My Lovely Writer อยากเขียนคำว่ารักไว้ในใจเธอ
-
เขียนโดย yoongpeskyy
วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
4,873 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2558 00.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ไกรวิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ท้องฟ้ายามเย็นมืดครึ้มไปด้วยเมฆฝนที่กำลังตั้งเค้าและก่อนที่หยาดฝนในช่วงปลายฤดูแห่งความเหงาแบบนี้จะโปรยปราย พ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัดขนาดใหญ่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายตั้งเรียงรายอยู่นับร้อยบนถนนสายยาวต่างเริ่มทยอยเอาร่มออกมากางกันฝน ผู้คนบางส่วนเริ่มเร่งรีบกับการจับจ่ายซื้อของ บางส่วนกำลังหาร่มในกระเป๋าที่ติดตัวมาจากบ้านและบางคนยังคงเดินเอื่อยๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน
สำหรับไกรวินเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ไม่ไกลจากตลาดนัดนั้นยังคงใจเย็นกับการมาของเมฆฝน ชายหนุ่มนั่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้หน้าร้านอย่างสบายอารมณ์ เขาเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบฤดูนี้เพราะนอกจากมันจะให้ความรู้สึกชุ่มชื้นแล้ว มันยังทำให้เขาได้คิดถึงใครบางคนที่ติดตรึงใจในไม่ลืม
ภาพหญิงสาวร่างเล็กปรากฏในใจของชายหนุ่มสร้างรอยยิ้มบางๆ เปื้อนใบหน้าหลอเหลา เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักเหลือเกินในความคิดของเขา ใบหน้าหวานอ่อนใส ผมยาวสลวยถูกมัดเก็บอย่างเรียบร้อย ดวงตากลมโตแต่งแต้มด้วยขนตายาวราวกับแพรไหม จมูกเล็กรับกับริมฝีปากปากอิ่ม ผิวพรรณนวลผ่องบวกกับบุคลิกสดใสทำให้เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่พบกันครั้งแรก
‘ฉันอ่านทุกข้อความ ได้รับของขวัญทุกชิ้น รู้สึกได้ถึงความห่วงใยและความรู้สึกดีๆ ของเธอมาตลอด ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง ขอให้โชคดีนะ…นลิน’
นั่นเป็นข้อความเพียงข้อความเดียวที่ไกรวินได้รับจากเธอในวันที่เขาจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย
ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันหน้าประตูโรงเรียนในวันเปิดเทอมชั้น ม.4 เด็กหนุ่มอย่างไกรวินก็ไม่อาจละสายตาจากเด็กสาวที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อได้เลยสักวินาทีเดียว เขาสืบจนรู้ชื่อของเธอ เบอร์โทรศัพท์ วันเกิด และเริ่มปฏิบัติการที่ตัวเขาเรียกว่า’จีบ’
ดอกไม้ดอกแรกส่งถึงเธอในวันวาเลนไทน์ของปีถัดมา ไม่มีคำตอบรับ ไม่มีคำถามและไม่มีคำตอบ เพราะเขาไม่ได้ไปให้เธอด้วยตัวเอง เด็กหนุ่มเพียงแต่วางมันไว้บนโต๊ะเรียนตัวประจำของเธอและเขียนชื่อของเด็กสาวแนบไว้เท่านั้น ต่อมาเมื่อถึงวันเกิดของเธอ เขาตั้งใจซื้อหนังสือนิยายให้เป็นของขวัญเพราะสืบรู้มาว่านลินชอบอ่านหนังสือและมีความฝันว่าอยากเป็นนักเขียน เช่นเดิมไม่มีคำตอบจากเด็กสาวที่ครอบครองหัวใจของเขา แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อและยังเพียรส่งข้อความ ของขวัญและดอกไม้ให้เธอในวันสำคัญต่างๆ โดยไม่เปิดเผยตัวตน
จนกระทั่งวันที่หัวใจของชายหนุ่มแทบสลายเมื่อได้ยินข่าวจากเพื่อนสนิทว่าเธอตกลงคบหากับชลที่อยู่ห้องเดียวกัน
ไม่มีน้ำตาจากเด็กหนุ่มที่ชื่อไกรวิน มีเพียงรอยแผลจากรักครั้งแรก เขาไม่ได้ส่งอะไรไปให้เธออีกเลยจนกระทั่งเขาจบการศึกษา เธอจึงได้ส่งข้อความนั่นมาทางโทรศัพท์ หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในเชียงใหม่เพื่อเลียแผลใจพร้อมๆ กับเริ่มตามฝันบนถนนสายนักเขียนเช่นเดียวกับนลิน
ชายหนุ่มยิ้มบางเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ถึงแม้รักครั้งนั้นจะไม่สมหวังแต่เขาก็ไม่เคยเสียดายเลยที่ได้มอบความรู้สึกดีๆ ให้กับเธอจนถึงตอนี้ นอกจากนั้นเธอยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาไม่อาจจะมอบหัวใจให้ใครคนอื่นได้
มือหนาเลื่อนประตูร้านปิดเข้าหากันก่อนจะคล้องกุญแจอย่างแน่นหนาหลังจากที่ลูกค้าคนสุดท้ายที่นั่งรอฝนหยุดออกจากร้านไปซึ่งก็เป็นเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว ชายหนุ่มเดินเอื่อยๆ ไปบนถนนทอดยาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยของของเหลวที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าก่อนหน้า แสงสีส้มสลัวของเสาไฟฟ้าสองข้างทางและกลิ่นหยาดฝนทำให้เขารู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างประหลาด
ดวงตาคมทอดมองไปข้างหน้าอย่างสงบนิ่งก่อนจะไปสะดุดกับร่างบางของหญิงสาวสองคนที่ทำท่าทางแปลกๆ ราวกับว่าเธอกำลังหลงทาง
สองเท้าพาตัวเขาเดินเข้าไปใกล้เธอทั้งคู่เรื่อยๆ พลางพิจารณาลักษณะภายนอกใต้แสงสลัวยามค่ำคืน หญิงสาวคนแรกผมสั้นประบ่าและสวมเสื้อแขนยาวสีฟ้า ส่วนอีกคนผมยาวสลวยถูกมัดรวบตึงพร้อมกับสวมเสื้อสีเขียวอ่อนๆ ทั้งคู่สะพายเป้ใบใหญ่ที่มองๆ ดูแล้วหนักแทน
เมื่อคิดว่าใกล้พอที่จะเอ่ยถามได้โดยที่หญิงสาวทั้งสองจะไม่ตกใจ เขาจึงเริ่มพูด
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ” หญิงสาวทั้งสองหันมองยังต้นเสียงและจังหวะนี้เองที่ทำให้เขาได้มองใบหน้าทั้งคู่ชัดๆ
…นลิน…ราวกับโลกหยุดหมุนลงตรงหน้าเมื่อดวงตากลมโตสบกับดวงตาคมสีนิลของเขา เป็นเธอนั่นเอง เธอผู้ที่ครอบครองหัวใจของเขามาตลอดหลายปี ไกรวินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะทำให้ไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอพูดตอบกลับมา
“คุณคะ คุณคะ…” เสียงหวานใสของนลินเรียกพลางโบกมือเรียวต่อหน้า
“คะ…ครับผม” ชายหนุ่มรู้สึกตัว “ว่าอะไรนะครับ”
“คือว่าเราสองคนหลงทางน่ะค่ะ” หญิงสาวผมสั้นแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก ไกรวินไม่รู้จักเธอแต่คาดว่าเธอคงเป็นเพื่อนสนิทของนลิน
ในระหว่างนั้นชายหนุ่มคงไม่รู้ตัวเลยว่าที่จริงแล้วนลินก็ลอบมองเขาอยู่เช่นกัน ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่หญิงสาวกลับรู้สึกคุ้นหน้าเขา
“แล้วคุณสองคนจะไปไหนกันล่ะครับ”
“ไปบ้านคุณย่าบัวค่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มจางๆ “งั้นตามมาเลยครับ”
ถึงจะงงๆ แต่สองสาวก็ก้าวตามเขาต้อยๆ ราวกับชายหนุ่มคนนี้คือที่พึ่งสุดท้าย
ชายหนุ่มเดินนำหญิงสาวสองคนไปตามถนนสายเล็กๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนหลังน้อยใหญ่เรียงรายกันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง
“คุณรู้จักบ้านคุณย่าด้วยเหรอคะ” หมอกถามขึ้นในขณะที่ยังเดินไปข้างหน้า ไกรวินยิ้มจาง
“ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ครับ ผมว่าเราน่าจะอายุพอๆ กัน”
คำพูดนั้นกระตุกใจคนฟังอย่างนลินเล็กน้อย คำถามเกิดขึ้นในใจเธอทันที
…ทำไมถึงคิดว่าเราจะอายุพอๆ กัน…
“ผมอยู่ข้างๆ บ้านคุณย่าน่ะครับ ตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่ง จนตอนนี้เรียนอยู่ปีสามแล้ว” สองสาวหันขวับทันทีที่ได้ยินว่าเขาเรียนอยู่ปีสาม ถึงแม้เขาไม่ได้ดูแก่เกินวัยแต่ว่าดูจากท่าทางและคำพูดของเขาแล้ว เขาช่างดูเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน
“เราสองคนก็เรียนอยู่ปีสามเหมือนกันค่ะ” หมอกตอบอีกครั้ง
ไกรวินลอบมองนลินที่เดินอยู่ข้างๆ ตัวเองพลางยิ้มจางๆ เธอดูไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย ดวงตากลมโตที่สะกดเคยสะกดเขาได้ยังไงก็ยังคงสะกดเขาได้เช่นเดิม และรอยยิ้มหวานสดใสก็ยังคงทำให้เขาตกหลุมรักเธอได้อีกครั้ง แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะคิดไปไกล เขาก็นึกขึ้นได้ว่านลินคบกับชลแล้วตัวเขาก็ไม่รู้ถึงความเป็นไปของความสัมพันธ์นั้นตั้งแต่รู้ข่าว
ความคิดของชายหนุ่มล่องลอยไปไกลแค่ไหนไม่รู้จนคนข้างๆ สะกิดถาม
“อีกไกลมั้ยคะ” นลินเอ่ยเสียงเรียบ
“เอ่อ…ขอโทษครับ” เขามองซ้ายขวาก็ปรากฏว่าทั้งสามได้มาหยุดที่หน้าบ้านคุณย่าบัวเรียบร้อยแล้ว “ถึงแล้วครับผม”
หญิงสาวสองคนมองตามมือที่ผายไปของไกรวิน บ้านไม้เรือนไทยขนาดใหญ่งดงามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ปรากฏต่อสายตา ประตูหน้าบ้านถูกออกแบบให้สอดคล้องกับตัวบ้าน บ่งบอกถึงรสนิยมและฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดี นลินยิ้มกับความร่มรื่นและอบอุ่นนั้นโดยไม่รู้ตัวว่าชายหนุ่มกำลังมองเธออยู่
หมอกยิ้มดีใจพลางก้มหัวให้เขา “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ คุณ…”
“ผมชื่อไกรวินครับ เรียกวินเฉยๆ ก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับ เราอายุเท่ากัน”
“ฉันชื่อหมอก ส่วนนี่นลินค่ะ” หมอกชื่อไปที่เพื่อนที่ส่งยิ้มบางๆ ให้ชายหนุ่ม
ไกรวินเดินไปกดออดที่อยู่ข้างประตูใหญ่ด้านหน้าพลางชะเง้อมองไปยังภายในตัวบ้าน ไม่นานก็มีเด็กสาวคนหนึ่งมาเปิดประตู
“อ้าว พี่วิน ทำไมมาค่ำจังเลย”
สรรพนามที่เด็กสาวคนนั้นใช้เรียกแทนชายหนุ่มช่างดูสนิทสนม นลินจึงเดาว่าเธอคงไม่ใช่เด็กรับใช้เป็นแน่
“พาหลานสาวคุณย่ามาส่งน่ะ” ไกรวินมองไปที่สองสาวที่ยืนเงียบมานาน หมอกและนลินส่งยิ้มเป็นมิตรให้เด็กสาว
“สวัสดีค่ะ พี่หมอกใช่หรือเปล่าคะ” เด็กสาวยกมือไหว้ หมอกพยักหน้ารับงงๆ “ย่าบัวพูดถึงพี่บ่อยๆ น่ะค่ะ”
“ผมว่าเราเข้าไปข้างในดีมั้ยครับ”
“ขอบใจนะพ่อวินที่พาหลานย่ามาส่ง” ย่าบัวกล่าวด้วยรอยยิ้มซึ่งชายหนุ่มก็เพียงแค่พยักหน้ารับ
“น้ำค่ะ” เด็กสาวคนเดิมยกแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้แขกทุกคน
“หมอก หนูลิน นี่ลำธารเป็นหลานบุญธรรมของย่าเอง ย่ารับมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ”
หญิงสาวทั้งสองยิ้มให้ลำธาร นลินลอบมองเด็กสาวที่ย่าบัวลูบหัวอย่างเอ็นดู เธอช่างเป็นเด็กที่สดใสจนนลินรู้สึกอิจฉาเล็กๆ พลางตั้งคำถามในใจกับตัวเอง …ความสดใสของฉันหายไปไหนกันนะ…
“ส่วนพ่อวินนี่ก็อยู่บ้านติดกับเรา ย่าเห็นมาตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ใหม่ๆ” หญิงชราหันไปมองไกรวิน “กี่ปีแล้วนะพ่อวิน”
“เกือบสามปีแล้วครับ”
ย่าบัวหัวเราะเบาะๆ “สามปีแล้วเหรอ เวลานี่ผ่านไปเร็วจริง”
“แล้วคุณย่าอยู่กับน้องลำธารแค่สองเหรอคะ” หมอกถาม
“ไม่หรอก ยังมีพ่อภูผาอีกคน แต่ป่านนี้ยังไม่กลับเลย”
หมอกตาโต “อย่าบอกนะคะว่าเป็นหลานบุญธรรมอีกคน”
“ไม่ใช่ๆ” คราวนี้ย่าบัวหัวเราะเสียงดังกับท่าทางของหลานสาว “เขามาเช่าเรือนเล็กอยู่น่ะ”
“แล้วไปค่ะคุณย่า ว่าแต่ว่าเขาไว้ใจได้ใช่มั้ยคะ” หมอกมีท่าทีระแวงจนนลินอดขำแทบไม่ไหว
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ไว้ใจได้ พึ่งพาได้เหมือนพ่อวินนี่แหละ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างกับคำชมนั้น “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“ขนาดนี้แหละค่ะพี่วิน” ลำธารพูดแทรกขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้น “พี่ๆ รู้มัยคะ พี่วินน่ารักมากๆ เลยนะคะ สอนธารทำการบ้าน ไปรับไปส่งแถมยังให้กินขนมที่ร้านกาแฟบ่อยๆ ด้วย”
ดวงตากลมโตของนลินมองคนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นหน้าเขาคนนี้เหลือเกิน ส่วนเด็กสาวคนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลึกๆ แล้วเธอคงจะชอบเขาไม่น้อย
“น้อยๆ หน่อยลำธาร” เสียงย่าบัวเอ็ดเบาๆ เด็กสาวจึงยิ้มแหยๆ
“ไปพักผ่อนเถอะลูก พรุ่งนี้ย่าจะพาไปทำบุญ”
“ค่ะ” สองสาวพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องพักไป
ไกวินเดินกลับมาที่บ้านซึ่งอยู่ข้างๆ บ้านย่าบัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านร่างสูงก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาวพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในใจนึกถึงเรื่องราววันเก่าๆ ก่อนจะหยิบมือถือเครื่องเดิมขึ้นมาเปิดอ่านข้อความที่หญิงสาวส่งให้เขาในอดีตซ้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
…เพราะว่าโลกมันกลม เพราะความบังเอิญหรือว่า…พรหมลิขิตนะ…ที่ทำให้เขาได้มาพบกับเธออีกครั้ง…
นิ้วเรียวบรรจงดีดสายกีตาร์ออกมาเป็นบทเพลงที่เขารู้สึกว่ามันช่างบ่งบอกถึงตัวเองได้อย่างชัดเจน
มองไปไกลที่ดวงดาวสุดขอบฟ้าไกล…อยากจะไปไปให้ถึงครึ่งทางแสงเธอ ดวงดาราเหมือนไม่มีวันจะพบเจอ…อยากให้เธอส่องแสงลงมาพื้นดิน
มองจันทราเมื่อเวลามันกลบแสงดาว…กลัวทุกคราวเพราะว่าฉันนั้นคือก้อนหิน
กลัวดวงดาวไม่ทอแสงลงกระทบดิน…และก้อนหินอย่างฉันคงไม่สวยงาม
อยากให้ดาวดวงนั้นรู้ว่า…เมื่อดาราส่องแสงฉันดูสดใส อยากให้ดาวดวงนั้นเข้าใจ…ขาดเธอไปตัวฉันคงหมดสิ้นกัน อยากให้ความทรงจำ…ที่เธอให้ไว้ช่วยทอแสงประกายทุกวัน เพราะเพียงแค่ความอบอุ่นจากเธอไม่นาน…จะต่อเติมความสำคัญฉันได้
(เพลงก้อนหินละเมอ ศิลปิน Soul After Six)
ดวงตาสีนิลจ้องมองไปยังบ้านข้างๆ ก่อนมุมปากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ แต่เมื่อนึกได้ว่าเธอมีคนรักแล้ว ปลายนิ้วจึงหยุดทำงานเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันจบเพลง ไกรวินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะวางกีตาร์ลง ในหัวมีความคิดมากมายที่เกี่ยวกับเธอ
…หยุดคิดสิวะไอ้วิน…
ราวกับสมองกับหัวใจจะทะเลาะกันอย่างหนัก โดยสมองสั่งชัดเจนว่าให้หยุดคิดถึงเธอที่มีเจ้าของแล้ว ในขณะที่หัวใจกลับโต้กลับไปจนสมองหงายหลังว่าให้เขาเดินหน้าเพื่อความรักอีกครั้ง
เสียงกีตาร์หวานหูดังแววไปทั่วจนนลินเองอดที่จะตั้งใจฟังมันไม่ได้ เพราะนอกจากชลแล้วเธอไม่เคยฟังฝีมือกีตาร์ของใครจะดูมีชีวิตชีวาได้ขนาดนี้ แม้จะฟังในระยะไกลแต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนหวานที่ถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วของใครคนนั้น
หญิงสาวเดินออกมายังระเบียงพลางเงี่ยหูฟังเสียงเพลง ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจากบ้านหลังเล็กที่อยู่ถัดไปนี่เอง
…ไกรวิน…
เมื่อสรุปกับตัวเองว่าเป็นเขา นลินก็พลันนึกถึงชายร่างสูงโปร่งคนนั้น ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้ม ดวงตาสีนิลที่ฉายแววจริงจังและอ่อนโยน จมูกโด่งได้รูปสวย ริมฝีปากบางราวกับหญิงสาว ถึงเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่คลั่งไคล้หนุ่มหล่อแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าชายคนนี้หน้าตาดีเอาการ
เสียงเพลงหยุดลงดื้อๆ ในจังหวะที่หมอกเดินออกจากห้องน้ำพอดี นลินแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใส่ใจนัก
“ลิน ทำอะไรอยู่” หมอกถามขณะกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียก
“เปล่าหรอก” นลินเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงข้างๆ เพื่อน “ที่นี้สวยดีนะ”
“ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชอบ”
หญิงสาวยิ้ม “ขอบใจสำหรับทุกอย่างนะหมอก ขอบใจจริงๆ”
ประโยคขอบคุณนั้นไม่ได้หมายถึงการที่เพื่อนพาเธอมาเที่ยวที่นี้เพียงอย่างเดียว แต่มันหมายรวมถึงการที่หมอกอยู่ข้างๆ เธอมาตลอด
หมอกดึงเพื่อนมากอดไว้หลวมๆ “ไม่เป็นไรลิน เราเพื่อนกัน”
สำหรับไกรวินเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ไม่ไกลจากตลาดนัดนั้นยังคงใจเย็นกับการมาของเมฆฝน ชายหนุ่มนั่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้หน้าร้านอย่างสบายอารมณ์ เขาเป็นหนึ่งคนที่ชื่นชอบฤดูนี้เพราะนอกจากมันจะให้ความรู้สึกชุ่มชื้นแล้ว มันยังทำให้เขาได้คิดถึงใครบางคนที่ติดตรึงใจในไม่ลืม
ภาพหญิงสาวร่างเล็กปรากฏในใจของชายหนุ่มสร้างรอยยิ้มบางๆ เปื้อนใบหน้าหลอเหลา เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักเหลือเกินในความคิดของเขา ใบหน้าหวานอ่อนใส ผมยาวสลวยถูกมัดเก็บอย่างเรียบร้อย ดวงตากลมโตแต่งแต้มด้วยขนตายาวราวกับแพรไหม จมูกเล็กรับกับริมฝีปากปากอิ่ม ผิวพรรณนวลผ่องบวกกับบุคลิกสดใสทำให้เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่พบกันครั้งแรก
‘ฉันอ่านทุกข้อความ ได้รับของขวัญทุกชิ้น รู้สึกได้ถึงความห่วงใยและความรู้สึกดีๆ ของเธอมาตลอด ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง ขอให้โชคดีนะ…นลิน’
นั่นเป็นข้อความเพียงข้อความเดียวที่ไกรวินได้รับจากเธอในวันที่เขาจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย
ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันหน้าประตูโรงเรียนในวันเปิดเทอมชั้น ม.4 เด็กหนุ่มอย่างไกรวินก็ไม่อาจละสายตาจากเด็กสาวที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อได้เลยสักวินาทีเดียว เขาสืบจนรู้ชื่อของเธอ เบอร์โทรศัพท์ วันเกิด และเริ่มปฏิบัติการที่ตัวเขาเรียกว่า’จีบ’
ดอกไม้ดอกแรกส่งถึงเธอในวันวาเลนไทน์ของปีถัดมา ไม่มีคำตอบรับ ไม่มีคำถามและไม่มีคำตอบ เพราะเขาไม่ได้ไปให้เธอด้วยตัวเอง เด็กหนุ่มเพียงแต่วางมันไว้บนโต๊ะเรียนตัวประจำของเธอและเขียนชื่อของเด็กสาวแนบไว้เท่านั้น ต่อมาเมื่อถึงวันเกิดของเธอ เขาตั้งใจซื้อหนังสือนิยายให้เป็นของขวัญเพราะสืบรู้มาว่านลินชอบอ่านหนังสือและมีความฝันว่าอยากเป็นนักเขียน เช่นเดิมไม่มีคำตอบจากเด็กสาวที่ครอบครองหัวใจของเขา แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อและยังเพียรส่งข้อความ ของขวัญและดอกไม้ให้เธอในวันสำคัญต่างๆ โดยไม่เปิดเผยตัวตน
จนกระทั่งวันที่หัวใจของชายหนุ่มแทบสลายเมื่อได้ยินข่าวจากเพื่อนสนิทว่าเธอตกลงคบหากับชลที่อยู่ห้องเดียวกัน
ไม่มีน้ำตาจากเด็กหนุ่มที่ชื่อไกรวิน มีเพียงรอยแผลจากรักครั้งแรก เขาไม่ได้ส่งอะไรไปให้เธออีกเลยจนกระทั่งเขาจบการศึกษา เธอจึงได้ส่งข้อความนั่นมาทางโทรศัพท์ หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในเชียงใหม่เพื่อเลียแผลใจพร้อมๆ กับเริ่มตามฝันบนถนนสายนักเขียนเช่นเดียวกับนลิน
ชายหนุ่มยิ้มบางเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ถึงแม้รักครั้งนั้นจะไม่สมหวังแต่เขาก็ไม่เคยเสียดายเลยที่ได้มอบความรู้สึกดีๆ ให้กับเธอจนถึงตอนี้ นอกจากนั้นเธอยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาไม่อาจจะมอบหัวใจให้ใครคนอื่นได้
มือหนาเลื่อนประตูร้านปิดเข้าหากันก่อนจะคล้องกุญแจอย่างแน่นหนาหลังจากที่ลูกค้าคนสุดท้ายที่นั่งรอฝนหยุดออกจากร้านไปซึ่งก็เป็นเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว ชายหนุ่มเดินเอื่อยๆ ไปบนถนนทอดยาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยของของเหลวที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าก่อนหน้า แสงสีส้มสลัวของเสาไฟฟ้าสองข้างทางและกลิ่นหยาดฝนทำให้เขารู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างประหลาด
ดวงตาคมทอดมองไปข้างหน้าอย่างสงบนิ่งก่อนจะไปสะดุดกับร่างบางของหญิงสาวสองคนที่ทำท่าทางแปลกๆ ราวกับว่าเธอกำลังหลงทาง
สองเท้าพาตัวเขาเดินเข้าไปใกล้เธอทั้งคู่เรื่อยๆ พลางพิจารณาลักษณะภายนอกใต้แสงสลัวยามค่ำคืน หญิงสาวคนแรกผมสั้นประบ่าและสวมเสื้อแขนยาวสีฟ้า ส่วนอีกคนผมยาวสลวยถูกมัดรวบตึงพร้อมกับสวมเสื้อสีเขียวอ่อนๆ ทั้งคู่สะพายเป้ใบใหญ่ที่มองๆ ดูแล้วหนักแทน
เมื่อคิดว่าใกล้พอที่จะเอ่ยถามได้โดยที่หญิงสาวทั้งสองจะไม่ตกใจ เขาจึงเริ่มพูด
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ” หญิงสาวทั้งสองหันมองยังต้นเสียงและจังหวะนี้เองที่ทำให้เขาได้มองใบหน้าทั้งคู่ชัดๆ
…นลิน…ราวกับโลกหยุดหมุนลงตรงหน้าเมื่อดวงตากลมโตสบกับดวงตาคมสีนิลของเขา เป็นเธอนั่นเอง เธอผู้ที่ครอบครองหัวใจของเขามาตลอดหลายปี ไกรวินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะทำให้ไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอพูดตอบกลับมา
“คุณคะ คุณคะ…” เสียงหวานใสของนลินเรียกพลางโบกมือเรียวต่อหน้า
“คะ…ครับผม” ชายหนุ่มรู้สึกตัว “ว่าอะไรนะครับ”
“คือว่าเราสองคนหลงทางน่ะค่ะ” หญิงสาวผมสั้นแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก ไกรวินไม่รู้จักเธอแต่คาดว่าเธอคงเป็นเพื่อนสนิทของนลิน
ในระหว่างนั้นชายหนุ่มคงไม่รู้ตัวเลยว่าที่จริงแล้วนลินก็ลอบมองเขาอยู่เช่นกัน ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่หญิงสาวกลับรู้สึกคุ้นหน้าเขา
“แล้วคุณสองคนจะไปไหนกันล่ะครับ”
“ไปบ้านคุณย่าบัวค่ะ”
ชายหนุ่มยิ้มจางๆ “งั้นตามมาเลยครับ”
ถึงจะงงๆ แต่สองสาวก็ก้าวตามเขาต้อยๆ ราวกับชายหนุ่มคนนี้คือที่พึ่งสุดท้าย
ชายหนุ่มเดินนำหญิงสาวสองคนไปตามถนนสายเล็กๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนหลังน้อยใหญ่เรียงรายกันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง
“คุณรู้จักบ้านคุณย่าด้วยเหรอคะ” หมอกถามขึ้นในขณะที่ยังเดินไปข้างหน้า ไกรวินยิ้มจาง
“ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ครับ ผมว่าเราน่าจะอายุพอๆ กัน”
คำพูดนั้นกระตุกใจคนฟังอย่างนลินเล็กน้อย คำถามเกิดขึ้นในใจเธอทันที
…ทำไมถึงคิดว่าเราจะอายุพอๆ กัน…
“ผมอยู่ข้างๆ บ้านคุณย่าน่ะครับ ตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่ง จนตอนนี้เรียนอยู่ปีสามแล้ว” สองสาวหันขวับทันทีที่ได้ยินว่าเขาเรียนอยู่ปีสาม ถึงแม้เขาไม่ได้ดูแก่เกินวัยแต่ว่าดูจากท่าทางและคำพูดของเขาแล้ว เขาช่างดูเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน
“เราสองคนก็เรียนอยู่ปีสามเหมือนกันค่ะ” หมอกตอบอีกครั้ง
ไกรวินลอบมองนลินที่เดินอยู่ข้างๆ ตัวเองพลางยิ้มจางๆ เธอดูไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลย ดวงตากลมโตที่สะกดเคยสะกดเขาได้ยังไงก็ยังคงสะกดเขาได้เช่นเดิม และรอยยิ้มหวานสดใสก็ยังคงทำให้เขาตกหลุมรักเธอได้อีกครั้ง แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะคิดไปไกล เขาก็นึกขึ้นได้ว่านลินคบกับชลแล้วตัวเขาก็ไม่รู้ถึงความเป็นไปของความสัมพันธ์นั้นตั้งแต่รู้ข่าว
ความคิดของชายหนุ่มล่องลอยไปไกลแค่ไหนไม่รู้จนคนข้างๆ สะกิดถาม
“อีกไกลมั้ยคะ” นลินเอ่ยเสียงเรียบ
“เอ่อ…ขอโทษครับ” เขามองซ้ายขวาก็ปรากฏว่าทั้งสามได้มาหยุดที่หน้าบ้านคุณย่าบัวเรียบร้อยแล้ว “ถึงแล้วครับผม”
หญิงสาวสองคนมองตามมือที่ผายไปของไกรวิน บ้านไม้เรือนไทยขนาดใหญ่งดงามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ปรากฏต่อสายตา ประตูหน้าบ้านถูกออกแบบให้สอดคล้องกับตัวบ้าน บ่งบอกถึงรสนิยมและฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดี นลินยิ้มกับความร่มรื่นและอบอุ่นนั้นโดยไม่รู้ตัวว่าชายหนุ่มกำลังมองเธออยู่
หมอกยิ้มดีใจพลางก้มหัวให้เขา “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ คุณ…”
“ผมชื่อไกรวินครับ เรียกวินเฉยๆ ก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับ เราอายุเท่ากัน”
“ฉันชื่อหมอก ส่วนนี่นลินค่ะ” หมอกชื่อไปที่เพื่อนที่ส่งยิ้มบางๆ ให้ชายหนุ่ม
ไกรวินเดินไปกดออดที่อยู่ข้างประตูใหญ่ด้านหน้าพลางชะเง้อมองไปยังภายในตัวบ้าน ไม่นานก็มีเด็กสาวคนหนึ่งมาเปิดประตู
“อ้าว พี่วิน ทำไมมาค่ำจังเลย”
สรรพนามที่เด็กสาวคนนั้นใช้เรียกแทนชายหนุ่มช่างดูสนิทสนม นลินจึงเดาว่าเธอคงไม่ใช่เด็กรับใช้เป็นแน่
“พาหลานสาวคุณย่ามาส่งน่ะ” ไกรวินมองไปที่สองสาวที่ยืนเงียบมานาน หมอกและนลินส่งยิ้มเป็นมิตรให้เด็กสาว
“สวัสดีค่ะ พี่หมอกใช่หรือเปล่าคะ” เด็กสาวยกมือไหว้ หมอกพยักหน้ารับงงๆ “ย่าบัวพูดถึงพี่บ่อยๆ น่ะค่ะ”
“ผมว่าเราเข้าไปข้างในดีมั้ยครับ”
“ขอบใจนะพ่อวินที่พาหลานย่ามาส่ง” ย่าบัวกล่าวด้วยรอยยิ้มซึ่งชายหนุ่มก็เพียงแค่พยักหน้ารับ
“น้ำค่ะ” เด็กสาวคนเดิมยกแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้แขกทุกคน
“หมอก หนูลิน นี่ลำธารเป็นหลานบุญธรรมของย่าเอง ย่ารับมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ”
หญิงสาวทั้งสองยิ้มให้ลำธาร นลินลอบมองเด็กสาวที่ย่าบัวลูบหัวอย่างเอ็นดู เธอช่างเป็นเด็กที่สดใสจนนลินรู้สึกอิจฉาเล็กๆ พลางตั้งคำถามในใจกับตัวเอง …ความสดใสของฉันหายไปไหนกันนะ…
“ส่วนพ่อวินนี่ก็อยู่บ้านติดกับเรา ย่าเห็นมาตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ใหม่ๆ” หญิงชราหันไปมองไกรวิน “กี่ปีแล้วนะพ่อวิน”
“เกือบสามปีแล้วครับ”
ย่าบัวหัวเราะเบาะๆ “สามปีแล้วเหรอ เวลานี่ผ่านไปเร็วจริง”
“แล้วคุณย่าอยู่กับน้องลำธารแค่สองเหรอคะ” หมอกถาม
“ไม่หรอก ยังมีพ่อภูผาอีกคน แต่ป่านนี้ยังไม่กลับเลย”
หมอกตาโต “อย่าบอกนะคะว่าเป็นหลานบุญธรรมอีกคน”
“ไม่ใช่ๆ” คราวนี้ย่าบัวหัวเราะเสียงดังกับท่าทางของหลานสาว “เขามาเช่าเรือนเล็กอยู่น่ะ”
“แล้วไปค่ะคุณย่า ว่าแต่ว่าเขาไว้ใจได้ใช่มั้ยคะ” หมอกมีท่าทีระแวงจนนลินอดขำแทบไม่ไหว
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ไว้ใจได้ พึ่งพาได้เหมือนพ่อวินนี่แหละ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างกับคำชมนั้น “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“ขนาดนี้แหละค่ะพี่วิน” ลำธารพูดแทรกขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้น “พี่ๆ รู้มัยคะ พี่วินน่ารักมากๆ เลยนะคะ สอนธารทำการบ้าน ไปรับไปส่งแถมยังให้กินขนมที่ร้านกาแฟบ่อยๆ ด้วย”
ดวงตากลมโตของนลินมองคนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นหน้าเขาคนนี้เหลือเกิน ส่วนเด็กสาวคนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลึกๆ แล้วเธอคงจะชอบเขาไม่น้อย
“น้อยๆ หน่อยลำธาร” เสียงย่าบัวเอ็ดเบาๆ เด็กสาวจึงยิ้มแหยๆ
“ไปพักผ่อนเถอะลูก พรุ่งนี้ย่าจะพาไปทำบุญ”
“ค่ะ” สองสาวพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องพักไป
ไกวินเดินกลับมาที่บ้านซึ่งอยู่ข้างๆ บ้านย่าบัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านร่างสูงก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาวพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในใจนึกถึงเรื่องราววันเก่าๆ ก่อนจะหยิบมือถือเครื่องเดิมขึ้นมาเปิดอ่านข้อความที่หญิงสาวส่งให้เขาในอดีตซ้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้
…เพราะว่าโลกมันกลม เพราะความบังเอิญหรือว่า…พรหมลิขิตนะ…ที่ทำให้เขาได้มาพบกับเธออีกครั้ง…
นิ้วเรียวบรรจงดีดสายกีตาร์ออกมาเป็นบทเพลงที่เขารู้สึกว่ามันช่างบ่งบอกถึงตัวเองได้อย่างชัดเจน
มองไปไกลที่ดวงดาวสุดขอบฟ้าไกล…อยากจะไปไปให้ถึงครึ่งทางแสงเธอ ดวงดาราเหมือนไม่มีวันจะพบเจอ…อยากให้เธอส่องแสงลงมาพื้นดิน
มองจันทราเมื่อเวลามันกลบแสงดาว…กลัวทุกคราวเพราะว่าฉันนั้นคือก้อนหิน
กลัวดวงดาวไม่ทอแสงลงกระทบดิน…และก้อนหินอย่างฉันคงไม่สวยงาม
อยากให้ดาวดวงนั้นรู้ว่า…เมื่อดาราส่องแสงฉันดูสดใส อยากให้ดาวดวงนั้นเข้าใจ…ขาดเธอไปตัวฉันคงหมดสิ้นกัน อยากให้ความทรงจำ…ที่เธอให้ไว้ช่วยทอแสงประกายทุกวัน เพราะเพียงแค่ความอบอุ่นจากเธอไม่นาน…จะต่อเติมความสำคัญฉันได้
(เพลงก้อนหินละเมอ ศิลปิน Soul After Six)
ดวงตาสีนิลจ้องมองไปยังบ้านข้างๆ ก่อนมุมปากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ แต่เมื่อนึกได้ว่าเธอมีคนรักแล้ว ปลายนิ้วจึงหยุดทำงานเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันจบเพลง ไกรวินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะวางกีตาร์ลง ในหัวมีความคิดมากมายที่เกี่ยวกับเธอ
…หยุดคิดสิวะไอ้วิน…
ราวกับสมองกับหัวใจจะทะเลาะกันอย่างหนัก โดยสมองสั่งชัดเจนว่าให้หยุดคิดถึงเธอที่มีเจ้าของแล้ว ในขณะที่หัวใจกลับโต้กลับไปจนสมองหงายหลังว่าให้เขาเดินหน้าเพื่อความรักอีกครั้ง
เสียงกีตาร์หวานหูดังแววไปทั่วจนนลินเองอดที่จะตั้งใจฟังมันไม่ได้ เพราะนอกจากชลแล้วเธอไม่เคยฟังฝีมือกีตาร์ของใครจะดูมีชีวิตชีวาได้ขนาดนี้ แม้จะฟังในระยะไกลแต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนหวานที่ถ่ายทอดผ่านปลายนิ้วของใครคนนั้น
หญิงสาวเดินออกมายังระเบียงพลางเงี่ยหูฟังเสียงเพลง ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ ก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจากบ้านหลังเล็กที่อยู่ถัดไปนี่เอง
…ไกรวิน…
เมื่อสรุปกับตัวเองว่าเป็นเขา นลินก็พลันนึกถึงชายร่างสูงโปร่งคนนั้น ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมเข้ม ดวงตาสีนิลที่ฉายแววจริงจังและอ่อนโยน จมูกโด่งได้รูปสวย ริมฝีปากบางราวกับหญิงสาว ถึงเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงที่คลั่งไคล้หนุ่มหล่อแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าชายคนนี้หน้าตาดีเอาการ
เสียงเพลงหยุดลงดื้อๆ ในจังหวะที่หมอกเดินออกจากห้องน้ำพอดี นลินแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใส่ใจนัก
“ลิน ทำอะไรอยู่” หมอกถามขณะกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียก
“เปล่าหรอก” นลินเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงข้างๆ เพื่อน “ที่นี้สวยดีนะ”
“ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชอบ”
หญิงสาวยิ้ม “ขอบใจสำหรับทุกอย่างนะหมอก ขอบใจจริงๆ”
ประโยคขอบคุณนั้นไม่ได้หมายถึงการที่เพื่อนพาเธอมาเที่ยวที่นี้เพียงอย่างเดียว แต่มันหมายรวมถึงการที่หมอกอยู่ข้างๆ เธอมาตลอด
หมอกดึงเพื่อนมากอดไว้หลวมๆ “ไม่เป็นไรลิน เราเพื่อนกัน”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ