The Sun and Satan..ดุจตะวันกับซาตาน

9.2

เขียนโดย kinkmj

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 09.50 น.

  10 chapter
  1 วิจารณ์
  16.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 10.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) The Sun and Satan..ดุจตะวันกับซาตาน Ch.1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter1

 

          ตึก ตึก ตึก

 

           เสียงส้นรองเท้านักเรียนสีดำกระทบพื้นคอนกรีตดังรัวตามจังหวะการก้าวขาของผู้สวมใส่ตามด้วยร่างของเด็กสาวผิวขาวหน้าตาน่ารักวิ่งผลุบเข้าไปในประตูของบ้านหลังหนึ่งอย่างร่าเริง

 

          วันนี้เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้ายในชีวิตมัธยมต้นของเด็กสาวผู้นี้ การเรียนของโลกมนุษย์ที่ต้องเอาแต่ท่อง ท่อง และท่องข้อความซ้ำ ๆ เดิม ๆ จากหนังสือ เพื่อไปกากบาทลงในช่องสี่เหลี่ยมที่มีตัวเลือกสี่ตัวเลือกมันเป็นอะไรที่เธอเบื่อที่สุด

 

          อีกอย่างคือ มันง่ายเกินไปสำหรับเธอล่ะนะ

 

          ร่างเล็กถอดรองเท้าไว้บนชั้นวางข้างประตู โยนกระเป๋านักเรียนทรงสี่เหลี่ยมแบบส่ง ๆ ทิ้งไว้ที่พื้น แล้ววิ่งไปกอดสาวสวยที่กำลังทำอาหารเย็นในห้องครัวจากด้านหลัง

          

          “วันนี้มีอะไรกินคะ แม่”

 

          "สอบเป็นไงบ้างจ๊ะ" คนถูกกอดไม่ตอบ แต่ถามกลับ ปล่อยมือจากกระบวยในหม้อเทฟล่อนบนเตาแก๊ส

 

          "น่าเบื่อมากค่ะ มันง่ายไป มีแต่ท่องจำทั้งนั้นเลย" สาวน้อยตอบ กระดิกหางสีเงินไปมา ชะเง้อคอมองข้ามไหล่ของผู้เป็นแม่ไปที่อาหารตรงหน้า

 

          "ก็เราน่ะแค่ผ่านตาก็จำได้ทันที มันเลยง่ายสิ แล้วก็เก็บหางไปก่อนเลยสาวน้อย ถ้ามีขนตกไปในแกงส้มแม่จะจับเราต้มไปด้วยเลย ซัน" หญิงสาวเอ็ด หันกลับไปทำอาหารต่อพร้อมเอ่ยบอกกึ่งสั่ง

 

          "ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยลงมากินข้าวนะจ๊ะ"

 

          "ค่า" เด็กสาวรับคำ ก่อนจะวิ่งตึก ๆ หายขึ้นบันไดไปยังห้องนอนที่ชั้นสองของตัวบ้าน

 

          ซัน คือชื่อเล่นของสาวน้อยร่างเล็ก ดุจตะวัน มณีรัตน์ ปีศาจจิ้งจอก[1]สัญชาติไทย หรืออาจจะมีต้นตระกูลอยู่ญี่ปุ่นรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะลืมตาดูโลกมาก็อยู่ในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว

 

          ถึงจะบอกว่าเป็นปีศาจจิ้งจอก แต่ซันก็มีเพียงความสามารถพิเศษของจิ้งจอกขาว คือความทรงจำที่เป็นเลิศ อีกทั้งยังเป็นจิ้งจอกประเภทเดียวที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์แบบ กลบกลิ่นอายปีศาจได้มิดชิด

 

          ส่วนสาวงามในครัวนั้นคือ ฮิคารุ มณีรัตน์ สาวสวยที่ดูยังไงก็อายุไม่เกิน27-28ปี มีใบหน้าที่สวยเปรี้ยวและทรวดทรงที่งดงามเซ็กซี่ปานนางแบบนิตยสารแม็กซิมซึ่งไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ร้อยปีก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรือแก่ชราลง

 

          ซันรู้ว่าแม่สวยเอามาก ๆ ก็เมื่อหลายปีก่อน ระหว่างซื้อของในร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงที่มีสาขาถี่ยิบเป็นดอกเห็ด บังเอิญว่ามีผู้ชายขี้เมาคนหนึ่งกำลังโวยวายใส่แคชเชียร์ว่าไม่ยอมขายเบียร์นอกเวลาให้ พอหันมาเห็นฮิคารุโดยบังเอิญก็เอาแต่ตะลึง ทำเนียนมาลวนลาม ด้วยความหงุดหงิดอยากกินแซนวิสแฮมชีสมาก แม่ของเธอเลยใช้พลังระเบิดกระป๋องเบียร์สาดหน้าด้วยความหงุดหงิด แถมด้วยเบียร์ที่พุ่งออกมากลายเป็นน้ำร้อนจัดเล่นเอางงเป็นไก่ตาแตกโดนต้มหนีออกไปจากร้านแทบไม่ทัน

 

          อันที่จริงก่อนหน้านั้นก็รู้ว่าแม่สวย แต่ด้วยความเคยชินที่เห็นอยู่ทุกวันเลยไม่คิดว่าสวยจนเห็นแล้วเคลิ้มขนาดนั้น

 

          ฮิคารุถูกเรียกขานว่า ธิดาอัคคี หญิงสาวผู้ควบคุมเปลวไฟ แต่ก็นั่นล่ะ ถึงอย่างนั้นลูกสาวของเธอกลับไม่มีพลังในการใช้ไฟสักนิด แม้แต่หน้าตา และรูปร่าง ซันก็ยังได้เชื้อแม่มาน้อยนัก

 

          ถ้าไม่พูดเรื่องแม่ สรุปแล้วความสามารถของซันก็คือ ความจำดีเป็นพิเศษและปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้เนียนสุด ๆ

 

          หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ร่างเล็กในชุดลำลองสำหรับใส่อยู่บ้านก็เดินลงบันไดมา พร้อมสูดกลิ่นหอมของกับข้าว ฮิคารุทำอาหารได้อร่อยสุดยอดซึ่งซันเคยคิดว่าเป็นความสามารถของภูตไฟ ประมาณว่าควบคุมไฟให้กับข้าวอร่อยได้ แต่พอแอบดูสาวสวยทำอาหารบ่อยครั้งเข้า ในที่สุดจิ้งจอกสาวก็คิดได้ว่าคงเป็นพลังจากเตาแก๊สและรสมือแม่เองมากกว่า เพราะเธอก็ทำได้อร่อยเหมือนกัน ถึงจะเทียบกันไม่ติดเลยก็เถอะ

 

          "รอพ่อแป๊บนึงนะจ๊ะ เดี๋ยวก็คงมาถึงแล้ว" ฮิคารุบอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 

          ทุกครั้งที่พูดถึงพ่อ แม่ของเธอจะยิ้มแบบเดียวกัน รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักไม่เสื่อมคลาย ถึงซันจะไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้น แต่ก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยากนัก

 

          "มีอะไรกินบ้าง" เสียงคุ้นหูดังขึ้นแทบทันทีหลังจบประโยคของสาวสวยเหมือนรู้ล่วงหน้า

 

          ร่างสมส่วนเดินยิ้มกว้างตรงลิ่วเข้ามาในห้องครัว เข้าไปหอมแก้มภรรยาที่กำลังปิดเตาแก๊ส แล้วชะเง้อคอมองกับข้าวที่หญิงสาวกำลังตะเตรียมใส่ลงในถ้วยชามต่าง ๆ

 

          “พ่อลูกเข้าบ้านถามหาแต่ของกินเหมือนกันหมด” ฮิคารุพูดพลางส่ายหัวเบา ๆ "วันนี้มีแกงส้มปลาทู ไข่เจียวกุ้งสับ แล้วก็มีไก่ย่างวิเชียร สองอย่างแรกแม่ทำ ส่วนอย่างหลังแค่อุ่นให้เฉยๆ เพราะไก่ย่างวิเชียรดังกว่าไก่ย่างฮิคารุ ถ้าย่างเองเดี๋ยวเสียรสชาติ" ร่ายเมนูให้สองพ่อลูกฟังกลั้วหัวเราะ ตามด้วยคำสั่ง “ซัน ไปเอาจานมาช่วยตักข้าวด้วยจ้ะ”

 

          “ค่า” สาวน้อยตอบรับ ทำตามคำสั่งของแม่อย่างรวดเร็ว ส่วนพ่อของเธอเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว

 

          ผู้ที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านคือ พิรุณ มณีรัตน์ ปีศาจจิ้งจอกขาวผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว ร่างมนุษย์คือชายวัยกลางคน มีผิวสีขาวเหลืองและเครื่องหน้าแบบชาวเอเชีย ผมสีดำซอยสั้นเรียบร้อยมีสีเหลือบเงินแซมอยู่

 

          สีเหลือบที่ปะปนในเส้นผมจะบ่งบอกถึงสีขนและเผ่าพันธุ์ แต่สำหรับจิ้งจอกขาวจะแปลกตรงเส้นขนเป็นสีเงินยวง ทั้ง ๆ ที่เรียกว่า ‘จิ้งจอกขาว’ ซึ่งซันก็เคยถามด้วยความสงสัยว่าทำไมไม่เรียกจิ้งจอกเงิน

 

          'จิ้งจอกขาวไม่ได้เรียกจากสีขน แต่เพราะเราคือจิ้งจอกขาว' นี่คือสิ่งที่พิรุณตอบ

 

          ซึ่งบอกตามตรงว่าเธองงกับคำตอบที่ได้รับ เลยไม่ได้ถามต่อ แล้วพอมาถามอีก คำตอบก็ยังเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน สุดท้ายจึงเลิกถามไปโดยปริยาย

 

          เมื่อตั้งโต๊ะเรียบร้อย พ่อแม่ลูกก็เริ่มทานอาหารเย็น แต่แล้วเรื่องดี ๆ หลังสอบเสร็จก็เกิดขึ้นในระหว่างที่ซันกำลังตักไข่เจียวเข้าปาก

 

          "ซัน เดือนหน้า ลูกต้องไปเรียนต่อที่เทลไฟร์นะจ๊ะ"

 

          ช้อนโลหะหล่นลงบนจานข้าวของสาวน้อยที่เพิ่งเรียนจบมัธยมต้นมาหมาด ๆ ดังแกร๊ง นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้าง ตวัดขึ้นมองผู้เป็นแม่อย่างตกใจ

 

          "แม่หมายความว่ายังไงคะ"

 

          เท่าที่ซันรู้ เทลไฟร์คือชื่อของโรงเรียน สถาบัน หรืออะไรสักอย่างนั่นแหละที่เอาไว้เรียนของพวกปีศาจในโลกปีศาจ.. โลกปีศาจที่ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปมาก่อนเลย

 

          "พ่อกับแม่คุยกันแล้ว ปกติชาวปีศาจจะไปเรียนที่เทลไฟร์เมื่ออายุครบ15 ปี ในกรณีของลูกอาจจะช้าสักหน่อย เพราะพ่อไม่อยากให้ซันออกจากโรงเรียนกลางคัน" พิรุณพูดเสริม

 

          ทำไมพ่อตอบเหมือนว่าหนูอยากรีบไปเรียนเสียแทนละคะ ! สาวน้อยโวยวายในใจ

 

          ทั้งที่สมัยเด็กเธอเคยรบเร้าให้พ่อกับแม่พาไปเที่ยวอยู่บ่อย ๆ แต่ถูกปฏิเสธทุกครั้งจนเจ็บและชินไปเอง ไม่นึกว่าโตมา วันดีคืนดีจะถูกจับโยนเข้าไปกะทันหันแบบนี้

 

          "ซันไม่ไปได้ไหมคะ พ่อกับแม่ก็รู้ว่าซันไม่มีพลังอะไรเลย ถ้าโดนจับไปต้มกินจะทำยังไง"

 

          สายตาของผู้ผ่านโลกมาก่อนสองคู่มองลูกสาวแล้วยิ้ม ยิ้มแบบที่ซันสาบานได้ว่าไม่ชอบเอาเสียเลย

 

          "แล้วไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะจับเราต้มกินเสียก่อนหรือไง หือ? ปีศาจเราไม่น่ากลัวอย่างที่ซันเข้าใจหรอกนะจ๊ะ หรือซันคิดว่าแม่ดูน่ากลัว?" ฮิคารุเอ่ยปลอบแบบที่ไม่ได้ปลอบเลยแม้แต่น้อย

 

          มากค่ะ! คำตอบที่ซันไม่ได้พูดออกไป

 

          "ลูกไม่ได้ไม่มีพลังหรอกนะซัน พลังของลูกน่ะอยู่ในนี้" ผู้เป็นพ่อบอก ยกนิ้วชี้ไปที่ศีรษะของตนเอง "ทั้งหมดอยู่ในหัวของลูก เพียงแต่ลูกยังไม่รู้วิธีที่จะใช้มัน และมันก็ยังไม่พร้อมให้ลูกใช้ได้ในตอนนี้"

 

          "ถ้าอย่างนั้นรอให้ไอ้ที่อยู่ในหัวของซันมันผุดออกมาให้ใช้ได้ก่อนไม่ได้เหรอคะ ก่อนจะให้ไปอยู่ในดงของอะไรก็ตามที่อันตราย... หรือน่าจะอันตราย.." จิ้งจอกสาวพูดอย่างไม่ปลื้ม หน้ามุ่ยด้วยความขัดเคืองใจ

 

          ดวงหน้าสวยเก๋ที่ไม่มีใครเหมือนหันมองสามีแล้วยิ้มกริ่ม ซึ่งนี่ก็เป็นยิ้มแบบที่ซันไม่ชอบอีกเหมือนกัน

 

          "ฟังแม่นะซัน ไปเรียนที่เทลไฟร์ ลูกจะได้เรียนรู้อะไรอีกมาก แล้วอีกอย่าง...เราน่ะไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด ลูกแม่เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เชื่อสิ”

 

          จบแค่นั้น

 

          ซันเงียบ ไม่พูดอะไรอีก เพราะรู้ว่าคำพูดของแม่ถือเป็นสิทธิ์ขาด เด็ดขาดที่สุด ซึ่งหมายความว่ายังไงเธอก็ต้องไปเรียนที่สถาบันแห่งโลกปีศาจอย่างปฏิเสธไม่ได้

 

 


 

[1] ปีศาจที่มีร่างจำแลงเป็นสุนัขจิ้งจอก มักปรากฏในตำนานของอินเดีย,จีน และญี่ปุ่น     

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา