In the Mist. สายใยรักในม่านหมอก Yaoi , BL
6.7
เขียนโดย โรเครเซีย
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.05 น.
24 chapter
1 วิจารณ์
24.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 10.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) ข้อมูล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วันต่อมา
“นายคิดยังไงเรื่องที่ท่านพี่มิสึโตะหายตัวไป”
หากจะถาม มาจิบอกได้แต่ว่าเรื่องนี้มันดูแปลก แปลกเกินกว่าจะเป็นไปตามคำกล่าวอ้าง จริงอยู่ที่สอบถามจากคนอื่นๆ ในบ้านก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกัน ก่อนหน้านี้ในวันหมั้นก็เคยเกิดเรื่องประหลาดอย่างนี้มาแล้ว และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว บางคราวก็นานแรมเดือน กลับมาอีกทีก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส
ถึงจะแค่หกปี มาจิพอจะทราบว่าคุณนายมิสึมิรักและห่วงใยต่อมิสึโตะมากเพียงไร ตอนที่เขาหายตัวไปนานเป็นเดือนก็พึ่งกำลังจากทั้งเจ้าหน้าที่ และบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้ศาลเจ้าช่วยประกอบพิธีเรียกตัวทุกวันๆ แต่คราวนี้เธอกลับเยือกเย็นเกินกว่าจะมองข้ามได้ ยิ่งเมื่อมีครั้งที่มิสึโตะบาดเจ็บกลับมา เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะนิ่งดูดายด้วยความชินชา
มันอาจมีเงื่อนงำมากกว่าที่คิด
ไซยูตัดสินใจเดินออกสำรวจ โดยอ้างว่ามาเดินเล่นฟื้นความหลัง ทั้งที่จริงแล้วเขากำลังเก็บข้อมูลและร่องรอยจากคนในพื้นที่ แม้ตระกูลโทคิคาว่าจะมีอำนาจมาก มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดปากเก็บร่องรอยทุกอย่างได้ หมู่บ้านนี้อาจจะเป็นหมู่บ้านใหญ่มีคนมาก แต่ข่าวสารผ่านปากต่อปากก็กระจายทั่วถึง น่าจะมีอะไรให้เขาเก็บเป็นข้อมูลได้บ้าง
ครึ่งวันให้หลัง ไซยูแกะห่อข้าวที่สั่งคนครัวทำตั้งแต่เช้าออกมานั่งปิกนิกกันใต้ต้นไม้ใหญ่ หมอกบางๆ ปกคลุมบริเวณโดยรอบเฉกเช่นวันวาน เมื่อมีเพียงเสียงแห่งธรรมชาติและไอสีขาวปกคลุม เขาอดคิดไม่ได้ว่าหมู่บ้านนี้เหมือนมีปริศนาโอบล้อมอยู่ตลอดเวลา
เขายกบันทึกเล่มน้อยขึ้นมาดูข้อมูล
“จากที่เขาลือๆ กันก็อย่างเช่น...ท่านพี่มิสึโตะเคยกล่าวหาว่าคุณว่าที่แทงแขนครั้งหนึ่ง แต่ความจริงแล้วโดนกิ่งไม้แทง เรื่องนี้มีมิสึเมะจังเป็นพยาน อืม...จะว่าไป ตอนกลับมามีครั้งที่โดนแทงอยู่ด้วยนะ แถมยังบอกว่าคนแทงคือคุณว่าที่อีกต่างหาก แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าเกลียดขี้หน้ากันสุดๆ ก็ต้องโดนจัดฉากแบบมโหฬารเลยล่ะ คงไม่มีใครหายตัวไปนานเป็นเดือน แถมยังแทงตัวเองเกือบตายเพราะอยากถอนหมั้นหรอก ได้ยินว่าที่รอดมาได้เนี่ยก็เพราะปาฏิหาริย์ด้วยนะ...”
คนพูดมองตามแขนถูกดันลงช้าๆ ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงไร้อารมณ์อันเป็นเอกลักษณ์ประจำดังขึ้น
“ทานข้าวครับ ไม่ควรรับประทานช้าเกินสิบนาที”
สีหน้าไซยูเต็มไปด้วยความอ่อนใจ “ไม่เอาน่า นายเลิกคิดว่าฉันอ่อนแอเสียทีได้ไหม อดไปสักมื้อยังไม่ตายเลย”
“ผมหิว ผมทานช้าเกินสิบนาทีไม่ได้”
“ร่างกายนายอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือไง” ไซยูค้อนอย่างเหลืออด
“ครับ ผมทานอาหารช้าเกินสิบนาทีไม่ได้ครับ ขอความกรุณาด้วยครับ”
คงเพราะเรื่องเมื่อหกปีก่อน มาจิจึงกลายเป็นพวกจุกจิกเรื่องเวลารับประทานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้...คนครัวยังถูกกำกับอีกทีว่าจะต้องใส่อะไรลงในข้าวกล่องบ้าง สัดส่วนโภชนาการจะต้องถูกตามหลักครบถ้วน
คงจะมีแต่เรื่องนี้กระมังที่เขาพูดได้เต็มปากว่าเป็น ‘เวลาบงการ’ ของผู้ติดตาม
“หากจะให้เสนอความคิดเห็น ผมว่าท่านมิสึโตะคงมีความสัมพันธ์กับท่านยูงาริไม่ดีนักครับ แต่จะถูกจัดฉากหรือไม่ เรื่องนั้นยังไม่มีข้อมูลครับ หากถามถึงแรงจูงใจ การเสียชีวิตของท่านยูคาริ ท่านย่าของท่านยูงาริก็เป็นแรงจูงใจที่ดีครับ”
“งั้นมิสึเมะจังทำไมเป็นพยานให้คุณว่าที่แทนที่จะช่วยพี่ชายกันล่ะ สองคนนี้เขาสนิทกันดี ไม่น่าจะมีเรื่องบาดหมางถึงขั้นร่วมมือกับคนอื่นฆ่าพี่ชายตัวเองได้เลยนะ ตอนเด็กๆ ฉันยังนึกอิจฉามิสึเมะจังเลย”
“เรื่องนั้นยังไม่มีข้อมูลครับ แต่แทนที่จะหาว่าใครคือคนร้ายตัวจริงระหว่างกิ่งไม้กับท่านยูงาริ ผมว่าการตามหาท่านมิสึโตะอาจเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่างก็ได้นะครับ”
ไซยูเหลือบมอง “นายคิดว่าไง”
“ครับ?”
“เรื่องที่ท่านพี่มิสึโตะยังมีชีวิตอยู่น่ะสิ อยู่ในบ้านที่น้องสาวอยู่ฝั่งเดียวกับฆาตกร คุณมิสึมิยังวางเฉยอีก อ๊ะ! หรือว่าจะส่งไปที่ปลอดภัยแล้ว?”
“ถ้าจะมีที่ไหนปลอดภัย ผมเชื่อว่าคอนโดของท่านไซยูคือคำตอบที่ดีที่สุดคำตอบหนึ่งครับ”
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบอีกครั้ง ขณะที่ดวงตาของไซยูยังคงจับจ้องที่บันทึก โดยมีหัวข้อวงไว้ว่า ‘ข่าวลือ’ สิ่งนี้คือข้อมูลที่พวกชาวบ้านลือกันโดยไม่มีหลักฐานรองรับ บ้างก็ว่ามิสึโตะอาจจะรังเกียจรังงอนคู่หมั้น บ้างก็บอกว่าเป็นแค่การหนีออกจากบ้านธรรมดา บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของเรื่องเหนือธรรมชาติ
เขาวงไว้ที่ตัวเลือก ‘เรื่องเหนือธรรมชาติ’ ซึ่งเป็นข่าวลือที่ชาวบ้านพูดกันมากที่สุด พวกเขาพูดถึงเจ้าชายสายหมอกที่เป็นตำนานนิทานก่อนนอนของเด็กน้อยในหมู่บ้านหลายต่อหลายรุ่น แต่เมื่อโตขึ้น ทุกคนก็ลงความเห็นว่ามันเป็นแค่นิทานที่มีไว้สอนไม่ให้เด็กพูดปดเหมือนนิทานสอนใจเรื่องอื่นๆ เท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่านิทานเริ่มจะกลายเป็นความเชื่อหนึ่งขึ้นมาเสียแล้ว เพราะการหายตัวสุดโด่งดังของมิสึโตะเกิดขึ้นในวันหมอกหนาอยู่เป็นนิจ ทั้งยังเคยกลับมาในวันหมั้นเพราะอ้างว่าได้ยินเสียงกระดิ่งพิธีเรียกตัว แล้วยังคำพูดที่ลือกันว่ามิสึโตะเป็นคนยืนยันเองว่าถูกพาตัวไป
ตำนานเล่าขานว่าคฤหาสน์แห่งสายหมอกตั้งอยู่บนยอดสุดของภูเขา ซึ่งทางเข้านั้นทั้งชันและอันตราย
จะว่าโกหกก็ไม่ใช่เสียทีเดียวหรอก ถึงจะไม่ได้อยู่ชมรมสืบสวนสอบสวนจริงๆ ที่บอกว่าจะมาตามหาความจริงเกี่ยวกับมิสึโตะก็เป็นไปตามคำกล่าวทุกประการ
“จัดของให้หน่อย ฉันจะลองปีนขึ้นไปดู”
“นายคิดยังไงเรื่องที่ท่านพี่มิสึโตะหายตัวไป”
หากจะถาม มาจิบอกได้แต่ว่าเรื่องนี้มันดูแปลก แปลกเกินกว่าจะเป็นไปตามคำกล่าวอ้าง จริงอยู่ที่สอบถามจากคนอื่นๆ ในบ้านก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกัน ก่อนหน้านี้ในวันหมั้นก็เคยเกิดเรื่องประหลาดอย่างนี้มาแล้ว และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว บางคราวก็นานแรมเดือน กลับมาอีกทีก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส
ถึงจะแค่หกปี มาจิพอจะทราบว่าคุณนายมิสึมิรักและห่วงใยต่อมิสึโตะมากเพียงไร ตอนที่เขาหายตัวไปนานเป็นเดือนก็พึ่งกำลังจากทั้งเจ้าหน้าที่ และบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้ศาลเจ้าช่วยประกอบพิธีเรียกตัวทุกวันๆ แต่คราวนี้เธอกลับเยือกเย็นเกินกว่าจะมองข้ามได้ ยิ่งเมื่อมีครั้งที่มิสึโตะบาดเจ็บกลับมา เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะนิ่งดูดายด้วยความชินชา
มันอาจมีเงื่อนงำมากกว่าที่คิด
ไซยูตัดสินใจเดินออกสำรวจ โดยอ้างว่ามาเดินเล่นฟื้นความหลัง ทั้งที่จริงแล้วเขากำลังเก็บข้อมูลและร่องรอยจากคนในพื้นที่ แม้ตระกูลโทคิคาว่าจะมีอำนาจมาก มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดปากเก็บร่องรอยทุกอย่างได้ หมู่บ้านนี้อาจจะเป็นหมู่บ้านใหญ่มีคนมาก แต่ข่าวสารผ่านปากต่อปากก็กระจายทั่วถึง น่าจะมีอะไรให้เขาเก็บเป็นข้อมูลได้บ้าง
ครึ่งวันให้หลัง ไซยูแกะห่อข้าวที่สั่งคนครัวทำตั้งแต่เช้าออกมานั่งปิกนิกกันใต้ต้นไม้ใหญ่ หมอกบางๆ ปกคลุมบริเวณโดยรอบเฉกเช่นวันวาน เมื่อมีเพียงเสียงแห่งธรรมชาติและไอสีขาวปกคลุม เขาอดคิดไม่ได้ว่าหมู่บ้านนี้เหมือนมีปริศนาโอบล้อมอยู่ตลอดเวลา
เขายกบันทึกเล่มน้อยขึ้นมาดูข้อมูล
“จากที่เขาลือๆ กันก็อย่างเช่น...ท่านพี่มิสึโตะเคยกล่าวหาว่าคุณว่าที่แทงแขนครั้งหนึ่ง แต่ความจริงแล้วโดนกิ่งไม้แทง เรื่องนี้มีมิสึเมะจังเป็นพยาน อืม...จะว่าไป ตอนกลับมามีครั้งที่โดนแทงอยู่ด้วยนะ แถมยังบอกว่าคนแทงคือคุณว่าที่อีกต่างหาก แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าเกลียดขี้หน้ากันสุดๆ ก็ต้องโดนจัดฉากแบบมโหฬารเลยล่ะ คงไม่มีใครหายตัวไปนานเป็นเดือน แถมยังแทงตัวเองเกือบตายเพราะอยากถอนหมั้นหรอก ได้ยินว่าที่รอดมาได้เนี่ยก็เพราะปาฏิหาริย์ด้วยนะ...”
คนพูดมองตามแขนถูกดันลงช้าๆ ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงไร้อารมณ์อันเป็นเอกลักษณ์ประจำดังขึ้น
“ทานข้าวครับ ไม่ควรรับประทานช้าเกินสิบนาที”
สีหน้าไซยูเต็มไปด้วยความอ่อนใจ “ไม่เอาน่า นายเลิกคิดว่าฉันอ่อนแอเสียทีได้ไหม อดไปสักมื้อยังไม่ตายเลย”
“ผมหิว ผมทานช้าเกินสิบนาทีไม่ได้”
“ร่างกายนายอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือไง” ไซยูค้อนอย่างเหลืออด
“ครับ ผมทานอาหารช้าเกินสิบนาทีไม่ได้ครับ ขอความกรุณาด้วยครับ”
คงเพราะเรื่องเมื่อหกปีก่อน มาจิจึงกลายเป็นพวกจุกจิกเรื่องเวลารับประทานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้...คนครัวยังถูกกำกับอีกทีว่าจะต้องใส่อะไรลงในข้าวกล่องบ้าง สัดส่วนโภชนาการจะต้องถูกตามหลักครบถ้วน
คงจะมีแต่เรื่องนี้กระมังที่เขาพูดได้เต็มปากว่าเป็น ‘เวลาบงการ’ ของผู้ติดตาม
“หากจะให้เสนอความคิดเห็น ผมว่าท่านมิสึโตะคงมีความสัมพันธ์กับท่านยูงาริไม่ดีนักครับ แต่จะถูกจัดฉากหรือไม่ เรื่องนั้นยังไม่มีข้อมูลครับ หากถามถึงแรงจูงใจ การเสียชีวิตของท่านยูคาริ ท่านย่าของท่านยูงาริก็เป็นแรงจูงใจที่ดีครับ”
“งั้นมิสึเมะจังทำไมเป็นพยานให้คุณว่าที่แทนที่จะช่วยพี่ชายกันล่ะ สองคนนี้เขาสนิทกันดี ไม่น่าจะมีเรื่องบาดหมางถึงขั้นร่วมมือกับคนอื่นฆ่าพี่ชายตัวเองได้เลยนะ ตอนเด็กๆ ฉันยังนึกอิจฉามิสึเมะจังเลย”
“เรื่องนั้นยังไม่มีข้อมูลครับ แต่แทนที่จะหาว่าใครคือคนร้ายตัวจริงระหว่างกิ่งไม้กับท่านยูงาริ ผมว่าการตามหาท่านมิสึโตะอาจเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่างก็ได้นะครับ”
ไซยูเหลือบมอง “นายคิดว่าไง”
“ครับ?”
“เรื่องที่ท่านพี่มิสึโตะยังมีชีวิตอยู่น่ะสิ อยู่ในบ้านที่น้องสาวอยู่ฝั่งเดียวกับฆาตกร คุณมิสึมิยังวางเฉยอีก อ๊ะ! หรือว่าจะส่งไปที่ปลอดภัยแล้ว?”
“ถ้าจะมีที่ไหนปลอดภัย ผมเชื่อว่าคอนโดของท่านไซยูคือคำตอบที่ดีที่สุดคำตอบหนึ่งครับ”
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบอีกครั้ง ขณะที่ดวงตาของไซยูยังคงจับจ้องที่บันทึก โดยมีหัวข้อวงไว้ว่า ‘ข่าวลือ’ สิ่งนี้คือข้อมูลที่พวกชาวบ้านลือกันโดยไม่มีหลักฐานรองรับ บ้างก็ว่ามิสึโตะอาจจะรังเกียจรังงอนคู่หมั้น บ้างก็บอกว่าเป็นแค่การหนีออกจากบ้านธรรมดา บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของเรื่องเหนือธรรมชาติ
เขาวงไว้ที่ตัวเลือก ‘เรื่องเหนือธรรมชาติ’ ซึ่งเป็นข่าวลือที่ชาวบ้านพูดกันมากที่สุด พวกเขาพูดถึงเจ้าชายสายหมอกที่เป็นตำนานนิทานก่อนนอนของเด็กน้อยในหมู่บ้านหลายต่อหลายรุ่น แต่เมื่อโตขึ้น ทุกคนก็ลงความเห็นว่ามันเป็นแค่นิทานที่มีไว้สอนไม่ให้เด็กพูดปดเหมือนนิทานสอนใจเรื่องอื่นๆ เท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่านิทานเริ่มจะกลายเป็นความเชื่อหนึ่งขึ้นมาเสียแล้ว เพราะการหายตัวสุดโด่งดังของมิสึโตะเกิดขึ้นในวันหมอกหนาอยู่เป็นนิจ ทั้งยังเคยกลับมาในวันหมั้นเพราะอ้างว่าได้ยินเสียงกระดิ่งพิธีเรียกตัว แล้วยังคำพูดที่ลือกันว่ามิสึโตะเป็นคนยืนยันเองว่าถูกพาตัวไป
ตำนานเล่าขานว่าคฤหาสน์แห่งสายหมอกตั้งอยู่บนยอดสุดของภูเขา ซึ่งทางเข้านั้นทั้งชันและอันตราย
จะว่าโกหกก็ไม่ใช่เสียทีเดียวหรอก ถึงจะไม่ได้อยู่ชมรมสืบสวนสอบสวนจริงๆ ที่บอกว่าจะมาตามหาความจริงเกี่ยวกับมิสึโตะก็เป็นไปตามคำกล่าวทุกประการ
“จัดของให้หน่อย ฉันจะลองปีนขึ้นไปดู”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ