ปัญหาใจในอดีต
4.0
เขียนโดย Giants_tee
วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 08.31 น.
2 บท
2 วิจารณ์
4,668 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2558 22.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอน 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ................................มาต่อจ้า (><)
นึกสิ…
ค่อยๆนึกถึงมัน...
แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามามันทำให้ถึงกับต้องหรี่ตาลง คำถามค่อยๆลอยเข้ามาในหัว นี้ฉันอยู่ที่ไหนกัน!?
รอบข้างตัวฉันดูว่างเปล่า ภาพตรงหน้าดูสับสนราวกับอยู่ในฝัน ในขณะนั้นเองอยู่ๆก็ปรากฎร่างเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไป ผมเปียของเธอที่ถูกผูกไว้มันทำให้ฉันนึกไปถึงทรงผมสมัยก่อนที่เด็กสาวนิยมทำกัน เด็กสาวส่งเสียงสดใสขณะวิ่งไปหาใครบางคน เธอวิ่งด้วยอาการหอบเล็กน้อยไปหาใครซักคนที่ดูคุ้นตา...
หัวใจฉันหล่นวูบเมื่อจำได้ทันทีว่า คนที่เธอวิ่งไปหาคือพี่สาวของฉันเอง!
พี่สาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างแตกต่าง ตัวเล็กผมดำยาวและดูอ่อนเยาว์ ช่างแตกต่างกับพี่สาวที่เพิ่งออกเรือนไปที่ฉันจำได้ เธอดูราวกับย้อนความสาวกลับไปซักสิบปี
เด็กสาวผมเปียมีท่าทางกระตือรือร้น เธอร้องตอบคำเรียกของพี่สาว ทันทีที่เสียงของเธอดังขึ้นฉันก็รู้ทันทีว่าทำไมทุกอย่างในตัวเธอมันช่างดูคุ้นๆ
นั้นมันตัวฉันนิ !!?
วินาทีนั้นฉันเริ่มแน่ใจว่าฉันคงตายไปแล้วจริงๆ!
“นา...ช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม” พี่สาวเริ่มต้นพูดกับตัวฉันที่ดูราวกับเด็กมัธยม ผมก็ดูรุงรังหน้าตาก็จืดชืดตามประสาเด็ก แต่มีบางสิ่งที่แปลกเหลือเกิน ตัวฉันคนนั้นทำไมช่างดูแจ่มใสนั๊ก รอยยิ้มและแววตาสดใสของเด็กสาวตรงหน้าทำให้รู้สึกราวกับเธอเป็นใครซักคนที่ฉันไม่เคยรู้จัก
“พี่อยากให้เธอไปเข้าชมรมบาส แล้วถ้าเธอเป็นสมาชิกชมรมบาส ตอนนั้นเธอคงได้รู้จักรุ่นพี่ที่เป็นนักกีฬา” ถึงตรงนี้พี่สาวก็เริ่มเอ่ยต่ออย่างเขินอาย “ถ้าเธอได้เจอกับนักกีฬาเบอร์เจ็ดของชมรมบาสชาย ถ้าเธอรู้จักชื่อเค้าบอกพี่ด้วยนะนา”
ใช่แล้ว...ตอนนั้นฉันตื่นเต้นมาก คนที่หวังพึงพาอะไรไม่ค่อยได้อย่างฉัน อยู่ๆก็ได้รับหน้าที่สำคัญจากพี่สาว พี่สาวที่ทำอะไรก็ดีไปหมดคนนั้น แล้วหลังจากนั้นละ ?
ฉันเริ่มรำลึกความทรงจำ แล้ว...หลังจากนั้นฉันก็ไปสมัครชมรมบาส คิดแล้วฉันก็นึกไปถึงรุ่นพี่ผู้หญิงของชมรมที่ตีหน้าไม่พอใจกลับมา พวกเธอไม่ยอมบอกอะไรกับฉันเลย แถมยังหาว่าฉันเข้าชมรมมาเพื่อหวังอ่อยนักกีฬาชายซะงั้น หากแต่เวลานั้นฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หน้าที่ที่พี่สาวมอบให้ยังคงสำคัญเกินกว่าสิ่งใดทั้งนั้น!
เพียงแต่จนแล้วจนรอดฉันก็ยังไม่ได้ชื่อของคนๆนั้นมาให้พี่ซักที เพราะฉันยังอายสายตาของคนอื่นเกินไป ทำได้เพียงบอกตัวเองว่าต้องรีบตามหาให้เจอ
นักกีฬาที่ใส่ชุดฟอร์มเบอร์เจ็ด!
ถ้าฉันทำไม่สำเร็จพี่คงจะมองข้ามหัวฉันอีกเป็นแน่ ต้องแสดงให้เห็นว่าตัวฉันเองก็มีประโยชน์ให้ได้
ยิ่งนานไปพี่สาวก็เริ่มเหวี่ยงใส่ทุกครั้งที่ถามถึงเรื่องนี้ สุดท้ายฉันจึงตัดใจจะไปถามชื่อด้วยตัวเองเสียเลย เย็นวันหนึ่งฉันเลยวิ่งมุ่งตรงไปหานักกีฬาที่ใส่ชุดเบอร์เจ็ดของโรงเรียน
ทั้งที่พกความกล้าไปเต็มเปี่ยม ทั้งที่เตรียมคำพูดไว้มากมาย แต่แล้วสุดท้ายฉันก็ต้องแห้วรับประทาน เมื่อผู้ที่สวมชุดเบอร์เจ็ดตรงหน้ากลับไม่ใช่เจ้าของชุดตัวจริง
สุดท้ายความกล้าและไฟในใจฉันก็เริ่มหมดลง ฉันคงทำอะไรไม่สำเร็จจริงๆอย่างพี่ว่า...
ทั้งที่ฉันตั้งใจว่าจะทิ้งชีวิตไม่เอาไหนแบบนี้ไปเสียที ...
“ข้างหลังเธอนะ”
เจ้าของเสื้อตัวปลอมร้องเตือนขณะชี้บอกให้ฉันหันไปมองข้างหลัง
เด็กหนุ่มผมดำที่วิ่งเข้ามาในโรงยิม ดวงตาแสนสวยสีน้ำตาลเข้มที่มองตรงมาหาแทบทำให้ใจฉันหยุดเต้น วินาทีนั้นแค่เห็นฉันก็รู้ได้ในทันที คนนี้เองที่พี่ชอบ!
ในที่สุดฉันก็เจอแล้วพี่ เสียงร้องยินดีดังขึ้นในใจ ทีนี้ละฉันจะได้เอาไปรายงานให้พี่ฟังทุกวันได้เสียที
แต่ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยอะไรกับเค้าคนนั้น เสียงกรีดร้องจากเบื้องหลังก็ดังขึ้น ทันทีนั้นฉันรู้สึกถึงแรงกระแทกจากลูกบาสเข้าเต็มรัก มันฟาดเข้าไปที่หัวถึงกับส่งฉันล้มลงไปนอนกับพื้นในทันที
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นนะ !!?
ฉันยังพยายามนึกต่อไป... จากนั้นฉันก็โดนรุ่นพี่ผู้หญิงของชมรมรุมกลั่นแกล้งเพราะไม่ชอบขี้หน้า แล้วไม่นานฉันก็ต้องลาออกจากชมรมเพราะเล่นบาสไม่ได้เรื่อง แถมยังโดนรุ่นพี่สี่คนรุมทำร้าย สุดท้ายฉันก็ทำตัวเป็นประโยชน์กับพี่สาวไม่ได้เลย...
ว่าแต่...ทำไมอยู่ๆฉันกลับมานึกถึงเรื่องในอดีตแบบนี้ล่ะ
นา...!!!
อ่ะ!!? ลืมตาแล้วค่ะคุณครู
เสียงร้องตื่นตกใจจากฝูงชนที่รุมล้อมค่อยๆลอยผ่านหู ฉันค่อยๆลืมตาตื่นอย่างมึนๆ ขณะมองไปยังฝูงชนที่อยู่รอบตัวด้วยท่าทางงงๆ ในขณะที่ทอดมองไปที่ทุกคนอีกครั้งอย่างตั้งสติ หัวใจเจ้ากรรมก็หล่นวูบลงไปทันที
ภาพแอนกับฟ้าเพื่อนสนิทสมัย ม ปลายกำลังมองมาที่ฉันอย่างห่วงใย รวมทั้งพี่ๆในชมรมบาสที่ยังดูรุ่นๆที่ฉันเพิ่งรำลึกถึงก็อยู่กันแทบจะครบทุกคนอีกด้วย!
“ดูท่าทางยังงงอยู่เลยค่ะอาจารย์” ฟ้าเอ่ยแสดงความคิดเห็นด้วยสีหน้าห่วงใย ในขณะที่อาจารย์ก็ได้แต่มองมาที่ฉันอย่างกังวล
“งั้นให้ไปนอนที่ห้องพยาบาลแล้วกัน”
ระหว่างที่ทุกคนยังคงปรึกษาเกี่ยวกับอาการของฉัน ตัวฉันได้เพียงมองทุกอย่างด้วยอาการจับต้นจนปลายไม่ถูก ภาพตรงหน้าพิกลนั๊ก ที่นี้มันโรงยิมของโรงเรียนที่ฉันเรียนตอน ม ปลายนี้หนา ฉันจำภาพสถานที่ที่ฉันเคยเรียนสมัยมัธยมตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
เอะ!!? ทำไมฉันมาอยู่ที่นี้ละ ตั้งแต่เมื่อกี้ฉันอยู่ที่ไหน ฉันพยายามนึกกลับไป
อา...ฉันไปงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท อยู่ดีๆก็ถูกพนักงานผู้หญิงที่ไม่สนิทเอาเหล้ามาราดใส่หน้า แถมยังถูกฝนเพื่อนที่บริษัทตวาดใส่อีก แล้วหลังจากนั้น...
ระหว่างที่หัวกำลังหมุนกับเรื่องต่างๆ สายตาเจ้ากรรมก็สบไปยังกระจกที่ถูกติดเอาไว้ไม่ไกลจากอ่างล้างหน้าสำหรับนักกีฬา เงาที่สะท้อนกำลังเล่นตลกจนต้องพาตัวก้าวเข้าไปไกล้ๆเพื่อหวังจะได้เห็นมันอย่างเต็มตา
ภาพเด็กผู้หญิงในชุดพละในกระจกกำลังมองตอบกลับมาด้วยท่าทางเดียวกัน ผมเปียที่หลุดเป็นหย่อมๆดูกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าก็ยับยู้ยี้ ให้ตายสิ นี้มัน.. นี้มันฉันตอน ม ปลายนี้หนา!
ขณะกำลังตาค้างมองภาพตัวเองที่กำลังหยิกแก้มอยู่หน้ากระจก อยู่ๆก็มีใครบางคนส่งเสียงเรียกอยู่ข้างหลังจนต้องหันกลับไปมอง
“ตื่นแล้วนิ เห็นว่ามีธุระอะไรกับฉันหรอ..”
นักกีฬาหมายเลขเจ็ดของชมรมบาสชายกำลังจ้องมองมาที่ฉันอย่างสงสัย วินาทีนั้นฉันได้เพียงอ้าปากค้าง ณ จุดนั้นทุกอย่างช่างดูวุ่นวายสับสน รุ่นพี่ยังคงยืนรอคำตอบในขณะฉันเองที่ใกล้สติแตกได้เพียงสั่งตัวเองให้เอ่ยทักทายคนตรงหน้าที่ไม่เจอกันเสียนานตามมารยาท
ฉันรีบยกมือขึ้นไหว้ในขณะที่ใจก็คิดคำที่จะใช้เอ่ยทัก
ทุกอย่างสะดุดอยู่แค่นั้นทันที
ฉันได้เพียงยืนนิ่งยิ้มค้าง ขณะที่ถามตัวเองว่าทำไมดันนึกชื่อคนตรงหน้าไม่ออกซะงั้น!!?
อะไรกัน...สุดท้ายฉันก็ไม่รู้จักชื่อเค้าหรอกเหรอ ฉันพยายามเค้นหัวคิดต่อไป
“เฮ้...ต้น อาจารย์เรียกแกแน่ะ”
เสียงร้องเรียกดังขึ้นไม่ห่างจากเราทั้งคู่
ใจฉันถึงกับกระตุกเมื่อได้ยินชื่อของคนตรงหน้า อยู่ๆหัวมันก็หมุนติ๋วราวกับกำลังยืนอยู่ในเครื่องซักผ้าที่กำลังปั่น กว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างของฉันก็ทิ้งตัวสลบใส่รุ่นพี่เบอร์เจ็ดอีกครั้งทันที !
ฝากนิยายด้วยนะคะ อย่างลืมคอมเม้นให้กำลังใจเค้าด้วยนะตะเอง (^3^)
นึกสิ…
ค่อยๆนึกถึงมัน...
แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามามันทำให้ถึงกับต้องหรี่ตาลง คำถามค่อยๆลอยเข้ามาในหัว นี้ฉันอยู่ที่ไหนกัน!?
รอบข้างตัวฉันดูว่างเปล่า ภาพตรงหน้าดูสับสนราวกับอยู่ในฝัน ในขณะนั้นเองอยู่ๆก็ปรากฎร่างเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไป ผมเปียของเธอที่ถูกผูกไว้มันทำให้ฉันนึกไปถึงทรงผมสมัยก่อนที่เด็กสาวนิยมทำกัน เด็กสาวส่งเสียงสดใสขณะวิ่งไปหาใครบางคน เธอวิ่งด้วยอาการหอบเล็กน้อยไปหาใครซักคนที่ดูคุ้นตา...
หัวใจฉันหล่นวูบเมื่อจำได้ทันทีว่า คนที่เธอวิ่งไปหาคือพี่สาวของฉันเอง!
พี่สาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างแตกต่าง ตัวเล็กผมดำยาวและดูอ่อนเยาว์ ช่างแตกต่างกับพี่สาวที่เพิ่งออกเรือนไปที่ฉันจำได้ เธอดูราวกับย้อนความสาวกลับไปซักสิบปี
เด็กสาวผมเปียมีท่าทางกระตือรือร้น เธอร้องตอบคำเรียกของพี่สาว ทันทีที่เสียงของเธอดังขึ้นฉันก็รู้ทันทีว่าทำไมทุกอย่างในตัวเธอมันช่างดูคุ้นๆ
นั้นมันตัวฉันนิ !!?
วินาทีนั้นฉันเริ่มแน่ใจว่าฉันคงตายไปแล้วจริงๆ!
“นา...ช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม” พี่สาวเริ่มต้นพูดกับตัวฉันที่ดูราวกับเด็กมัธยม ผมก็ดูรุงรังหน้าตาก็จืดชืดตามประสาเด็ก แต่มีบางสิ่งที่แปลกเหลือเกิน ตัวฉันคนนั้นทำไมช่างดูแจ่มใสนั๊ก รอยยิ้มและแววตาสดใสของเด็กสาวตรงหน้าทำให้รู้สึกราวกับเธอเป็นใครซักคนที่ฉันไม่เคยรู้จัก
“พี่อยากให้เธอไปเข้าชมรมบาส แล้วถ้าเธอเป็นสมาชิกชมรมบาส ตอนนั้นเธอคงได้รู้จักรุ่นพี่ที่เป็นนักกีฬา” ถึงตรงนี้พี่สาวก็เริ่มเอ่ยต่ออย่างเขินอาย “ถ้าเธอได้เจอกับนักกีฬาเบอร์เจ็ดของชมรมบาสชาย ถ้าเธอรู้จักชื่อเค้าบอกพี่ด้วยนะนา”
ใช่แล้ว...ตอนนั้นฉันตื่นเต้นมาก คนที่หวังพึงพาอะไรไม่ค่อยได้อย่างฉัน อยู่ๆก็ได้รับหน้าที่สำคัญจากพี่สาว พี่สาวที่ทำอะไรก็ดีไปหมดคนนั้น แล้วหลังจากนั้นละ ?
ฉันเริ่มรำลึกความทรงจำ แล้ว...หลังจากนั้นฉันก็ไปสมัครชมรมบาส คิดแล้วฉันก็นึกไปถึงรุ่นพี่ผู้หญิงของชมรมที่ตีหน้าไม่พอใจกลับมา พวกเธอไม่ยอมบอกอะไรกับฉันเลย แถมยังหาว่าฉันเข้าชมรมมาเพื่อหวังอ่อยนักกีฬาชายซะงั้น หากแต่เวลานั้นฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หน้าที่ที่พี่สาวมอบให้ยังคงสำคัญเกินกว่าสิ่งใดทั้งนั้น!
เพียงแต่จนแล้วจนรอดฉันก็ยังไม่ได้ชื่อของคนๆนั้นมาให้พี่ซักที เพราะฉันยังอายสายตาของคนอื่นเกินไป ทำได้เพียงบอกตัวเองว่าต้องรีบตามหาให้เจอ
นักกีฬาที่ใส่ชุดฟอร์มเบอร์เจ็ด!
ถ้าฉันทำไม่สำเร็จพี่คงจะมองข้ามหัวฉันอีกเป็นแน่ ต้องแสดงให้เห็นว่าตัวฉันเองก็มีประโยชน์ให้ได้
ยิ่งนานไปพี่สาวก็เริ่มเหวี่ยงใส่ทุกครั้งที่ถามถึงเรื่องนี้ สุดท้ายฉันจึงตัดใจจะไปถามชื่อด้วยตัวเองเสียเลย เย็นวันหนึ่งฉันเลยวิ่งมุ่งตรงไปหานักกีฬาที่ใส่ชุดเบอร์เจ็ดของโรงเรียน
ทั้งที่พกความกล้าไปเต็มเปี่ยม ทั้งที่เตรียมคำพูดไว้มากมาย แต่แล้วสุดท้ายฉันก็ต้องแห้วรับประทาน เมื่อผู้ที่สวมชุดเบอร์เจ็ดตรงหน้ากลับไม่ใช่เจ้าของชุดตัวจริง
สุดท้ายความกล้าและไฟในใจฉันก็เริ่มหมดลง ฉันคงทำอะไรไม่สำเร็จจริงๆอย่างพี่ว่า...
ทั้งที่ฉันตั้งใจว่าจะทิ้งชีวิตไม่เอาไหนแบบนี้ไปเสียที ...
“ข้างหลังเธอนะ”
เจ้าของเสื้อตัวปลอมร้องเตือนขณะชี้บอกให้ฉันหันไปมองข้างหลัง
เด็กหนุ่มผมดำที่วิ่งเข้ามาในโรงยิม ดวงตาแสนสวยสีน้ำตาลเข้มที่มองตรงมาหาแทบทำให้ใจฉันหยุดเต้น วินาทีนั้นแค่เห็นฉันก็รู้ได้ในทันที คนนี้เองที่พี่ชอบ!
ในที่สุดฉันก็เจอแล้วพี่ เสียงร้องยินดีดังขึ้นในใจ ทีนี้ละฉันจะได้เอาไปรายงานให้พี่ฟังทุกวันได้เสียที
แต่ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยอะไรกับเค้าคนนั้น เสียงกรีดร้องจากเบื้องหลังก็ดังขึ้น ทันทีนั้นฉันรู้สึกถึงแรงกระแทกจากลูกบาสเข้าเต็มรัก มันฟาดเข้าไปที่หัวถึงกับส่งฉันล้มลงไปนอนกับพื้นในทันที
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นนะ !!?
ฉันยังพยายามนึกต่อไป... จากนั้นฉันก็โดนรุ่นพี่ผู้หญิงของชมรมรุมกลั่นแกล้งเพราะไม่ชอบขี้หน้า แล้วไม่นานฉันก็ต้องลาออกจากชมรมเพราะเล่นบาสไม่ได้เรื่อง แถมยังโดนรุ่นพี่สี่คนรุมทำร้าย สุดท้ายฉันก็ทำตัวเป็นประโยชน์กับพี่สาวไม่ได้เลย...
ว่าแต่...ทำไมอยู่ๆฉันกลับมานึกถึงเรื่องในอดีตแบบนี้ล่ะ
นา...!!!
อ่ะ!!? ลืมตาแล้วค่ะคุณครู
เสียงร้องตื่นตกใจจากฝูงชนที่รุมล้อมค่อยๆลอยผ่านหู ฉันค่อยๆลืมตาตื่นอย่างมึนๆ ขณะมองไปยังฝูงชนที่อยู่รอบตัวด้วยท่าทางงงๆ ในขณะที่ทอดมองไปที่ทุกคนอีกครั้งอย่างตั้งสติ หัวใจเจ้ากรรมก็หล่นวูบลงไปทันที
ภาพแอนกับฟ้าเพื่อนสนิทสมัย ม ปลายกำลังมองมาที่ฉันอย่างห่วงใย รวมทั้งพี่ๆในชมรมบาสที่ยังดูรุ่นๆที่ฉันเพิ่งรำลึกถึงก็อยู่กันแทบจะครบทุกคนอีกด้วย!
“ดูท่าทางยังงงอยู่เลยค่ะอาจารย์” ฟ้าเอ่ยแสดงความคิดเห็นด้วยสีหน้าห่วงใย ในขณะที่อาจารย์ก็ได้แต่มองมาที่ฉันอย่างกังวล
“งั้นให้ไปนอนที่ห้องพยาบาลแล้วกัน”
ระหว่างที่ทุกคนยังคงปรึกษาเกี่ยวกับอาการของฉัน ตัวฉันได้เพียงมองทุกอย่างด้วยอาการจับต้นจนปลายไม่ถูก ภาพตรงหน้าพิกลนั๊ก ที่นี้มันโรงยิมของโรงเรียนที่ฉันเรียนตอน ม ปลายนี้หนา ฉันจำภาพสถานที่ที่ฉันเคยเรียนสมัยมัธยมตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
เอะ!!? ทำไมฉันมาอยู่ที่นี้ละ ตั้งแต่เมื่อกี้ฉันอยู่ที่ไหน ฉันพยายามนึกกลับไป
อา...ฉันไปงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท อยู่ดีๆก็ถูกพนักงานผู้หญิงที่ไม่สนิทเอาเหล้ามาราดใส่หน้า แถมยังถูกฝนเพื่อนที่บริษัทตวาดใส่อีก แล้วหลังจากนั้น...
ระหว่างที่หัวกำลังหมุนกับเรื่องต่างๆ สายตาเจ้ากรรมก็สบไปยังกระจกที่ถูกติดเอาไว้ไม่ไกลจากอ่างล้างหน้าสำหรับนักกีฬา เงาที่สะท้อนกำลังเล่นตลกจนต้องพาตัวก้าวเข้าไปไกล้ๆเพื่อหวังจะได้เห็นมันอย่างเต็มตา
ภาพเด็กผู้หญิงในชุดพละในกระจกกำลังมองตอบกลับมาด้วยท่าทางเดียวกัน ผมเปียที่หลุดเป็นหย่อมๆดูกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าก็ยับยู้ยี้ ให้ตายสิ นี้มัน.. นี้มันฉันตอน ม ปลายนี้หนา!
ขณะกำลังตาค้างมองภาพตัวเองที่กำลังหยิกแก้มอยู่หน้ากระจก อยู่ๆก็มีใครบางคนส่งเสียงเรียกอยู่ข้างหลังจนต้องหันกลับไปมอง
“ตื่นแล้วนิ เห็นว่ามีธุระอะไรกับฉันหรอ..”
นักกีฬาหมายเลขเจ็ดของชมรมบาสชายกำลังจ้องมองมาที่ฉันอย่างสงสัย วินาทีนั้นฉันได้เพียงอ้าปากค้าง ณ จุดนั้นทุกอย่างช่างดูวุ่นวายสับสน รุ่นพี่ยังคงยืนรอคำตอบในขณะฉันเองที่ใกล้สติแตกได้เพียงสั่งตัวเองให้เอ่ยทักทายคนตรงหน้าที่ไม่เจอกันเสียนานตามมารยาท
ฉันรีบยกมือขึ้นไหว้ในขณะที่ใจก็คิดคำที่จะใช้เอ่ยทัก
ทุกอย่างสะดุดอยู่แค่นั้นทันที
ฉันได้เพียงยืนนิ่งยิ้มค้าง ขณะที่ถามตัวเองว่าทำไมดันนึกชื่อคนตรงหน้าไม่ออกซะงั้น!!?
อะไรกัน...สุดท้ายฉันก็ไม่รู้จักชื่อเค้าหรอกเหรอ ฉันพยายามเค้นหัวคิดต่อไป
“เฮ้...ต้น อาจารย์เรียกแกแน่ะ”
เสียงร้องเรียกดังขึ้นไม่ห่างจากเราทั้งคู่
ใจฉันถึงกับกระตุกเมื่อได้ยินชื่อของคนตรงหน้า อยู่ๆหัวมันก็หมุนติ๋วราวกับกำลังยืนอยู่ในเครื่องซักผ้าที่กำลังปั่น กว่าจะรู้ตัวอีกทีร่างของฉันก็ทิ้งตัวสลบใส่รุ่นพี่เบอร์เจ็ดอีกครั้งทันที !
ฝากนิยายด้วยนะคะ อย่างลืมคอมเม้นให้กำลังใจเค้าด้วยนะตะเอง (^3^)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
1 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ