ราคีพ่ายเสน่หา
8.7
เขียนโดย romanticsine
วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.02 น.
21 ตอน
2 วิจารณ์
23.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2558 15.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ปะทะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“หน้าที่ของเธอ คือเป็นเลขาของฉัน ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน…” ภาคินทร์อธิบาย
“การทำงานของฉันทุกอย่าง เธอต้องคอยติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด ฉันคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากใช่มั้ยว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ
“งานทุกอย่างก่อนที่จะผ่านถึงฉัน เธอต้องตรวจสอบและคัดกรอกอย่างเหมาะสมว่าเอกสารนั้นควรผ่านการพิจารณาจากฉันรึเปล่า”
“ฉันเชื่อใจเธอ ฉันเชื่อในความสามารถของเธอ เธอทำได้ใช่มั้ยมีนา” ภาคินทร์จ้องลึกลงในดวงตาของฉันจนฉันต้องรีบหลงตา บ้าสิ… นี่ถ้าเป็นปลากัดฉันคงท้องโตไปหลายรอบแล้วนะ
ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันกับภาคินทร์ต่างมองไปที่ประตูพร้อมกัน
“ขอโทษนะค่ะท่านประธาน การประชุมจะเริ่มขึ้นอีก15นาทีนะค่ะ” หญิงสาวคนเดิมเข้ามา เธอยิ้มบางๆให้อีกครั้งก่อนจะปิดประตูลง
“พร้อมรึยัง” ภาคินทร์เลิกคิ้วถาม
“หู่ววว” ฉันพ่นลมหายใจจนแก้มป่อง ใจเต้นตุบๆเพราะไม่เคยได้ผ่านประสบการณ์แบบนี้เลย
“นี่แหนะ” ภาคินทร์จอมเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสใช้มือดึงแก้มทั้งสองข้างของฉัน
“โอ๊ย!! คุณคินทร์” ฉันแหวอย่างเจ็บปวดและทำหน้ายู่ พร้อมทั้งเอามือลูบแก้มด้วยความเจ็บ
“ไม่ต้องกลัวนะ มันจะผ่านไปด้วยดี ถ้าเธอรู้สึกกลัว ให้หันมามองฉัน เข้าใจมั้ย” ภาคินทร์เอามือจับหน้าฉันให้สบตากับเค้า ทั้งคำพูดและแววตานั้นทำให้ฉันอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้ง
“ค่ะ ขอบคุณนะค่ะ” ฉันจับมือเค้าตอบและยิ้มให้
ห้องประชุม
ฉันนั่งตัวเกร็ง เตรียมสคิปแนะนำตัว ทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า แก้แล้วแก้อีก โอ๊ย มันจะโอเคมั้ยเนี่ย
“นี่ ไม่เห็นต้องเตรียมอะไรขนาดนี้เลย” ภาคินทร์ยิ้มและขำเมื่อมองสคิปในมือของฉัน
“ได้ยังไงหล่ะค่ะ! ถ้าฉันแนะนำตัวไม่ได้เรื่อง คุณต้องอายคนอื่นแน่ๆ”
“แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ พูดในสิ่งที่อยากพูด”
“เริ่มการประชุมได้ค่ะ” เสียงดังขึ้น ผู้ใหญ่มากหน้าหลายตาต่างนั่งหน้านิ่ง ยิ่งเพิ่มความกดดันให้ฉันอีก ฉันอยากหนีออกจากที่นี่จริงๆ T,T
“ก่อนอื่นเลย ผมของแนะนำเลขาอีกคนของผม…” ภาคินทร์ลุกขึ้นเต็มความสูงและกล่าว เค้าผายมือมาที่ฉันที่นั่งข้างๆ ผู้ใหญ่มากหน้าหลายต่างจับจ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียว ฉันค่อยลุกขึ้นยืนด้วยอาการขาที่ไม่หยุดสั่น
“เชิญแนะนำตัวครับ” ภาคินทร์เอ่ยขึ้น ฉันสบตากับดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง ภาคินทร์เพียงพยักหน้าเบาๆให้ ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอด และรวบรวมสติทั้งหมดให้กลับมา
“สวัสดีค่ะ ฉันมีนา สิริธาดา ค่ะ” ทันทีที่ฉันเอ่ยแนะนำตัว เสียงซุบซิบก็ดังขึ้น
“มีคำถามค่ะ” และหญิงสาวคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืนและจ้องมาทางฉัน
“ฉัน ในฐานะหุ้นส่วน และกรรมการฝ่ายคัดเลือกบุคลากร ใครเป็นคนคัดเลือกคุณเข้ามาค่ะ”
เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ ฉันไม่แม้แต่จะกล้าอ้าปากพูดใดๆทั้งสิ้น
“วุฒิการศึกษาหรือสิ่งใดๆที่สามารถระบุตัวตนหรือความสารมารถของคุณไม่ถูกส่งผ่านมือของฉันเลย แบบนี้เรียกว่าไม่ให้เกียรติฝ่ายคัดเลือกบุคลากรเลยนะค่ะ” หญิงสาวส่งสายตาอาฆาตมาให้ฉัน
“ในฐานะประธานบริษัท การที่ผมจะเลือกใครเข้ามาในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของผม ผมจำเป็นต้องส่งผ่านฝ่ายบุคลากรอย่างคุณด้วยหรอครับ หากผมไม่เชื่อในความสารถของคนของผม ผมจะรับเค้าไว้ให้ทำงานกับผมทำไม จริงมั้ยครับหัวหน้าฝ่ายบุคลากร” ภาคินทร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบแต่เชือดเฉือนใจผู้ฟัง จนทางนั้นนิ่งเงียบไปทันที
“แล้วท่านประธานจะยืนยันความสารถของเธอให้คนอื่นเห็นได้ยังไงหล่ะค่ะ ว่าเธอเข้ามาด้วยความสารถของเธอไม่ได้เข้ามาเพราะเป็น ‘เด็กเส้น’ “ นั่นคงเป็นคำถามที่ใครหลายๆคนอยากรู้ เมื่อทุกคนต่างนิ่งเงียบฟังรอฟังคำตอบที่จะออกมาจากปากใครคนใดคนหนึ่ง
“ได้ค่ะ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ว่าฉันไม่ได้เข้ามานั่งเล่นที่บริษัทของพวกคุณเพื่อกินเงินเดือนฟรีๆ ฉันจะทำงานเต็มความสามารถ ไม่ให้ใครมาดูถูกคุณภาคินทร์ที่เลือกฉันมาเป็นเลขา”
และการประชุมก็จบลงแบบดุเดือดเกินกว่าที่ฉันจะคิด ฉันแอบมานั่งกินกาแฟคนเดียวในห้องพักพนักงาน และถอนหายใจไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ว
“ว่าแล้ว ว่าต้องมีคนไม่เห็นด้วย คนบ้าที่ไหนจะไต่เต้ามาเป็นเลขาท่านประธานได้ในข้ามคืน ถ้าไม่ใช่เด็กเส้น เฮ้อ……”
“บ่นอะไรอยู่คนเดียวหืม?” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก
“ว้ายย!!!!” เมื่อตกใจ แก้วกาแฟที่กำบัวตจะเข้าปากกูต้องตกฮวบลงบนเสื้อผ้าตัวเอง
“คุณภาคินทร์!!!”
“ให้ตายสิ ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้นะ” ภาคินทร์บ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดให้
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ฉันรีบคว้าทิชชู่มาทันที เมื่อคนที่เดินผ่านไปมามองมาทางเราและเริ่มซุบซิบ
“ฉันไม่อยากให้ใครมองคุณไม่ดี”
“ทำไมหล่ะ เธอแคร์สายตาคนอื่นนอกจากฉันด้วยหรอ?”
“คุณเป็นถึงประธานบริษัท การที่คุณมาสนใจคนอย่างฉันมันดูจะมากเกินไปสำหรับคนอื่นที่มองมา”
“แต่อีกไม่นานงานแต่งของเราก็จะเกิดขึ้น คนอื่นควรต้องเกรงใจเธอด้วยซ้ำ”
“คุณว่าฉันจะดีใจหรอค่ะ ที่คนอื่นเอาฉันไปพูดลับหลังว่าฉันเกาะคุณเข้ามาที่นี่” ฉันพูดเสียงแข็ง ภาคินทร์ผ่อนลมหายใจ
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง เธอถึงจะพอใจ?”
“ฉันต้องพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นๆเห็นในการประชุมครั้งหน้าค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณอายคนอื่นเลย” ภาคินทร์ยิ้มกว้างก่อนจะเอามือมาลูบผมฉัน
แต่หารู้ไม่เลยว่า ภาพนั้นถูกถ่ายไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งตรงไปยัง อเมริการ และถึงมือของ ท่านประธานใหญ่
หญิงวัยกลางคนนั่งจิบกาแฟพร้อมมองวิวนิยอก เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ภาพลูกชายที่กำลังเอ็นดูหญิงสาวแบบที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไปสืบมา ว่าหล่อนเป็นใคร” การ์ดด้านหลังโค้งเล็กน้อยก่อนจะจัดการตามที่ท่านหญิงสั่ง แววตาที่มองทอดออกไปยังวิวที่กว้างไกลและมือที่ขนกาแฟอย่างเลื่อนลอยนั้น ช่างยากแท้หยังถึงความคิดของเธอ
“การทำงานของฉันทุกอย่าง เธอต้องคอยติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด ฉันคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากใช่มั้ยว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ
“งานทุกอย่างก่อนที่จะผ่านถึงฉัน เธอต้องตรวจสอบและคัดกรอกอย่างเหมาะสมว่าเอกสารนั้นควรผ่านการพิจารณาจากฉันรึเปล่า”
“ฉันเชื่อใจเธอ ฉันเชื่อในความสามารถของเธอ เธอทำได้ใช่มั้ยมีนา” ภาคินทร์จ้องลึกลงในดวงตาของฉันจนฉันต้องรีบหลงตา บ้าสิ… นี่ถ้าเป็นปลากัดฉันคงท้องโตไปหลายรอบแล้วนะ
ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันกับภาคินทร์ต่างมองไปที่ประตูพร้อมกัน
“ขอโทษนะค่ะท่านประธาน การประชุมจะเริ่มขึ้นอีก15นาทีนะค่ะ” หญิงสาวคนเดิมเข้ามา เธอยิ้มบางๆให้อีกครั้งก่อนจะปิดประตูลง
“พร้อมรึยัง” ภาคินทร์เลิกคิ้วถาม
“หู่ววว” ฉันพ่นลมหายใจจนแก้มป่อง ใจเต้นตุบๆเพราะไม่เคยได้ผ่านประสบการณ์แบบนี้เลย
“นี่แหนะ” ภาคินทร์จอมเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสใช้มือดึงแก้มทั้งสองข้างของฉัน
“โอ๊ย!! คุณคินทร์” ฉันแหวอย่างเจ็บปวดและทำหน้ายู่ พร้อมทั้งเอามือลูบแก้มด้วยความเจ็บ
“ไม่ต้องกลัวนะ มันจะผ่านไปด้วยดี ถ้าเธอรู้สึกกลัว ให้หันมามองฉัน เข้าใจมั้ย” ภาคินทร์เอามือจับหน้าฉันให้สบตากับเค้า ทั้งคำพูดและแววตานั้นทำให้ฉันอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้ง
“ค่ะ ขอบคุณนะค่ะ” ฉันจับมือเค้าตอบและยิ้มให้
ห้องประชุม
ฉันนั่งตัวเกร็ง เตรียมสคิปแนะนำตัว ทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า แก้แล้วแก้อีก โอ๊ย มันจะโอเคมั้ยเนี่ย
“นี่ ไม่เห็นต้องเตรียมอะไรขนาดนี้เลย” ภาคินทร์ยิ้มและขำเมื่อมองสคิปในมือของฉัน
“ได้ยังไงหล่ะค่ะ! ถ้าฉันแนะนำตัวไม่ได้เรื่อง คุณต้องอายคนอื่นแน่ๆ”
“แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ พูดในสิ่งที่อยากพูด”
“เริ่มการประชุมได้ค่ะ” เสียงดังขึ้น ผู้ใหญ่มากหน้าหลายตาต่างนั่งหน้านิ่ง ยิ่งเพิ่มความกดดันให้ฉันอีก ฉันอยากหนีออกจากที่นี่จริงๆ T,T
“ก่อนอื่นเลย ผมของแนะนำเลขาอีกคนของผม…” ภาคินทร์ลุกขึ้นเต็มความสูงและกล่าว เค้าผายมือมาที่ฉันที่นั่งข้างๆ ผู้ใหญ่มากหน้าหลายต่างจับจ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียว ฉันค่อยลุกขึ้นยืนด้วยอาการขาที่ไม่หยุดสั่น
“เชิญแนะนำตัวครับ” ภาคินทร์เอ่ยขึ้น ฉันสบตากับดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง ภาคินทร์เพียงพยักหน้าเบาๆให้ ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอด และรวบรวมสติทั้งหมดให้กลับมา
“สวัสดีค่ะ ฉันมีนา สิริธาดา ค่ะ” ทันทีที่ฉันเอ่ยแนะนำตัว เสียงซุบซิบก็ดังขึ้น
“มีคำถามค่ะ” และหญิงสาวคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืนและจ้องมาทางฉัน
“ฉัน ในฐานะหุ้นส่วน และกรรมการฝ่ายคัดเลือกบุคลากร ใครเป็นคนคัดเลือกคุณเข้ามาค่ะ”
เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ ฉันไม่แม้แต่จะกล้าอ้าปากพูดใดๆทั้งสิ้น
“วุฒิการศึกษาหรือสิ่งใดๆที่สามารถระบุตัวตนหรือความสารมารถของคุณไม่ถูกส่งผ่านมือของฉันเลย แบบนี้เรียกว่าไม่ให้เกียรติฝ่ายคัดเลือกบุคลากรเลยนะค่ะ” หญิงสาวส่งสายตาอาฆาตมาให้ฉัน
“ในฐานะประธานบริษัท การที่ผมจะเลือกใครเข้ามาในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของผม ผมจำเป็นต้องส่งผ่านฝ่ายบุคลากรอย่างคุณด้วยหรอครับ หากผมไม่เชื่อในความสารถของคนของผม ผมจะรับเค้าไว้ให้ทำงานกับผมทำไม จริงมั้ยครับหัวหน้าฝ่ายบุคลากร” ภาคินทร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบแต่เชือดเฉือนใจผู้ฟัง จนทางนั้นนิ่งเงียบไปทันที
“แล้วท่านประธานจะยืนยันความสารถของเธอให้คนอื่นเห็นได้ยังไงหล่ะค่ะ ว่าเธอเข้ามาด้วยความสารถของเธอไม่ได้เข้ามาเพราะเป็น ‘เด็กเส้น’ “ นั่นคงเป็นคำถามที่ใครหลายๆคนอยากรู้ เมื่อทุกคนต่างนิ่งเงียบฟังรอฟังคำตอบที่จะออกมาจากปากใครคนใดคนหนึ่ง
“ได้ค่ะ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ว่าฉันไม่ได้เข้ามานั่งเล่นที่บริษัทของพวกคุณเพื่อกินเงินเดือนฟรีๆ ฉันจะทำงานเต็มความสามารถ ไม่ให้ใครมาดูถูกคุณภาคินทร์ที่เลือกฉันมาเป็นเลขา”
และการประชุมก็จบลงแบบดุเดือดเกินกว่าที่ฉันจะคิด ฉันแอบมานั่งกินกาแฟคนเดียวในห้องพักพนักงาน และถอนหายใจไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ว
“ว่าแล้ว ว่าต้องมีคนไม่เห็นด้วย คนบ้าที่ไหนจะไต่เต้ามาเป็นเลขาท่านประธานได้ในข้ามคืน ถ้าไม่ใช่เด็กเส้น เฮ้อ……”
“บ่นอะไรอยู่คนเดียวหืม?” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก
“ว้ายย!!!!” เมื่อตกใจ แก้วกาแฟที่กำบัวตจะเข้าปากกูต้องตกฮวบลงบนเสื้อผ้าตัวเอง
“คุณภาคินทร์!!!”
“ให้ตายสิ ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้นะ” ภาคินทร์บ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดให้
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ฉันรีบคว้าทิชชู่มาทันที เมื่อคนที่เดินผ่านไปมามองมาทางเราและเริ่มซุบซิบ
“ฉันไม่อยากให้ใครมองคุณไม่ดี”
“ทำไมหล่ะ เธอแคร์สายตาคนอื่นนอกจากฉันด้วยหรอ?”
“คุณเป็นถึงประธานบริษัท การที่คุณมาสนใจคนอย่างฉันมันดูจะมากเกินไปสำหรับคนอื่นที่มองมา”
“แต่อีกไม่นานงานแต่งของเราก็จะเกิดขึ้น คนอื่นควรต้องเกรงใจเธอด้วยซ้ำ”
“คุณว่าฉันจะดีใจหรอค่ะ ที่คนอื่นเอาฉันไปพูดลับหลังว่าฉันเกาะคุณเข้ามาที่นี่” ฉันพูดเสียงแข็ง ภาคินทร์ผ่อนลมหายใจ
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง เธอถึงจะพอใจ?”
“ฉันต้องพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นๆเห็นในการประชุมครั้งหน้าค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณอายคนอื่นเลย” ภาคินทร์ยิ้มกว้างก่อนจะเอามือมาลูบผมฉัน
แต่หารู้ไม่เลยว่า ภาพนั้นถูกถ่ายไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งตรงไปยัง อเมริการ และถึงมือของ ท่านประธานใหญ่
หญิงวัยกลางคนนั่งจิบกาแฟพร้อมมองวิวนิยอก เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ภาพลูกชายที่กำลังเอ็นดูหญิงสาวแบบที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไปสืบมา ว่าหล่อนเป็นใคร” การ์ดด้านหลังโค้งเล็กน้อยก่อนจะจัดการตามที่ท่านหญิงสั่ง แววตาที่มองทอดออกไปยังวิวที่กว้างไกลและมือที่ขนกาแฟอย่างเลื่อนลอยนั้น ช่างยากแท้หยังถึงความคิดของเธอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ