าวระบม พอกันทีกับความเจ็บปวดเขาไม่ต้องการมันอีกต่อไป
                “พาออกมันไปให้พ้นผมไม่ต้องการของๆ คุณ!” น้ำเสียงแข็งกร้าวบวกกับแววตาเกรี้ยวกราดนั้นทำให้ญาณิศาเริ่มตัวสั่นน้อย ๆ
                “คนใจดำ” คาร์ลอสกดมุมปากข้างเดียวพร้อมยักไหล่ไม่ยี่หระ ญาณิศาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเธอพยายามสงบเพราะยังต้องอาศัยอยู่บ้ายของเขาไม่รู้จนถึงวันไหนดังนั้นเย็นไว้
                “ไม่เอาไม่เป็นไรฉันจะตั้งมันไว้ในห้องนี้” ว่าจบหญิงสาวเดินไปที่โต๊ะทำงานวางแจกันลง “และห้ามนายแตะต้องมันเด็ดขาด!”
 
                ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาภายในบ้านแล้วทำความเคารพชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาหรูตัวงาม ชายคนนั้นยื่นซองเอกสารให้เขาก่อนโค้งคำนับ เจ้าของโซฟาหรูนำเอกสารออกจากซอง เมื่ออ่านข้อความบนเอกสารใบหน้าขาวสะอาดปรากฏยิ้มพราว
                “นางสาวญาณิศา พิพัฒธนาเมธี อายุ 24 ปี สัญชาติไทย” ข้อความที่ชายหนุ่มอ่านทำให้เขาพอใจอย่างมาก
                “ไม่มีรูปเหรอ” เจ้าของโซฟาถาม เขาค้นหาในซองเพื่อให้มั่นใจว่าอาจมีรูปอยู่ในนั่น
                “คนที่ทำเรื่องให้เรา ทำให้ได้มากแค่นี้ครับ” ชายหนุ่มผู้รับตำแหน่งมือขวาซึงทำหน้าที่สืบหาข้อมูลตอบคำถาม ถ้าพูดตามความจริงไม่มีใครสามารถทำเอกสารนี้ให้ได้เลยถึงจะถูกเพราะมันคือความลับทางราชการ แต่ด้วยอำนาจของเงินจึงบันดาลให้ทุกสิ่งที่ต้องการสมปรารถนา
                “แย่จังเราจะได้เจอกันมั้ยหนอ” เขาเอ่ยพร้อมมองชื่อในกระดาษอย่างมีความหวัง เรียวปากกดยิ้มกรุ้มกริ่ม
                “นั้นสิครับเจ้านายใหญ่ คนไทยมาเที่ยวบราซิลเดือนหนึ่งหลายแสนคน” ลูกน้องมือขวาเอ่ยสมทบ
                “เรื่องส่งออกกาแฟสดตอนนี้เป็นไงบ้าง” เขาถามขณะสายตายังคงจับจ้องอยู่บนแผ่นกระดาษ แม้ว่ามันเป็นเพียงข้อความสั้นๆแต่มันทำให้เขาจินตนาการถึงใบหน้าของเจ้าของชื่อคนนี้
                “ยังไม่ถึงไหนครับ ตอนนี้รัฐบาลตรวจเข้มเรื่องพ่อค้าคนกลางลักลอบกดราคาและเรื่องตรวจสารปนเปื้อนในเมล็ดกาแฟสดเข้มงวดมากครับ” ลูกน้องอีกคนซึ่งรับตำแหน่งมือซ้ายรายงาน
                “ถ้างานช้าแบบนี้เราคงต้องทำตามอย่างที่เคยทำ” ชายหนุ่มว่าอย่างใจเย็นแต่นัยต์ตาวาวโรจน์ ลูกน้องผู้รับตำแหน่งมือซ้ายรับคำสั่งไปทำอย่างรู้หน้าที่
                ในตอนนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้องรับแขก ชายหนุ่มเก็บเอกสารเข้าซองแล้วยื่นให้มือขวา เขานำมันไปเก็บในที่ที่ควรอย่างรู้งาน
                “ทำไมวันนี้น้องสาวพี่หน้าบูดจัง” ชายหนุ่มเอ่ยทักหญิงสาวมาใหม่พร้อมโอบไหล่เธอ หญิงสาวในวงแขนพี่ชายปั้นหน้างอง่ำ
                “ว่าไงครับ” พี่ชายเซ้าซี้
                “วันนี้เคธี่ไปหาเควินแต่เขาไม่อยู่อีกแล้วอะค่ะพี่ออสติน” หญิงสาวซบศีรษะลงบนไหล่หนาของพี่ชาย
                “เสียดายจังพี่กำลังอยากไปเยี่ยม” ออสตินแสยะยิ้มพราว พักหลังนี้เคธี่แอบเห็นพี่ออสตินยิ้มลักษณะนี้ทุกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องคาร์ลอส มาร์วิลสัน
               
                ทางด้านเกรย์ โปนามาผู้ซึ่งไม่ได้ที่ดินตามใจต้องการ ที่ดินที่เขาหมายถึงคือที่ดินฝั่งทิศตะวันออกของไร่คาร์เบลลัสที่ดินผืนงามเหมาะสำหรับสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยเคมี เกรย์พยายามขอซื้อจากคาร์ลอสแต่เขาไม่ยอมขายแม้ว่าเกรย์จะเพิ่มจำนวนเงินมากขึ้นเป็นทวีคูณ
                “ไอ้พวกนั้นมันโง่หรือเปล่าวะที่ดินแค่สี่ห้าไร่ราคาสิบล้านไม่ยอมขาย มันมีที่เป็นสองสามร้อยไร่ขายแค่ห้าไร่ธุรกิจมันจะเจ้งเหรอว้ะ” เกรย์ว่าอย่างหัวเสียอุตสาห์เสนอเงินเพิ่มขึ้นเหลายเท่าตัว แต่ทางเจ้าของที่ดินไม่แยแสในเม็ดเงินแม้แต่น้อย
                “นั่นสิฮะ ไม่ได้โง่ธรรมดานะฮะ โง้โง่ๆ ฮะ” สาวหล่อเสริม เธอมองใบหน้าด้านข้างของเจ้านายหนุ่มอย่างชื่นชมไม่ว่าเจ้านายหนุ่มจะทำอะไร เธอพร้อมสนับสนุนทุกสิ่งอย่าง
                “เขาไม่โง่หรอกครับ ผมว่าเขาไม่ขายเพราะเกรงว่ามลพิษจะแย่ลงมั้งครับ” สมุนหนุ่มคนหนึ่งพูด เกรย์พยักหน้าแต่พอคิดได้ว่าถูกแอบด่า
                ฟิ้ววว
                “หน็อยไอ้นี้ปากดี” เกรย์ปาลูกแอปเปิ้ลฉิวเฉียดกับศีรษะคนพูด โทษฐานปากไม่เข้าข้างนาย สมุนคนนั้นแทบหลบผลไม้บินได้ไม่ทัน
                “พวกชาวบ้านที่มาขายกาแฟกับเราตอนนี้เป็นไงบ้าง” เขาถามพร้อมหยิบแอปเปิลในตระกล้าขึ้นมากัด
                “ไม่มีปัญหาครับ” ผู้ดูแลส่วนซื้อขายรายงานเจ้านายหนุ่ม เกรย์กดยิ้มพราว เพราะหากการขายกาแฟดิบมีปัญหาเข้ามีทางแก้อยู่แล้ว
 
                คาร์ลอสพยายามรวบรวมสมาธิให้อยู่ที่งานแต่กลิ่นละมุนของดอกไม้ในแจกันทำให้สมาธิของเขาไม่อยู่กับที่ เขาอยากเขวี้ยงไอ้แจกันดอกไม้เจ้าปัญหาให้พ้นหน้าต่าง แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าแจกันใบนี้มันเป็นของพยานสาวตัวดีที่เอามาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา วางไว้เฉยๆ ไม่พอเธอยังเอากาวสองหน้าแปะก้นแจกันให้ติดกับโต๊ะอีกด้วย เธอคอยประคบประงมพวกมันพอดอกไม้ในแจกันเริ่มหน้างอคอตกเธอจะหาดอกใหม่มาเปลี่ยนทันที
ดอกไม้ป่าสีส้มอ่อนนี้เขาเคยเอามันมาปลูกไว้นานแล้วและหลังจากนั้นได้ให้คนงานช่วยกันถางทำลายมันให้หมดสิ้น เพราะเมื่อคาร์ลอสเห็นดอกไม้ป่าชนิดนี้ต้องทำให้เขาหวนคิดถึงอดีตทุกครั้ง ปัจจุบันดอกไม้พวกนี้ได้แตกหน่อผลิดอกมากมายเป็นหย่อมๆ ไปทั่วทั้งไร่ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ที่ที่ถูกถอนรากถอนโคนไปหมดแล้ว
คาร์ลอสวางปากกาลงอย่างแรงแต่สิ่งที่ญาณิศาเห็นคือเขาโยนปากกาลงบนโต๊ะ ญาณิศาตั้งใจวางแจกันดอกไม้ไว้บนโต๊ะของเขาไม่ใช่เพราะเธอพิศวาสดอกไม้พวกนั้นเสียมากมายแต่เธอเพียงแค่อยากสังเกตปฏิกิริยาของผู้คุ้มครองหนุ่มที่มีต่อดอกไม้ สิ่งที่ญาณิศาได้สังเกตเห็นคือทุกครั้งแววตาของชายหนุ่มมองดอกไม้คือเจ็บปวดและชิงชัง นั้นยิ่งทำให้กระตุ้นต่อมอยากรู้ของญาณิศามากยิ่งขึ้น
“นายไม่ชอบพวกมันเหรอ” ญาณิศาถามตรงประเด็นเพราะต่อมยากรู้มันจะระเบิดอยู่แล้ว
“ถามทำไม” คาร์ลอสถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ญาณิศาแกล้งหูทวนลมแล้วกลับมาสนใจโน๊ตบุ๊คตรงหน้า “ถ้าอยากรู้ผมจะบอก” สิ้นเสียงคาร์ลอสคนอยากรู้พับหน้าจอโน๊ตบุ๊คเข้าที่เดิม ญาณิศามองชายหนุ่มพร้อมยิ้มน้อย คาร์ลอสมองดวงหน้าสวยนิดหน่อย
คาร์ลอสมองดอกไม้ “ดอกไม้พวกนี้เป็นดอกไม้ป่า” คาร์ลอสมองแจกันดอกไม้สลับกับมองคนกำลังตั้งใจฟัง  “วันนั้นผมกับแฟนเก่าเราไปเดินป่าด้วยกันพอเธอเห็นดอกไม้พวกนี้ และชอบมันมากเลยขอให้ผมเอามันมาปลูกในไร่” คาร์ลอสจบเรื่องราวที่หญิงสาวอยากรู้ไว้เพียงนี้
‘แค่เนี่ย! ไม่สิ มันต้องมีมากกว่านี้’ คนอยากรู้บ่นในใจ “แค่ดอกไม้ของแฟนเก่าทำไมนายเกลียดมันขนาดนี้ละ หรือว่านายเลิกกับเธอด้วยเรื่องไม่ดีเหรอ” คนอยากรู้ถามต่อเผื่อเขาหลุดมาบ้าง
“มันไม่สวย” เขาตอบดื้อๆ แล้วกลับมาสนใจเอกสาร
คาร์ลอสมองหน้าคนอยากรู้นิ่ง เขารู้เธอไม่เชื่อ คาร์ลอสจึงตัดสินใจถ้าหากเธออยากรู้เขาตัดความรำคาญด้วยการคลายความอยากรู้ของเธอ
“ใช่...เราเลิกกันด้วยเรื่องไม่ดี ในวันนั้นเป็นวันแต่งงานของเราวันนั้นสำหรับผมมันมีความหมายมาก ในคืนวันที่เราจะได้เริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แต่สำหรับผู้หญิงคนนั้นเป็นวันลาภลอยของเธอ ผมถูกหลอกให้แต่งงานเพื่อเธอจะได้เอาเงินค่าสินสอดไปให้แฟนใหม่ที่เป็นหนี้ เธอแกล้งจัดฉากมอมเหล้าให้ผมดื่มหนักจนไม่ได้สติและไปหลับนอนกับหญิงคนอื่น ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในแผนของเธอ เธอเอาความผมและทำให้ผมติดคุก” คาร์ลอสเล่าเรื่องเรื่องด้วยความปวดระบมในใจ
“เธอเป็นรักแรก และเป็นรักสุดท้ายที่ผมไม่มีวันลืม”
                ญาณิศารับฟังเรื่องราวของชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดเศร้าใจเหมือนกับเขา ในใจลึกๆ เธอเองก็แค้นเคืองผู้หญิงคนนั้นด้วยเหมือนกันและเธออยากปลดปล่อยเขาออกจากความทุกข์ เธอเองไม่รู้ตัวว่าทำไมแค้นผู้หญิงคนนั้นและอยากทำให้เขารู้สึกดี
                “ผู้หญิงคนนั้นทำให้คุณเจ็บปวดแต่ดอกไม้มันไม่รู้เรื่อง”
                “คุณนั้นแหละไม่รู้เรื่อง” คาร์ลอสสวนขึ้นทันควัน “ผมชักรำคาญคุณแล้วหยุดพูดเรื่องบ้าพวกนี้สักที” คาร์ลอสทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ ไม่เคยมีใครเซ้าซี้เรื่องส่วนตัวเขามามากขนาดนี้
                “คุณควรแยกแยะระหว่างคนกับดอกไม้” ญาณิศาเว้นวรรค “ใช้ ผู้หญิงคนนั้นชอบดอกไม้แต่พอเลิกกันคุณเห็นดอกไม้คุณเลยคิดถึงเธอและพาลเกลียดมัน”
คาร์ลอสได้ฟังเช่นนี้ถึงกับเอ่ยปากไม่ออกสิ่งที่เธอพูดตรงกับเขาทุกอย่าง ‘เธอเป็นหนมอดูเหรอ’ คาร์ลอสเอ่ยเสียงฮึในคอ “จะคนหรือดอกไม้ผมก็เกลียดทั้งหมด”
ญาณิศาเขม่นตามองชายหนุ่ม “คุณมองแฟนเก่าอย่างเกลียดชังแต่อย่ามองดอกไม้แบบเดียวกับเธอ ลองมองดอกไม้ให้เป็นสิ่งสวยงามสิ แล้วคุณจะรู้ว่าพวกมันสวยงามและน่าหลงไหล” ญาณิศาดึงดอกไม้ออกจากแจกันแล้วพามาใกล้จมูกตัวเองจากนั้นพาไปชิดแก้มหยาบ
“คุณเป็นคนพามันมาปลูกแท้ๆ ยังเกลียดมันอีกใจร้ายจังดูสิคอมันตกหมดเลย” ใบหน้าสวยงอง่ำพร้อมน้ำเสียงเสียใจแทนดอกไม้ คาร์ลอสดึงดอกไม้ออกจากมือเธอ หัวใจดวงน้อยรู้สึกกระตุกข้างในก่อนเจ้าของใบหน้าสวยจะหันหลบหนี
ญาณิศากลับมานั่งประจำที่เดิมคือหน้าจอทีวีแอลซีดีขนาดยักษ์ซึ่งเธอใช้เป็นที่ประจำการเล่นโน๊ตบุ๊ค สิ่งที่ทำเมื่อสักครู่เธอเพียงแค่อยากให้เขาไม่อยากจมจ่อมอยู่ในอดีตและเธอไม่ชอบเห็นใครเกลียดดอกไม้
                ประตูหัวใจปิดตายเริ่มสันคลอนเบาๆ เพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของญาณิศา เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจมีรอยแหวะหวะคล้ายกับว่ามีบางอย่างกำลังลุกล้ำหัวใจต้องห้าม สิ่งนั้นคืออะไร
 
***************************************
 
บทที่ 4/3
            คาร์ลอสพยายามหาคำตอบแต่ไม่มีสิ่งใดช่วยคลายความสงสัยได้เลย เขาจึงปัดความอยากรู้ทิ้งเพราะหากหาคำตอบเจอเขาอาจต้องกลับไปจมจ่อมอยู่กับอดีตที่ขมขื่น
“ลงไปทานข้าวกัน” ซุ่มเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังของพยานสาว ญาณิศาหันไปตามต้นเสียงพบว่าชายเจ้าของเสียงมายืนอยู่ข้างหลังเมื่อไหร่ไม่ทราบ หญิงสาวกำลังอ้าปากจะประท้วงแต่เขารู้ทันมือหนากระตุกต้นแขนเล็กให้ลุกขึ้น
“ปล่อยแขนฉันสิ ฉันเดินเองได้” หญิงสาวประท้วง ต้องการให้คนอื่นทำตามใจตัวเองจึงใช้วิธีลากถูไปหรอกหรือ คนนิสัยไม่ดี
“ถ้าปล่อยให้คุณเดินเองผมคงหิวตายพอดี คุณเนี่ยไม่นึกถึงใจเขาใจเราเลยนะ”
พอเดินมาถึงโต๊ะอาหารก็พบกับเดรโก้และเลโอซึ่งนั่งประจำที่อยู่ก่อน ทั้งสองหนุ่มเห็นภาพตรงหน้าต้องเก็บไว้ไม่โพล่งมันออกมาเพราะไม่อยากเสียบรรยากาศอาหารมื้อเย็น
“วันนี้ฉันมาฝากท้องมื้อเย็นบ้านนายนะ” เดรโก้เอ่ยปากแต่ดวงตาไม่สบกับผู้ฟัง ดวงตานั้นมองมือหนากุมต้นแขนหญิงเล็ก
“ผมก็ด้วยนะครับไอ้คุณเควิน” เลโอว่าพร้อมยิ้มสดใส เขาเก็บความอยากรู้ไว้ในใจ
ญาณิศาสลัดแขนออกจากมือปลาหมึกแล้วเดินไปยังที่นั่งข้างเดรโก้ หญิงสาวปั้นหน้ามุ่ยพร้อมตักอาหารใสจานญาณิศาตักอาหารใส่ปากคำโตจนอาหารติดคอ
“แค้กๆ”
“อย่ารีบทานสิครับ” เดรโก้ยื่นแก้วน้ำให้คนอาหารติดคอก่อนใครบางคนที่หัวโต๊ะกำลังจับแก้วน้ำ เลโอนั่งมองคาร์ลอสซึ่งนั่งหัวโต๊ะและเดรโก้พร้อมกับทานอาหาร
“อิ่มแล้วค่ะ” ญาณิศาพูดพร้อมวางช้อนซ้อมแล้วลุกขึ้น
“เดี๋ยวอิ่มแล้วห้ามลุกขึ้นจากโต๊ะจนกว่าผมจะทานเสร็จ นั่งลง” คาร์ลอสละเลียดอาหารในจานอย่างช้าๆ เขาเห็นเพื่อนหนุ่มสองคนทานอาหารเสร็จแต่ยังนั่งเฉยอยู่
“ถ้าพวกนายสองคนทานเสร็จก็กลับบ้านกันได้แล้ว” ชายหนุ่มสองคนที่ถูกพูดถึงรู้สึกคล้ายกำลังถูกไล่อยู่กลายๆแต่สุดท้ายก็ตกลงกันกลับบ้าน
“กู๊ดไนท์ครับคุณเกรซ” เดรโก้ซึ่งออกจากบ้านหลังเลโอหันมาบอกกับหญิงสาว
“กู๊ดไนท์ค่ะ” เกรซยิ้มหวาน
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของของใครบางคนดังขึ้นทำให้เดรโก้ต้องเดินออกจากบ้านพร้อมกับภาพก่อนรับประทานอาหารที่ยังติดตา
คาร์ลอสทานอาหารในจานหมดจากนั้นปิดท้ายด้วยการดื่มชาร้อน เขาดื่มชาร้อนพร้อมอ่านข่าวบนอินเทอร์เน็ตด้วยแท็บเล็ต ตามองหน้าจอเป็นเรื่องจริงแต่ไม่สนใจเมนูข่าวในจอเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่า และความจริงที่สุดคือเขาไม่ได้ตั้งใจอ่านข่าว
ญาณิศานั่งเขี่ยช้อนส้อมในจานพลางมองผู้คุ้มรองหนุ่มเป็นระยะว่าเขาเสร็จจากการอ่านข่าวและดื่มชาเสร็จหรือยัง เธอยังเห็นเขาจิบชาและเลื่อนหน้าจอแท็บเลตอย่างสบายอารมณ์ จนกระทั้งน้ำชาในถ้วยหมดญาณิศาจึงใจชื่นเพราะคิดว่าเขาจะขึ้นห้องแต่ผิดคาดเขาสั่งนมสดมาเพิ่มอีกแก้วใหญ่แล้วเปลี่ยนที่นั่งอ่านข่าวเป็นบนโซฟา
“ฉันง่วงนอนแล้ว อยากไปอาบน้ำด้วย ให้ฉันขึ้นไปก่อนไม่ได้เหรอ” ญาณิศาพูด ตอนนี้เธอรู้สึกเหนอะนะเหนียวตัวมาก หญิงสาวเดินเก้กังไปนั่งบนโซฟาตัวใกล้ร่างสูง
                คนนั่งอ่านข่าวยังนั่งอ่านข่าวพร้อมจิบนมเรื่อยๆ คาร์ลอสลอบมองหญิงสาวตลอดตั้งแต่บนโต๊ะอาหาร ทุกอากับกิริยาถูกบันทึกไว้ในความทรงจำ เขาเห็นเธออาหารติดคอรู้สึกใจวูบอย่างประหลาดอยากช่วยแต่ความรู้สึกของเขามันช้ากว่าอีกคน คาร์ลอสเห็นหญิงสาวหยิบนิตยาสารขึ้นมาพลิกเปิดหน้าไปมามือเล็กยกขึ้นป้องปากเป็นระยะ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ญาณิศาเห็นดังนั้นก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เธอลุกขึ้นตาม
                “ผมจะไปดื่มน้ำ” ญาณิศาใจแป้ว เพราะคิดว่าเขาจะกลับห้อง แต่ประโยคถัดมาทำให้เธอดีใจ “แล้วขึ้นห้อง”
                ญาณิศารอคาร์ลอสดื่มน้ำจนเสร็จแล้วขึ้นบนห้องพร้อมกัน หญิงสาวแย่งใช้ห้องน้ำคนแรก
                “นี่นายเมื่อไหร่จะซ่อมลูกบิดสักที” ญาณิศาหมุนลูกบิดประตูห้องน้ำประกอบ เธอไม่เข้าใจจริงๆ บ้านช่องออกใหญ่โตแต่ลูกบิดห้องน้ำพิการ เธอถามทุกวันและเขาก็ตอบทุกวันว่า
                “เสียเวลาแค่ห้องน้ำส่วนตัว” คาร์ลอสพูดพร้อมพลิกหน้าหนังสือ
                หญิงสาวถอนหายใจ ‘แต่ตอนี้มันไม่ส่วนตัวนะสิยะ’
                “คุณไม่ต้องห่วงหรอกว่าผมจะทะลึ่งแอบดูเพราะผมไม่ชอบดูของปลอม” เขาตอบในท่าเดิม
                ญาณิศานับ หนึ่ง สอง สาม ในใจ “ไอบ้า!” และตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังโครม คาร์ลอสเลิกสนใจหนังสือที่ไม่คิดสนใจมาก่อนหน้านี้แล้วกลับมาสนใจประตูห้องน้ำแทน
ทำไมมนุษย์เพศหญิงคนเดียวปั่นป่วนระบบประสาทของเขาได้มากมายขนาดนี้ ตั้งแต่เรื่องดอกไม้ บนโต๊ะอาหาร และในตอนนี้ เขาไม่ได้กลัวหญิงสาวแต่เขากลัวความรู้สึกของตัวเองมากกว่า กลัวความใจอ่อนของตัวเองจะนำพาความเจ็บช้ำเข้ามา นานมาแล้วนับปีที่ไม่มีหญิงใดเข้ามาในชีวิตเพราะห้องหัวใจปิดตายมันไม่อยากรับใครเข้ามาอีกต่อไป
“อดทนทำหน้าที่อีกหน่อยสิวะจบเรื่องนี้เราก็จะไม่เจอกันอีก” คาร์ลอสเอนร่างสูงลงบนโซฟาดวงตาคมมองเพดาน
ประตูห้องน้ำเปิดออกทำให้คาร์ลอสต้องหยุดความคิด หญิงสาวเดินออกมาพร้อมชุดนอนแขนยาวสีส้มอ่อนและ กางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อ ดวงหน้ากระจ่างใสไร้เครื่องสำอางดูสะอาดตาน่ามอง เรือนผมสีช็อกโกแลตร่ายมนต์ให้เขาต้องจับตามอง
ญาณิศาจิกสายตาใส่คนตัวสูงเธอเดินผ่านเขาแล้วมาหยุดที่เตียงนอน คาร์ลอสเดินเข้าห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัว ญาณิศาล้มตัวลงนอนแล้วหลับตา ดวงตาสองข้างปิดแล้วแต่สมองยังทำงาน
หลายครั้งที่อยู่ใกล้คาร์ลอสหัวใจดวงน้อยก็เต้นโครมครามไม่เป็นปกติตามระยะที่อยู่ใกล้ เธอไม่แน่ใจว่าปรากฏการคล้ายถูกสารคาเฟอีนเล่นงานมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หลายครั้งที่พยายามคิดหาคำตอบและสิ่งที่ได้กลับมาคือการไม่มีคำตอบ
“มันคงไม่มีอะไรฉันคงคิดมากไปเองจบเรื่องคดีฉันต้องกลับบ้านและเราจะไม่ได้เจอกันอีก” ญาณิศาบอกตัวเองเพราะมันเป็นจริงอย่างที่เธอคิดทุกอย่าง คิดหาคำตอบกับสิ่งไม่มีตัวตนมากไปก็ไม่ได้ความอะไรอยู่ดี สู้อยู่รับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดดีกว่า
เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นทำให้ญาณิศาต้องยุดติความคิด หญิงสาวแสร้งหลับต่อไป เสียงดังกุกกักทำให้ญาณิศาอยากรู้ว่าเขากำลังทำอะไร เธอจึงค่อยๆ แย้มตาเห็นชายหนุ่มรูปร่างแบบสามเหลี่ยมสูงใหญ่พันผ้าเช็ดตัวไว้เพียงท่อนล่าง เขากำลังหาชุดนอนในตู้เสื้อผ้า
แผ่นหลังกว้างหนาและกล้ามเนื้อหนาแน่นบนแผ่นหลัง แขนกำยำสองข้างนั่นร่ายมนต์ให้ญาณิศาต้องจับตามอง ยามร่างสูงหันหน้ามาทางเธอ เธอสามารถมองเห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแรงตรงช่วงท้องได้อย่างชัดเจน
‘คุณพระช่วยนี่ฉันกำลังนอนดูนายแบบหลุดออกมาจากนิตยาสารหรือเปล่า’ ญาณิศาบ่นในใจ
อีกฝ่ายที่รู้สึกว่าถูกแอบมองก็หันไปทางเตียงนอนพบว่าหญิงสาวบนเตียงกำลังหลับตาพริ้ม เมื่อแต่งตัวเสร็จคาร์ลอสไม่วายกลับไปที่โต๊ะทำงานตรวจเอกสารอีกเล็กน้อยก่อนเดินไปที่เตียงนอน เขาเห็นคนนอนก่อนหลับตาสนิทแต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือรอยแดงระเรื่อบนผิวแก้มเนียน ชายหนุ่มทิ้งร่างลงนั่งบนเตียงและพาร่างเข้าไปใกล้
คนนอนหลับตารู้สึกถึงน้ำหนักที่ทิ้งลงบนฟูกที่นอน ญาณิศายิ่งปิดตาแน่นขึ้นเมื่อได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก
“เฮ้ย! ทำอะไร” ญาณิศาดีดตัวลุกขึ้นเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งมาแตะบนหน้าผาก
“เห็นหน้าคุณแดงคิดว่าไม่สบาย” เขาตอบพาซื่อ
“ฉะ...ฉันสบายดี” เธอตอบส่งๆ มือเล็กยกขึ้นลูบข้างแก้ม ‘ให้ตายสิหน้าแดงได้ไงเนี่ย’ พยานสาวพึมพำในใจ
เขาพยักหน้ารับรู้ “ก็ดีถ้าเดฟรู้ว่าผมดูแลพยานไม่ดีคงโดนเทศสี่วันห้าคืน” คาร์ลอสเดินไปปิดไฟแล้วกลับมาล้มตัวลงนอน
“ถ้าวันหลังอยากดูก็บอกได้ไม่ต้องแอบดูหรอก” เขาพูดทั้งหลับตา คนฟังถึงกับอ้าปากค้างในความมืด
“ทุเรศดำๆ อย่างนายใครอยากจะดูเป็นขี้กรากหรือเปล่าก็ไม่รู้” ญาณิศาฉุนกึก เธอคิดว่าทำเนียนที่สุดแล้วนะ
“มีคุณคนหนึ่งแล้วกัน”
กำปั้นน้อยสองข้างเกิดขึ้นใต้ผ้าห่ม ผู้ชายอะไรปากร้ายกับผู้หญิงเหลือทนตั้งแต่ลืมตาดูโลกเพิ่งได้พบตานี่เป็นคนแรก ญาณิศาล้มตัวลงนอนเพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศเย็นสบายน่านอน เธอนอนหันหลังให้ชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีบางคนกำลังนอนกินอมยิ้มอยู่ข้างหลัง
               
                ในเช้าวันนี้ดาเลนนำกาแฟสูตรใหม่มาให้คาร์ลอสลองชิมแต่ก่อนหน้านี้เธอได้ลองเอาตัวอย่างมาให้คาร์ลอสลองชิมแล้ว แต่ชายหนุ่มปฏิเสธเพราะมีธุระต้องพบลูกค้าบวกกับเวลานั้นเป็นช่วงเลิกงานและชายหนุ่มไม่ชอบดื่มกาแฟตอนเย็น ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาในเช้าวันหยุดอากาศสบาย ๆ ในวันนี้เหมาะกับกาแฟหอมกรุ่น
                ขณะดาเลนกำลังเดินอยู่บนทางเข้าบ้านสายตาก็พลันมองเห็นร่างๆ หนึ่งกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างรั้ว ร่างนั้นอยู่ไม่ไกลมากทำให้เห็นได้ถนัดตาว่าเจ้าของร่างเป็นผู้หญิงแต่ดาเลนรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเธอเพราะดาเลนพิจารณาจากเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่และเธอไม่ใช่แม่บ้านของที่นี่
                “สวัสดีค่ะ” เลนเดินเข้าไปใกล้เธอแล้วกล่าวทักทาย หญิงสาวในชุดเดรสกระโปรงลูกไม้สั้นสีเหลืองนวลหันมาตามเสียงทักในมือของเธอถือฝักบัวรดน้ำ ดาเลนถือโอกาสสำรวจร่างงามตรงหน้าอย่างละเอียด ดาเลนพบว่าหญิงสาวคนนี้มีความสวยน่ารักอยู่ในตัวบวกกับรูปร่างสมส่วนและผิวพรรณขาวเนียนดุจน้ำนมทำให้หญิงสาวคนนี้ชวนมองไม่น้อย
                ญาณิศาซึ่งเป็นผู้ถูกทักยิ้มให้หญิงสาวแปลกหน้าเต็มยิ้มพร้อมเอ่ยคำเดียวกับเธอ ญาณิศาถือโอกาสสำรวจร่างหญิงตรงหน้า หญิงสาวหน้าคมรูปร่างสมส่วนแต่ค่อนข้างมีสัดส่วน เรียกง่ายๆว่าอกเป็นอกสะโพกเป็นสะโพกผิวสีแทนบวกกับการสวมกางเกงรัดรูปสีขาวทำให้สาวคนนี้ดูเซ็กชี่มากเหมือนดาราฮอลลีวูดคนหนึ่ง
                “เธอเป็นใคร” ดาเลนกระชากเสียงถามรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นหญิงแปลกหน้าเดินป้วนเปี้ยนหน้าบ้านคาร์ลอส
                “ฉันเป็นเพื่อนคุณเควิน” ญาณิศาถอยก้าวห่างเธอเล็กน้อยเพราะรู้สึกถึงรังศีไม่น่าไว้ใจ ดาเลนหรี่ตาลงอย่างจับผิดอีกฝ่าย
                “เจอกันที่ไหน รู้จักกันได้ยังไง”
                “ฉันเจอคุณเควินที่ไหน รู้จักกันได้ยังไง มันเกี่ยวอะไรกับคุณ” ญาณิศาตอกกลับเพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้อยากรู้เรื่องส่วนตัวมากเกินไป ดาเลนหรี่ตาลงอย่างพิจารณาสาวตรงหน้าอีกครั้ง
                “เกี่ยวแน่เพราะฉันเป็น...”
 
 
******โปรดติดตามตอนต่อไป******
 
 
นิยายเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นจากจินตนาการผู้เขียน เพื่อทำความฝันของ นัก(อยาก)เขียน
ให้สำเร็จ ด้วยการลงมือเขียน เขียนแล้วอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ นักอ่าน
เพื่อสร้างความสนุก ความบันเทิงให้กับนักอ่านที่น่ารักทุกคน
ทั้งนี้...มิได้มีเจตนาพาดพิงผู้ใดโดยมิได้ตั้งใจ ตัวละครมิได้มีตัวตนอยู่จริง ๆ
และบุคคลในภาพก็มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานเขียนชิ้นนี้
หากชื่อตัวละครชื่อพ้องกับชื่อผู้ใด ทางผู้เขียนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
 
ขอขอบพระคุณในการติดตาม ^^
 
 

 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา