มนต์รักแห่งรัติกาล [Yaoi]

9.5

เขียนโดย อาวี่

วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.55 น.

  2 chapter
  3 วิจารณ์
  4,854 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558 21.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) จุดเริ่มต้นของการแต่งงาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
 จุดเริ่มต้นของการแต่งงาน
(1)
 
       เขาได้กลิ่น…
       กลิ่นหอมจางๆที่แสนประหลาด
       เขาสูดกลิ่นนั่นเข้าเต็มปอดเพื่อสัมผัสให้มากกว่านี้
       มันไม่ใช่กลิ่นของน้ำหอม หากแต่อานุภาพของมันกลับเปรียบเสมือนกลิ่นน้ำหอมชั้นดีที่ดึงดูดและเย้ายวนใจให้เข้าหา
 
       ไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน เขาเคลื่อนกายตามกลิ่นจางๆนั้นไปทันที…
       การเคลื่อนไหวในยามค่ำคืน ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาแม้แต่น้อย…ใช่ มันเป็นเรื่องถนัดสำหรับปีศาจอย่างเขาอยู่แล้ว  เขาใช้เวลาไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง  ต้นตอของกลิ่นหอมประหลาดนั้นอยู่ที่นี่ !! เขาสูดกลิ่นหอมหวานอีกครั้งด้วยความเผลอไผล…ก่อนจะพาตัวเองก้าวเท้าเข้าบ้านหลังนั้นโดยไม่รู้ตัว…
 
       ฝีเท้าของเขาเบายิ่งกว่าอะไร ไม่มีใครในนี้รับรู้ถึงการบุกรุกเลยแม้แต่น้อย เขาพาตัวเองขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ก่อนจะมาหยุดที่หน้าห้องๆหนึ่ง ห้องที่มีกลิ่นหอมรุนแรงและเด่นชัด ซึ่งเขามั่นใจว่าต้นตอของกลิ่นหอมประหลาดต้องอยู่ในห้องนี้อย่างแน่นอน
 
       เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบา สายตาคมสำรวจรอบๆห้องก่อนจะสรุปว่ามันเป็นห้องนอนห้องหนึ่ง
       เมื่อสัญชาตญาณบอกว่าห้องนี้ปลอดภัย  เขาจึงก้าวเข้าไป…
       สายตาจับจ้องไปที่เตียง สองขาก้าวไปหาช้าๆราวกับลุ่มหลงในมนตร์สะกด   
 
       แต่เขาเป็นแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ที่มีพลังมากกว่าสิ่งใด ใครกันเล่าจะมาสะกดเขาได้…หากไม่ใช่กลิ่นหอมหวานที่มาจากร่างตรงหน้า  เขาเดินมาหยุดตรงข้างเตียง ชายหนุ่มรูปร่างผอมแลดูเหมือนคนขาดสารอาหารกำลังหลับพริ้มทำเอาเขารู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย
 
       นึกว่าจะดูมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้
 
       ใช่ เขาสัมผัสมาแล้วว่า คนที่รูปร่างดี มีเนื้อมีหนัง มักจะให้เลือดที่เยอะจุใจ
       ถ้าคนตรงหน้าเป็นแบบนั้นคงจะเป็นอะไรที่เพอร์เฟ็ค
 
       เขาเลิกวิจารณ์หุ่นของชายหนุ่ม ก่อนจะหันมาสนใจกลิ่นที่ยั่วยวนเขาตั้งแต่ทีแรก มันออกมาจากกายของคนตรงหน้า
 
       มันคือกลิ่นของอะไรกัน?
 
       เขาโน้มตัวลงไปเพื่อสูดกลิ่นให้มากกว่านี้ ก่อนจะมาหยุดอ้อยอิ่งที่ลำคอขาวผ่องของอีกฝ่าย
       หอม…เขากดจมูกลงไปซ้ำๆเพื่อสูดกลิ่นที่แสนจะหอมหวานอย่างติดใจ
       ใช่…เขากำลังติดใจกลิ่นนั่น ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาพาตัวเองขึ้นคร่อมร่างที่ยังหลับใหลไม่รู้เรื่องราว
 
       เขาฝังใบหน้าซุกไซร้ลงบนต้นคอขาวโดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วมือประสานเข้ากับมือของอีกฝ่ายแล้วดันขึ้นไปด้านบน แวมไพร์หนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร นอกจากต้องการตักตวงกลิ่นที่แสนเย้ายวนใจนี้ให้มากที่สุด
 
       “อื้อ…” เสียงครางเพราะการกระทำของเขาดังรอดออกมาจากคนใต้ร่าง ยามที่ปลายลิ้นกำลังลามเลียต้นคอ  ทุกอย่างกำลังไปได้สวย…อีกแค่นิดเดียว เพียงเขาฝังคมเขี้ยวลงบนต้นคอขาวๆนั่น
 
       พรึบ!!
 
       แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น แรงดึงมหาศาลจากด้านหลังทำเอาเขาที่กำลังมัวเมาลอยปลิวออกจากร่างบนเตียงโดยไม่ทันตั้งตัวล้มกลิ้งไปกับพื้น เขาพยุงตนเองขึ้นมาอย่างมึนงง ก่อนจะต้องรู้สึกขนลุกกับดวงตาสีแดงที่จ้องมาอยู่แล้ว
 
 
       “เดี๋ยวเถอะพ่อหนุ่ม ไม่ทราบว่าใครอนุญาตให้นายเข้ามาทำอนาจารกับลูกชายชาวบ้านกันหะ!!”
 
 
 จุดเริ่มต้นของการแต่งงาน
(2)
 
 
 
 
       ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนั้นอเล็กซ์ซิสรู้สึกโมโหมากแค่ไหน…
       เขาพลาดเหยื่อรายสำคัญไป ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาอดฝังคมเขี้ยวและดูดเลือดก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย…
 
       “ท่านลอร์ดคงไม่รู้ว่าฉันรู้สึกเสียใจมากแค่ไหนในตอนที่โผล่เข้ามาแล้วเห็นอเล็กซ์ซิสหลานรักกำลังขืนใจลูกชายของฉัน ดูเถิดท่านลอร์ด แม้โนอาร์จะไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ แต่ฉันก็รักเขาเหมือนลูกในไส้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ต่อต้านการ…เอ่อ รักของเพศเดียวกัน แต่ฉันก็ทนไม่ได้ที่เห็นลูกชายคนเดียวของฉันกำลังร้องไห้เพราะเสียขวัญจากการกระทำของหลานรักหรอกนะ…”
 
 
  
       เพราะยัยป้าสติเฟื้องนี่ยังไงหละ!!!
      
       เหตุการณ์หลังจากนั้น เขาก็ถูก ‘อิซาเบล’ ผู้เป็นป้าแท้ๆ(ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนก็เป็นแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน)จับตัวไว้โทษฐานกระทำอนาจารใส่ลูกชายของเธอ ก่อนจะลากทั้งเขาและไอ้มนุษย์ตัวปัญหานี่กลับมาที่คฤหาสน์ฟลินน์เพื่อรายงานเรื่องนี้ให้แก่บิดาของเขาทราบ ซึ่งเป็นเรื่องที่แวมไพร์หนุ่มเห็นว่ามันบ้าบอซะไม่มี   แล้วไอ้คำใส่ร้ายที่ว่าเขากำลังจะขืนใจมนุษย์หน้าตายนี่มันก็ดูเหลือเชื่อเกินไปด้วย
 
        สำหรับอเล็กซ์ซิสแล้ว อิซาเบลคือหนึ่งในญาติที่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่ เขาเคยเจอหล่อนไม่กี่ครั้งในงานเลี้ยงแต่นั่นเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว อิซาเบลคือญาติเพียงคนเดียวที่ไม่ได้พำนักในคฤหาสน์ฟลินน์ หากแต่อาศัยในหมู่บ้านเล็กๆแถวหุบเขาน็อทท์แทน…มันไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่
 
       ‘อันที่จริงฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก แต่ก็ได้ยินมาว่าหล่อนน่ะแปลกประหลาดเป็นพวกจิตผิดปกติ เขาว่ากันว่าหล่อนคลั่งไคล้มนุษย์มาก จนถึงขนาดอยากจะไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์…หมายถึงตื่นกลางวันและนอนกลางคืนอะไรแบบนั้น... ได้ยินว่าหล่อนชอบนอนบนเตียงแทนที่จะนอนในโลงศพ เชื่อเลย!! เขายังบอกอีกนะว่า หล่อนน่ะเป็นมังสวิรัติ’
 
       นั่นคือคำบอกเล่าของ ‘ฮิวโก้’ พี่ชายคนโตตอนที่เขาถามถึงอิซาเบลเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นอเล็กซ์ซิสแค่หัวเราะกับคำพูดที่เหมือนจะกล่าวเกินจริง…หากแต่ตอนนี้เขาคิดว่าเขาน่ะเชื่อแล้วหละ
 
       หลักฐานก็คือมนุษย์หน้านิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไรเล่า!! มีแวมไพร์สติดีที่ไหนรับมนุษย์เป็นลูกบ้าง
 
 
        อเล็กซ์ซิส อดปรายตามอง ‘มนุษย์’ คนเดียวท่ามกลางหมู่แวมไพร์เสียไม่ได้  ตั้งแต่ถูกลากมาที่นี่เขาไม่เห็นคนตรงหน้าแสดงสีหน้าท่าทางอื่นนอกจากเรียบนิ่งเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ท่าทางหวาดกลัวก็ยังไม่มีให้เห็น หรือนั่นจะเป็นเพราะถูกเลี้ยงโดยคุณป้าสติเฟื้องคนนี้กัน อีกฝ่ายจึงรู้สึกเฉยๆเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางมัจจุราชที่อาจคร่าชีวิตเขาไปได้ตลอดเวลา
 
         ช่างประหลาดไม่แพ้กัน
 
 
 
       “โธ่ คุณป้าที่รัก” แต่แม้จะไม่ชอบหน้าผู้เป็นป้ามากแค่ไหน ชายหนุ่มก็อดที่จะจีบบอกจีบคอพูดไม่ได้
       “ผมคิดว่าคุณป้าคงจะเข้าใจผิดไปเสียแล้ว คุณป้าก็คงทราบดีว่าผมนั้นรักความเป็นเลือดบริสุทธิ์มากแค่ไหน ไม่มีทางที่ผมจะทำอะไรสิ้นคิดอย่างการ ขืนใจ อะไรนั่นหรอกครับ โอ้ อย่าเพิ่งทำหน้าแบบนั้น อันที่จริง มันเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือที่ผมจะต้องดูดดื่มเลือดจากกายมนุษย์ มันเป็นเรื่องปกติที่แวมไพร์ต้องทำมิใช่หรืออย่างไร”    อเล็กซ์ซิสแกล้งทำเสียงเศร้าจากก้นบึ้งของหัวใจ หากแต่ภายในใจกำลังคิดว่า
 
       คุณป้าที่เอาตัวไปเกลือกกลั้วกับสายพันธ์ที่อ่อนแอนั่นต่างหากหละที่ผิดปกติ
 
 
 
 
       อิซาเบลจ้องใบหน้าของผู้เป็นหลานด้วยความหงุดหงิด หากแต่ไม่นานก็เผยรอยยิ้มที่แสนน่าเกลียดออกมาให้อเล็กซ์ซิสได้สะพรึงเล่น แวมไพร์หนุ่มเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจพิกล
 
       “โอ้ ถ้อยคำที่หลานรักเอ่ยมามันช่าง…เชื่อยากเหลือเกิน” อิซาเบลแกล้งสลดสีหน้าแบบที่หลานชายอยากจะพุ่งเข้าไปหักคอในทันที
       “หากแต่เพราะเราเป็นสายเลือดเดียวกัน ป้าจะยอมทำใจเชื่อแล้วกันนะ…โอ้ โนอาร์ผู้น่าสงสาร ลูกคงจะรู้สึกหวาดกลัวมากเลยสินะ…แม่ขอโทษ ที่ปกป้องลูกรักไม่ได้เลย”
 
       ว่าแล้วหล่อนก็แกล้งบีบน้ำตาแล้วดึงลูกชายมาซบอก…
       อเล็กซ์ซิสอดที่จะเบะปากไม่ได้ เพราะไอ้คำว่าหวาดกลัวไม่ได้ปรากฎบนใบหน้านิ่งเฉยนั่นเลย นี่น่ะเรอะ ท่าทางของคนเสียขวัญน่ะ
 
 
       หน้านิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
 
       หมอนี่มันเป็นคนอยู่หรือเปล่านะ??
 
 
       ฝ่ายลอร์ดฟลินน์ หลังจากได้ฟังคำบอกกล่าวของทั้งสองฝ่ายก็พอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แต่ดูจากรูปการอิซาเบลคงไม่ได้อยากให้จบเพียงคำขอโทษเสียแล้ว ถึงแม้เขาจะให้เรื่องมันสิ้นสุดได้ก็ตาม…เพราะเขารู้นิสัยของคนตรงหน้าดี แม้จะเป็นแวมไพร์นิสัยแปลกประหลาดแต่อีกฝ่ายก็เป็นคนกว้างขวาง ไม่ว่าจะในหมู่มนุษย์หรือแวมไพร์ด้วยกัน…ตระกูลฟลินน์เองก็มีหน้ามีตาทั้งสังคมมนุษย์และผีดูดเลือด หากเขาปล่อยให้จบโดยไม่ฟังคำต้องการของหล่อน เรื่องราววันนี้คงดังกระฉ่อนไปทั่วแน่
 
       “ผมต้องขอโทษแทนอเล็กซ์ซิสด้วยที่ทำเรื่องน่าอายเช่นนั้น หากพี่ต้องการให้ทางเราชดใช้อย่างไรก็บอกมาเถิด ผมจะเป็นคนจัดการให้เอง…”
       ลอร์ดฟลินน์เอ่ยพูดตามใจคิด หากแต่ใครอีกคนกลับรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นแววตาของป้าตนเอง
       “ฉันก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรในตัวหลานชายมากมาย แต่ฉันหวังว่าท่านลอร์ดคงจะเข้าใจในหัวอกของคนเป็นแม่ หากฉันปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป ฉันก็คงรู้สึกผิดไปจนตาย…”
 
       “ว่ามาเถิดอิซาเบล ผมยินดีชดใช้ในแบบที่พี่ต้องการ ผมสัญญา”
 
       อิซาเบลแสยะยิ้มเล็กน้อย ในแบบที่ลอร์ดฟลินน์มองตามไม่ทัน เธอหันไปลูบผมคนข้างกายด้วยสายตารักและเอ็นดู ก่อนจะหันไปจ้องหน้าหลานชายอย่างจริงจัง
 
       “ฉันต้องการให้อเล็กซ์ซิสแต่งงานกับโนอาร์ค่ะ”
 
       !!!!!
 
       “หวังว่าท่านลอร์ดจะทำตามคำสัญญาที่ว่าไว้นะคะ”
 
 
 
 
TBC.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา