Rainbow University(1)สายรุ้งรักปักหัวใจนายต่างชาติ
เขียนโดย Greek
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 01.52 น.
แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 01.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) เจ้าของร่ม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฉันนั่งรอตามคำขอ รอจนคณะวิทย์แข่งเสร็จแต่คนก็ยังเยอะอยู่ดี เพราะคณะที่แข่งต่อไปรู้สึกว่าจะมีหนุ่มฮ๊อตด้วย คนก็เลยมาเยอะกว่าเดิมอีก หูฉันจะแตกอยู่แล้ว
เมื่อฉันเห็นว่าอีตาพี่จื่อเฉิงเดินมาหาฉันตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ โอ้ว เลือดกำเดาจะพุ่ง มันใช่เวลาหื่นไหมเนี่ย ฉันได้ยินเสียงกริ๊ดและเสียงซุบซิบจากผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้ที่ฉันนั่ง ฉันจะตายไหม พูดถึงเรื่องตาย ยัยแตงโมยังคงยืนมองฉันตาขวางเหมือนเดิม
“ไปกันเถอะ” ฉันกำลังจะหยิบกระเป๋าสะพายที่เต็มไปด้วยหนังสือจนไหล่ฉันเอนตามน้ำหนัก แต่ก็มีคนคว้ามันไปถือไว้เอง จะมีใครล่ะถ้าไม่ใช่เค้าคนนี้
“ไม่เป็นไร ฉันถือเองได้ มันหนักอยู่นะคุณ” ฉันพยายามจะแย่งมันคืนมา แต่เค้าก็เอาหลบไปยืนยันว่าจะถือให้
“ผมเป็นผู้ชาย หนักแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” สุภาพบุรุษเวอร์ โคตรแมนมาก ไม่รู้จะเอ่ยคำไหนมาแทนกับความแมนของผู้ชายคนนี้
“แมนจริงนะคุณ ทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนปะเนี่ย” ฉันพูดกระแนะกระแหน ในขณะที่เดินออกมาจากโรงยิม คนมองเต็มเลย ฉันก็เลยรักษาระยะห่างไว้ ไม่งั้นศพไม่สวยบอกเลย
“เดินห่างจังเลยคุณ รังเกียจผมเหรอ” ใบหน้าเค้าดูนิ่งไปตอนพูดคำว่ารังเกียจ ฉันไม่ชอบเลยเวลาที่เค้าเป็นแบบนี้
“เปล่า...ฉันแค่กลัวศพไม่สวย เวลาเดินใกล้คุณน่ะ” แค่นั้นแหล่ะเค้ายิ้มกว้างออกมาเลย แถมหัวเราะใส่ฉันด้วย
“ฮ่าๆๆๆ คนสวยยังไงก็สวยอยู่วันยังค่ำ” อะไรนะ!!! เค้าชมฉันอยู่เหรอ ฉันขำไม่ออกอะ ดูเหมือนว่าเค้าจะพึ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เลยเปลี่ยนบทสทนาแทน
“แล้วคุณกำลังจะไปไหน คุณยังไม่บอกผมเลยนะ” เอ้อใช่ ฉันลืมไปเลยนะเนี่ยว่าจะเอาร่มไปคืน แล้วก็จะเอาหนังสือไปคืนห้องสมุดด้วยยืมมานานละ เหมือนวันนี้เป็นวันคืนของเลย
“ฉันจะเอาหนังสือไปคืนห้องสมุด แล้วจะถามหาเจ้าของร่มจากที่นั่น” เค้ายิ้มแล้วก็มองไปที่ร่ม ทำไมร่มคันนี้ถึงทำให้ใครหลายคนยิ้มอยู่ตลอดเวลา สงสัยเวลาคนมองแล้วมีความสุขมั้งเพราะลายมันหวาน (เกี่ยวอะไรวะ)
เผลอแป๊บเดียวก็เดินมาถึงห้องสมุดแล้ว จื่อเฉิงยืนกระเป๋าคืนฉันแล้วก็บอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อ มีธุระแล้วเสียเวลาเดินมากับฉันทำไม ไม่เคยเข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ
“ทำไมคุณไม่ดูร่มให้มันดีๆล่ะ ไม่แน่นะเจ้าของร่มอาจจะเขียนชื่อติดไว้ก็ได้” เค้าพูดก่อนเดินจากไป เหมือนจะรู้เค้านะว่าเจ้าของเป็นใครแต่ทำไมไม่บอกฉันตรงๆ
ฉันเอากระเป๋าวางไว้ในตู้เก็บกระเป๋าหยิบปึกหนังสือไปข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็เดินเข้าห้องสมุดไป ฉันวางหนังสือตรงเคาว์เตอร์บรรณารักษ์ เมื่อฉันเห็นว่าใครเป็นบรรณารักษ์เท่านั้นแหล่ะ รู้แล้วว่าจะรู้ได้ไงว่าใครเป็นเจ้าของร่ม
“เอ้า นึกว่าใคร พี่คนสวยนี่เอง เอาหนังสือมาคืนเหรอครับ” ผู้ชายคนนั้นที่เอาร่มมาให้ฉันตอนฝนตก ที่แท้ก็เป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดนี่เอง ฉันมัวไปตามหาที่อื่น ลืมสถานที่เกิดเหตุไปได้ไงเนี่ย
“นายคือคนที่เอาร่มคันนี้มาให้ฉัน ฉันจำได้” เค้ายิ้มกว้างยอมรับ
“นายพอจะบอกฉันได้ไหมว่าใครเป็นเจ้าของร่ม ฉันจะเอาไปคืนแล้วก็ขอบคุณเค้าน่ะ” นายนี่ทำหน้าแบบงง ฉันพูดอะไรผิดไปรึไง
“เอ้า ก็ร่มแฟนพี่ไม่ใช่เหรอ”
“หะ!!! ใครแฟนฉัน” ก็นั่นน่ะสิ ฉันยังโสดอยู่เลย ใครคือผู้โชคคนนั้นนะ
“เมื่อกี้ผมยังเห็นพวกพี่เดินมาด้วยกันอยู่เลย” ใครเหรอโง่แป๊บ เมื่อกี้ฉันเดินมากับใครเหรอ
และเมื่อฉันก้มลงมองที่ร่ม ความก็กระจ่างทันที มีชื่อติดอยู่จริงๆด้วย เป็นภาษาอังกฤษ ถูกเขียนว่า ไตรรัตน์ ใครวะ ไม่รู้จัก
“ใครคือไตรรัตน์” นายบรร ขอเรียกสั้นๆละกัน ขี้เกียจเรียกบรรณารักษ์ห้องสมุด ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง
“ก็แฟนของพี่ไงครับ คนที่เดินมาด้วยกันเมื่อกี้นี้เนี่ย” คนที่เดินมาด้วยเมื่อกี้ ก็มีอยู่คนเดียวคือ...
“อย่ามาพูดพล่อยๆ ฉันยังไม่มีแฟนนะ”
“เอ้า พี่เค้ายังจีบพี่ไม่ติดอีกเหรอ เห็นเดินมาด้วยกันก็เลยคิดว่าเป็นแฟนกันแล้ว”
“หมอนั่นไม่ได้จีบฉัน” ฉันเถียงขาดใจ อะไรของนายบรรเนี่ย
“โห่พี่ ยอมๆเหอะ นี่ผมจะเล่าให้ฟังวันนั้นที่พี่คนสวยเดินเข้าห้องสมุดผมเห็นพี่คนนั้นเค้าแอบมองพี่ตลอดเลย แล้วพอเค้าเห็นพี่คนสวยติดฝนอยู่หน้าห้องสมุด เค้าก็เลยเดินเอาร่มมาให้ผมเอาไปให้พี่คนสวย ตอนแรกผมไม่ยอมไป แต่พอพี่เค้าบอกว่าแอบชอบพี่คนสวยอยู่เท่านั้นแหล่ะ ผมก็เลยวิ่งเอาร่มไปให้พี่ แล้วบอกว่ามีคนฝากมาให้ไงครับ เข้าใจรึยังพี่คนสวย” สตั้นหลายนาทีกับเหตุการณ์วันนั้น ไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไง ทุกๆอย่างเริ่มกระจ่างขึ้นมา เหตุผลที่เค้าชอบมองมาที่ร่มแล้วยิ้มเป็นแบบนี้นี่เอง ฉันโง่อยู่นาน นานมาก ตาบอดมากที่ดูไม่ออกว่าเค้าชอบฉัน
ยัยอัญชันก็เคยพูด แต่ทำไมฉันไม่เอะใจ เออใช่เค้าเป็นเกย์ แล้วเค้าจะมาชอบฉันได้ยังไง คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด และอีกอย่าง ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเค้าเลย จริงจริ๊ง ไม่มี้เล๊ยยยยย
“ว๊ายแหก!!!!” ด้วยความที่เอาแต่เดินเหม่อมาตามทาง ทำให้เดินชนเข้ากับใครสักคนจนผ้าที่คนที่ฉันชนหอบมาปลิวกระจายไปทั่ว เมื่อฉันดูว่าเป็นใคร ขาผมนี่ชาเลยคร๊าบ
“นี่นักศึกษา เธอเดินยังไงไม่ดูทางเนี่ย อ้าว เธอเองหรอกเหรอสุพรรณิการ์” อาจารย์กุนเชียง คนที่มอบหมายให้ฉันไปหาการแสดงนั่นเอง
“อาจารย์ขา หนูขอโทษนะคะ เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ” ฉันพนมมือไหว้ใหญ่แล้วก็ก้มเก็บผ้าที่กระจายเต็มพื้น
“ไม่เป็นไร เออนี่ เจอก็ดีแล้ว การแสดงเป็นยังไงบ้าง” ว่าแล้วว่าต้องถาม
“ก็ดีค่ะ หนูกะว่าจะไปโชว์ให้อาจารย์ดูว่าใช้ได้ไหมพอดีเลย แล้วนี่ชุดอะไรเหรอคะ”
“อ๋อ ก็ชุดการแสดงของพวกเธอนั่นแหล่ะ มีของนรีกานต์ แล้วก็ของเธอ เราไปดูกันที่ห้องซ้อมเถอะ” อาจารย์กุนชาณี ไม่พูดเปล่า ยังเดินนำฉันขึ้นไปที่ตึกคณะศิลป์ แล้วตรงเข้าไปที่ห้องเรียนปฏิบัติทางนาฏศิลป์ มีคนอยู่ในห้องนั้นประมาณกลุ่มหนึ่ง ไม่มั่นใจเลยว่าจะเจอใครบ้างที่ฉันเบื่อขี้หน้า
ฉันเห็นยัยซอลญ่ากำลังจับจีบม้วนตั้งวง รวมทั้งผู้ชายคนที่ฉันไม่อยากจะเจอกำลังทำท่าเหมือนกับเธอเลย ก็พี่จูเนียร์ไง เมื่อสองคนนั่นเห็นอาจารย์กุนเชียงเดินเข้ามาในห้องก็หยุดรำพร้อมกับไหว้ครูลาการรำเหมือนที่เด็กนาฏศิลป์ชอบทำ ทั้งคู่มองมาที่ฉัน ยัยซอลญ่าดูไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แต่พี่จูเนียร์ยิ้มหวานให้ฉันไม่หุบเลย สังเกตคนข้างๆพี่บ้างนะพี่
“เธอมาทำอะไรที่นี่ ณิการ์” ทุกที่อยูในห้องหันมามองตามคำทักทายของยัยนั่น ทำไมถึงมองฉันเหมือนกับตัวประหลาด ช่างเหอะ ชินแล้ว เอ๊ะนั่น ยัยแตงโม มาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่าเธอเป็นสายให้ยัยซอลญ่าจริงๆน่ะ
“ฉันตามอาจารย์มา พอดีอาจารย์จะให้ฉันลองชุดน่ะจ่ะ” ตอบตามมารยาทนะ จะเรียกว่ามารยาก็ได้ไม่เกี่ยง
อาจารย์ยื่นชุดสีฟ้าอ่อนมาให้ฉัน มันไม่ใช่ชุดจีนแบบรัดรูปแบบกี่เพ้าที่ทุกคนเคยเห็น แต่เป็นชุดที่แยกเสื้อกับกางเกงแขนเสื้อใหญ่ๆ มีลายดอกไม้ประดับสวยงาม แต่เดี๋ยวนี่มันไม่ใช่ชุดการแสดงของฉันนี่หน่า
“อาจารย์คะ นี่ชุดใคร” ฉันชูและคลี่มันออกเพื่อดูว่ามันใช่ของฉันจริงๆรึเปล่า
“ระบำผ้า ก็เป็นชุดนี้แหล่ะ” หะ!!! ระบำผ้า ใครแสดงชุดนี้กัน
“ของหนูเป็นรำพัดนะคะ ชุดจะออกแนวพื้นบ้านหน่อย แต่นี่มันชุดการแสดงของชนชั้นสูงไม่ใช่เหรอคะ” อาจารย์กุนเชียงทำหน้างงทันที งงอะไร
“ก็ในเอกสารที่เธอกรอก มันเขียนว่า ระบำผ้า แสดงเดี่ยวเพราะหาคู่แสดงไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” เอกสารถูดยื่นมาตรงหน้าของฉัน ทุกสายตาจ้องมองมัน ตอนนี้ฉันมีปัญหาแล้วล่ะ อีก 5 วันจะถึงวันแสดง แต่ดันมีเรื่องผิดเพลาดแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง
เอกสารถูกเขียนไว้แบบที่อาจารย์พูดจริงๆ แต่มันไม่ใช่ลายมือของฉัน ใครกล้าเล่นตลกแบบนี้กับฉันเนี่ย หรือว่าจะเป็น...
“เธอเป็นคนเขียนเหรอซอลญ่า” ฉันหันไปถามทันที แต่ยัยซอลญ่าทำหน้าแสดงออกมาว่าไม่รู้เรื่องนี้
“นี่เธอใส่ร้ายฉันเหรอณิการ์ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหล่ะ” แก้ตัวชัดๆ
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครล่ะ มีเธอคนเดียวเท่านั้นแหล่ะที่อยากจะแกล้งฉัน”
“ทำไมฉันจะต้องทำอะไรแบบนี้ล่ะ คนอย่างฉันไม่เคยคิดลอบกัดใคร เธอเองก็รู้นะณิการ์ว่าฉันเป็นคนยังไง” ตอนนี้ทุกคนหันมามองฉันอย่างสมเพศ เพราะฉันเอาแต่โทษคนอื่น แล้วใส่ร้ายดาวของคณะ
“เธอไม่ควรพูดแบบนั้นกับเพื่อนนะณิการ์ ขอโทษนรีกานต์เลยนะ” แรงกดดันเริ่มเพิ่มขึ้นเมื่ออาจารย์เอ่ยปากดุฉันพร้อมกับบังคับให้ขอโทษยัยซอลญ่า ฉันไม่ทำ ยังไงฉันก็คิดว่ายัยซอลญ่าทำอยู่ดี ฉันค่อยๆเดินถอยห่างออกมาแล้ววิ่งออกจากห้องไป โดยไม่สนใจว่าใครจะว่าอะไร ฉันไม่ชอบให้ใครมากดดันฉันแบบนี้ เจ็บใจนักใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้ ฉันจะต้องสืบให้ได้ ฉันจะเอาเรื่องคนที่แกล้งฉันให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าผลที่ตามมาจะทำให้ฉันถูกปลดออกจากการแสดงก็ตาม เพราะว่าตอนนี้ก็เหมือนว่าฉันถูกเขี่ยออกแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ