The Sun and Satan..ดุจตะวันกับซาตาน
เขียนโดย kinkmj
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 09.50 น.
แก้ไขเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 10.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) The Sun and Satan ดุจตะวันกับซาตาน Ch.8
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
- Chapter 8 -
:: เลือดผสม ::
โอย...ปวดหัวจัง
ซันยกมือขึ้นกุมหน้าผากทั้งที่ยังหลับตาอยู่ รู้สึกว่าเปิดเปลือกตาขึ้นได้ยากกว่าปกติหลายเท่า ปีศาจสาวใช้นิ้วมือคลึงนวดหว่างคิ้วเบา ๆ ให้คลายอาการปวดศีรษะ
“ตื่นแล้วหรือ” เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงที่เธอจำได้ดีถึงแม้ไม่ได้ยินบ่อยนัก และเพราะเหตุนั้นเอง…จากที่ลืมตาขึ้นยากหนักหนาก็สามารถลืมตาพรึ่บได้ในทันที พร้อมดีดตัวผึงลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ
“ซาตาน...!” เผลออุทานด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ต้องชะงัก รีบยกมือขึ้นนวดขมับเพราะหน้ามืดจากการที่ลุกขึ้นเร็วเกินไป
พออาการดีขึ้น จิ้งจอกสาวก็เหลือบมองรอบ ๆ ตัว
ที่นี่คือที่ที่ซันเริ่มคุ้นเคย เพราะมันคือห้องพักของเธอภายในพระราชวัง… แต่สิ่งที่ไม่ค่อยคุ้นนักคงไม่พ้นราชาปีศาจผู้สง่างามที่กำลังนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้หรูบุนวมสีดำข้างเตียง และ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทแบบทางการสีเขียวเข้ม เขายืนอยู่เบื้องหลังของซาตานอีกที ซันจำได้ในทันทีว่าเขาคือคนที่เธอเห็นในวันเปิดภาคเรียนไม่ผิดแน่นอน
“ดูเธอตกใจที่เห็นท่านนะครับ ฝ่าบาท”
“เช่นนั้นรึ” ฝ่าบาทที่ว่าเอ่ยถาม ทำเอาเด็กสาวกะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกเหมือนถูกโยนระเบิดใส่กะทันหัน
“ป...เปล่าค่ะ เอ้อ...แต่ก็นิดหน่อยค่ะ แล้วโดโรธีล่ะคะ” ละล่ำละลักตอบ แล้วรีบถามหาตัวช่วย
เพราะการอยู่กับทั้งคู่แบบนี้มันทำให้เธออดประหม่าไม่ได้เลย
ซันไม่ได้ชอบผู้ชายหล่อ ไม่เคยคลั่งดารา ไม่แม้กระทั่งจะสนใจเรื่องความรัก เพราะตลอดมาเธอตระหนักดีว่าไม่ควรรักชอบใคร โดยเฉพาะมนุษย์
เด็กสาวไม่อยากเป็นแบบในนิยายหรือการ์ตูนที่ต้องปิดบังว่าตัวเองเป็นปีศาจ พอถึงเวลาบอกความจริงแล้วก็ต้องมาเสียใจกับผลที่ได้รับ เพราะแบบนี้ ตอนที่เรียนอยู่ในโลกมนุษย์เธอจึงค่อนข้างสันโดษพอตัว
แต่ดูเหมือนตั้งแต่ได้เข้ามาอยู่ในโลกปีศาจ ความคิดที่จะปิดกั้นตนเองก็เริ่มมลายหายไป
นี่มันเพิ่งอาทิตย์เดียวเองนะ หยุดคิดเลย ลอบต่อว่าตัวเองในใจ
“โดโรธีตอนนี้ยังไม่ว่างครับ” คำตอบนุ่มนวลดังมาจากปีศาจหนุ่มผู้มีรอยยิ้มอันแสนสุภาพ ทั้งยังเป็นคำตอบที่ไม่ช่วยอะไรเอาเสียเลย
เด็กสาวพยักหน้ารับ แล้วนิ่งเงียบ เริ่มหาสาเหตุที่ตนเองกลับมาอยู่ที่ห้องในความทรงจำ เธอจำได้แค่ว่าตนเองเข้าเรียนในช่วงย่ำ หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก
“ซันกลับมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
ดวงตาสีทองจัดของราชาปีศาจจับจ้องใบหน้าของซันราวกับจะสื่ออะไร แต่คนถูกมองกลับไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
“ฉันพามา” คำตอบห้วนสั้นทำเอาคนฟังเลิกคิ้ว ปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ถูก
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงตื่นเต้นดีใจที่ได้รับความใส่ใจจากจอมมาร แต่สำหรับเด็กสาวผู้นี้ เธอไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการหาสาเหตุว่าทำไมอีกฝ่ายต้องลำบากพาตัวเองกลับมา แล้วทำไมถึงนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นหลังการต่อสู้กับนาเดีย
“ให้ผมอธิบายแทนฝ่าบาทไหมครับ” เสียงทุ้มที่มีความผ่อนคลายมากกว่าดังแทรกขึ้นมา
“คะ ? ” ซันหันไปทางผู้พูด พบว่าชายหนุ่มในชุดสูทสีเขียวกำลังส่งยิ้มสุภาพกลับมาให้
“ผมคงเสียมารยาทที่ไม่ได้แนะนำตัวก่อน ผมแอสทารอธ เป็น...อา…ผมไม่ได้แนะนำตัวมาหลายร้อยปีแล้วด้วยสิ ที่ปรึกษาส่วนพระองค์ น่าจะใช่นะครับ” แอสทารอธเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มยังคงไม่จางหายไปจากใบหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ ซันค่ะ คิดว่าคุณคงรู้แล้ว” เด็กสาวตอบกลับตามมารยาท ประหม่าเล็กน้อยเพราะไม่เคยเจอการแนะนำตัวแบบนี้มาก่อน
แอสทารอธมีดวงตาสีเขียวมรกตกับเส้นผมสีบลอนด์ที่จัดทรงเสยไว้เรียบไร้ที่ติ จมูกโด่งเป็นสัน ทั้งหมดทำให้เขาดูไม่ต่างจากสุภาพบุรุษชาวอังกฤษ ลักษณะของปีศาจผู้นี้ค่อนไปทางยุโรปมากกว่าซาตานที่คล้ายชาวเอเชีย
“ตามนั้นครับ” เขาว่า ขยิบดวงตาสีเขียวให้อย่างมีเลศนัย และถ้าซันตาไม่ฝาด ปลายหางตาของเธอเหมือนจะเห็นคิ้วของจ้าวปีศาจกระตุกนิด ๆ ราวกับไม่พอใจนัก
“เข้าเรื่องเลยนะครับ” แอสทารอธพูด เว้นช่วงเล็กน้อย ซันพยักหน้ารับ “ในชั่วโมงเรียนต่อสู้คุณประลองกับแม่มดนาเดีย ”
“ค่ะ”
“พวกคุณสู้กันได้ไม่กี่นาที...จากนั้นคุณก็เริ่ม ‘คลั่ง’ ”
“คลั่งหรือคะ” จิ้งจอกสาวทวนคำ พร้อมด้วยอาการวิงเวียนพุ่งเข้าใส่อีกครั้งจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มแสดงถึงความสับสน ภาพบางอย่างเริ่มแวบเข้ามาในความทรงจำ
เธอถือมีดเปื้อนเลือด นาเดียกรีดร้อง เสียงนิคตะโกนห้าม สุดท้ายคือนัยน์ตาสีทองจัดและกลิ่นหอมของดอกโมก...
“นึกออกแล้วสินะ” ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงนุ่มของคนอารมณ์ดีอีกแล้ว แต่เป็นเสียงทุ้มเข้มมีอำนาจ
น่าแปลกที่เด็กสาวรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังปลอบเธออยู่ด้วยคำพูดสั้น ๆ
“ค่ะ มัน...รู้สึกเหมือนกับฝันไปมากกว่าจะเป็นความทรงจำจริง ๆ นะคะ” ตอบเสียงแผ่วเล็กน้อย ก้มหน้าลงมองมือของตนเอง เธอสะเทือนใจ ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้ว ซันไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยทำในสิ่งที่ใกล้เคียงกับการ ‘ฆ่า’ มากเท่านี้มาก่อน ถ้าเขาไม่ได้เข้ามาขวางไว้ อาจจะเป็นครั้งแรกที่เธอ ‘ฆ่า’ ก็ได้ ถึงจะไม่รู้ตัวก็ตาม... แต่ยังไงมันก็คือมือของเธอ ตัวของเธอ… เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
“เธอไม่ต้องเรียนกับมาโซเชียสอีก” คำพูดที่ทำให้ซันเงยหน้าขึ้น เธอมองซาตานอย่างงุนงง เอียงคอเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
“เพราะการคลั่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติของปีศาจครับ” แอสทารอธแทรกขึ้น ใบหน้ายังมีรอยยิ้มทาบทับอยู่
“หมายความว่ายังไงคะ ที่ไม่ปกติ” ซันถาม
“ไม่แปลกที่คุณไม่ทราบเพราะโตในโลกมนุษย์ …ผมจะอธิบายง่าย ๆ ก็คือ อย่างที่รู้กันว่าปีศาจนั้นเปรียบเป็นความมืด ดังนั้นมนุษย์หรือพวกเทพนั้นมีโอกาสคลั่งได้ด้วยเพราะถูกความมืดครอบงำ” ชายหนุ่มอธิบาย ดวงตาสีเขียวจ้องมองมายังจิ้งจอกราวกับกำลังทดสอบปฏิกิริยาของเธอ “แต่โดยปกติปีศาจนั้นแทบไม่เกิดอาการคลั่งครับ เพราะพวกเราถือเป็นความมืดและความมืดย่อมไม่ถูกความมืดด้วยกันครอบงำได้ง่าย ๆ คุณพอเข้าใจไหม”
ซันก้มหน้านิ่ง คิ้วขมวดมุ่น พยายามตีความสิ่งที่ได้รับรู้
“หมายความว่า...”
“ใช่ครับ คุณอาจจะไม่ใช่ปีศาจ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ... ถ้าซันไม่ใช่ปีศาจ แล้วหูกับหางนี้ล่ะ เส้นผมนี่ก็ด้วย” เด็กสาวเอ่ยถาม สบตากับแอสทารอธอย่างไม่เข้าใจ
“เท่าที่ผมคาด...คุณอาจจะเป็นลูกครึ่ง” ชายหนุ่มเอ่ย จับจ้องไปที่หูจิ้งจอกสีเงินบนศรีษะของซัน “เรื่องที่มีเลือดปีศาจมันแน่นอนเพราะลักษณะทางกายภาพของคุณแสดงออกให้เห็นได้ชัดเจน เพียงแต่คุณคงต้องมีด้านสว่างในตัวด้วยเช่นกัน...อาจจะมีมากจนลักษณะนิสัยใจคอส่วนใหญ่ที่แสดงออกมาจากด้านสว่าง เมื่อถูกกระตุ้นความมืดในตัวเลยครอบงำจนคลั่ง ”
ซันนิ่งไป... ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เธอจึงเลือกหันไปมองที่ซาตาน แล้วก็พบว่าเขาเองก็มองมาอยู่เช่นกัน นัยน์ตาสีทองเรืองรองดูเหมือนจะทำให้จิตใจของจิ้งจอกสาวสงบลงได้อย่างน่าประหลาด
เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วถอนหายใจยาว
“เรื่องนี้... ซันคงต้องหาคำตอบด้วยตัวเองค่ะ” ซันบอก
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองมองไปยังแอสทารอธ จากนั้นก็วนกลับมาหยุดที่ราชาปีศาจ
“แต่...ที่ว่าไม่ต้องไปเรียนแล้ว ซันขอไปเรียนต่อได้ไหมคะ”
ซาตานเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคลายออกคล้ายพึงพอใจ เพราะเด็กสาวตรงหน้าสามารถรับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เธอเข้มแข็งและมีสติมากกว่าที่คาดไว้เสียอีก
“เธอยังคงไปเรียนได้” เขาตอบกลับ “ส่วนการต่อสู้ให้เรียนกับแอสทารอธ”
“ทำแบบนั้นได้หรือคะ” ซันถามรัวเร็ว “แล้วเรื่องคะแนน...”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมสามารถให้คะแนนคุณได้ด้วยเกณฑ์แบบมาตรฐานสากลเลยทีเดียว” เป็นชายหนุ่มผมบลอนด์ที่แทรกตอบขึ้นมาแทน
แอสทารอธดูประทับใจในตัวจิ้งจอกสาวไม่น้อย เพราะเห็นว่าเธอไม่ได้ร้องห่มร้องไห้หรือซึมกระทือไปเลยให้น่าสงสารอย่างที่คิดไว้
ซันเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ถ้างั้นก็...ขอบคุณมากเลยนะคะ อาจารย์”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจกับสรรพนามใหม่ แต่ก็รับมันไว้แต่โดยดี
“ครับ คุณลูกศิษย์” เขาตอบ ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสุภาพ “ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวก่อน คุณควรพักผ่อนให้มาก ๆ นะครับ เพราะการเรียนกับผมอาจจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนตกนรกเลยทีเดียว” เขาขยิบตาให้เธออีกครั้ง แล้วหันไปโค้งคำนับนายเหนือหัว “ขอตัวก่อนนะครับ ฝ่าบาท”
โดยไม่สนใจรอคำตอบ แอสทารอธก็หายวับไปทันที
เหลือเพียงจิ้งจอกสาวและราชาปีศาจที่มีสีหน้าเรียบเฉย เย็นชาจนซันเดาใจไม่ถูก
“เอ่อ...” ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร ชายผู้สูงศักดิ์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาเดินไปยังประตูห้อง ทำท่าจะออกไปโดยไม่ร่ำลา
พอเห็นแบบนั้นปีศาจสาวก็รีบร้องเรียกเขาเอาไว้ก่อน
“ซาตาน”
จอมมารหันกลับมา ใบหน้านั้นยังคงความเย็นชาที่เกือบทุกชีวิตในดินแดนปีศาจหวาดกลัว… แต่ไม่ใช่ซัน
“ขอบคุณนะคะ”
คำขอบคุณพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง เส้นผมสีแดงปลายเงินยุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่น ถ้าให้พูดกันตามตรง รูปร่างหน้าตาของซันไม่สามารถเทียบได้กับปีศาจชั้นสูงหรือพรายสาวผู้งดงามแม้แต่น้อย
แต่สำหรับราชาปีศาจแล้ว รอยยิ้มของเธอกลับสะกดใจจนละสายตาไม่ได้เสียยิ่งกว่าใครอื่น
นัยน์ตาสีทองของเขาอ่อนแสงลง ริมฝีปากเกือบจะยกยิ้มบางอันหายากยิ่งให้ได้เห็น
“ไม่เป็นไร”
----------------------------------------------------------
ในคืนนั้นซันนอนทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น คำพูดที่ได้ฟังจากแอสทารอธ เรื่องที่เธอเกิดคลั่งขึ้นมา หรือเรื่องที่น่าจะเป็นลูกครึ่ง มันมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ และคิดว่าคงต้องหาโอกาสไปหาฮิคารุในวันหยุดสุดสัปดาห์
แม่ของเธอจะต้องมีคำตอบของเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน...
ฮ้าว…
เด็กสาวพลิกตัว เอื้อมมือไปปิดไฟตะเกียงเวทตรงหัวเตียง แต่ระหว่างนั้นสายตาก็บังเอิญไปหยุดที่ท่อนแขนข้างซ้าย…ที่จำได้ว่าถูกนาเดียใช้กริชฟันใส่จนได้แผลเป็นทางยาว
จิ้งจอกสาวชักแขนกลับ พลิกไปมาอยู่หลายที แต่ไม่ว่าจะเพ่งมองตรงไหนก็ไม่พบรอยแผลแม้แต่นิดเดียว ซันมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มสำรวจร่างกายตัวเอง
ในที่สุดเมื่อไม่พบแม้แต่รอยขีดข่วนใด ๆ หลงเหลือให้เห็นบนผิวทั้งแขนและขา เธอก็เผลอเอียงคอเล็กน้อย อดยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้เมื่อนึกถึงใครบางคน
ใจดีจริง ๆ ด้วย ขอบคุณนะคะ
----
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ