สู้...อาชีวะลายคราม

9.1

เขียนโดย Gurudit

วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.46 น.

  10 ตอน
  3 วิจารณ์
  13.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) เพื่อนคือเสียสละ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

     หลังจากงานสังสรรค์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป แม็กอดไม่ได้ที่จะคิดถึงตั๋งเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง
ซึ่งแยกย้ายกันไปเรียนต่างสถาบันตอนเรียนจบ ม.ต้น
     แม็กอยากเล่าเรื่องความรักของตนเองให้ตั๋งฟัง แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม จึงรีบมุ่งหน้า
ไปยังบ้านของตั๋ง เพื่อพูดคุยกันตามประสาวัยรุ่นที่มีความรัก
     ‘เฮ้ย ! ตั๋ง กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟังเว้ยเพื่อน’ แม็กทักทาย
     ‘มีเรื่องอะไรเหรอวะ ? คอขาดบาดตายหรือเปล่า ?’ ตั๋งพูดกระเซ้า
     ‘กูมีความรักแล้วเว้ย กับนุ้ยที่คบกันโดยการแนะนำของมายเพื่อนสนิทในเทคนิค’ แม็กเล่า
อย่างตื่นเต้น
     ‘เหรอ ? แล้วคบกันนานหรือยังวะ ?’ ตั๋งถามน้ำเสียงเรียบ
     ‘กูมีความรู้สึกรักนุ้ยมาเป็นปีแล้ว แต่ไม่กล้าบอก จนเมื่อสองวันก่อนไปเที่ยวด้วยกันสองคน
กูตัดสินใจบอกความรู้สึกออกไป แล้วนุ้ยก็ตอบรับรักกูในที่สุดเว้ย’ แม็กเล่าราวกับได้รับแจ็คพอต
     ‘กูยินดีด้วยนะ แต่อย่าเพิ่งมั่นใจมากว่านั่นคือรักแท้’ ตั๋งแสดงความยินดีพร้อมเตือนสติ
     ‘เออ ! ขอบใจมาก กูอยากเล่าให้ฟังเพราะมึงคือเพื่อนสนิทควรที่จะได้รับรู้’ แม็กอธิบาย
     ‘กูอยากเล่นดนตรีว่ะ ไปเล่นเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ’ ตั๋งชักชวน
     ‘มีอะไร ? ก็คุยกันได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว’ แม็กพูดเหมือนรู้ใจตั๋ง
     ‘กูบอกรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้วเข้าไม่ตอบรับรักเท่านั้นเอง’ ตั๋งเผยความรู้สึก
     ‘ถ้าอย่างนั้นอย่าคิดมาก เดี๋ยวมึงก็เจอคนที่รักเมื่อถึงเวลา’ แม็กให้กำลังใจ
     ‘ไปเล่นดนตรีด้วยกันดีกว่าว่ะ กูอยากเดินเบสมันน่าจะช่วยให้ดีขึ้น’ ตั๋งยืนยันสิ่งที่ต้องการ
     ‘ถ้าอย่างนั้นกูจะชวนมือกลองมาคนหนึ่ง จะได้เล่นเป็นวงเหมือนกลุ่มอื่นบ้าง’ แม็กเสนอความคิด
     ‘ก็ดีเหมือนกัน เล่นกันแค่สองคนมาตั้งนานแล้ว ว่าแต่ใคร ? จะมาเป็นมือกลองวะ’ ตั๋งเห็นด้วยแต่ยังสงสัย
     ‘ไอ้มาย เพือนสนิทอีกคนที่เทคนิค ฉายากระเดื่องเทวดา’
     แม็กวิ่งไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะแล้วกดเบอร์โทรชักชวนให้มายมาที่ห้องซ้อมดนตรี
Music Room ทันที
     มายเดินทางมาถึง Music Room ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
     ‘เป็นอะไรวะมาย ? หน้าบูดบึ้งมาเชียว’ แม็กถามอย่างเป็นห่วง
     ‘รถติดว่ะ เลยหงุดหงิดนิดหน่อย’ มายตอบ
     ‘อย่างนั้นเดี๋ยวเล่นดนตรี ให้มันหายหงุดหงิดกัน’ แม็กปลอบใจพลางแนะนำเพื่อนทั้งสองคน
ให้รู้จักกัน
     ‘นี่ตั๋งเพื่อนสนิทตอน ม.ต้น. ของกู เดินเบสขั้นเทพ ส่วนนี่มายเพื่อนสนิทของกูที่เทคนิค
มือกลองขั้นเทพเช่นกัน’ ตั๋งและมายทักทายกันอย่างเป็นมิตร
     ‘เข้าไปข้างในกันเลยดีกว่า กูกระหายในเสียงดนตรีแล้ว’ ตั๋งชักชวนอย่างร้อนรน

     ทั้งสามคนเข้ามาสู่ด้านในของห้องซ้อม ซึ่งจัดวางกลองชุดไว้ด้านหลังสุดแต่มองดูโดดเด่น
ด้านหน้าข้างซ้ายวางเบส ข้างขวาวางกีตาร์ บนขาตั้ง ที่พื้นมีอุปกรณ์ขยายเสียงและเอฟเฟคต่างๆ
ครบครัน ตกแต่งลวดลายเปลวเพลิงบนฝาผนัง ปรับความเย็นด้วยเครื่องปรับอากาศบนเพดาน 
บรรยากาศสุดอลังการ ดึงอารมณ์ศิลปินในตัวของทั้งสามคนออกมาได้ดียิ่ง
     ทั้งสามคนเลือกเพลงที่จะเล่นด้วยกันทั้งหมด 5 เพลงแล้วเข้าประจำที่ของตนเอง ปรับเสียง
เครื่องดนตรีจนเข้ากัน
     เมื่อทุกอย่างพร้อม แม็กเหยียบเอฟเฟคสั้นๆที่พื้นหนึ่งครั้ง ส่งสัญญาณให้มายเคาะจังหวะ
เริ่มเล่นเพลง มายเคาะ 1 2 3 ตั๋งตบเบสตามเบาๆ ให้เสียงนุ่มกังวาล แม็กโซโล่กีตาร์เมื่อได้จังหวะ
     เป็นการเล่นดนตรีที่เข้าทางกันอย่างมากด้วยพรสวรรค์ของทั้งสามคน
     ‘เฮ้ย ! เล่นด้วยกันครั้งแรกทำได้ขนาดนี้เข้าท่าว่ะ’ แม็กเอ่ยชื่นชม
     ‘ต่อเพลงสองเลยกูกำลังได้ฟิวส์’ ตั๋งเร่งด้วยท่าทางอันเร่าร้อน
     แม็กเหยียบเอฟเฟคลากยาวหนึ่งครั้ง ส่งสัญญาณให้ทุกคนรับรู้ว่าเพลงนี้จังหวะเร็วขึ้น
     มายเคาะจังหวะ 1 2 3 4 ตั๋งตบเบสอย่างเร้าใจ จนแม็กไม่สามารถโซโล่กีตาร์ตามได้ทัน
จึงต้องปล่อยให้ตั๋งและมายดวลเพลงกันต่อไป ตั๋งเดินเบสอย่างหนักหน่วงและรุนแรงขึ้น ส่งผล
ให้มายกระหน่ำตีกลองอย่างเมามัน แต่แล้ว เสียงดนตรีก็ชะงักลง
     ‘เฮ้ย ! ซวยแล้ว สายเบสขาด’ ตั๋งอุทาน
     ‘ไม้กลองก็หักด้วยว่ะ’ มายตะโกนบอก

     ทั้งสามคนยืนนิ่งมองหน้ากันอย่างตกตะลึง
     ‘พอเท่านี้เถอะว่ะ กูคิดว่าพวกมึงไม่พร้อมแล้ววันนี้’ แม็กเอ่ยขึ้น
     แม็กสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของมาย ว่ากำลังมีปัญหาซุกซ่อนอยู่ภายในใจ
     ‘กูคิดว่าพวกเราแยกย้ายกันกลับบ้านเถอะ’ มายพูดด้วยอาการวิตก
     ‘อย่างนั้น เดี๋ยวไปที่ร้านกาแฟ แล้วนั่งคุยกันก่อนค่อยกลับนะ’ แม็กชักชวน
   
     แล้วทั้งสามคนก็พากันออกจากห้องซ้อมดนตรีทันที
     ‘กูสบายใจขึ้นแล้วล่ะ เดี๋ยวขอตัวกลับไปซักผ้าที่บ้านก่อน’ ตั๋งปฏิเสธคำชักชวน
     ‘อย่างนั้นแยกกันตรงนี้เลย โชคดี แล้วอย่าคิดมากล่ะ’ แม็กย้ำเตือนสติตั๋ง
     ‘โชคดีนะแม็ก มาย แล้วเจอกันใหม่’ ตั๋งกล่าวร่ำลาแล้วเดินแยกจากไป
     ‘ส่วนมึง ไปร้านกาแฟกับกู เรามีเรื่องต้องคุยกัน’ แม็กหันมาชักชวนเชิงบังคับ
     
     แม็กพามายมาที่ร้านกาแฟ ข้าง Music Room พร้อมสั่งกาแฟเย็นสองแก้ว แล้วนั่งคุยกัน
     ‘มีปัญหาอะไร ? ก็เล่าออกมาให้หมด จะได้ช่วยกันแก้ไขได้’ แม็กถามด้วยความเป็นห่วง
     ‘กูแอบรักนุ้ยมานานแล้วว่ะ’ มายเล่าอย่างลำบากใจ
     แม็กได้ฟังที่มายพูดถึงกับผงะ
     ‘กูรักนุ้ย ฟังไม่ผิดหรอก เมื่อคืนพอกูรู้ว่ามึงสองคนจะคบกัน เลยหมดความหวัง’ มายเล่าอย่างท้อแท้
     ‘แสดงว่ามึงโกรธกูที่รักกับนุ้ยล่ะสิ ?’ แม็กแสดงความคิดเห็น
     ‘ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก กูโมโหตัวเองที่ขี้ขลาดไม่เอาไหน สมควรแล้วที่ผิดหวังแบบนี้’ มายอธิบาย
     ‘เฮ้ย ! มายถ้ามึงรักนุ้ยจริง กูจะหลีกทางให้ แต่มึงต้องสัญญาว่าจะดูแลนุ้ยให้ดีๆนะ’ แม็กเสนอ
     ‘ไม่ต้อง !  กูดีใจที่มึงสองคนรักกัน ถึงแม้มึงหลีกทางให้ นุ้ยก็ไม่ได้รักกู ได้พูดเรื่องนี้กับมึง
ก็รู้สึกสบายใจขึ้นแล้วล่ะขอบใจมากนะเพื่อน’ มายพูดด้วยสีหน้าแจ่มใสขึ้น
     ‘แน่ใจนะ ? ว่าไม่ได้โกรธกู’ แม็กถามย้ำ
     ‘กูขอแสดงความยินดีด้วย ถ้าหากจะโกรธก็ต่อเมื่อมึงทำให้นุ้ยเสียใจ และก็จะไม่ให้อภัย
เด็ดขาด ดูแลนุ้ยให้ดีนะ เก็บคำพูดที่ได้ฟังในวันนี้ให้มีแค่เราสองคนที่ได้ยิน’ มายกำชับ
     มายรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ระบายความคับแค้นใจในตัวเอง เขามีความสุขที่ได้เห็นเพื่อนทั้งสองคนรักกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา