The chess war มหาสงครามเกมหมากรุก
10.0
เขียนโดย liber
วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.46 น.
26 บท
1 วิจารณ์
26.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558 15.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) FOURTEENTH CHECK – FIRST MISSION
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “แอนคอร่า!”เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่โผจากเก้าอี้เหล็กมากอดร่างบางของหญิง
สาวอย่างรวดเร็ว หญิงสาวกอดตอบพี่ชายฝาแฝดของตนโดยอัตโนมัติ เธอซุกใบหน้าลงบนไหล่กว้าง รับรู้
ถึงความอบอุ่นที่ไม่ได้นับจากเขามานานพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ร่างบางผละออกจากร่างสูง
แล้วเดินตาม อเล็กซานเดอร์็็๋่ดเเไปยังโต๊ะเหล็กโปร่งที่มีกาเร็ตนั่งหน้ามุ่ยอยู่แล้วโดยมีแกลเดียสเดินตามไป
เงียบๆ ทั้งหมดนั่งลงที่เก้าอี้ที่มีพอดีจำนวนคนราวกับจัดเอาไว้ ร่างบางของเมดสาวนางหนึ่งเข็นรถเข็นที่
บรรจุกาน้ำชาให้ด้วยกิริยาเรียบร้อย เธอส่งยิ้มให้ราชาขาวแล้วถามขึ้นว่า
“จะรับน้ำตาลหรือนมไหมเจ้าคะ?”
“ของฉันไม่ใส่เหมือนเดิม”แกลเดียสตอบ
“ใส่นมกับน้ำตาลหนึ่งก้อน”เด็กสาวเอ่ยขึ้นบ้างโดยไม่หันไปมองสาวใช้เลยแม้แต่น้อย
“ผมขอน้ำตาลหนึ่งแล้วกัน”อเล็กซ์พูดแล้วหันไปถามแฝดผู้น้อง“แอนล่ะ?”
“นมอย่างเดียวค่ะ”แอนคอร่าตอบเสียงใสพร้อมกับยิ้มให้เมดสาวอย่างเป็นมิตร
“แล้วของหวานล่ะ?”เสียงของกาเร็ตถามขึ้นอย่างตรงจุด คนใช้สาวจึงออกอาการอึกอักขึ้นมา
ก่อนจะอธิบายขึ้นว่า
“ขอโทษนะเจ้าคะ คือว่าวันนี้แม่ครัวไม่สบาย ก็เลยไม่มีของหวานน่ะเจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้น ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ให้ฉันทำของหวานให้ไหมคะ?”นักเดินหมากแทรกบทสนทนา
ด้วยคำพูดเบาๆ นั่นทำให้ดวงตาของเมดสาวเบิกกว้างขึ้น
“มีอะไรติดหน้าฉันเหรอคะ?”หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ สาวใช้ได้สติ เธอรีบโค้งคำนับแล้วพูดว่า
“ถ้างั้นขอรบกวนด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะรีบนำทางไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”
สองชั่วโมงต่อมา..
เมดสาวคนเดิมเดินถือถาดไม้บรรจุครีมบรูเล่*และเมอแรงค์**ออกมาด้วยสีหน้าซีดๆโดยมี
แอนคอร่าเดินตามมาช้าๆ เธอวางขนมหวานแล้วเดินออกไป
“น่ากินจัง พี่คิดถึงขนมฝีมือเราจนใจจะขาดแน่ะ”อเล็กซานเดอร์ชมแล้วคว้าเมอแรงค์เข้าปาก
เคี้ยวกร้วมๆอย่างเอร็ดอร่อย หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยแล้วหยิบขนมอีกชิ้นเข้าปากบ้าง
“หน้ามันแข็งอย่างนี้แล้วจะกินยังไงล่ะ?”กาเร็ตถามแล้วใช้ช้อนเคาะผิวหน้าของครีมบรูเล่แบบงงๆ
อเล็กซ์ยิ้มเล็กน้อยแล้วความช้อนไปสอนวิธีการกินที่ถูกต้องให้เด็กสาว แอนคอร่าเมินเสียงรัวช้อนเคาะ
อย่างสนุกสนานของพี่ชายฝาแฝดก่อนจะหันไปถามแกลเดียสว่า
“อร่อยไหมคะ?”
“อืม ข้าชอบฝีมือเจ้า หวานกำลังดี”เขาตอบ วางช้อนลงแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“พรุ่งนี้ข้าจะไปที่หมู่บ้านไวท์เมาเท่นซักหน่อย ข้าอยากให้เจ้าไปด้วยได้รึเปล่า?”
“ได้สิคะ”หญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมากตอบ“ออกเดินทางตอนไหนเหรอคะ?”
“เช้าวันพรุ่งนี้..ไม่สิ อาจจะเป็นคืนนี้”ชายหนุ่มตอบแล้วตักครีมบรูเล่เข้าปาก
“อาร่อย~”กาเร็ตพูดขึ้นหลังจากจัดการครีมบรูเล่เสร็จแล้ว รวมไปถึงน้ำชาและเมอแรงค์อีก
หลายชิ้น
“อ๊ะ! อย่าบอกนะว่าคุณแกลเดียสยังไม่ได้กินเมอแรงค์ซักชิ้น!”แอนคอร่าอุทานออกมา กาเร็ต
ชะงักแล้วหันไปมองพี่ชายด้วยสายตารู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ”เขากล่าว มือหนาเอื้อมไปขยี้ศีรษะของน้องสาวตัวน้อยแรงๆทีหนึ่ง พี่จะ
ไปที่ไวท์เมาเท่น อย่าดื้อล่ะ”ว่าแล้วร่างสูงก็เดินออกไปจากโต๊ะ...
ตอนค่ำของวันนั้นเอง..
ชายกลางคนหนวดหนวดเคราเฟิ้มที่แอนคอร่าเห็นเขาอยู่ในห้องหระชุมตอนนั้นเปิดประตูรอรับองค์ราชา
และนักเดินหมากที่เดินลงมาจากบันไดหินอ่อน แกลเดียสหลบทางให้แอนคอร่าก้าวขึ้นไปบนรถไปก่อนโดย
ไม่ลืมเอื้อมมือไปพยุงร่างบางขึ้นรถตามมารยาทที่ดี เมื่อหญิงสาวขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงก็ก้าวขึ้นไปบ้าง
โดยไม่ลืมคว้าสัมภาระจากมือของไอริสขึ้นไปด้วย แม่ชีสาวแตะสร้อยไม้กางเขนที่ลำคอก่อนจะอวยพรว่า
“ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองท่าน”
“เจ้าก็เช่นกัน ไอริส”ชายหนุ่มกล่าวตอบ เด็กสาวยิ้มรับแล้วปิดประตูลง เสียงหัวหน้ากองทหาร
ม้าลงแส้ดังขึ้น แล้วรถม้าก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเมื่อเข้าสู่ถนนโรยกรวด
“เกิดอะไรที่หมู่บ้านนั้นเหรอคะ?”แอนคอร่าถามขึ้นทำลายความเงียบงันแห่งราตรีกาลลง
“มีมังกรบุกหมู่บ้านน่ะ”แกลเดียสตอบ“เจ้าจะนอนก่อนก็ได้”เขาบอก มือหนาเกลี่ยน้ำตาที่ไหล
ออกมาจากการหาวของหญิงสาวออกเบาๆ เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ ศีรษะพิงลงกับรถม้า ไม่
นาน เสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอก็ดังขึ้น บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว ราชา
ขาวส่ายหน้าเล็กน้อยเหมือนจะขำปนระอาใจ มือหนาค่อยๆดึงร่างบางที่หลับสนิทให้เอนนอนลง ใบหน้าคม
สันก้มลง จรดริมฝีปากอุ่นลงแตะหน้าผากมนเบาๆแล้วผละออก ดวงตาสีน้ำเงินสดใสลืมขึ้น เผยให้เห็นแวว
ตาวิบวับเพียงชั่วครู่ แล้วชายหนุ่มจึงเอนตัวลงพิงเบาะ ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอันเงียบสงบ
‘กึก!’เสียงหยุดรถม้าทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งตื่นทันที นักเดินหมากลุกขึ้นแล้วขยี้ตาด้วยท่าทางงัวเงีย
“ถึงแล้วเหรอคะ?”เธอเอ่ยเบาๆ
“คงเป็นอย่างงั้น”แกลเดียสตอบสั้นๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถม้า มือหนาส่งให้ร่างบางพยุงตัว
“ท่านแกลเดียสขอรับ ดูเหมือนพวกเราจะเจอปัญหาใหญ่เลยนะขอรับ”ชายผู้ขับรถม้าที่แอนคอ
ร่าจำได้ว่าชายหนุ่มเคยบอกว่าเขาชื่อ นูร์การ์ด ฟาทั่ม พูดด้วยท่าทางลำบากใจอย่างที่สุด เพราะที่หน้าหมู่
บ้านเต็มไปด้วยชาวบ้านที่ถืออาวุธครบมือ บางก็ถือคบไฟ บ้างก็ถือจอบขวาน บ้างก็ถือหลาวไม้ บ้างไม่มี
อะไรก็ถือก้อนหินก้อนอิฐ ดูท่าทางแล้วจัดได้ว่าห่างไกลจากความเป็นมิตรสุดขีด ทันใดนั้น ฝูงชนก็
แหวกออก ร่างของชายวัยหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากหมู่บ้าน
“พวกท่านมาจากไหนกัน?”เขาถามพลางยิ้มแสยะ
“จากไวท์โดม”ราชาขาวตอบสั้นๆ ชายผู้นั้นผงะเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงถามต่อ
“รู้รึเปล่าว่าหมู่บ้านนี้ห้ามคนนอกดเข้าในตอนนี้?”แกลเดียสกลอกตาแล้วตอบอย่างเหนื่อยหน่าย
ว่า
“ไม่ทราบ ไม่งั้นข้าคงจะไม่มาที่นี่หรอก”
“กรุณาออกไปเสีย เพราะหมู่บ้านไม่อยากจะใช้ความรุนแรง”เขาเอ่ยเป็นเชิงข่มขู่
“ถ้าไม่ล่ะ?”ชายหนุ่มพูดทะลวงปล้องขึ้นทันควัน ชายผู้นั้นยิ้มขึ้นอย่างเหี้ยมเรียม เขาหักนิ้วและ
หมุนคอจะเกิดเสียงดังก่อนจะประกาศก้องว่า
“งั้นเราก็จะจับพวกแกโยนออกไปนอกหมู่บ้านยังไงล่ะ!”
สาวอย่างรวดเร็ว หญิงสาวกอดตอบพี่ชายฝาแฝดของตนโดยอัตโนมัติ เธอซุกใบหน้าลงบนไหล่กว้าง รับรู้
ถึงความอบอุ่นที่ไม่ได้นับจากเขามานานพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ร่างบางผละออกจากร่างสูง
แล้วเดินตาม อเล็กซานเดอร์็็๋่ดเเไปยังโต๊ะเหล็กโปร่งที่มีกาเร็ตนั่งหน้ามุ่ยอยู่แล้วโดยมีแกลเดียสเดินตามไป
เงียบๆ ทั้งหมดนั่งลงที่เก้าอี้ที่มีพอดีจำนวนคนราวกับจัดเอาไว้ ร่างบางของเมดสาวนางหนึ่งเข็นรถเข็นที่
บรรจุกาน้ำชาให้ด้วยกิริยาเรียบร้อย เธอส่งยิ้มให้ราชาขาวแล้วถามขึ้นว่า
“จะรับน้ำตาลหรือนมไหมเจ้าคะ?”
“ของฉันไม่ใส่เหมือนเดิม”แกลเดียสตอบ
“ใส่นมกับน้ำตาลหนึ่งก้อน”เด็กสาวเอ่ยขึ้นบ้างโดยไม่หันไปมองสาวใช้เลยแม้แต่น้อย
“ผมขอน้ำตาลหนึ่งแล้วกัน”อเล็กซ์พูดแล้วหันไปถามแฝดผู้น้อง“แอนล่ะ?”
“นมอย่างเดียวค่ะ”แอนคอร่าตอบเสียงใสพร้อมกับยิ้มให้เมดสาวอย่างเป็นมิตร
“แล้วของหวานล่ะ?”เสียงของกาเร็ตถามขึ้นอย่างตรงจุด คนใช้สาวจึงออกอาการอึกอักขึ้นมา
ก่อนจะอธิบายขึ้นว่า
“ขอโทษนะเจ้าคะ คือว่าวันนี้แม่ครัวไม่สบาย ก็เลยไม่มีของหวานน่ะเจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้น ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ ให้ฉันทำของหวานให้ไหมคะ?”นักเดินหมากแทรกบทสนทนา
ด้วยคำพูดเบาๆ นั่นทำให้ดวงตาของเมดสาวเบิกกว้างขึ้น
“มีอะไรติดหน้าฉันเหรอคะ?”หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ สาวใช้ได้สติ เธอรีบโค้งคำนับแล้วพูดว่า
“ถ้างั้นขอรบกวนด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะรีบนำทางไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”
สองชั่วโมงต่อมา..
เมดสาวคนเดิมเดินถือถาดไม้บรรจุครีมบรูเล่*และเมอแรงค์**ออกมาด้วยสีหน้าซีดๆโดยมี
แอนคอร่าเดินตามมาช้าๆ เธอวางขนมหวานแล้วเดินออกไป
“น่ากินจัง พี่คิดถึงขนมฝีมือเราจนใจจะขาดแน่ะ”อเล็กซานเดอร์ชมแล้วคว้าเมอแรงค์เข้าปาก
เคี้ยวกร้วมๆอย่างเอร็ดอร่อย หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยแล้วหยิบขนมอีกชิ้นเข้าปากบ้าง
“หน้ามันแข็งอย่างนี้แล้วจะกินยังไงล่ะ?”กาเร็ตถามแล้วใช้ช้อนเคาะผิวหน้าของครีมบรูเล่แบบงงๆ
อเล็กซ์ยิ้มเล็กน้อยแล้วความช้อนไปสอนวิธีการกินที่ถูกต้องให้เด็กสาว แอนคอร่าเมินเสียงรัวช้อนเคาะ
อย่างสนุกสนานของพี่ชายฝาแฝดก่อนจะหันไปถามแกลเดียสว่า
“อร่อยไหมคะ?”
“อืม ข้าชอบฝีมือเจ้า หวานกำลังดี”เขาตอบ วางช้อนลงแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“พรุ่งนี้ข้าจะไปที่หมู่บ้านไวท์เมาเท่นซักหน่อย ข้าอยากให้เจ้าไปด้วยได้รึเปล่า?”
“ได้สิคะ”หญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมากตอบ“ออกเดินทางตอนไหนเหรอคะ?”
“เช้าวันพรุ่งนี้..ไม่สิ อาจจะเป็นคืนนี้”ชายหนุ่มตอบแล้วตักครีมบรูเล่เข้าปาก
“อาร่อย~”กาเร็ตพูดขึ้นหลังจากจัดการครีมบรูเล่เสร็จแล้ว รวมไปถึงน้ำชาและเมอแรงค์อีก
หลายชิ้น
“อ๊ะ! อย่าบอกนะว่าคุณแกลเดียสยังไม่ได้กินเมอแรงค์ซักชิ้น!”แอนคอร่าอุทานออกมา กาเร็ต
ชะงักแล้วหันไปมองพี่ชายด้วยสายตารู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ”เขากล่าว มือหนาเอื้อมไปขยี้ศีรษะของน้องสาวตัวน้อยแรงๆทีหนึ่ง พี่จะ
ไปที่ไวท์เมาเท่น อย่าดื้อล่ะ”ว่าแล้วร่างสูงก็เดินออกไปจากโต๊ะ...
ตอนค่ำของวันนั้นเอง..
ชายกลางคนหนวดหนวดเคราเฟิ้มที่แอนคอร่าเห็นเขาอยู่ในห้องหระชุมตอนนั้นเปิดประตูรอรับองค์ราชา
และนักเดินหมากที่เดินลงมาจากบันไดหินอ่อน แกลเดียสหลบทางให้แอนคอร่าก้าวขึ้นไปบนรถไปก่อนโดย
ไม่ลืมเอื้อมมือไปพยุงร่างบางขึ้นรถตามมารยาทที่ดี เมื่อหญิงสาวขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงก็ก้าวขึ้นไปบ้าง
โดยไม่ลืมคว้าสัมภาระจากมือของไอริสขึ้นไปด้วย แม่ชีสาวแตะสร้อยไม้กางเขนที่ลำคอก่อนจะอวยพรว่า
“ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองท่าน”
“เจ้าก็เช่นกัน ไอริส”ชายหนุ่มกล่าวตอบ เด็กสาวยิ้มรับแล้วปิดประตูลง เสียงหัวหน้ากองทหาร
ม้าลงแส้ดังขึ้น แล้วรถม้าก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเมื่อเข้าสู่ถนนโรยกรวด
“เกิดอะไรที่หมู่บ้านนั้นเหรอคะ?”แอนคอร่าถามขึ้นทำลายความเงียบงันแห่งราตรีกาลลง
“มีมังกรบุกหมู่บ้านน่ะ”แกลเดียสตอบ“เจ้าจะนอนก่อนก็ได้”เขาบอก มือหนาเกลี่ยน้ำตาที่ไหล
ออกมาจากการหาวของหญิงสาวออกเบาๆ เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ ศีรษะพิงลงกับรถม้า ไม่
นาน เสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอก็ดังขึ้น บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว ราชา
ขาวส่ายหน้าเล็กน้อยเหมือนจะขำปนระอาใจ มือหนาค่อยๆดึงร่างบางที่หลับสนิทให้เอนนอนลง ใบหน้าคม
สันก้มลง จรดริมฝีปากอุ่นลงแตะหน้าผากมนเบาๆแล้วผละออก ดวงตาสีน้ำเงินสดใสลืมขึ้น เผยให้เห็นแวว
ตาวิบวับเพียงชั่วครู่ แล้วชายหนุ่มจึงเอนตัวลงพิงเบาะ ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอันเงียบสงบ
‘กึก!’เสียงหยุดรถม้าทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งตื่นทันที นักเดินหมากลุกขึ้นแล้วขยี้ตาด้วยท่าทางงัวเงีย
“ถึงแล้วเหรอคะ?”เธอเอ่ยเบาๆ
“คงเป็นอย่างงั้น”แกลเดียสตอบสั้นๆ แล้วเปิดประตูลงจากรถม้า มือหนาส่งให้ร่างบางพยุงตัว
“ท่านแกลเดียสขอรับ ดูเหมือนพวกเราจะเจอปัญหาใหญ่เลยนะขอรับ”ชายผู้ขับรถม้าที่แอนคอ
ร่าจำได้ว่าชายหนุ่มเคยบอกว่าเขาชื่อ นูร์การ์ด ฟาทั่ม พูดด้วยท่าทางลำบากใจอย่างที่สุด เพราะที่หน้าหมู่
บ้านเต็มไปด้วยชาวบ้านที่ถืออาวุธครบมือ บางก็ถือคบไฟ บ้างก็ถือจอบขวาน บ้างก็ถือหลาวไม้ บ้างไม่มี
อะไรก็ถือก้อนหินก้อนอิฐ ดูท่าทางแล้วจัดได้ว่าห่างไกลจากความเป็นมิตรสุดขีด ทันใดนั้น ฝูงชนก็
แหวกออก ร่างของชายวัยหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากหมู่บ้าน
“พวกท่านมาจากไหนกัน?”เขาถามพลางยิ้มแสยะ
“จากไวท์โดม”ราชาขาวตอบสั้นๆ ชายผู้นั้นผงะเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงถามต่อ
“รู้รึเปล่าว่าหมู่บ้านนี้ห้ามคนนอกดเข้าในตอนนี้?”แกลเดียสกลอกตาแล้วตอบอย่างเหนื่อยหน่าย
ว่า
“ไม่ทราบ ไม่งั้นข้าคงจะไม่มาที่นี่หรอก”
“กรุณาออกไปเสีย เพราะหมู่บ้านไม่อยากจะใช้ความรุนแรง”เขาเอ่ยเป็นเชิงข่มขู่
“ถ้าไม่ล่ะ?”ชายหนุ่มพูดทะลวงปล้องขึ้นทันควัน ชายผู้นั้นยิ้มขึ้นอย่างเหี้ยมเรียม เขาหักนิ้วและ
หมุนคอจะเกิดเสียงดังก่อนจะประกาศก้องว่า
“งั้นเราก็จะจับพวกแกโยนออกไปนอกหมู่บ้านยังไงล่ะ!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ