Through the army corps of hell.
9.8
เขียนโดย katzee
วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.
4 chapter
8 วิจารณ์
6,912 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 13.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) EP.4 [SHORT] 15+
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโลกที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีขึ้นแล้วหรือยัง?
เดฟ เหลือบมองเพื่อนใหม่ทีเพิ่งทำความรู้จักในเวลาไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ อดัมใช้ใบไม้แถวๆนั้นมาเช็ดมีดพกของตนก่อนจะเก็บฝักที่ข้างลำตัว
“พวกนั้นคิดว่านายเป็นตัวซวย แต่ชั้นไม่ค่อยได้รู้เรื่องมากเท่าไหร่”
“งั้นเหรอ” อดัมตอบพลางย่ำเท้าเดินไปข้างหน้าต่อไป
“คนในค่ายเราไม่มีใครที่ชั้นได้เห็นอยู่ได้นาน ถ้าปากมัวแต่พ่นแต่เรื่องไม่เป็นประโยชน์ จะดีซะกว่าถ้าได้ลงมือทำ” เดฟว่าขณะย่องจ้วงมีดเข้าใส่ซอมบี้อีกตัว แหวะ เขาอุทานเบาๆ เมื่อเลือดกระเด็นโดนปากตัวเอง
“ถ้าชั้นได้ทำอะไรพิสูจน์ตัวเอง ก็คงจะเงียบปากไปเอง” อดัมว่า
ฟู่ว เดฟถอนลมหายใจโล่งอกเมื่อพื้นที่พวกเขาสำรวจ นั้นมีถนนอีกเส้นโผล่ขึ้นมาข้างหน้า
“โลกที่เป็นอยู่แทบจะเป็นนรกอยู่แล้ว ยังจะต้องมาเจอกับพวกปากหาสวะแบบพวกนั้น แต่ก็ช่างมันเถอะ จริงหรือเปล่าที่นายมีเส้นสายกับพวกรัฐ” อดัมชะงักกับคำถามนั้น
“กลับกันเถอะ เรามีอีกหลายที่ที่ต้องสำรวจ” อดัมพลางใช้สันมีดเคาะธงเล็กๆเข้ากับเนื้อไม้ที่บ่งบอกว่าเคยมาสำรวจแล้ว
“เฮ้ พูดเรื่องของนายบ้างสิ ไหนๆนายก็เป็นคนเดียวที่พูดคุยกับชั้น” เดฟตามหลังก่อนจะเอี้ยวไปหยิบธงแฮนด์เมดบนรถเพิ่มหลังจากออกมาจากพื้นที่แรกของการสำรวจแล้ว
“ไม่สำคัญหรอก” อดัมเดินไปสมทบที่บังเกอร์ที่กำลังวางแผนการสรรหาจุดใหม่ที่สามารถมาทดแทนค่ายเก่าที่พวกเขาใช้เวลากับการสร้างที่นั่นมา ผู้คนจึงคับคั่งกับเขตค่ายหลักของพวกเขา
ลิเดียยืนอยู่บนบ้านไม้ที่ได้รับการต่อเติมเหมือนแพน้ำขนาดใหญ่ พลางหยิบกล้องส่องทางไกลสอดส่องไปเรื่อยบริเวณโดยรอบ
“เฮ้” เดินขึ้นมาทักทายพลางเหลือบมองสาวเจ้าก่อนจะรีบหลบทันควันเมื่อเธอละสายตาออกมาจากของที่อยู่ในมือ
“พวกเราหร่อยหรอไปเยอะมาก ชั้นเสียใจแทนคนที่ไม่รอดจากการโจมตีที่ค่ายเขต5” เธอเอ่ยถึงชื่ออดีตเขตค่ายนั้น พลางยืนคอตกใช้มือค้ำราวระเบียงไม้
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” บ็อบถามขณะนั่งลงยื่นขาออกไปนอกระเบียงไม้พร้อมกับแกว่งไปมาเบาๆ
“ชั้นกับอดัมและคนอื่นๆได้แยกไปสำรวจที่ๆหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเราทิ้งคนบริสุทธ์พวกนั้นไว้ พวกเขาไร้การต่อสู้แถมยังไม่มีที่ไป ฮึก…แถมพวกเขาไว้ใจที่จะอยู่กับชั้นและแคลร์” บ็อบเงยหน้ามองเธอที่หลบหน้าปาดน้ำตาหยดเล็กๆ ขณะที่หญิงสาวกลืนก้อนสะอึกนั้นลงไปเพราะไม่อยากให้ใครเห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ
นด้็นด้านทออนเเอ
ชายหนุ่มคิดว่าเขาคงไม่ต้องเซ้าซี้เธอมากไป จนกว่าจะรอเวลาที่เหมาะสมที่เธอพร้อมจะเปิดใจให้กับเขาอีกครั้ง
“ลิเดีย แคลร์ให้มาตาม” ลิเดียพยักหน้าก่อนจะหันไปยิ้มกับหนุ่มผิวสีที่ยอมอยู่เป็นเพื่อนคอยปลอบใจ เธอแตะมือลงบนไหล่หนาเบาๆก่อนจะละจากเขามาอย่างเงียบๆ เขารู้ใจเธอเป็นอย่างดีว่าถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่เธอจะบอกเขาอย่างแน่นอน
ก๊อกๆ ลิเดียยื่นหน้าส่งเสียงหวานใสให้กับหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนค้ำโต๊ะจ้องมองแผนที่ที่กางอยู่บนโต๊ะ ถ้าสิ่งนั้นเรียกว่าโต๊ะน่ะนะ แคลร์ไม่รู้ตัวว่าสาวเจ้าที่เธอเห็นเป็นน้องสุดที่รักเดินเข้ามา เพราะกำลังจดจ่ออยู่กับมาร์กสีแดงที่ได้ขีดฆ่าพร้อมกับเลขที่เธอเขียนไว้อย่างยุกยิก
เฮ้ แคลร์หลุดออกจากภวังค์เมื่อคนมาใหม่แตะที่ไหล่เธอเบาๆ แถมเหลือบมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอตาใส ถึงแม้เธอสองคนเป็นคนที่ไม่ได้ความผูกพันเชิงญาติพี่น้องมาก่อนแต่เธอจะไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับน้องรักของเธอคนนี้เด็ดขาด เพราะลิเดียหนึ่งในคือครอบครัวเธอไปแล้ว
“มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ชั้นอยากให้เธอจับตาดูอดัมไว้ให้ดีนะ” ลิเดียเลิกคิ้วสงสัย
“ทำไมเหรอคะ”
“ชั้นแค่…อยากให้เขาอยู่ในสายตาเธอไว้” ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะน่าสงสัยขนาดไหนลิเดียจึงพยักหน้าเบาๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ พี่กับเขาที่นั่น” แคลร์พ่นลมหายใจอย่างอึดอัดก่อนจะเดินไปที่หน้าประตู ขณะที่ลิเดียทรุดตัวลงนั่งมองตามหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนพิงมองฝูงชนในค่ายขนาดหยิบมือที่กำลังตั้งกองไฟล้อมวงกันเพื่อความอบอุ่นพร้อมกับทำอาหารกัน
ขณะนั้นอดัมที่กำลังย่างมันเผา ที่ได้จากทีมตระเวนอีกทีมเป็นฝ่ายจัดหามา พวกเขามีทุกอย่างครบที่เขตค่ายเก่าไม่ว่าจะเป็นสวนผักพืชและผลไม้บางชนิด แต่มันก็มาโดนทำลายไปหมดแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาฉุกคิดนึกถึงอดีตที่เขาเคยโดดเดี่ยว
เสียงรองเท้าบู๊ทส้นสูงกระทบกับพื้นถนน ปรากฏร่างของหญิงสาวที่แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดแนวสตรีท ผมบลอนด์ที่ออกน้ำตาลรับกับนัยน์สีมรกตพร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ทตัวเก่งและเก่าของเธอพร้อมกับกางเกงยีนส์ตามสมัยนิยมหรือยังเรียกว่านิยมหรือเปล่าเพราะโลกที่อยู่ตอนนี้มันตายไปแล้วจริงๆ ริมฝีปากสีแดงสดกระหยิ่มยิ้ม ขณะกระชับเป้ขนาดพอดีตัวเล็บสีแดงสดกระดิกอย่างอารมณ์ดีกับสายคาดของเป้ เธอหยุดยืนท่ามกลางถนนเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุด พลางคาบมันไว้ก่อนจะล้วงอาวุธมีดที่มีรอยคราบเลือดเปรอะเปื้อนแห้งกรังไว้อยู่ในเป้ นิ้วสวยหยิบแว่นกันแดดที่สอดไว้ที่กลางหน้าอกเสื้อของเธอที่มีรอยขาดวิ่นเล็กน้อย นิ้วเรียวสวยคีบขยับบุหรี่ก่อนจะสูดเข้าไปเต็มปอดพ่นออกมาเท้าที่กระดิกอยู่หยุดทันทีทันใด ก่อนจะมุ่งหน้าเดินเข้าหมู่บ้านที่ชื่อ รูสเวล
ขาเรียวสวยก้าวเดินสำรวจไปมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง เศษใบไม้แห้งกรังสีเหลืองส้มเต็มถนน เธอเกลียดทุกย่างก้าวที่เหยียบพวกมัน การต่อสู้กับผีดิบตัวเดียวมันไม่น่ากังวลเท่ากับมันมาทั้งฝูง เธอแค่ไม่อยากเป็นเนื้อย่างหอมๆที่เป็นคนสั่นกระดิ่งเรียกมาซะเท่าไหร่
มือบางเลื่อนแว่นกันแดดลง ก่อนจะสนใจกับบ้านหลังหนึ่งที่เธอคิดว่าน่าจะมีของดีซ่อนไว้บ้าง ริมฝีปากสีแดงสดได้รูปกระตุกยิ้มบางๆ
ร่างบางหยุดยืนที่หน้าต่างบ้านดังกล่าว เธอสอดสายตาส่องเข้าไปข้างในผ่านม่านบางๆสีคลาสสิก เธอใช้สันมีดทุบกระจกก่อนจะยื่นบางเข้าไปปลดล็อคบานหน้าต่างก่อนจะเลื่อนมันขึ้นพลางเอี้ยวตัวเข้าไปข้างในได้สำเร็จ
เสียงเศษแก้วดังลั่นเมื่อเธอเผลอไปเหยียบมัน ก่อนจะหยุดทุกการกระทำ พลางด่าตัวเองในใจว่าควรจะรอบคอบมากกว่านี้ เธอพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆของคนหรืออดีตคนในบ้านหลังนี้
เธอปรี่เข้าไปในในโซนห้องครัว เปิดตู้ทุกตู้หาเสบียงอย่างลุกลี้ลุกลน เธอพ่นลมหายใจเมื่อเจอกล่องซีเรียล แววตาดูมีความหวังขึ้นมาแต่ก็ต้องหุบยิ้มทันควันเมื่อเธอคว้ามามันดันเป็นกล่องเปล่าซะนี่ หญิงสาวเขวี้ยงมันทิ้ง ก่อนจะค้นหาต่อไป แง้มเปิดตู้เย็นที่มีกลิ่นเหม็นหืนของเน่าปะทะเข้าจมูกหญิงสาวกระแทกปิดมันแทบไม่ทันเมื่อสำรวจดูแล้วมันคงไม่มีอะไรที่เธอกินได้
ร่างบางทรุดตัวลงเปิดตู้ด้านล่าง พลางค้นหาอีกรอบทีละตู้ก่อนจะดีใจแทบกรี๊ดออกมาเมื่อมีผลไม้กระป๋องซ่อนไว้หลายกระป๋องในนั้น เธอรีบเลื่อนลิ้นชักหาช้อนก่อนจะเด้งตัวนั่งอยู่บนโต๊ะในห้องครัวพลางเปิดกระป๋องนั้นกิน เธอครางมันออกมาอย่างอดไม่ได้ เพราะรสชาติอาหารคนไม่ได้ตกถึงท้องเธอมาหลายวันแล้ว
เธอเลียช้อนอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อหญิงสาวเสร็จจากอาหารตรงหน้าเธอก็กระเป๋ามาเปิด กวาดอาหารกระป๋องที่มีมาให้หมด เธอสะพายมันข้างเดียวหลังจากเช็คของในครัวหมดแล้ว ก่อนจะคว้าอาวุธออกมาเผื่อไว้ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เธอใช้ปลายมีดดันประตูที่เปิดแง้มไว้ เสียงประตูลากยาวทำให้เธอนึกถึงหนังผีที่ชอบใช้อะไรแบบนี้ในหนัง ตาสีมรกตมองไปรอบๆทรุดตัวลงสำรวจใต้เตียง ทำแบบนี้ซ้ำทั้งสามห้อง เมื่อสำรวจครบหมดแล้ว ไม่มีสัญญาณอันตรายอะไรเธอจึงพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะกลับมาอีกห้องหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นห้องของวัยรุ่นคนหนึ่ง
“อู้ว ไง สาวน้อย” เธอเอ่ยเบาๆ นิ้วเรียวแตะกรอบรูปเล็กๆอยู่บนโต๊ะทำการบ้านทั่วไปที่มีข้าวของ กระจุกกระจิกอยู่บนนั้น
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ ใช้มือสัมผัสข้าวของต่างๆ พลางสำรวจของในห้องเผื่อสามารถใช้อะไรบ้าง เสื้อยืดตัวในของเธอที่ใช้มันมานานมากแล้ว จากการประเมินตู้เสื้อผ้าเด็กคนนี้คงอ่อนกว่าเธอไม่กี่ปี แต่ไม่สามารถใส่ตัวไหนได้เลย ไซส์เล็กกว่าไปสองสามไซส์ เธอกระแทกปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะไปหาอีกห้องนึง
ร่างบางยืนมองภาพลักษณ์ใหม่ของตัวเอง ภาพสะท้อนของกระจก ที่ไม่ได้แตกต่างจากสไตล์เก่าของตัวเองมากนัก เธอเหลือบออกไปนอกหน้าต่างที่ปรากฏอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปแล้ว พรุ่งนี้เธอคงต้องรีบสำรวจบ้านทุกหลังที่เหลือ
เหอะ เธอยิ้มสมเพชตัวเองว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตอยู่บนถนน เลียบไปตามแนวป่าเพื่อหาแหล่งที่ใหม่ๆ แต่วันนี้ดีหน่อยที่เธอมาเจอกับหมู่บ้านนี้ก่อน
มือบางล้วงสร้อยที่เธอถือมันซะว่าเป็นเครื่องรางประจำตัวเธอ เธอหมุนเม็ดลูกปัด มันเป็นเครื่องเตือนใจเธอชิ้นเดียวที่ยังทำให้เธอไม่เป็นบ้าไปซะก่อน ตัวตนของเธอคนเดิมมันค่อยๆหายไปทีละนิด แทบจะทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อยที่จากผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเส็งเคร็งไปวันๆ กับร้านเหล้าที่เธอทำงานที่นั่นเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ถึงแม้พ่อแม่จะยังส่งเงินให้เธอทุกเดือนเพื่อที่จะขอให้เธอโฟกัสกับการสอบเข้ามหาลัยที่พวกเขาต้องการ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกอายที่มีลูกเรียนไม่จบแบบเธอ แต่วันโลกแตกมาตรงกับวันที่เธอกำลังทะเลาะกับพวกเขาวันนั้นซะก่อน
ก่อนโลกแตก 1 ชั่วโมง..
บ้าเอ้ย หญิงสาวสบถเมื่อแก้วเหล้าที่เธอกำลังทำความสะอาดดันหลุดมือตกลงแตกบนพื้นซะก่อน
“อาลิซาเบธ!!”
อะไร!!! เธอตะโกนกลับอย่างอารมณ์เสียขณะใช้ผ้าเช็ดโต๊ะกวาดๆเศษแก้วนั้นเข้าด้วยกัน “ถ้าเธอทำมันแตกอีกใบต่อไป วันนี้งดทิปที่เธอได้” เจ้าของร้านจอร์ชตวาดออกมาจากห้องทำงานของเขา ที่คงกำลังนั่งเล่นพนันกับคนอื่นๆ
“เฮ้ ขอเบียร์ขวดนึง” เธอโผล่หน้าขึ้นมากเคาท์เตอร์ก่อนจะยกนิ้วชี้บอกแป้ปนึง
“โอ้ เฮ้ อลิซซี่?” เธอที่กำลังเทเศษแก้วลงขยะ ก่อนจะหันหน้ามาหยิบขวดเบียร์ใช้มือกระทุ้งเปิดฝาขวดที่เคาท์เตอร์อย่างคล่องแคล่ว
“ชั้นรู้จักนายเหรอ” เธอว่าขณะเลื่อนขวดเบียร์ไปให้เขา ก่อนจะไปรับออเดอร์อีกคน
“แหงสิ เราเรียนคลาสวิทย์ด้วยกัน”
“งั้นเหรอ” เธอว่าขณะรินแอลกอฮอลล์ชนิดหนึ่งใส่แก้วเล็กไปสองช็อต พลางรับเงิน
“นายดูไม่เหมือนหนุ่มหนีออกจากบ้านเท่าไหร่เลยนะ”
ห้ะ เขาอุทานแบบงงๆ เธอหัวเราะ เพราะท่าทางเขาค่อนข้างจะเป็นหนุ่มเนิร์ดที่อยากทำตัวคูลบ้าง แต่เขาเองก็ดูมีเสน่ห์อยู่ดี
“ล้อเล่นน่า ชั้นไม่ค่อยคุ้นหน้านายที่นี่เลย มาจีบชั้นเหรอ” เธอว่าออกไปตรงๆ ชายหนุ่มตรงหน้าหลบสายตาเธอ
เธอแอ่นอกโชว์จริตยั่วยวนแบบสาวมั่นใจ พลางเท้าแขน นิ้วเรียวบางเกี่ยวดึงแว่นออกจากใบหน้าเขา ก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้ๆ ลมหายใจร้อนของเขาปะทะกรอบหน้าสวยของเธอ ตาสีมรกตของเธอดึงดูดเขาจ้องไม่กระพริบ
“เฮ้ ขอมาร์ตินี่หน่อย” เสียงลูกค้าอีกคนตะโกนแทรกมาก
เธอพ่นลมหายใจรดริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เกือบจะแตะกันอยู่แล้ว ก่อนจะยิ้มให้บางๆ พลางใช้ขาแว่นลากจากอกมาสอดไว้กับเสื้อรัดรูปตัวเล็กของเธอตรงกลางอก “เจอกันหลังชั้นเลิกงานก็ได้นะ ถ้าอยากได้เจ้านี่คืน” เธอว่าพลางกระชับแว่นของเขาที่หนีบเบียดกับเต้าอกสวยของเธอ เธอหัวเราะเบาๆกับการกลืนน้ำลายของเขา ก่อนเธอจะไปรับออเดอร์กับลูกค้าอีกคน
หลังตรอกแห่งหนึ่งปรากกฎร่างของชายหญิงที่กำลังนัวเนียกันอย่างไม่สนใคร ร่างสูงดันร่างบางติดผนังก่อนจะฉกจูบเธออย่างร้อนรน พลางลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาวที่เขาหมายปองมานาน
“ฮู้ว ใจเย็นสิ” เธอดันอกเขาหลังจากได้พักหายใจ รู้สึกเหมือนหนุ่มเนิร์ดคนนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว
เธอหัวเราะคิกคักเมื่ออีกฝ่ายซอกไซร้ต่ำลงไป ขณะอีกมือกอบกุมหน้าอกสวยได้รูปของเธอ ร่างบางแหงานคอกระตุกกระสันเล็กน้อยเมื่อเขาบุกตรงจุดอ่อนของหญิงสาวทุกราย ก่อนเธอจะดึงศีรษะอีกฝ่ายขึ้นมาจูบอย่างทนไม่ไหว ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามสอดนิ้วเข้าไปยังกางเกงสาว แต่ทว่า
กรี๊ด!!! หญิงสาวสะดุ้งตกใจกับเสียงโหวกเหวกโวยวาย เธอดันตัวเขาออกที่กำลังจะสอดนิ้วเข้ามารุกล้ำกายสาว พลางเดินไปดูกับสิ่งที่เกิดขึ้น
กลุ่มคนที่กรูกันเหมือนจะหนีอะไรซักอย่าง บางคนล้มลงกับพื้นขณะอีกคนกำลังนั่งคร่อมจะทำร้ายอีกฝ่าย
“เฮ้ๆ คุณ จะทำอะไรน่ะ”
เธอดึงตัวคนนั้นออก แต่เขาหันหน้ากลับมาด้วยปากโชกเลือด เธอเลื่อนสายตาไปมองอีกคนหนึ่งที่กำลังกอบกุมคอตัวเองที่มีเลื่อนไหลออกมาไม่หยุด
อะไรกันเนี่ย เธอว่าก่อนจะเป็นเหยื่อรายต่อไป แต่เธอใช้เท้ายันอีกฝ่ายออกได้ทันเมื่อโดนจู่โจม เธอก้าวถอยหลังขณะกวาดสายตาไปรอบๆเห็นลักษณะการทำร้ายคล้ายคลึงกันเธอรีบวิ่งถอยหลังกลับไปยังตรอกที่จากมา
“เฮ้ เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งตามออกมาเอ่ยถาม วิ่ง!!! เธอตะโกนก่อนจะวิ่งนำหน้าไปก่อน เสียงร้องของเธอเรียกความสนใจของผู้ที่กำลัง กัดกินอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง บ้าอะไรเนี่ย!!! ชายหนุ่มเห็นก็วิ่งตามเธอไปติดๆ
โอ้พระเจ้า หญิงสาวใช้มือกอบกุมปากตัวเอง เธอกลัวแม้กระทั่งเสียงหายใจตัวเอง น้ำตาไหลอาบทั่วแก้ม เสียงผู้คนร้องโหยหวนอย่างทรมาน เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเมืองเล็กๆแห่งนี้ เสียงร้องแปลกๆที่ดังออกมาจากคนเหล่านั้นที่ดูเหมือนทิ้งความเป็นมนุษย์ไปซะแล้ว ส่งเสียงไปทั่วถนน เธอที่กำลังตัวสั่นเทิ้ม มือหนาของอีกคนที่ยกขึ้นโอบและบีบไหล่มนของเธอเป็นการปลอบโยนที่เธอกำลังเสียขวัญถึงแม้เขาเองก็กำลังช็อคอยู่ก็ตาม หญิงสาวที่พยายามกลั้นก้อนสะอึกจากการร่ำไห้เหลือบมองเขาที่กำลังเม้มปากคิ้วขมวด สอดสายตาออกไปข้างนอกผ่านม่านของบ้านหลังหนึ่งที่ถูกเปิดประตูทิ้งไว้ พร้อมกับกองเลือดลาดเป็นทางยาว พวกเขาไม่มีทางเลือกเลยต้องมาหลบซ่อนอย่างน้อยก็ดีกว่าการออกไปข้างนอกเป็นไหนๆ
มือบางบีบสาบเสื้อแน่น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังตรงเข้ามาในบ้าน เสียงฟุดฟิดเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังล่าเหยื่อดังเหนือหน้าต่างที่พวกเขาแอบอยู่ด้านใต้
ฮึก อุบ เสียงกรี๊ดดังมาจากบ้านอีกหลังหนึ่งพร้อมกับร้องขอชีวิต หญิงสาวตกใจสุดขีดแต่ก็โดนชายหนุ่มข้างๆใช้มืออุดปากหล่อนได้ทัน จึงดึงดูดพวกนั้นไป
เฮือก ถอนพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย” อลิซซี่พยักหน้าพลางคลานเข่าออกไปพิงโซฟาตรงหน้า อกเธอแทบจะระเบิดเหมือนจะหัวใจวายตายให้ได้
“ขอบใจนะ” เธอหันไปยิ้มบางๆให้เขา
“ชั้นเจซ” เขายื่นมือไป เธอยิ้มพลางเขย่ามืออีกฝ่ายก่อนจะตอบว่า “อลิซซี่”
เดฟ เหลือบมองเพื่อนใหม่ทีเพิ่งทำความรู้จักในเวลาไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ อดัมใช้ใบไม้แถวๆนั้นมาเช็ดมีดพกของตนก่อนจะเก็บฝักที่ข้างลำตัว
“พวกนั้นคิดว่านายเป็นตัวซวย แต่ชั้นไม่ค่อยได้รู้เรื่องมากเท่าไหร่”
“งั้นเหรอ” อดัมตอบพลางย่ำเท้าเดินไปข้างหน้าต่อไป
“คนในค่ายเราไม่มีใครที่ชั้นได้เห็นอยู่ได้นาน ถ้าปากมัวแต่พ่นแต่เรื่องไม่เป็นประโยชน์ จะดีซะกว่าถ้าได้ลงมือทำ” เดฟว่าขณะย่องจ้วงมีดเข้าใส่ซอมบี้อีกตัว แหวะ เขาอุทานเบาๆ เมื่อเลือดกระเด็นโดนปากตัวเอง
“ถ้าชั้นได้ทำอะไรพิสูจน์ตัวเอง ก็คงจะเงียบปากไปเอง” อดัมว่า
ฟู่ว เดฟถอนลมหายใจโล่งอกเมื่อพื้นที่พวกเขาสำรวจ นั้นมีถนนอีกเส้นโผล่ขึ้นมาข้างหน้า
“โลกที่เป็นอยู่แทบจะเป็นนรกอยู่แล้ว ยังจะต้องมาเจอกับพวกปากหาสวะแบบพวกนั้น แต่ก็ช่างมันเถอะ จริงหรือเปล่าที่นายมีเส้นสายกับพวกรัฐ” อดัมชะงักกับคำถามนั้น
“กลับกันเถอะ เรามีอีกหลายที่ที่ต้องสำรวจ” อดัมพลางใช้สันมีดเคาะธงเล็กๆเข้ากับเนื้อไม้ที่บ่งบอกว่าเคยมาสำรวจแล้ว
“เฮ้ พูดเรื่องของนายบ้างสิ ไหนๆนายก็เป็นคนเดียวที่พูดคุยกับชั้น” เดฟตามหลังก่อนจะเอี้ยวไปหยิบธงแฮนด์เมดบนรถเพิ่มหลังจากออกมาจากพื้นที่แรกของการสำรวจแล้ว
“ไม่สำคัญหรอก” อดัมเดินไปสมทบที่บังเกอร์ที่กำลังวางแผนการสรรหาจุดใหม่ที่สามารถมาทดแทนค่ายเก่าที่พวกเขาใช้เวลากับการสร้างที่นั่นมา ผู้คนจึงคับคั่งกับเขตค่ายหลักของพวกเขา
ลิเดียยืนอยู่บนบ้านไม้ที่ได้รับการต่อเติมเหมือนแพน้ำขนาดใหญ่ พลางหยิบกล้องส่องทางไกลสอดส่องไปเรื่อยบริเวณโดยรอบ
“เฮ้” เดินขึ้นมาทักทายพลางเหลือบมองสาวเจ้าก่อนจะรีบหลบทันควันเมื่อเธอละสายตาออกมาจากของที่อยู่ในมือ
“พวกเราหร่อยหรอไปเยอะมาก ชั้นเสียใจแทนคนที่ไม่รอดจากการโจมตีที่ค่ายเขต5” เธอเอ่ยถึงชื่ออดีตเขตค่ายนั้น พลางยืนคอตกใช้มือค้ำราวระเบียงไม้
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” บ็อบถามขณะนั่งลงยื่นขาออกไปนอกระเบียงไม้พร้อมกับแกว่งไปมาเบาๆ
“ชั้นกับอดัมและคนอื่นๆได้แยกไปสำรวจที่ๆหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเราทิ้งคนบริสุทธ์พวกนั้นไว้ พวกเขาไร้การต่อสู้แถมยังไม่มีที่ไป ฮึก…แถมพวกเขาไว้ใจที่จะอยู่กับชั้นและแคลร์” บ็อบเงยหน้ามองเธอที่หลบหน้าปาดน้ำตาหยดเล็กๆ ขณะที่หญิงสาวกลืนก้อนสะอึกนั้นลงไปเพราะไม่อยากให้ใครเห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ
นด้็นด้านทออนเเอ
ชายหนุ่มคิดว่าเขาคงไม่ต้องเซ้าซี้เธอมากไป จนกว่าจะรอเวลาที่เหมาะสมที่เธอพร้อมจะเปิดใจให้กับเขาอีกครั้ง
“ลิเดีย แคลร์ให้มาตาม” ลิเดียพยักหน้าก่อนจะหันไปยิ้มกับหนุ่มผิวสีที่ยอมอยู่เป็นเพื่อนคอยปลอบใจ เธอแตะมือลงบนไหล่หนาเบาๆก่อนจะละจากเขามาอย่างเงียบๆ เขารู้ใจเธอเป็นอย่างดีว่าถ้าเธอพร้อมเมื่อไหร่เธอจะบอกเขาอย่างแน่นอน
ก๊อกๆ ลิเดียยื่นหน้าส่งเสียงหวานใสให้กับหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนค้ำโต๊ะจ้องมองแผนที่ที่กางอยู่บนโต๊ะ ถ้าสิ่งนั้นเรียกว่าโต๊ะน่ะนะ แคลร์ไม่รู้ตัวว่าสาวเจ้าที่เธอเห็นเป็นน้องสุดที่รักเดินเข้ามา เพราะกำลังจดจ่ออยู่กับมาร์กสีแดงที่ได้ขีดฆ่าพร้อมกับเลขที่เธอเขียนไว้อย่างยุกยิก
เฮ้ แคลร์หลุดออกจากภวังค์เมื่อคนมาใหม่แตะที่ไหล่เธอเบาๆ แถมเหลือบมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอตาใส ถึงแม้เธอสองคนเป็นคนที่ไม่ได้ความผูกพันเชิงญาติพี่น้องมาก่อนแต่เธอจะไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับน้องรักของเธอคนนี้เด็ดขาด เพราะลิเดียหนึ่งในคือครอบครัวเธอไปแล้ว
“มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ชั้นอยากให้เธอจับตาดูอดัมไว้ให้ดีนะ” ลิเดียเลิกคิ้วสงสัย
“ทำไมเหรอคะ”
“ชั้นแค่…อยากให้เขาอยู่ในสายตาเธอไว้” ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะน่าสงสัยขนาดไหนลิเดียจึงพยักหน้าเบาๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ พี่กับเขาที่นั่น” แคลร์พ่นลมหายใจอย่างอึดอัดก่อนจะเดินไปที่หน้าประตู ขณะที่ลิเดียทรุดตัวลงนั่งมองตามหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนพิงมองฝูงชนในค่ายขนาดหยิบมือที่กำลังตั้งกองไฟล้อมวงกันเพื่อความอบอุ่นพร้อมกับทำอาหารกัน
ขณะนั้นอดัมที่กำลังย่างมันเผา ที่ได้จากทีมตระเวนอีกทีมเป็นฝ่ายจัดหามา พวกเขามีทุกอย่างครบที่เขตค่ายเก่าไม่ว่าจะเป็นสวนผักพืชและผลไม้บางชนิด แต่มันก็มาโดนทำลายไปหมดแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาฉุกคิดนึกถึงอดีตที่เขาเคยโดดเดี่ยว
เสียงรองเท้าบู๊ทส้นสูงกระทบกับพื้นถนน ปรากฏร่างของหญิงสาวที่แต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดแนวสตรีท ผมบลอนด์ที่ออกน้ำตาลรับกับนัยน์สีมรกตพร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ทตัวเก่งและเก่าของเธอพร้อมกับกางเกงยีนส์ตามสมัยนิยมหรือยังเรียกว่านิยมหรือเปล่าเพราะโลกที่อยู่ตอนนี้มันตายไปแล้วจริงๆ ริมฝีปากสีแดงสดกระหยิ่มยิ้ม ขณะกระชับเป้ขนาดพอดีตัวเล็บสีแดงสดกระดิกอย่างอารมณ์ดีกับสายคาดของเป้ เธอหยุดยืนท่ามกลางถนนเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุด พลางคาบมันไว้ก่อนจะล้วงอาวุธมีดที่มีรอยคราบเลือดเปรอะเปื้อนแห้งกรังไว้อยู่ในเป้ นิ้วสวยหยิบแว่นกันแดดที่สอดไว้ที่กลางหน้าอกเสื้อของเธอที่มีรอยขาดวิ่นเล็กน้อย นิ้วเรียวสวยคีบขยับบุหรี่ก่อนจะสูดเข้าไปเต็มปอดพ่นออกมาเท้าที่กระดิกอยู่หยุดทันทีทันใด ก่อนจะมุ่งหน้าเดินเข้าหมู่บ้านที่ชื่อ รูสเวล
ขาเรียวสวยก้าวเดินสำรวจไปมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง เศษใบไม้แห้งกรังสีเหลืองส้มเต็มถนน เธอเกลียดทุกย่างก้าวที่เหยียบพวกมัน การต่อสู้กับผีดิบตัวเดียวมันไม่น่ากังวลเท่ากับมันมาทั้งฝูง เธอแค่ไม่อยากเป็นเนื้อย่างหอมๆที่เป็นคนสั่นกระดิ่งเรียกมาซะเท่าไหร่
มือบางเลื่อนแว่นกันแดดลง ก่อนจะสนใจกับบ้านหลังหนึ่งที่เธอคิดว่าน่าจะมีของดีซ่อนไว้บ้าง ริมฝีปากสีแดงสดได้รูปกระตุกยิ้มบางๆ
ร่างบางหยุดยืนที่หน้าต่างบ้านดังกล่าว เธอสอดสายตาส่องเข้าไปข้างในผ่านม่านบางๆสีคลาสสิก เธอใช้สันมีดทุบกระจกก่อนจะยื่นบางเข้าไปปลดล็อคบานหน้าต่างก่อนจะเลื่อนมันขึ้นพลางเอี้ยวตัวเข้าไปข้างในได้สำเร็จ
เสียงเศษแก้วดังลั่นเมื่อเธอเผลอไปเหยียบมัน ก่อนจะหยุดทุกการกระทำ พลางด่าตัวเองในใจว่าควรจะรอบคอบมากกว่านี้ เธอพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆของคนหรืออดีตคนในบ้านหลังนี้
เธอปรี่เข้าไปในในโซนห้องครัว เปิดตู้ทุกตู้หาเสบียงอย่างลุกลี้ลุกลน เธอพ่นลมหายใจเมื่อเจอกล่องซีเรียล แววตาดูมีความหวังขึ้นมาแต่ก็ต้องหุบยิ้มทันควันเมื่อเธอคว้ามามันดันเป็นกล่องเปล่าซะนี่ หญิงสาวเขวี้ยงมันทิ้ง ก่อนจะค้นหาต่อไป แง้มเปิดตู้เย็นที่มีกลิ่นเหม็นหืนของเน่าปะทะเข้าจมูกหญิงสาวกระแทกปิดมันแทบไม่ทันเมื่อสำรวจดูแล้วมันคงไม่มีอะไรที่เธอกินได้
ร่างบางทรุดตัวลงเปิดตู้ด้านล่าง พลางค้นหาอีกรอบทีละตู้ก่อนจะดีใจแทบกรี๊ดออกมาเมื่อมีผลไม้กระป๋องซ่อนไว้หลายกระป๋องในนั้น เธอรีบเลื่อนลิ้นชักหาช้อนก่อนจะเด้งตัวนั่งอยู่บนโต๊ะในห้องครัวพลางเปิดกระป๋องนั้นกิน เธอครางมันออกมาอย่างอดไม่ได้ เพราะรสชาติอาหารคนไม่ได้ตกถึงท้องเธอมาหลายวันแล้ว
เธอเลียช้อนอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อหญิงสาวเสร็จจากอาหารตรงหน้าเธอก็กระเป๋ามาเปิด กวาดอาหารกระป๋องที่มีมาให้หมด เธอสะพายมันข้างเดียวหลังจากเช็คของในครัวหมดแล้ว ก่อนจะคว้าอาวุธออกมาเผื่อไว้ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เธอใช้ปลายมีดดันประตูที่เปิดแง้มไว้ เสียงประตูลากยาวทำให้เธอนึกถึงหนังผีที่ชอบใช้อะไรแบบนี้ในหนัง ตาสีมรกตมองไปรอบๆทรุดตัวลงสำรวจใต้เตียง ทำแบบนี้ซ้ำทั้งสามห้อง เมื่อสำรวจครบหมดแล้ว ไม่มีสัญญาณอันตรายอะไรเธอจึงพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะกลับมาอีกห้องหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นห้องของวัยรุ่นคนหนึ่ง
“อู้ว ไง สาวน้อย” เธอเอ่ยเบาๆ นิ้วเรียวแตะกรอบรูปเล็กๆอยู่บนโต๊ะทำการบ้านทั่วไปที่มีข้าวของ กระจุกกระจิกอยู่บนนั้น
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ ใช้มือสัมผัสข้าวของต่างๆ พลางสำรวจของในห้องเผื่อสามารถใช้อะไรบ้าง เสื้อยืดตัวในของเธอที่ใช้มันมานานมากแล้ว จากการประเมินตู้เสื้อผ้าเด็กคนนี้คงอ่อนกว่าเธอไม่กี่ปี แต่ไม่สามารถใส่ตัวไหนได้เลย ไซส์เล็กกว่าไปสองสามไซส์ เธอกระแทกปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะไปหาอีกห้องนึง
ร่างบางยืนมองภาพลักษณ์ใหม่ของตัวเอง ภาพสะท้อนของกระจก ที่ไม่ได้แตกต่างจากสไตล์เก่าของตัวเองมากนัก เธอเหลือบออกไปนอกหน้าต่างที่ปรากฏอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไปแล้ว พรุ่งนี้เธอคงต้องรีบสำรวจบ้านทุกหลังที่เหลือ
เหอะ เธอยิ้มสมเพชตัวเองว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตอยู่บนถนน เลียบไปตามแนวป่าเพื่อหาแหล่งที่ใหม่ๆ แต่วันนี้ดีหน่อยที่เธอมาเจอกับหมู่บ้านนี้ก่อน
มือบางล้วงสร้อยที่เธอถือมันซะว่าเป็นเครื่องรางประจำตัวเธอ เธอหมุนเม็ดลูกปัด มันเป็นเครื่องเตือนใจเธอชิ้นเดียวที่ยังทำให้เธอไม่เป็นบ้าไปซะก่อน ตัวตนของเธอคนเดิมมันค่อยๆหายไปทีละนิด แทบจะทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อยที่จากผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเส็งเคร็งไปวันๆ กับร้านเหล้าที่เธอทำงานที่นั่นเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ถึงแม้พ่อแม่จะยังส่งเงินให้เธอทุกเดือนเพื่อที่จะขอให้เธอโฟกัสกับการสอบเข้ามหาลัยที่พวกเขาต้องการ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกอายที่มีลูกเรียนไม่จบแบบเธอ แต่วันโลกแตกมาตรงกับวันที่เธอกำลังทะเลาะกับพวกเขาวันนั้นซะก่อน
ก่อนโลกแตก 1 ชั่วโมง..
บ้าเอ้ย หญิงสาวสบถเมื่อแก้วเหล้าที่เธอกำลังทำความสะอาดดันหลุดมือตกลงแตกบนพื้นซะก่อน
“อาลิซาเบธ!!”
อะไร!!! เธอตะโกนกลับอย่างอารมณ์เสียขณะใช้ผ้าเช็ดโต๊ะกวาดๆเศษแก้วนั้นเข้าด้วยกัน “ถ้าเธอทำมันแตกอีกใบต่อไป วันนี้งดทิปที่เธอได้” เจ้าของร้านจอร์ชตวาดออกมาจากห้องทำงานของเขา ที่คงกำลังนั่งเล่นพนันกับคนอื่นๆ
“เฮ้ ขอเบียร์ขวดนึง” เธอโผล่หน้าขึ้นมากเคาท์เตอร์ก่อนจะยกนิ้วชี้บอกแป้ปนึง
“โอ้ เฮ้ อลิซซี่?” เธอที่กำลังเทเศษแก้วลงขยะ ก่อนจะหันหน้ามาหยิบขวดเบียร์ใช้มือกระทุ้งเปิดฝาขวดที่เคาท์เตอร์อย่างคล่องแคล่ว
“ชั้นรู้จักนายเหรอ” เธอว่าขณะเลื่อนขวดเบียร์ไปให้เขา ก่อนจะไปรับออเดอร์อีกคน
“แหงสิ เราเรียนคลาสวิทย์ด้วยกัน”
“งั้นเหรอ” เธอว่าขณะรินแอลกอฮอลล์ชนิดหนึ่งใส่แก้วเล็กไปสองช็อต พลางรับเงิน
“นายดูไม่เหมือนหนุ่มหนีออกจากบ้านเท่าไหร่เลยนะ”
ห้ะ เขาอุทานแบบงงๆ เธอหัวเราะ เพราะท่าทางเขาค่อนข้างจะเป็นหนุ่มเนิร์ดที่อยากทำตัวคูลบ้าง แต่เขาเองก็ดูมีเสน่ห์อยู่ดี
“ล้อเล่นน่า ชั้นไม่ค่อยคุ้นหน้านายที่นี่เลย มาจีบชั้นเหรอ” เธอว่าออกไปตรงๆ ชายหนุ่มตรงหน้าหลบสายตาเธอ
เธอแอ่นอกโชว์จริตยั่วยวนแบบสาวมั่นใจ พลางเท้าแขน นิ้วเรียวบางเกี่ยวดึงแว่นออกจากใบหน้าเขา ก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้ๆ ลมหายใจร้อนของเขาปะทะกรอบหน้าสวยของเธอ ตาสีมรกตของเธอดึงดูดเขาจ้องไม่กระพริบ
“เฮ้ ขอมาร์ตินี่หน่อย” เสียงลูกค้าอีกคนตะโกนแทรกมาก
เธอพ่นลมหายใจรดริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เกือบจะแตะกันอยู่แล้ว ก่อนจะยิ้มให้บางๆ พลางใช้ขาแว่นลากจากอกมาสอดไว้กับเสื้อรัดรูปตัวเล็กของเธอตรงกลางอก “เจอกันหลังชั้นเลิกงานก็ได้นะ ถ้าอยากได้เจ้านี่คืน” เธอว่าพลางกระชับแว่นของเขาที่หนีบเบียดกับเต้าอกสวยของเธอ เธอหัวเราะเบาๆกับการกลืนน้ำลายของเขา ก่อนเธอจะไปรับออเดอร์กับลูกค้าอีกคน
หลังตรอกแห่งหนึ่งปรากกฎร่างของชายหญิงที่กำลังนัวเนียกันอย่างไม่สนใคร ร่างสูงดันร่างบางติดผนังก่อนจะฉกจูบเธออย่างร้อนรน พลางลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาวที่เขาหมายปองมานาน
“ฮู้ว ใจเย็นสิ” เธอดันอกเขาหลังจากได้พักหายใจ รู้สึกเหมือนหนุ่มเนิร์ดคนนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว
เธอหัวเราะคิกคักเมื่ออีกฝ่ายซอกไซร้ต่ำลงไป ขณะอีกมือกอบกุมหน้าอกสวยได้รูปของเธอ ร่างบางแหงานคอกระตุกกระสันเล็กน้อยเมื่อเขาบุกตรงจุดอ่อนของหญิงสาวทุกราย ก่อนเธอจะดึงศีรษะอีกฝ่ายขึ้นมาจูบอย่างทนไม่ไหว ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามสอดนิ้วเข้าไปยังกางเกงสาว แต่ทว่า
กรี๊ด!!! หญิงสาวสะดุ้งตกใจกับเสียงโหวกเหวกโวยวาย เธอดันตัวเขาออกที่กำลังจะสอดนิ้วเข้ามารุกล้ำกายสาว พลางเดินไปดูกับสิ่งที่เกิดขึ้น
กลุ่มคนที่กรูกันเหมือนจะหนีอะไรซักอย่าง บางคนล้มลงกับพื้นขณะอีกคนกำลังนั่งคร่อมจะทำร้ายอีกฝ่าย
“เฮ้ๆ คุณ จะทำอะไรน่ะ”
เธอดึงตัวคนนั้นออก แต่เขาหันหน้ากลับมาด้วยปากโชกเลือด เธอเลื่อนสายตาไปมองอีกคนหนึ่งที่กำลังกอบกุมคอตัวเองที่มีเลื่อนไหลออกมาไม่หยุด
อะไรกันเนี่ย เธอว่าก่อนจะเป็นเหยื่อรายต่อไป แต่เธอใช้เท้ายันอีกฝ่ายออกได้ทันเมื่อโดนจู่โจม เธอก้าวถอยหลังขณะกวาดสายตาไปรอบๆเห็นลักษณะการทำร้ายคล้ายคลึงกันเธอรีบวิ่งถอยหลังกลับไปยังตรอกที่จากมา
“เฮ้ เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งตามออกมาเอ่ยถาม วิ่ง!!! เธอตะโกนก่อนจะวิ่งนำหน้าไปก่อน เสียงร้องของเธอเรียกความสนใจของผู้ที่กำลัง กัดกินอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง บ้าอะไรเนี่ย!!! ชายหนุ่มเห็นก็วิ่งตามเธอไปติดๆ
โอ้พระเจ้า หญิงสาวใช้มือกอบกุมปากตัวเอง เธอกลัวแม้กระทั่งเสียงหายใจตัวเอง น้ำตาไหลอาบทั่วแก้ม เสียงผู้คนร้องโหยหวนอย่างทรมาน เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเมืองเล็กๆแห่งนี้ เสียงร้องแปลกๆที่ดังออกมาจากคนเหล่านั้นที่ดูเหมือนทิ้งความเป็นมนุษย์ไปซะแล้ว ส่งเสียงไปทั่วถนน เธอที่กำลังตัวสั่นเทิ้ม มือหนาของอีกคนที่ยกขึ้นโอบและบีบไหล่มนของเธอเป็นการปลอบโยนที่เธอกำลังเสียขวัญถึงแม้เขาเองก็กำลังช็อคอยู่ก็ตาม หญิงสาวที่พยายามกลั้นก้อนสะอึกจากการร่ำไห้เหลือบมองเขาที่กำลังเม้มปากคิ้วขมวด สอดสายตาออกไปข้างนอกผ่านม่านของบ้านหลังหนึ่งที่ถูกเปิดประตูทิ้งไว้ พร้อมกับกองเลือดลาดเป็นทางยาว พวกเขาไม่มีทางเลือกเลยต้องมาหลบซ่อนอย่างน้อยก็ดีกว่าการออกไปข้างนอกเป็นไหนๆ
มือบางบีบสาบเสื้อแน่น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังตรงเข้ามาในบ้าน เสียงฟุดฟิดเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังล่าเหยื่อดังเหนือหน้าต่างที่พวกเขาแอบอยู่ด้านใต้
ฮึก อุบ เสียงกรี๊ดดังมาจากบ้านอีกหลังหนึ่งพร้อมกับร้องขอชีวิต หญิงสาวตกใจสุดขีดแต่ก็โดนชายหนุ่มข้างๆใช้มืออุดปากหล่อนได้ทัน จึงดึงดูดพวกนั้นไป
เฮือก ถอนพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย” อลิซซี่พยักหน้าพลางคลานเข่าออกไปพิงโซฟาตรงหน้า อกเธอแทบจะระเบิดเหมือนจะหัวใจวายตายให้ได้
“ขอบใจนะ” เธอหันไปยิ้มบางๆให้เขา
“ชั้นเจซ” เขายื่นมือไป เธอยิ้มพลางเขย่ามืออีกฝ่ายก่อนจะตอบว่า “อลิซซี่”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ