Rainbow University(1)สายรุ้งรักปักหัวใจนายต่างชาติ
เขียนโดย Greek
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.52 น.
แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 01.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) หาคู่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“เธอหาคู่แสดงได้รึยัง สุพรรณิการ์” เสียงของอาจารย์กุนชาณี หัวหน้าสาขานาฏศิลป์ รีบพูดทันทีที่เจอหน้าลูกศิษย์ที่สุดแสนจะน่ารักอย่างฉัน(เหรอ)
“ใจเย็นซิคะ อาจารย์พึงสั่งหนูไปเมื่อวานนี้เองนะคะ ยังหาข้อมูลการแสดงไม่ได้เลย” ต้องรีบบ่นให้อาจารย์กุนเชียง(ชื่อตั้งเอง) ฟังก่อนที่แกจะถามอีกว่า เลือกการแสดงชุดไหน
“แล้วเลือกการแสดงชุดไหนล่ะ”-_-^ คิดไม่ทันขาดคำ ไม่เคยผิดเลย ณิการ์เอ้ยยยย
“ยังไม่รู้เลยค่ะ แต่ก็เลือกๆไว้บ้างแล้ว” แต่ตัวเลือกมันเยอะนะ
“อาจารย์ขอแนะนำว่าถ้าคิดไม่ออกจริงๆให้ไปที่ห้อง SF สิ ลองขอคำปรึกษาที่นั่นดู” พวกเด็ก SFนั่นน่ะเหรอ ความนี้ไม่เลวเลย
SF เป็นชื่อย่อของพวกเด็กแลกเปลี่ยนที่มาเรียนที่นี่ จำไม่ได้ว่ามีกี่คน เคยได้ยินชื่อเสียงอยู่บ้าง จากพวกเด็กปี 1 ในคณะ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะสนใจอะไร จนกระทั้งตอนนี้ ฉันต้องเปลี่ยนความคิดนี้ซะแล้ว
ฉันไม่รอช้า ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าห้อง SF(Student Foreigners) แต่เมื่อบิดลูกบิดเข้าไป ก็เจอกับชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังค้นนิตยาสารอย่างเมามันส์ เค้าเงยหน้าขึ้นมามองฉัน
โอ้ว...หล่อนะ แต่สีหน้าไร้ความรู้สึก นี่แสดงสีหน้าอื่นเป็นไหมเนี่ย ฉันว่าถ้าเค้ายิ้มต้องเป็นผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่งแน่ๆ
“-_- มาหาใคร” นอกจากจะเย็นชาแล้วยังหยาบคายอีก พูดก็ไม่มีหางเสียง(ได้ข่าวว่าไปจ้องเค้านิ)
“ฉันมาหาอาจารย์จอนนี่ เค้าอยู่ไหม” ชายคนนั้นหันไปอีกห้องหนึ่งเป็นเชิงว่าดูเอาเองดิ และเค้าก็เดินออกไปจากห้อง SF ไร้มารยาท นี่ถ้าไม่เต็มใจจะตอบก็ไม่ต้องถามฉันตั้งแต่แรกสิ แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นฉันยังไม่โกรธเท่านี้เลย
ช่างเหอะไปคุยธุระดีกว่า นั่นไงเจอแล้วบุคคลที่ตามหา อาจารย์จอนนี่ ที่คอยดูแลเด็กแลกเปลี่ยน แกเป็นลูกครึ่งไทย – อังกฤษ ได้ข่าวว่าเคยเป็นทูต ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นอาจารย์สอนภาษาต่างๆ
“อ้าว...มีไรเหรอ มานั่งก่อนสิ” พูดไทยก็ชัดด้วย ยังหล่อ หนุ่ม แถมสุภาพ แต่ทำไมยังไม่มีแฟนวะ
“^_^ หนูอยากจะมาปรึกษาเรื่องวัฒนธรรมของจีนน่ะค่ะ อาจารย์พอจะว่าไหมคะ” เค้ามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะมานั่งตรงข้ามฉันและทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
“ว่ามาสิ” ใจดีจัง นึกว่าจะไล่ฉันออกจากห้องแล้วนะเนี่ย
“เดือนหน้าจะมีการแสดงในวันครบรอบของมหาลัย แล้วหนูได้หัวข้อนาฏศิลป์จีนน่ะค่ะ เลยอยากจะถามว่าต้องแสดงชุดไหนถึงจะเหมาะสมเหรอคะ” เค้าทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา เล่นเอาซะฉันตกใจเลย
“มหาลัยของเรามีนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาจากจีนด้วยนะ มี 2 คนลองไปถามดูสิ อะนี่ชื่อและก็คณะที่เรียนอยู่”อาจารย์จอนนี่ก้มลงไปเขียนลงในกระดาษ ยิกๆ และก็ยื่นให้ฉัน เหมือนส่งเสริมอย่างมาก ฉันรับมาอ่านทันที
คนแรกที่ฉันจะต้องไปหา คือ หวัง หลี่เย่ เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการแสดง ปี 1 แล้วจะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย
“ตึกคณะนิเทศ” ฝนก็ตกอีกต่างหาก ดีนะเนี่ยที่พกแม่ร่มคิตตี้สุดหวานนี่มาด้วย(ได้ข่าวว่าแกจะเอาคืนเขาไม่ใช่เหรอยะ) ฉันจัดการหุบร่มทันทีที่ได้เข้ามาในบริเวณตึกคณะนิเทศศาสตร์ คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย สงสัยคงจะมาหลบฝนกัน บริเวณใต้ตึกคนก็เลยเยอะ
“ขอโทษนะคะ ฉันจะหาคนที่ชื่อ หวัง หลี่เย่ ได้ที่ไหน” ถามมันแถวนั้นแหล่ะ เจอใครก็ถามไป
“น่าจะอยู่ที่ห้องเรียนนะ เพราะใกล้เวลาเรียนแล้ว ไปที่ห้อง3/18 สิ” อ้าวดันตอบได้อีก
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันเดินวนหา ห้องเรียน 3/18 อยู่สักประมาณ 5 นาทีได้ แล้วก็เจอ ประตูห้องเรียนถูกเปิดอยู่ แสดงว่ายังไม่อาจารย์มาสอน สายตาของฉันสอดส่องทั่งห้องก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านชีทอะไรสักอย่างอยู่ เค้าหันมามองฉันทันทีที่ฉันเดินเข้าไปในห้อง ฉันควรเริ่มไงดีเนี่ย
“ขอโทษนะคะ ฉันมาหาหวัง หลี่เย่ คุณเห็นเค้าไหมคะ” ผู้ชายคนนี้หล่อจังเลย ถ้าให้เทียบกับคนที่ฉันเจอที่ห้อง SF มันก็หล่อเท่ากันนั่นแหล่ะ เพียงแต่หล่อคนละแบบกัน
“^_^ ผมนี่แหล่ะครับ มีอะไรรึเปล่าครับ” เค้าฉีกยิ้มกระชากใจสาวๆให้กับฉัน โทษทีนะที่ฉันมีภูมิคุ้มกันคนหล่อ รอยยิ้มนั้นเลยทำอะไรฉันไม่ได้ ว่าแต่เท่ห์จังพูดไทยได้ด้วย (นี่ขนาดมีภูมิคุ้มกันนะเนี่ย)
ฉันเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าเค้า พร้อมกับเอาร่มลายหวานที่ยังเปียกอยู่ แขวนไว้กับเก้าอี้ตัวข้างๆ
“เอ๊ะ! ร่มนั่นมัน...” เค้ามองไปที่ร่มแล้วพึมพำบางอย่างเป็นภาษาจีน โทษทีที่ฉันดันฟังรู้เรื่องซะด้วย เพียงแต่ฟังไม่ชัดเท่านั้นเอง
“อะไรนะคะ” ฉันเลยตอบกลับเป็นภาษาจีนซะเลย เป็นไงล่ะ
หลี่เย่ ทำหน้าแปลกใจที่ฉันพูดภาษาของเค้าได้ ความจริงพูดได้นิดหน่อย พอทักทายชาวต่างชาติได้ อิอิ
“^_^ คุณพูดจีนได้ เรียนเอกจีนเหรอครับ” เค้าฉีกยิ้มละลายใจให้ฉันอีกครั้ง เล่นเอาซะฉันเขินเลย เฮ้ย!! นั่นรุ่นน้องฉันเลยนะ สงบสติหน่อย ปล่อยให้เด็กเค้าได้เจริญเติบโต (ยัยณิการ์ของเรา เมาน้ำฝนอีกแล้วคร๊าบท่านนน)
“ปล่าว...ฉันเรียนคณะศิลปศาสตร์ เอกนาฏศิลป์ ปี 2” พูดซะขนาดนี้ ไม่บอกชื่อไปเลยล่ะยัยสุพรรณิการ์เอ้ยยยยยย
“^_^งั้นคุณก็เป็น พี่ สินะ” รู้สึกตะหงิกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้สิ
“ฉันมีธุระอยากจะคุยกับคุณน่ะ” เข้าเรื่องเลยละกัน เวลามีน้อย
“คุณพอจะว่างมาเป็นคู่แสดงในงานครบรอบมหาลัยไหม” นี่ก็เข้าเกิ๊นนนน
หลีเย่ยิ้มอีกครั้งพร้อมกับบอกว่า “^_^ผมเองก็มีแสดงเหมือนกันครับ เป็นละครเวที ขอโทษด้วยนะครับ”
ความเครียดมาเยือนทันที ทำไงดีเนี่ย แล้วฉันจะขอใครให้ช่วยได้อีกเนี่ย
“ทำไมไม่ไปขอให้พี่จื่อเฉิงช่วยละครับ เค้าน่าจะว่างนะ” ใครคือ “จื่อเฉิง” ชื่อไม่คุ้นเลย หรือว่าจะเป็นคนจีนอีกคนที่มาเรียนที่นี่ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ
ฉันไม่รอช้ารีบหยิบกระดาษที่อาจารย์จอนนี่ให้มาขึ้นมาดู
“หลี จื่อเฉิง นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ปี 3” อ้าวงานงอกเป็นรุ่นพี่อีกต่างหาก ไอ้ตรงหน้านี่ยังพูดง่ายอยู่เพราะเป็นรุ่นน้อง แต่คนนี้นี่สิ เครียดกว่าเดิมอีก
เฮ้ยยยย เค้าอาจจะเป็นคนใจดีก็ได้ ใครจะไปรู้ ก็ไอ้ใครจะไปรู้นี่แหล่ะที่ทำให้เป็นกังวลมากกกกกก
“ตอนนี้พี่จื่อเฉิงน่าจะอยู่ที่สนามบอลนะ ลองไปหาเค้าดูสิครับ ผมเชื่อว่าพี่จื่อเฉิงต้องช่วยคุณแน่นอนผมรับรอง^_^”
ขอให้มันเป็นอย่างที่แกพูดเถอะนะ หวัง หลี่เย่ เพราะถ้าไม่ฉันนี่แหล่ะที่จะมาหักคอแกเอง หึหึ ^O^ (เขาอุตส่าห์แนะนำยังจะไปขู่ฆ่าเขาในใจอีกหน๋ออออ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ