Rainbow University(1)สายรุ้งรักปักหัวใจนายต่างชาติ

8.8

เขียนโดย Greek

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.52 น.

  16 ตอน
  3 วิจารณ์
  16.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 01.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) พิเศษ* ความในใจของเฮียใหญ่หน้าหวานแห่ง SF

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ผมชื่อหลี จื่อเฉิงครับ เป็นนักศึกแลกเปลี่ยนในโครงการคนแรกระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ เด็กๆทั้งหลายที่เข้ามาทีหลังผมก็เลยเรียกผมว่า เฮียใหญ่ มีชื่อไทยเหมือนกันนะชื่อ ไตรรัตน์ครับ ผมเป็นลูกครึ่งจีนไทยครับ แม่เป็นสาวไทย ส่วนพ่อเป็นักธุรกิจชาวจีนที่มาปิ๊งแม่ก็เลยแต่งงานแล้วก็มีผมขึ้นมาเป็นตัวเป็นตน ตอนแรกผมก็อยู่ที่จีนกับพ่อแม่นั่นแหล่ะครับ แต่พ่ออยากให้มาอยู่กับอาม่าที่หนีพ่อมาอยู่ที่ไทยกับอาโกว ผมก็เลยกลายเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนมาเรียนที่นี่ในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาศาตร์การกีฬา นั่นแหล่ะครับ

          หลายคนบอกว่าผมพูดภาษาไทยสุภาพมาก ก็เป็นเพราะครูสอนภาษาไทยเค้าสอนมาแบบนี้หนิครับแต่ถ้ารู้จักผมจริงๆผมไม่ใช่คนสุภาพนะ ฮ่าๆ พูดได้อย่างเดียวแต่เขียนไม่ได้เลยอาศัยภาษาอังกฤษเขียนเอา ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

          ปัญหามันอยู่ที่ว่าทั้งมหาลัยเรนโบว์นี้ไม่ค่อยมีใครเป็นลูกครึ่งแบบผมเสียเท่าไหร่ แถมมาตอนแรกๆ ภาษาไทยผมแทบไม่ได้เลย ดีนะครับที่อาจารย์จอนนี่ที่เป็นที่ปรึกษาในโครงการนี้เค้าบอกให้อดทนไปก่อน 1 ปี ถ้าไม่อยากเรียนที่นี่ก็ค่อยย้ายกลับไปเรียนที่จีนก็ได้ ไม่แน่ผมอาจเปลี่ยนใจเรียนต่อเพราะปีหน้าจะมีเด็กในโครงการมาอีกหลายคนอยู่ผู้ชายทั้งหมดเลย เป็นรุ่นที่บุกเบิกมากๆเลยครับ

          เป็นอย่างที่อาจารย์จอนนี่บอกจริงๆด้วยครับ ตอนแรกผมอาจจะคิดกลับจีน แต่พอมานั่งคิดๆดูอีก ที่นี่ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ แถมได้ดูแลอาม่าด้วย แถมเด็กๆในโครงการที่มาเป็นรุ่นน้องผมก็น่ารักน่า(ถีบ)กันหมด กวนๆหน้าแข้งผมทั้งนั้น นั่นไม่ใช่เหตุผลเบื้องต้นครับ สิ่งที่ผมกำลังจะบอกนี่แหล่ะคือแรงบันดาลใจให้ผมอยากอยู่เรียนที่นี่ใจแทบขาด...

          มันเป็นวันที่วุ่นวายสำหรับงานกีฬาสีของมหาลัย ฟุตบอลคณะของผมจะแข่งกับคณะศิลปศาสตร์รอบชิงชนะเลิศซึ่งผมเองก็ลงแข่งเป็นตัวแทนของคณะด้วย ผู้คนก็เลยเยอะมากเป็นพิเศษโยเฉพาะคณะของผมกับคณะคู่แข่ง

          ผมนั่งดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่อยู่ที่ขอบสนามเตรียมตัวจะลงแข่ง ก็หันไปเห็นไอ้พวกลิงทั้งหลายในโครงการSF มาเชียร์ผมด้วย ด้วยการทักทายกึ่งอยากจะแกล้ง ผมเลยเอากระป๋องเครื่องดื่มที่พึ่งจัดการไป ขว้างไปที่พวกมันสุดแรงเกิด

          ผลที่ได้คือมันไปกระทบกับหัวของใครสักคนที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้หญิง เธอใส่หมวกแก๊บบังแดดแล้วมัดผมม้าเธอนั่งหันหลังอยู่ น่าจะเป็นคนคณะศิลป์เพราะเธอนั่งอยู่แถวนั้น เจ้าตัวกุมหัวตัวเองที่พึ่งโดนกระป๋องกระทบไป หัวจะแตกไหมนั่น

          อย่าหาว่าผมไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะครับ แต่คนมันเยอะ ผมไม่กล้าเดินไปขอโทษเธอ ทำได้แค่แอบดูห่างๆ ว่าหัวเธอจะแตกไหม ทันทีที่เธอหันหน้ามาเท่านั้นแหล่ะ...โอ้โห...คนหรือว่านางฟ้าวะนั่น นี่ขนาดทำหน้าแหยเพราะเจ็บนะเนี่ย ผมนี่ตะลึงไปชั่วขณะเลยครับ

          “แกเป็นอะไรหรอณิการ์” เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเธอหันมาถาม เมื่อเธอหันไปหันมาพร้อมกับกุมหัว

          “ใครไม่รู้เอาไอ้กระป๋องเนี่ยขว้างมาใส่หัวฉัน คอยดูนะ ฉันจะเอากระป๋องนี่ไปตรวจลอยนิ้วมือว่าเป็นใคร จะตามไปเผาบ้านเลยคอยดู” ผู้หญิงอะไรดุจัง ขัดกับหน้าสวยๆนั่นมาก ผมจะซวยไหมครับ ถ้าเธอเอาไปตรวจจริงอย่างที่พูด ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าโวยวายต่างหาก

          แกร๊บ

          ระยะที่ผมนั่งห่างจากเธออยู่นะครับ แต่เสียงบีบกระป๋องจากฝ่ามือเรียวๆนั่นดังมาเลย เธอเป็นเจ้าแม่มาเฟียรึเปล่าครับ หรือนักกีฬายกน้ำหนัก ตัวแค่นั้นไปเอาแรงมาจากไหนบีบกระป๋องจนแบนแต๊ดแต๋กัน

          นับจากวันนั้นผมก็ลองถามๆเพื่อนในคณะว่ารู้จักเธอไหม เธอเป็นรองดาวคณะศิลป์ครับ อยู่สาขานาฏศิลป์ ชื่อว่าณิการ์ อยู่ปี 1 ก็ว่าทำไมไม่เคยเห็นหน้า พอดีผมเป็นรุ่นพี่ต่างคณะอยู่ปี 2 ครับ ฮ่าๆ ผมสงสัยอย่างหนึ่งว่าทำไมถึงได้เป็นรองดาวคณะ มีคนที่สวยกว่าเธออีกงั้นเหรอ สืบไปสืบมาจนรู้เหตุที่ทำเอาผมเสียวที่หน้าเลยครับ

          น้องณิการ์ไปต่อยหน้าผู้ชายมาครับ ได้ข่าวว่าเลือดอาบ เลยโดนปลดจากการประกวดดาวคณะเป็นที่ 2 แทน เพราะไม่มีความเป็นกุลสตรี น้องเค้าดูโหดมาเลยนะครับ

          ผมแอบดูน้องณิการ์อยู่ห่างๆ ไม่รู้สิครับมันเป็นความรู้สึกของผมที่กลัวเธอนิดหน่อยแต่ก็อยากจะเจอ มันคุ้นเคยสายตามากอะครับ วันไหนไม่เห็นหน้านี่รู้สึกเหมือนกับขาดอะไรบางอย่าง จนกระทั้งผมอยู่ปี 3 น้องณิการ์อยู่ปี 2 ผมว่าตัวผมมันมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะได้เห็นความแปลกใหม่ที่คาดไม่ถึงของเธอมั้งครับ ที่สวยขึ้น ยิ้มเก่งขึ้น รำเก่งขึ้น มีผู้ชายมารุมล้อมมากขึ้น อย่างหลังนี่ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็น ทำไมน่ะเหรอก็คงเป็นเพราะ...ชอบเธอขึ้นมามั้งครับ

          ไม่ค่อยจะมีใครรู้หรอกครับว่าผมจะแอบปิ๊งใครนอกจากไอ้พวกลิง SF ซึ่งผมรับตำแหน่งเป็นเฮียใหญ่เต็มตัวเพราะมีเด็กใหม่มาเพิ่ม มีมาจากจีนด้วย 1 คน ติดผมพอสมควร แต่ที่ติดมากก็คงจะเป็น จีฮุน พ่อหนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลี มันอยู่คณะเดียวกับผมครับก็เลยติดผมแจเพราะผมพูดเกาหลีได้พอควร ยิ่งติดเข้าไปใหญ่ จนมีข่าวมาแว่วๆว่าผมกับมันเป็นคู่เกย์กัน ซึ่งมันไม่จริงเลยสักนิดเดียว จีฮุนเป็นเด็กน่ารักครับถึงแม้หน้ามันจะนิ่งจนกวนหน้าแข้งผมก็ตาม ช่างมันเหอะนะครับกลับมาที่เรื่องผมดีกว่าเนอะ

          จะมีงานครบรอบมหาวิทยาลัย ทุกคณะจะต้องส่งการแสดงมาโชว์ในวันงาน แน่นอนว่าน้องณิการ์จะต้องได้แสดงเป็นแน่แท้ จริงอย่างที่ผมคาดครับ ผมเจอเธอในห้องสมุดกำลังหาข้องมูลเกี่ยวกับการแสดง ผมไม่ได้แอบตามเธอนะครับพอดีผมมาหาข้อมูลทำรายงานที่จะต้องส่งอาจารย์ มันเป็นความบังเอิญมากกว่าหรือพรหมลิขิตก็ไม่รู้สิ

          ซ่า ซ่า

          อ้าวฝนตก ดีนะผมพกร่มคิตตี้สุดที่รักมาก ผมไม่ได้ตุ๊ดนะครับแค่ชอบเฉยๆมันน่ารักดีออกผมว่า

          น้องณิการ์เดินหอบหนังสือออกไปจากห้องสมุดประมาณ 3 – 4 เล่ม แล้วก็หยุดกึกมองหยาดฝนที่ตกลงมาอยู่อย่างงั้นนานพอสมควร ถึงเวลาแล้วล่ะครับที่ผมจะต้องแสดงการมีใจให้กับเธอสักที

          “น้องๆ” ผมตัดสินใจเดินไปที่บรรณารักษ์แล้วกวักมือเรียกบรรณารักษ์รุ่นน้องมา มันเดินเข้ามาอย่างว่าง่าย พร้อมกับการให้บริการที่ดีโดยการ

          “เอาร่มไปให้พี่ผู้หญิงคนนั้นให้หน่อยสิ บอกว่ามีคนฝากมาให้อย่างงี้นะ” ผมยื่นร่มคิตตี้สุดที่รักให้กับน้องบรรณารักษ์ มันก็รับแล้วก็หันไปมองน้องณิการ์แล้วก็ยิ้มเหมือนจะแซวผม

          “ฮั่นแน่ เฮ้ยพี่ไม่เลวนะจีบแบบนี้ สวยๆผมเชียร์เต็มที่เลยครับ” น้องบรรณารักษ์เดินออกไปนอกห้องสมุด สะกิดน้องณิการ์แล้วยื่นร่มให้ แล้วมันก็วิ่งออกมา

          น้องณิการ์ยืนงงอยู่อย่างงั้นพักหนึ่งแล้วก็กดกางร่มเดินออกไป เฮ้อ...แค่นี้ผมก็หายเป็นห่วงแล้วล่ะครับ ตายตาหลับแล้วล่ะ

 

          แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ผมได้คุยกับน้องณิการ์ครั้งแรก แทบจะกริ๊ดแตก(?) ผมนั่งเล่นอยู่ในโรงยิมตามปกติเหมือนทุกวันครับ ก็มีสาวน้อยที่ผมแอบมองมาเป็นแรมปี มาทักถามว่าเห็นคนชื่อหลี จื่อเฉิง ไหม เกือบหลุดหัวเราะแล้วครับ ผมก็เลยกวนกลับไปทั้งๆที่ก็กลัวน้องเค้าต่อยหน้ากลับมาอยู่เหมือนกัน

          เธอกวนผมกลับครับ แปลกใหม่มากสำหรับผมที่จะเจอผู้หญิงหัวไวตอกกลับเร็วแบบนี้ ยิ่งดูใกล้ๆแบบนี้หัวใจผมยิ่งสั่น หวังว่าผมคงจะหล่อถูกใจเธอเหมือนกันนะ ฮ่าๆ

          ตอนแรกเธอเรียกผมว่าพี่ แต่เหมือนทำได้ไม่นานก็แทนคำว่าคุณซะแล้ว ไม่เป็นไร ได้คุยด้วยก็เป็นบุญกับหัวใจแล้วครับผม

          “ฉันอยากได้พี่มาเป็นคู่แสดงในงานวันครบรอบมหาลัย ช่วยฉันหน่อยนะคะ” มาหาผมเพราะเรื่องการแสดงเนี่ยนะจะรอดไหมครับน้อง

          “ฉันได้หัวข้อการแสดงนาฏศิลป์ของจีนเลยต้องขอให้คุณช่วย” น้องเค้าเป็นอะไรมากรึเปล่า จะน้องหรือจะคุณกันแน่ครับ

          “ทำไมผมต้องช่วยคุณล่ะ” ผมยังงงตัวเองเลยครับ จะพี่หรือจะคุณ เพลียใจจัง สงสัยตื่นเต้นมั้ง

          น้องเค้าทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ น่าสงสารจัง ผมจะช่วยแบกด้วยก็ได้ แต่ต้องแบกอย่างสนุกนะครับน้องณิการ์คนสวย

          ผมเลยบอกว่าให้ไปหาเหตุผลที่ถูกใจผมมา แล้วผมจะยอมเป็นคู่แสดงของเธอ ความจริงแล้วไม่ว่าเธอจะตอบอะไรมาผมก็จะช่วยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แค่ชอบที่เห็นยัยผู้หญิงน่ากลัวคนนี้คิดมาก น่ารักดีนะ

          ผลก็คือเธอตื้อผมไม่หยุดเลยครับจนผมยอม ไม่คิดเลยว่าจะเป็นผู้หญิงที่ฮาร์ดคอร์มาก บุกน้ำลุยไฟ ไม่ห่วงสวย มีความพยายามสูง เขินเก่ง ความสามารถของเธอเยอะเหลือเกินครับ ผมนี่นับถือจริงๆ

          เราสนิทกันมากขึ้นจนไอ้พวกลิงSF พากันแซวผมใหญ่ คอยเป็นหูเป็นตาให้ผมเวลาน้องณิการ์ อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร หรือทำอะไรให้ใคร ล่าสุดจีฮุนมาบอกว่า ต่อยหน้าน้องแตงโมที่ตามจีบผมจนมือบวม แถมที่แขนก็เป็นรอยบีบจากฝีมือน้องแตงโม สมควรแล้วครับที่โดนแม่ตัวดีเล่นงานเอา เพราะน้องแตงโมทำให้น้องณิการ์ไม่ได้แสดงในวันงาน ผมไม่รู้เรื่องของผู้หญิงหรอกนะครับ แต่สงสารแม่ตัวดีของผมอุตส่าห์ตั้งใจซ้อมกับอาม่าของผมอย่างดีแต่ก็ไม่ได้แสดง

          ผมแอบตามเธอไปตอนที่เธอเอาชุดการแสดงไปคืน ใจหนึ่งผมไม่ได้แค่อยากทายาที่แขนให้เธอเท่านั้น ผมอยากจะคว้าเธอเข้ามากอดปลอบว่าผมจะอยู่ข้างๆเสมอ แต่ก็ได้แค่หักห้ามใจ เพราะน้องณิการ์ไม่ค่อยแสดงออกว่ามีใจให้ผม ผมเลยไม่รู้ไงครับ ไม่กล้าทำเถื่อนไป เดี๋ยวโดนต่อยเอา

          วันนั้นผมเสียใจมากเพราะเธอบอกว่าจะมาทำแบบนี้ทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เปลี่ยนอารมณ์เป็นคนละคนเลยล่ะครับ เธอคงจะไม่ชอบที่ผมพาน้องแตงโมไปส่งที่บ้านทีหลังต่อจากเธอแน่เลย งั้นน้องณิการ์ก็มีใจให้ผมสิครับ หึงผมซะขนาดนี้ รึเปล่า

          ผมเลยวางแผนให้เธอสารภาพซะเลย ด้วยการขอให้ จูเนียร์ช่วย ผมกับมันรู้จักกันครับ เพราะผมเป็นประธานของคณะ จะได้ทำกิจกรรมกับพวกดาวเดือนทุกคณะบ่อย แถมเจ้าจูเนียร์ยังเป็นนักบาสอีก แทบจะซี้กันเลยล่ะครับ มันดูตกใจนิดหน่อยตอนผมมาขอให้มันช่วย แต่ก็ไม่ปฏิเสธนะครับ แถมยังบอกซะอีกว่าน้องณิการ์จะได้ลืมมันซะที อ้อที่แท้ก็มันเองเหรอที่เป็นสาเหตุให้แม่ตัวดีของผมต้องหลั่งน้ำตาจนขี้มูกย้อย ควรต่อยหน้ามันสักทีไหมครับ

          จูเนียร์มันมีแฟนแล้วครับ ก็น้องซอลญ่าดาวของคณะเดียวกับมันนั่นแหล่ะ คบกันตั้งแต่เปิดเทอมใหม่ๆแล้วครับ ผมก็เลยให้น้องซอลญ่าช่วยทำแผนด้วยน้องเค้าน่ารักมากตกลงอย่างว่าง่าย ซึ่งแผนก็คือให้น้องซอลญ่าไปบอกว่าน้องแตงโมมีแฟนแล้วซึ่งมันคือความจริง ส่วนจูเนียร์ให้ทำท่าจีบน้องณิการ์ตั้งแต่วันซ้อมใหญ่จนถึงวันงาน ถ้าน้องณิการ์ปฏิเสธผมก็จะขี่ม้าดำเข้าไปช่วย

          เป็นตามแผนครับ แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ คำสารภาพรักเป็นภาษาจีนอย่างคล่องกลางสายฝน ผู้หญิงคนนี้ทำให้แปลกใจอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกผมคิดว่าเธอแค่ได้เป็นบางคำ เจ้าของภาษาอย่างผมแทบอายน่ะครับ สำเนียงเธอดีมากจริงๆ อย่างที่หลี่เย่บอกไม่ผิด รักเธอก็ตรงนี้แหล่ะ

          “นี่คุณ วันนี้วันอะไรเอ่ย” อยู่ดีๆก็มีมือเรียวเอื้อมมาปิดตาในขณะที่ผมกำลังเก็บลูกบาสใส่ตระกร้าอยู่ในโรงยิม

          “วันเกิดน้องโหย่วหยีหรอครับ” ให้ตายผมลืมวันเกิดของแฟนไปได้ยังไงกัน ไม่สิต้องพูดว่าคู่หมั่นถึงจะถูก

          “วันนี้วันศุกร์ต่างหาก คือฉันจะเตือนว่าพรุ่งนี้เรามีนัดไปศาลเจ้าค่ะคุณผู้ชาย” หน้าแตก ช่างมันเหอะยังไงผมก็หล่ออยู่ดี

          คนสวยเดินไปเก็บลูกบาสที่เกลื่อนเต็มสนามมาใส่ตระกร้าช่วยผมโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยขอ นอกจากจะสวยแล้วยังน้ำใจงามอีกนะครับ แฟน เอ้ย! คู่หมั่นคนหล่อที่ไหนก็ไม่รู้

          “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวคุณนายหลีของผมจะเหนื่อยนะ พึ่งสอบมาเหนื่อยๆด้วย” ยังไงผมก็ไม่อยากให้คนที่ผมรักเหนื่อยหรอก ไปนั่งอยู่เฉยๆดูผมดีกว่าสบายกว่าเยอะ

          “เฮ้ย...ช่วยๆกันไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหลีของฉัน จะได้หมดเร็วๆ แถมช่วยคุณหลีทำงานจะได้อยู่กับคุณหลีนานๆไงคะ” น่ารักขนาดนี้ผมจะปล่อยให้หลุดมือได้ยังไงล่ะครับ คนนี้แหล่ะครับที่ผมอยากจะใช้ชีวิตไปด้วยทั้งชีวิต....

 

                                                           จบบทความพิเศษจากใจของ หลี จื่อเฉิง

 

คลายปมที่น่าสงสัยทั้งหลายแล้วนะคะพี่จื่อเฉิง แหมแผนสูงนักนะ เป็นคนอย่างงี้เหรอเนี่ย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา