Dark Crossover มือใหม่หัดกัด
-
เขียนโดย พิณนะจ๊ะ
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.11 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
4,760 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 14.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Chapter 2 : Crazy Club
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่ผมส่งเอมิลี่ถึงบ้าน ผมแอบหวังไว้เล็กๆ ว่าคงจะได้ยินคำเชิญประมาณว่า
“เฮ้! ทอม เข้ามาดื่มอะไรอุ่นๆ ในบ้านฉันหน่อยไหม” หรือไม่ก็
“ขอบคุณมากนะ สำหรับวันนี้ ถ้าไม่รังเกียจเข้าไปทานมื้อเย็นด้วยกันไหม” แต่ก็เป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ จริงๆ นั่นแหละ เพราะนอกจากคำว่า “ขอบคุณ” แล้ว ประตูไม้บานใหญ่ก็ปิดทันที โดยผมไม่ทันได้พูดอะไร แต่อย่างน้อยเธอก็เปิดโอกาสให้ผมได้ไปส่งเธอถึงบ้าน เอาน่าอย่างน้อยก็พัฒนาไปอีกขั้นล่ะ
ผมรีบเดินกลับบ้าน ระยะทางไกลพอสมควร ซึ่งที่จริงแล้วผมเคยมีจักรยานคู่ใจคันหนึ่ง แต่หลังจากที่ผมพามันฝ่าไฟแดงในวันสอบเมื่อปีที่แล้ว การเดินเท้าจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายของผม ซึ่งความจริงแล้วผมจะขอคันใหม่จากป้าและลุงก็คงไม่จะไม่หนักหนาอะไรเลยสำหรับพวกเขา แต่ผมชอบที่จะเดินมองการดำเนินชีวิตของมนุษย์มากกว่า ได้เห็นอะไรหลายๆ สิ่งจนบางทีผมอยากจะหนีสิ่งที่ตัวเองเป็น เพราะพวกเขาไม่ต้องต่อสู้หรือฆ่ากันเพื่อศักดิ์ศรี เกียรติยศ หรืออะไรก็ตาม และผมคงเศร้าใจน่าดู เมื่อถึงวันที่ต้องเลือกที่จะฝังเขี้ยวลงบนคอของใครซักคนเพื่อความอยู่รอด
เมื่อถึงบ้านผมก็เจอป้าและลุงทันที พวกเขาคงนั่งรอผมได้สักพักแล้ว และคงมีเรื่องสวดผมเช่นเคย
“เจ้าไปไหนมา ทำไมกลับมาป่านนี้” ป้าถามผมด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
“พอดีผมติดงานที่โรงเรียนนิดหน่อยครับท่านป้า”
“แต่ดิเอโก้บอกข้าว่าเจ้าไปส่งนังเด็กสาวคนหนึ่ง” ลุงพูดขึ้นพลางลูบนกเจ้าปัญหาอย่างเอ็นดู
“ใช่ครับ ผมไปส่งเธอ ผมเห็นว่ามันมืดแล้วเลยอาสาไปส่งเธอ”
“จิตใจงามเหลือเกินเด็กน้อย นับว่าเจ้าเป็นหลานที่น่าเอ็นดูกว่าคนอื่นๆ ที่ข้าเคยพร่ำสอนให้ระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของชาติตระกูลที่ตอนนี้เจ้ากำลังจะทำให้มันแปดเปื้อน” ป้าลูบหัวผมอย่างเอ็นดูแต่เริ่มทิ้งน้ำหนักมากขึ้น เมื่อจบประโยคท้าย หูที่ไวต่อเสียงของผมได้ยินเสียงการบิดของกระดูกที่ต้นคอ ซึ่งป้าสามารถทำมันหักได้ง่ายๆ ราวกับมันเป็นเพียงขนมป๊อกกี้ที่โปรดปรานของดั๊กกี้
“ผมรู้ดีเรื่องที่ท่านป้าและท่านลุงเคยสอน แต่ผมสัญญาครับว่าจะไม่ทำให้ตระกูลของเราต้องขายหน้า”
“งั้นก็ดี อย่าให้เรื่องนี้ต้องถึงหูแม่ของเจ้าล่ะ” ป้าปล่อยคอผมให้เป็นอิสระอีกครั้ง ซึ่งผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบพาตัวและคอของผมขึ้นไปบนห้องชั้นบนทันที ก่อนที่พวกเขาจะนึกสนุกไปมากกว่านี้
ป้าและลุงคือผู้เลี้ยงดูผม ผมอยู่กับพวกเขามาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จนเมื่ออายุ 16 พวกเขาจึงอนุญาตให้ออกไปเรียนรู้โลกภายนอก ตลอดการใช้ชีวิตของผม ไม่ได้สวยงามและราบเรียบเหมือนเด็กทั่วไปด้วยเหตุเพราะ...
ป้าวาเนสซ่า เธอเป็นนายหญิงใหญ่แห่ง เลอร์บรอน กฎระเบียบทุกอย่างภายใน เธอเป็นผู้จัดการทั้งสิ้น ด้วยนิสัยที่เด็ดขาด บวกกับความเจ้าระเบียบเคร่งครัด เธอจึงได้รับหน้าที่เป็นผู้อบรมปลูกฝังสายเลือดให้แก่ผู้เกิดใหม่อย่างผมทุกรุ่นนานนับร้อยปี
ส่วนลุงโอลาฟ เขาผู้ไม่เคยไว้หน้าใคร (แน่นอนยกเว้นป้าวาเนสซ่า) เป็นผู้ดูแลทุกอย่างภายนอก คอยทำหน้าที่ควบคุมแวมไพร์เกิดใหม่และฝึกฝนให้เป็นอาวุธสังหารของตระกูล พร้อมด้วยสัตว์เลี้ยงแสนรักของเขา “ดิเอโก้” มันคือนกปีศาจร่างดำทะมึนที่สามารถพลางตัวไปกับทุกที่ที่ต้องการ ซึ่งวันนี้ผมคงต้องขอบคุณในความหวังดีของมันที่เกือบจะทำให้ผมสูญเสียคออันเป็นที่รักไป
แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วยังมีบุคคลอีกหนึ่งท่านที่ผมเสียวสันหลังทุกครั้งเมื่อได้ยินชื่อ
“ไวโอเล็ต” คือชื่อของเธอและเธอก็คือแม่ของผม แม่ผู้ซึ่งอยู่เหนือใครๆ ในตระกูล จนฉายา “Queen of Pain“ ตกเป็นของเธอ แม่เป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่คน (รวมถึงผมด้วย) แม่มักจะพูดถึงพ่อให้ผมฟังตอนเด็กๆ เสมอ ซึ่งแม่รักพ่อมาก รักมากเสียจนเธอปลิดชีพพ่อของผมด้วยมือของเธอเอง และถ้าเรื่องในวันนี้รู้ถึงหูแม่แล้วล่ะก็ ผมนึกสภาพโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้นไม่ออกเลยจริงๆ แต่ไม่ต้องห่วง ผมยังมีโชคอยู่ เพราะตอนนี้แม่ยังคงอยู่ที่คฤหาสน์แห่งเลอร์บรอน พร้อมด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามที่ทำให้เธอไม่คิดจะมาเหยียบที่นี่ ซึ่งผมก็ไม่แน่พอที่จะถามถึงซะด้วย
8.34 P.M.
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ เอามือก่ายหน้าผากอย่างที่มนุษย์ชอบทำกันเมื่อเวลาทุกข์ใจและมันก็ได้ผล เพราะตอนนี้ผมกำลังคิดหนักเรื่องเอมิลี่ ผมไม่ได้กลัวที่จะเฝ้ามองเธอต่อไป แต่ผมกลัวเรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเธอ เพราะผมไม่รู้เลยว่าป้าและลุงจะมาไม้ไหน ผมรู้เพียงแค่ว่าพวกเขาไม่ยอมที่จะลามือพิสูจน์ความจริงต่อไปแน่ แต่สุดท้ายผมก็แพ้ให้กับความเหนื่อยล้า ผมหลับตาลงและภาวนาให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดีในการทำ Score อีกหนึ่งวัน ซึ่งหวังว่ามันคงจะไม่ต้องแลกด้วยเสียงกระดูกต้นคอของผมดังเฉกเช่นวันนี้
เช้ารุ่งขึ้น
ผมตื่นแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัว จัดผมให้เข้าที่และไม่ลืมที่จะหยิบขนมปังแผ่นบางรองท้องก่อนออกจากบ้าน ปกติผมไม่ได้ตื่นเช้าแบบนี้ แต่เป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่นักเรียนทุกคนต้องทำการเลือกชมรม และผมรู้ดีว่าสามเกลอเพื่อนผมคงหนีไม่พ้นชมรมดนตรี การออกแต่เช้าจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อถึงโรงเรียนผมเห็น แดนนี่ ดั๊กกี้และแฮร์รี่ นั่งรออยู่ที่ม้าหินอ่อน พวกเขาคงรอผมเพื่อไปสมัครชมรมด้วยกัน
“ไงเพื่อน วันนี้มาเช้านะ” แฮร์รี่ทัก “ขืนมาสายพวกนายคงไปปลุกฉันถึงบ้าน” ผมยิ้มตอบ
“นายมาก็ดีแล้ว เรารีบไปกันดีกว่าก่อนชมรมจะเต็มซะก่อน” แดนนี่กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินนำพวกเราไปยังตึกลงทะเบียน เมื่อพวกเรามาถึงก็พบว่าที่นี่วุ่นวายน่าดู มันเต็มไปด้วยเหล่ารุ่นพี่ที่ต่างโปรโมท ชักจูงให้น้องๆ มาเข้าชมรมของตน บางคนถึงกับใส่บิกินี่ในส่วนของชมรมว่ายน้ำ บ้างโชว์สเต็ปแดนซ์ ที่หนักสุดก็คงจะเป็นการโชว์พลังเสียงโอเปร่าของเหล่าชมรมการละคร
“ฉันยังไม่เห็นชมรมดนตรีเลยมันอยู่ไหนล่ะเนี่ย” ดั๊กกี้บ่นพลางกวาดสายตามองโดยรอบ
“นู่นไง” ผมชี้นิ้วเมื่อระบบการค้นหาทำงานเสร็จสิ้น
“โอ้ไม่! ทำไมแถวมันยาวอย่างนี้ล่ะ” แฮร์รี่พูดขึ้นเมื่อเห็นจำนวนคนต่อแถวยาวไปถึงทางออก
“อย่าเพิ่งตกใจไป ยังไงพวกเราก็ต้องไป Auditionอีกที และนายก็น่าจะรู้ว่าพวกเราผ่านอย่างเห็นๆ” แดนนี่กล่าวขึ้นอย่างภูมิใจ
พวกผมรีบเดินไปต่อแถวซึ่งพวกเรา 4 คนเป็นคิวสุดท้าย ก่อนที่เขาจะนำป้ายมากั้นเพื่อเป็นการปิดรับสมัคร ในขณะรอผมก็เหลือบไปเห็นเอมิลี่และเกว็น เธอยืนต่อแถวรับสมัครอยู่ชมรมข้างๆ ผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ยิ้มนั้นก็หุบลงโดยเร็วเมื่อเธอหันมาเจอผม
“ไงทอม!” เกว็นตะโกนทักผมเสียงดังทำให้แดนนี่หันมามอง
“สวัสดีแดนนี่” เกว็นทักแดนนี่ต่อด้วยท่าทางเขินอาย ผมและแดนนี่ยิ้มให้เธอ และผมก็พอจะรู้ว่าเธอคงแอบปลื้มแดนนี่อยู่เล็กๆ ผมกับเกว็นจึงอยู่ในสถานะเดียวกัน และแน่นอนว่าผมเอาใจช่วยเธอเสมอ
การต่อแถวยังคงดำเนินต่อไป แดนนี่ ผม แฮร์รี่ และดั๊กกี้ พวกเรายืนเรียงลำดับเพื่อรอคิวที่จะถึงในอีก 2-3 คนข้างหน้า แต่เมื่อทันทีที่ถึงรุ่นพี่ประธานชมรมกลับทำให้พวกผมหัวเสีย
“เสียใจด้วย ชมรมเราปิดรับสมัครแล้ว” รองประธานชมรมกล่าว
“เฮ้!! ได้ไง” ดั๊กกี้โวยวาย “พวกเรามีคนเพียงพอแล้ว” เขาแสยะยิ้ม
“มันจะเต็มได้ยังไงในเมื่อพวกนายก็ต้องไปคัดคนออกหลังจาก Audition เสร็จ” แดนนี่แย้ง
“เสียใจด้วยว่ะไอ้น้อง เต็มก็คือเต็ม เชิญพวกนายย้ายตูดกับกีต้าร์เน่าๆ ไปที่อื่นเถอะ” ประธานชมรมในแจ็กเก็ตหนังที่นั่งอยู่เสริมต่อด้วยใบหน้ายียวนส่งผลให้ความอดทนของเพื่อนผมขาดวิ่นทันที
“ขออัดแมร่งสักเปรี้ยงเหอะ!!” สิ้นเสียงของประธานชมรมแฮร์รี่ก็พุ่งกำหมัดหมายจะปะทะลงบนหน้ายียวน แต่ผมและแดนนี่ดึงตัวไว้ได้ก่อน จนลืมนึกถึงดั๊กกี้ที่ตอนนี้ได้วางมวยกับรองประธานชมรมเรียบร้อยแล้ว ร้อนถึงอาจารย์ฝ่ายปกครองที่ต้องเข้ามาห้าม เหตุการณ์ถึงสงบลง และก็ต้องขอบคุณดั๊กกี้อีกครั้งที่ทำให้พวกเรารอดพ้นจากห้องปกครอง
“แล้วพวกเราจะเอาไงต่อไป” แดนนี่ถาม
“ฉันว่าพวกมันจงใจแกล้งเรา มันคงไม่อยากให้พวกเราเด่นไปกว่ามัน”
แฮร์รี่เอ่ยขึ้นพร้อมกำหมัดแน่น ซึ่งผมเห็นด้วยกับที่แฮร์รี่กล่าวมา เพราะเดิมทีแล้ววงดนตรีของโรงเรียนที่ได้รับความนิยมไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นพวกรุ่นพี่ แต่หลายปีมานี้พวกเราพัฒนาฝีมือขึ้นมาก บวกกับความมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ความฮอต ความโด่งดังจึงพุ่งทะยานเบียดวงของรุ่นพี่ให้ตกกระป๋อง จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเขม่นและไม่ต้อนรับพวกผม
“เอาน่า ช่างมันเถอะ อย่างน้อยก็ยังมีอีกหลายชมรมให้พวกเราเลือก” ผมยิ้มปลอบใจ
“นายมีอะไรมาเสนอเเหรอทอม” แดนนี่ถามผมก่อนที่ผมจะมองไปรอบๆ ข้างๆ ชมรมดนตรีที่เอมิลี่และเกว็นเคยยืนต่อแถวรอรับสมัคร
“นั่นไง ทางเลือกสุดท้ายของเรา” ผมชี้นิ้วไปยังทางเลือกสุดท้ายที่ยังเปิดรับสมัคร เพราะเวลาล่วงเลยมานานพอที่จะทำให้แต่ละชมรมปิดรับสมัครหรือเต็ม พวกเขามองไปตามนิ้วที่ผมชี้ด้วยแววตาแห่งความหวัง แต่มันก็ต้องเปลี่ยนโดยเร็วเมื่อรับรู้ได้ว่ามันคืออะไร
“นายบ้าไปแล้วทอม” ดั๊กกี้พูดพลางเอามือกุมหัว
“ฉันขออัดมันสักเปรี้ยงนะแดนนี่” แฮร์รี่ขู่ผม
“รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” แดนนี่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ ซึ่งผมรู้สึกได้ถึงรังสีอัมหิตที่พวกเขา 3 คน ส่งมาที่ผมหลังจากกรอกใบสมัครเสร็จ แต่ผมไม่เสียใจเลยสักนิด คงเป็นเพราะโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้เธอนั้นมีมากขึ้นซึ่งคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ผมก้มลงอ่านบัตรสมาชิกในมืออีกครั้งเพื่อเป็นการเตือนตัวเองไม่ให้เข้าห้องผิดในชั่วโมงถัดไป ข้อความนั้นระบุไว้ว่า
ชมรมคหกรรม ยินดีต้อนรับแม่บ้าน แม่เรือนทุกท่าน
อาคารคหกรรมชั้น 2 ห้อง 104
ชั่วโมงเรียนวันอังคาร เวลา 10.00 – 11.50 A.M.
Mr. Tom Le’Bron
รหัสสมาชิก 015
10.00 A.M.
เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นแสดงเวลาหมดคาบเรียนและกำลังเข้าสู่คาบเรียนวิชาต่อไป แต่พวกผมยังคงนั่งอยู่ในห้องซ้อมแบบไม่มีท่าทีว่าจะลุกไปไหน แน่ล่ะพวกเขาไม่มีกระจิตกระใจที่จะเรียนวิชาต่อไปที่อาจทำให้ความเป็นชายของพวกเขาดูลดลง ซึ่งถ้าขืนอยู่ต่อไปแบบนี้มีหวังพวกผมได้โดนเช็คขาดแน่
“เฮ้พวก เลยมา 5 นาทีแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่ทันเช็คชื่อหรอก” ผมบอกในขณะที่พวกเขายังคงนิ่งเฉย
“ฉันโดด” แดนนี่กล่าวพร้อมเกลากีต้าร์คู่ใจ “โดดด้วย” ตามมาด้วยดั๊กกี้ที่ยุ่งอยู่กับเกมส์รถแข่ง “เอาด้วยคน” แฮร์รี่จัดที่เตรียมจะนอน ซึ่งท่าทางของพวกเขาทำให้ผมแทบคลั่ง
“เฮ้!! พวกนายทำงี้ได้ไง” ผมเริ่มโวยวาย “คาบแรกก็โดดแล้วคาบหลังๆ จะเหลืออะไร ถ้าไม่เข้าคาบแรกพวกนายก็จะไม่รู้เรื่องว่าเราต้องเตรียมอะไรไปบ้าง”
“นายเป็นเด็กดีเสมอทอม ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกป้ากับลุงนายแน่”
“ไม่เอาน่า แดนนี่ นายไม่เคยเหลวไหลแบบนี้นี่” ผมแปลกใจที่อยู่ๆ แดนนี่ผู้ที่มักมีเหตุผลเสมอตอนนี้กลับเป็นแกนนำหนีเรียนไปซะแล้ว
“นายฟังนะทอม สิ่งที่ฉันควรทำคือจับกีต้าร์และปล่อยอารมณ์ไปกับมันแต่นี่! ฉันต้องมาจับตะหลิว ซึ่งฉันบิ้วไม่ได้จริงๆ ว่ะเพื่อน” แดนนี่ทำหน้าเศร้าราวกับเขาไม่อาจสนองความต้องการของผมได้ แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรเสียงของดั๊กกี้ก็แทรกขึ้น
“ฉันรู้ว่าทำไมนายถึงอยากไปเรียนนักทอม...เพราะเอมิลี่ใช่ไหมล่ะ” ผมพูดอะไรไม่ออก “เอ่อ...บ้าน่า ฉันแค่ไม่อยากให้พวกนายเสียการเรียนเพียงเพราะไม่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบก็เท่านั้น”
“ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่เกลียดเลยแหละ” แฮร์รี่พูดขณะอยู่ในผ้าห่ม
ผมรู้ว่างานนี้ยากพอควร พวกเขาต่างเป็นคนหัวดื้อ หัวแข็ง อะไรที่ไม่เอาก็คือไม่เอา แต่ผมยังไม่หมดความพยายามเพียงเท่านี้หรอก เพราะยังมีไม้ตายอีกหนึ่งที่ผมมั่นใจว่ามันจะใช้ได้ผลกับพวกเขา
“ก็ได้ ในเมื่อพวกนายไม่ไปฉันไปคนเดียวก็ได้ ฉันรู้แล้วว่าพวกนายมันก็มีดีแค่เล่นดนตรี เห็นทีงานสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ มันคงจะยากเกินความสามารถของพวกนายสินะ จริงไหม” ผมพูดเหยียดหยามพวกเขาและพยายามทำท่าให้ดูกวนคอนเวิร์สมากที่สุด
“เฮ้!! ใครบอกว่าฉันทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้ทั้งนั้นแหละ” ดั๊กกี้โวย
“ในเมื่อนายหยามกันขนาดนี้ เห็นทีฉันคงอยู่เฉยไม่ได้ แล้วนายจะได้เห็นว่าฉันไม่ได้ทำเป็นแค่อย่างเดียว” แดนนี่ลุกขึ้นดัดนิ้วดังกร๊อกอย่างเคืองๆ ผม
“เอาน่ะ มันจะยากซักแค่ไหนกัน ไปพวกเรา เข้าครัวกันซักวัน” แฮร์รี่ดีดตัวออกมาจากผ้าห่ม และก็เป็นไปอย่างที่ผมคาดไว้ไม่มีผิด พวกเขามักจะเดือดเสมอเมื่อถูกหยามหรือดูถูก เรื่องนี้เรื่องเดียวที่พวกเขายอมไม่ได้ และแผนนี้มักจะใช้ได้ผลเสมอซะด้วยถึงแม้มันจะเสี่ยงต่อการเพิ่มรอยฟกช้ำบนใบหน้าของผมก็ตาม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ