ภพรักหิมวันต์
เขียนโดย Brownies_PK
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 19.41 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) หิมพานต์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโอ๊ยยยยย!! ที่นี่ที่ไหนกัน
หญิงสาวตื่นจากมนต์ข้ามมิติซึ่งผลข้างเคียงของมันทำให้เธอหมดสติไป2ชั่วยาม แล้วพอฟื้นมาเธอก็พบว่าตนเองสลบอยู่ใต้ต้นจามจุรีใหญ่เสียแล้ว แล้วนี่ท่านตาไปไหนกัน ทำไมถึงปล่อยเธอให้อยู่คนเดียว อย่าบอกนะว่า!!
'เธอถูกทิ้ง!!"
ให้ตายสิ!! ท่านตานะท่านตา แทนที่จะส่งให้ถึงอสุรานครแต่กลับมาปล่อยกลางป่าซะได้ เฮ้อ!! สงสัยคงต้องหาทางไปเองเสียแล้วมั้ง-_-^ ว่าแต่จะไปยังไงล่ะเนี่ย??
วรินนาราคิดในใจ ก่อนจะได้ยินเสียงกระซิบที่แว่วผ่านมาตามสายลม
"จงใช้สิ่งที่เจ้ามี แล้วเจ้าจะพบจุดหมาย"
เสียงนี่มัน!! เสียงของพระฤๅษีเมฆสิทธิ์ แล้วทำไมต้องบอกคำใบ้ด้วยล่ะ?? เธอไม่ได้ฉลาดพอที่จะแปลคำใบ้สักหน่อย
'ว่าแต่สิ่งที่เรามีคืออะไรนะ??'
หญิงสาวทบทวนคำใบ้อยู่สักคราก่อนจะนึกขึ้นได้
'ใช่!! ปีก เรามีปีก!!'
วรินนารายิ้มอย่างดีใจก่อนจะบริกรรมวิชาเรียกปีกกินรีในวัยเด็กของเธอออกมา พอสิ้นสุดมนต์ ก็ปรากฏปีกนกสีขาวนวลขลิบทองที่เมื่อต้องประกายแสงอาทิตย์ จะสะท้อนเป็นประกายงดงามน่ามอง ถึงแม้ว่า 'ปีก' นี้จะใหญ่กว่าที่เธอเคยเป็นเด็กหน่อย ก็แน่สิ เธอเติบโตเป็นสาวแล้วนี่นา ถึงแม้จะห่างเหินการใช้ 'มัน' มานานหลายปี แต่หญิงสาวใช้เวลาคิดสักครู่ ก่อนจะสยายปีก แล้วโผบินขึ้นสู้ท้องฟ้า!!
ถึงแม้จะผ่านวัยเด็กมานานเพียงใด แต่สิ่งที่ยังคงไว้คือความจอมซนของนาง วรินนาราขยับปีกสีขาวนวล ที่กำลังโบยบินอยู่บนเวหาที่ใช้เวลานานพอสมควร ก่อนจะหาที่พักชั่วคราว เพราะในเวลานี้ก็ใกล้เวลาที่จันทราจะมาเยือนแล้ว และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือก็เหนื่อยและอากาศร้อนเช่นนี้จะให้เธอบินต่อไปได้เช่นไรเล่า
เมื่อพบสถานที่ที่เหมาะสมแล้ว วรินนาราก็ใช้ปีกสีขาวนวลอีกครา โดยครั้งนี้ เธอใช้มันในการบินไปเกาะบนกิ่งของต้นไทรใหญ่ เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากสัตร์ร้ายในป่าหิมพานต์ ก่อนที่เธอจะเอนกายลงนอน
"เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้นะ วาสุราช!! ข้าเป็นคนเจอนางก่อน นางต้องเป็นของข้า!!"
"ใครบอกเจ้า!! เพทาย!! ข้าต่างหากที่มาก่อนเจ้า!!"
"ข้าต่างหาก!!"
"ไม่!! ข้าต่างหาก!!"
เสียงถกเถียงแว่วมาตามเสียงของสายลม ทำให้ร่างบางที่กำลังพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็เสียงดังขนาดนั้น ใครจะหลับลงล่ะ
หญิงสาวค่อยๆกางปีกกินรีก่อนจะค่อยๆร่อนลงจากต้นไทรใหญ่ เพื่อตามหาต้นเสียงนั้น และแล้วเธอก็พบว่าต้นเสียงนั้นมาจากน้ำตกแห่งหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวค่อยๆเดินเข้าไปแอบดูเหตุการณ์อยู่ตรงโขดหินใหญ่ที่สามารถใช้กำบังร่างของเธอได้อย่างมิดชิด
แสงของจันทราทำให้เห็นว่าต้นเสียงนั้นก็คือคนธรรพ์หนุ่มวัยฉกรรจ์กับพิทยาธรวัยแรกรุ่น ที่ซึ่งทะเลาะกันเพราะนางมักกะลีผลเกิดใหม่ ซึ่งมักกะลีผลหรือนารีผลตนนี้ดูน่าพิศมัยยิ่งนัก จึงไม่แปลกที่จะมีคนธรรพ์หนุ่มและพิทยาธรมาแก่งแย่งกัน วรินนาราค่อยๆหมอบลง เพื่อคอยดูสงครามชิงนางกัน
"ข้าอาวุโสกว่าเจ้านะเพทาย!! ดังนั้นนางต้องเป็นของข้า!!" ดูเหมือนว่าคนธรรพ์ตนนี้กำลังใช้ความอาวุโสข่มเหงพิทยาธรหนุ่มที่ดูเหมือนจะชื่อ 'เพทาย' อยู่
"เจ้าอายุมากกว่าข้า!! ต้องเสียสละให้ข้าสิ จึงจะถูก!!"
พิทธาธรหนุ่ม 'เพทาย' ใช้คำว่า 'เสียสละ' เข้ามาอ้าง ทำให้คนธรรพ์ที่นามว่า 'วาสุราช' โมโหจนเหลืออด ก่อนจะใช้กำลังเข้าทำร้ายพิทยาธรหนุ่มที่ยังไม่ได้ตั้งตัว จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่คนธรรพ์ 'วาสุราช' จะขึ้นไปเด็ดนาง 'มักกะลีผล' แล้วเหาะสู่ท้องฟ้าเพื่อไปเชยชมนางนารีผลในถิ่นของตน
"โธ่เว้ย!! ข้าจะแก้แค้นเจ้าคอยดู วาสุราช!!"
พิทยาธรหนุ่มกล่าวอาฆาตก่อนจะสลบไปด้วยพิษบาดแผล ทางด้านคนแอบดูเมื่อเห็นคนถูกทำร้ายก็อยู่เฉยไม่ได้ ก่อนจะรีบเข้ามาช่วยพิทยาธรหนุ่มเพทายด้วยความเห็นใจ
'แค่่สตรีนางเดียว ทำให้เกิดการนองเลือดเลยหรือนี่'
เธอคิดในใจ ก่อนจะหาน้ำจากธารน้ำตกมาช่วยเช็ดตัวให้ชายหนุ่มฟื้นสติ ก่อนจะคอยนั่งเฝ้าพิทยาธรหนุ่มตลอดทั้งคืนด้วยความสงสาร
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ