ตามล่ามนตรา

8.0

เขียนโดย Next1412

วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 14.28 น.

  9 บท
  0 วิจารณ์
  10.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 10.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่ 8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ช่วงเวลาค่ำ ณ จักรวรรดิโรมาเนีย

Feng.......

             ค่ำคืนที่มีแสงจันทร์สีนวลสาดส่องมาที่ท้องทะเลจักรวรรดิโรมาเนียมันช่างดูสวยงามจนข้าน้อยอยากจะจดจำภาพนี้ไว้จนกว่าจะลาลับจากโลกใบนี้ สายลมเย็นๆพัดมากระทบตัวข้าน้อยที่ยืนอยู่หน้าระเบียงห้องพักจนน่าใจหาย ห้องนี้เป็นห้องนี่ท่านเจแปนจัดให้ข้าน้อยมาอยู่ในฐานะพันธมิตร นึกถึงเจแปนข้าน้อยอดนึกถึงท่านหญิงเอเลเนอร์ไม่ได้ ทำไมข้าน้อยถึงให้กุหลาบนั้นกับนาง ทั้งที่ข้าน้อยไม่ค่อยสนใจหญิงใดมาก่อนเท่ากับแม่นางคนนี้ ถ้าจะบอกว่าความรัก ความชอบ ที่คนอื่นเขามีกัน ข้าน้อยไม่เข้าใจและไม่กล้าถามใครหรอก ว่าความรักเป็นอย่างไร คำถามสั้นๆแต่ตอบยากกว่าอะไร แต่สิ่งที่ทำให้ข้าน้อยประหลาดใจคือ ทำไมข้าน้อยเจอนางทุกที่  หรือนั่นคือสิ่งที่ฟ้ากำหนด หรือคำปรารถนาของใคร? ข้าน้อยไม่เข้าใจว่าทำไมนึกถึงแต่หญิงผู้นี้ และทำไมไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลย

 

ก๊อก ก๊อก.....

 

ในชั่วครู่ที่ข้าน้อยขรุ่นคิดอะไรอยู่นั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นทันที

 

“เข้ามาได้ขอรับ.....”ข้าน้อยหันไปมองประตูเพื่อจะรอดูว่าใครจะเป็นผู้มาเยือน

 

“อ่า ขอโทษที่รบกวนนะ...”แขกผู้มาเยือนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่ข้าน้อยนึกถึงอยู่เมื่อครู่ ท่านหญิงเอเลเนอร์

 

“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ.....”ข้าน้อยส่งยิ้มให้แต่ในใจก็ยังประหลาดใจอยุ่นิดๆ

 

“ข้า.....ไม่มีเพื่อนคุยน่ะ นาเอลก็บอกว่าขอไปพักที่บ้านแพนเธียร์....ข้าเลยเหงา คงไม่รบกวนนะ..?”นางเอ่ยพร้อมเดินมายืนข้างๆข้าน้อยที่ระเบียงอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีอาการแปลกๆ

 

“ยินดีเสมอขอรับ”

 

“เอ่อ......พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรมั่งนะ”

 

“.......ข้าน้อยไม่รู้เช่นกันขอรับ แต่รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกัน..........ราวกับมีรางสังหรณ์......”

 

“เหมือนข้าเลย...ข้ายังไม่รู้ว่านาเอลได้เป็นอะไรกันแน่เลย......”

 

“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดน่าขอรับ.......”ข้าน้อยเอ่ยพลางหัวเราะในลำคอ สายตาเหลือบไปมองใบหน้าอันสวยงามของเอเลเนอร์ที่กระทบกับแสงจันทร์ ดวงตาคู่นั้นมีแววตาที่ฉายความกังวลออกมาจนข้าน้อยสัมผัสได้

 

“ข้า.........”

 

“กลัวหรอขอรับ?”

 

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะพูดแบบนั้น”ดวงตาสีฟ้าราวกับท้องฟ้าสีครามคู่นั้นเคลื่อนมาสบทันข้าน้อยทันที

 

“ค...ความลับ”

 

“อะไรกัน...อุตส่าห์ได้เป็นเพื่อนกันแท้ๆ.........ถึงความรู้สึกจะมากกว่าเพื่อนก็เถอะ”เอเลเนอร์กล่าวประโยคหลังๆจนเบาซะแทบข้าน้อยไม่ได้ยิน

 

“ว่าไงนะขอรับ?”

 

“ความลับ!!”

 

“อ่า ขอรับ.........แต่ข้าน้อยขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้มั้ยขอรับ?”

 

“ว่ามาสิ”

 

“ความรักมันเป็นอย่างไงกันหรอขอรับ?”

 

“ห๋า?”ทันทีที่เอเลเนอร์ได้ยินประโยคของข้าน้อยนางห็ลบสายตาของข้าน้อย ใบหน้าของนางก็แดงระรื่อ

 

“เอ่อ..........ถ้าไม่สะดวกจะตอบ ก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะขอรับ”

 

“ก็คง........เอาแต่คิดถึงคนคนนั้นล่ะมั้ง.......อยากพบอยากเจอแต่คนคนนั้น........อย่างที่ข้าอยากจะเจอคนคนนั้นไงล่ะ.....”

 

“ท่านเอเลเนอร์มีคนที่รักแล้วหรอขอรับ........?”

 

“.....อืม.......แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรักข้าหรือเปล่านะ.......”

 

“รักสิขอรับ......”

 

“จริงหรอ......ตอนนี้เขายังไม่รู้ตัวเลยว่าข้ากำลังจะบอกรักเขาอยู่......”ข้าน้อยอึ้งกับประโยคนี้ของนางสุดๆ

 

“แล้วบอกข้าน้อยได้มั้ย......ว่าท่านรักใครอยู่กัน?”

 

“ข้าไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ข้าจะได้มีโอกาสบอกมั้ย.......แต่ในวันนี้...ตราบใด...ที่ข้ายังมีลมหายใจ......ข้าจะบอกว่า.......ข้า.......รักท่านนะ.....ท่านเฟิง..........”นางพูดจบก็เดินออกจากห้องของข้าน้อยไป

 

“..........”ตอนนี้ข้าน้อยพูดไม่ออก ได้แต่หวนนึกถึงประโยคเมื่อกี้เพียงอย่างเดียว

 

                      ----------------------------------------------------

“เจแปน.......มีทหารมาแจ้งว่ากองทัพทหารนิโคลเรียบุกมาถึงฝั่งแล้ว........ครั้งนี้....ข้าคิดว่า.....ให้เฟิงเป็นแม่ทัพเถอะ.....”เนวิลเปิดประตูเข้ามาในห้องขององค์ประมุขของจักรวรรดิโดยไม่เคาะประตู

 

“อืม ข้าฝากเรื่องรบไว้กับท่านและเฟิงด้วย ส่วนกับพระราชาเอนดรีอาส....ข้าจะจัดการเอง.......”เจแปนตอบด้วยเสียงเรียบๆ

 

“เจแปน เจ้าคิดได้ไงที่มารบกันกับจักรวรรดินิโคลเรียเพราะคนคนเดียวอย่างนาเอล ทำไมเราไม่สังหารนางซะเลยล่ะ?”

 

“ข้าน่ะ อยากจบทุกอย่างทั้งหมด และจะหยุดปัญหาทุกอย่างที่เกิดจากราชาเอ็นดรีอาส..”

 

“ข้าเข้าใจ งั้น........ข้าขอตัว”เนวิลพูดจบก็เดินยิ้มเล็กๆออกไป

 

                             -------------------------------------------------

ณ ที่ริมฝั่งของจักรวรรดินิโคลเรีย

 

“กองทัพพร้อมหรือยัง?”เอนดรีอาสที่ยืนอยู่ที่ดาดฟ้าเรือด้านหน้าสุดเอ่ยปากถามทูตสาวใช้(แบบลับๆ)คนโปรดของตัวเองที่นั่งคุกเข่าทำความเคารพอยู่ด้านหลัง

 

“พร้อมแล้วเพคะ......”อนีมูนเอ่ยตอบ

 

“แมรส์ล่ะ เตรียมแผนการบุกหรือยัง?”

 

“เตรียมไว้แล้วเพคะ ทุกอย่างเสร็จสิ้นดี บุกเลยมั้ยเพคะ?”อนีมูนเอ่ยถามพร้อมกับเงยหน้ามองแผ่นหลังใหญ่ของเอนดรีอาส.....นานแค่ไหนแล้วที่เธอมองแผ่นหลังแบบนี้มานานสามปี โดยไม่หันมามองเธอบ้าง

 

“ยังหรอก........”

                      ---------------------------------------------------

ณ รุ่งขึ้น

      เสียงนกนางแอ่นบินไปบนท้องฟ้าสีครามอย่างเป็นอิสระ ดูทั่วไปอาจจะเป็นวันธรรมดาแต่ทว่ามันกลับเป็นวันแห่งโชคชะตาของจักรวรรดิทั้งสอง.......เรือสำเภารบจอดเทียบฝั่งเกาะขนาดใหญ่ของโรมาเนีย ธงสีแดงเลือดปักอยู่ที่เรือเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นคนต่างแคว้น  เหล่าทหารของนิโคลเรียต่างบุกมาทำลายผู้คน และทรัพย์สินของคนในโรมาเนียอย่างไร้ความปรานีและเหตุผล แต่บางส่วนก็ถูกทหารจากโรมาเนียห้ามไว้ จึงทำให้เกิดการประดาบกัน ชาวบ้านต่างก็วิ่งหนีกันให้จ้าละหวั่น........สงครามช่างเกิดไวยิ่งนัก

 

        เอนดรีอาสที่มุ่งหน้าเดินไปที่พระราชวังพร้อมกับพลทหารจำนวนหนึ่งโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ภายในใจของเขากำลังยิ้มเล็กยิ้มใหญ่ให้กับชัยชนะที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างแน่....ตอนนี้เจแปนที่กำลังเดินมาสมทบกับทหารและช่วยพาชาวบ้านอพยพออกไปจากเกาะ กำลังมองหาแพนเธียร์และนาเอลออกมาช่วยดูแลคนบาดเจ็บ ตอนนี้เฟิงกำลังดูแลเรื่องพลทหารให้กระจายไปตามจุดต่างๆเพื่อต่อต้านทหารของนิโคลเรียรวมไปถึงรูจที่ไปช่วยเป็นกำลังให้ทหารอีกแรง ส่วนเนวิลก็กำลังพาชาวบ้านไปหลบที่หลบภัย ‘ปราสาทต้องห้าม’ เนื่องจากเรือของพวกจักรวรรดินิโคลเรียได้ล้อมเกาะไว้หมดแล้วจึงอพยพคนออกจากเกาะไม่ได้.....แน่นอนแผนแบบนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจาก ‘แมรส์’

 

“เจแปน!! เจ้าเห็นนาเอลมั้ย?”แพนเธียร์ที่โผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้เอ่ยถามเจแปนด้วยความร้อนรน

 

“ไม่เห็น นาเอลหายไปไหน?”เจแปนชะงักไปชั่วครู่หันมาพูดกับแพนเธียร์

 

“ไม่รู้ เมื่อคืนอยู่อ่านหนังสือกับข้าอยู่เลย!!พอเช้าขึ้นก็หายไป!!”

 

“อย่าบอกนะว่า......นาเอลไปหาเจ้าวาณิชย์เจ้าเล่ห์นั่นน่ะ?”

 

“เจแปนระวัง!!”แพนเธียร์ตวาดลั่นพร้อมกับดึงตัวเจแปนเข้ามาหาตัวเองเพื่อหลบคมดาบที่ตะบันเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว.......เจ้าของคมดาบที่หมายชีวิตนั้นคือ ‘เอนดีอาส’

 

“หึหึหึ....หลบทันงั้นหรอเนี่ย......ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ ซองค์ แพนเธียร์ จอมเวทย์คนที่ 1 ... แหมๆ ท่านราชาเจแปนเนี่ยหมกเม็ดนะ.....มีจอมเวทย์อยู่ในเงื้อมือแต่ไม่บอกไม่กล่าวให้ข้ารู้เลย.....เอาล่ะ ส่งตัวนาเอลมา.....”เอนดรีอาสหัวเราะในลำคอแล้วหันมาพูดกับเจแปนพร้อมกับกล่าวทักทายแพนเธียร์อย่างน่าหมั่นไส้

 

“หนวกหู.........เอาสิเข้ามาเลย แพนเธียร์พาคนอพยพไปแล้วรักษาอาการบาดเจ็บด้วย”เจแปนสั่งพร้อมกับหยิบดาบออกมาจากฝักที่คาดเอ้วอยู่ออกมาพร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับมือกับเอนดรีอาส

 

“ระวังตัวด้วยนะ!!”เมื่อแพนเธียร์รู้ว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากรักษาแผลให้ประชาชนเธอจึงรับคำแล้วพาชาวบ้านหนีไปอีกทาง โดยทิ้งให้เจแปนประดาบกับเอนดรีอาสอย่างดุเดือด

 

                         --------------------------------------------

ปัง!!!

        เสียงประตูห้องที่เรือของแมรส์ถูกผลักออกอย่างรุนแรงด้วยฝีมือของใครบางคน.....นาเอล ที่แอบหนีมาหาตัวการของเรื่องนี้ตามเรือของทหารอื่นๆจนมาถึงเรือของแมรส์ สุดท้ายเธอก็พบกับแมรส์ที่นั่งจิบไวน์อยู่บนโซฟาชั้นดีอย่างสบายใจเฉิบ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจนาเอลที่เดินตรงหรี่เข้ามาตนเองแม้แต่นิด เขายิ้มมุมปากราวกับมีแผนชั่วร้ายทำให้นาเอลต้องหยุดเดิน

 

“ทำไมไม่บุกมาฆ่าฉันเลยล่ะ นาเอล ไหนๆก็เสียเวลาตามหาน้องสาวของตัวเองมานานนับหลายปีแล้วนี่.....”แมรส์ละสายตาจากไวน์แดงในแก้วไปมองหน้านาเอล พร้อมกับตีหน้าซื่อ.....มันก็แค่เสแสร้ง

 

“เอมม่าอยู่ไหน?”นาเอลไม่สนใจคำพูดของแมรส์เลยแม้แต่นิด เธอมาที่นี่เพื่อมาตามหาน้องสาว แต่ไม่ได้มาฆ่าแมรส์เลย

 

“เอมม่า........ออกมาต้อนรับพี่สาวสุดที่รักเจ้าหน่อยสิ”แมรส์พูดจบหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสยาย ดวงตาสีดำขลับ รวมไปถึงใบหน้าอันงดงามนั้น ก็ปรากฏขึ้นที่ประตูทันที

 

“เอม.....ม่า....”นาเอลหันไปมองหญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ใบหน้าของเธอช่างเฉยเมยราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

 

“นี่หรอ?คนที่ท่านแมรส์จะให้ข้าจัดการ?”เอมม่าค่อยๆเคลื่อนสายตามามองนาเอล

 

“แหม่ กะจะเซอร์ไพรซ์สักหน่อย เอาเถอะ ปล่อยให้พี่น้องเขาคุยกันดีกว่า ฮ่าๆๆๆ!!!!”แมรส์พูดจบก็โยนแก้วไวน์ทิ้งพลางหัวเราะร่าเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้นาอลและเอมม่ายืนมองหน้ากัน

 

“เอมม่า  กลับบ้านเรากันเถอะนะ”นาเอลเอ่ยขึ้นพลางเดินมาจับมือเอมม่าอย่างห่วงใยแต่ทว่า.....

 

“อย่ามาแตะตัวข้านะ!”เอมม่าปัดมือของนาเอลออกทำให้นาเอลใจสลายทันที

 

“ทำไม.......”นาเอลยืนชะงัก

 

“เจ้าทิ้งข้าไป แล้วพอไปได้ดิบดีแล้วก็ลืมข้า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้ารออยู่ตั้งนาน รู้มั้ย!!ข้าต้องทรมาณแค่ไหนที่ต้องมาอยู่กับคนพวกนี้!!”เอมม่าตวาดลั่น

 

“ทิ้ง? เอมม่า......ข้าตามหาเจ้าที่นิโคลเรียมาสามปีแล้วนะ แต่ก็ไม่เคยพบตัวเจ้า ขอโทษที่ทำให้เจ้ารอ แต่วันนี้พี่มารับเจ้าแล้วนะ.....”นาเอลสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วอธิบาย

 

“ไม่.....มันสายเกินไปแล้ว.....ข้าจะฆ่าเจ้าตามคำสั่งของท่านแมรส์”เอมม่าพูดจบก็หยิบปืนพกออกมาจ่อหน้านาเอลไว้

 

“.............ยิงสิ........หาแต่ชิวิตข้าเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าให้อภัยข้าได้........”นาเอลพูดเสียงสั่นๆพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงมาฉาบแก้มตัวเอง

 

“................”เอมม่าได้ยินดังนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนิ้วชี้ของเธอยังคงลังเลว่าจะเหนี่ยวไกปืนดีหรือไม่.........เธอควรจะทำตามคำสั่งของแมรส์.......หรือจะหนีไปกับนาเอลแต่เธอก้ทิ้งผู้มีพระคุณที่พาเธอหนีมาไม่ได้....

 

ปัง!!!

 

เสียงปืนดังขึ้นเข้าที่ใครบางคนดังลั่นไปทั่วเรือ นาเอลตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อ......เสียงปืนที่ดังขึ้นไม่ใช่ปืนของเอมม่า......แต่นั่นคือปืนของแมรส์ที่จ่อยิงเอมม่าจากด้านหลังไปเมื่อครู่.....เอมม่าล้มตัวลงไปนอนกองกับกองเลือดที่พื้นทันที่......นาเอลแข้งขาอ่อนไปหมดทรุดตัวลงไปนั่งข้างๆร่างที่หายใจโรยรินของเอมม่า

 

“ชักช้าลีลาชะมัด...ไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย.......ไม่ต้องห่วง......เดี๋ยวข้าจะส่งพี่เจ้าไปเป็นเพื่อน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!”แมรส์ลดปืนลงแล้วหัวเราะลั่นห้อง พลางใช้สายตามองนาเอลที่ประคองเอมม่าให้ลุกขึ้นมานั่ง

 

“ข้าขอโทษนะ......”เอมม่าเอ่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมกับสายน้ำอุ่นๆที่ไหลออกมาจากเบ้าตา

 

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!!ข้าจะพาเจ้าหนี!!”นาเอลตะคอกใส่เอมม่า

 

“ไม่ต้องหรอกว่าแต่......พี่เปลี่ยนไปมากเลยนะ......สวยกว่าข้าซะอีก......จำเรื่องราวที่ข้าเคยเล่าให้ฟังตอนเด็กได้มั้ย?”เอมม่ายิ้มบางๆให้นาเอล

 

“ได้สิ......หากอยากเจอคนที่คิดถึงแล้วจากไปนาน...จงเขียนจดหมายลงในขวดพร้อมกับปิดฝา...แล้วนำขวดนั้นไปลอยในน้ำทะเล.....แล้วคนที่เราอยากเจอจะได้รับจดหมายนั้นแล้วคนคนนั้นจะกลับมา.....”

 

“นั่นแหละ....เราเคยทำตอนที่พวกเรายังเป็นทาสกันอยู่.....คนที่เราคิดถึงคือแม่ และพ่อ......แต่แล้วพวกท่านก็ไม่ได้กลับมาหาพวกเรา.......”

 

“แต่เจ้าพูดเรื่องนี้ทำไม เจ้าต้องอยู่กับข้านะ.........”ไม่ทันสิ้นคำพูดเอมม่าก็ยิ้มให้นาเอลเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสิ้นลมหายใจไปทันที

 

“เอมม่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”นาเอลตะโกนลั่นพร้อมเข่าตัวเอมม่าไปมาอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไร้ผล.....เธอจากไปแล้ว

 

“ประทับใจดีจริงๆ.........แต่อีกเดี๋ยวแกก็ต้องไปสบายตามน้องสาวแกล่ะ.......”แมรส์พูดจบก็เล็งปืนไปที่นาเอลพร้อมเตรียมเหนี่ยวไกปืน ทว่า.........

ฉึก!

ปลายดาบที่แหลมคมของคนปริศนาแทงทะลุมากจากข้างหลังแมรส์อย่ารวดเร็ว สักพักดาบนั้นก็ถูกดึงออกอย่างรวดเร็มพร้อมกับแมรส์ที่ล้มลงไปนอนจมกับกองเลือดของตัวเอง เจ้าของดาบนั้นคือ ‘เอเลเนอร์’

 

“นาเอล เป็นอะไรมากมั้ย?”เอลเนอร์ทิ้งดาบแล้ววิ่งมาหานาเอลทันที

 

“ไม่เป็นไร.....”นาเอลพูดพลางเอาฝ่ามือลูบหัวของเอมม่าเบาๆ

 

“เสียใจด้วยนะ...แต่เราควรพักเรื่องนี้ก่อน ตอนนี้ทุกคนกำลังแย่นะ..”

 

“แย่?”

 

“เจ้าหนีแพนเธียร์มาโดยไม่บอกไม่กล่าว ตอนนี้เกาะเราถูกล้อมไว้หมดแล้ว ตอนนี้เอนดรีอาสกำลังสู้กับเจแปนอยู่ ส่วนเฟิงกับรูจก็เป็นแม่ทัพให้โรมาเนียอยู่  เนวิลกับแพนเธียร์พากันอพยพคนในเมืองอยู่ เราจะมาอยู่เฉยๆไม่ได้นะ”

 

“...........เข้าใจแล้ว”นาเอลพูดจบก็ค่อยๆวางเอมม่าลงอย่างช้าๆพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาอีกครั้ง นาเอลมองหน้าเอมม่าเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจดจำใบหน้านี้ไว้จนกว่าจะตายไปตามกับผู้เป็นน้องก่อนจะลุกขึ้นยืน

 

“ไปกันเถอะ”เอเลเนอร์ฉุดแขนของนาเอลให้วิ่งออกไปโดยเร็ว.......ตอนนี้เธอก็เสียใจไม่แพ้นาเอลแต่ทว่า......อย่าให้คนตายมาฆ่าคนเป็นอย่างนาเอลเลย

 

                ------------------------------------------

ณ กลางหมู่บ้าน

         เพลิงสีแดงในตอนเช้าลุกโชนด้วยไฟสงครามของคนต่างจักรวรรดิ ทหารต่างก็เดินให้ชุลมุนไปทั่ว เฟิงกับรูจกำลังเดินตรวจสภาพพื้นที่หลังจากจัดการกับทหารของจักรวรรดินิโคลเรียได้เสร็จสิ้น ท้องฟ้าสีครามกลายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยควันสีดำ

 

“ทางนี้ก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว........ตอนนี้ก็แค่.......”

 

บึ้ม!!!!!!!

 

เสียงระเบิดดังสนั่นจากในพระราชวังของเจแปน ทำให้ทุกคนหยุดชะงักแล้วไปมองที่พระราชวังที่ถูกระเบิด ไม่กี่วินาทีก็เกิดระเบิดต่อเนื่องกันไปทั่ว ไม่แค่ปราสาทแต่มันระเบิดบริเวณใกล้ๆกับรูจและเฟิงด้วย

 

“เราหลงกลมันแล้วสินะ...”รูจพูดพลางวิ่งไปยังจุดเกิดระเบิดเมื่อครู่

 

“ใช่ ถึงว่าทำไมทหารของนิโคลเรียมีนิดเดียว สมกับเป็นอนีมูนเลยแหะ”เฟิงยิ้มนิดๆแล้ววิ่งตามรูจไป

 

“ระวัง!!!”รูจสัมผัสได้ปฏิกิริยาบางอย่างจึงรีบกระโจนไปอุ้มตัวเฟิงด้วยพละกำลังอันสูงส่งของตัวเอง

 

บึ้ม!

 

ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดตรงจุดที่เฟิงวิ่งอยู่เมื่อกี้อย่างรวดเร็ว

 

“นี่มันติดตั้งระเบิดไว้ทั่วจักรวรรดิเลยหรอเนี่ย..”เฟิงตกใจเล็กน้อยกับเหตุการณ์เมื่อกี้  ไม่นานนักรูจก็วางตัวเฟิงลง

 

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”เสียงที่คุ้นหูของเฟิงก็ดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับปลายดาบอันแหลมคมที่จี้หลังเฟิงและรูจไว้

 

“ฝีมือเจ้าเองสินะ อนีมูน......”เฟิงหันหลังพูดด้วยเสียงเรียบ

 

“ใช่ ตอนนี้มีคนของข้าแฝงตัวไปกับชาวบ้านของพวกเจ้าพร้อมทั้งเอาระเบิดไปติดไว้กับที่หลบภัยด้วย.........พวกแกแพ้แล้ว......”อนีมูนพูดพลางไม่ละสายตาจากแผ่นหลังของทั้งสอง

 

“ตอนนี้ข้าได้กลิ่นระเบิดไปทั่วเลยล่ะเฟิง....”รูจสูดลมหายใจเข้าช้าๆแล้วหายใจออก แล้วหันไปบอกเฟิง

 

“ร้ายไม่เบา.......แต่ข้าจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ๆ”เฟิงพูดจบก็ใช้ส้นเท้าของตัวเองเตะก้อนอิฐอัดใส่หน้าของอนีมูนเข้าอย่างจังทำให้เธอต้องหลบก้อนอิฐนั้นจนต้องละสายตาจากเฟิงและรูจไป พวกเขาใช้จังหวะนั้นหนีออกห่างจากอนีมูน

 

“หนอยพวกแก!!”

                                -------------------------------

ทาง ของเอนดรีอาสและเจแปน

                ตอนนี้พระราชาของทั้งสองจักรวรรดิต่างประชันดาบกันอย่างดุเดือดไม่มีใครยอมแพ้ใคร แต่ตอนนี้เรี่ยวแรงของทั้งสองฝ่ายเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ  แต่ทั้งสองราชาก็ไม่ละกำลังในการฟาดฟันเพลงดาบลงเลย ในจังวะนั้นรูจที่อุ้มตัวเฟิงอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้น

 

“เจ้ามาที่นี่ทำไม?”เจแปนตะโกนถามเฟิงทั้งที่รับดาบของเอนดรีอาสอยู่

 

“ตอนนี้จักรวรรดิเราถูกวางระเบิดไว้ทุกจุด รวมไปถึงที่หลบภัยด้วย!!”เฟิงตะโกนตอบพร้อมกับเหลือบไปเห็นเอเลเนอร์และนาเอลที่กำลังวิ่งมาหาพวกเขา

 

“ว่าไงนะ!!!!”เจแปนตะโกนลั่นก่อนที่จะถีบตัวของเอนดรีอาสกระเด็นไปอีกทาง

 

“จักรวรรดิแกล่มสลายแล้ว!! ฮ่าๆๆๆๆ!!!!”เอนดรีอาสค่อยๆลุกขึ้นแล้วหัวเราะร่าอย่างกับคนมีชัยชนะ

 

“ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปช่วนคนในที่หลบภัยก่อน!!”เฟิงตะโกนบอกทำให้เจแปนละการห้ำหั่นกับเอนดรีอาส พร้อมกับวิ่งไปที่ปราสาทต้องห้ามพร้อมพวกนาเอลและเอเลเนอร์ที่ได้ยินเรื่องราวเมื่อกี้

 

“ตามมันไป!!!!”เอนดรีอาสสั่งให้อนีมูนที่กำลังวิ่งมาตามพวกเจแปนไป รวมไปถึงรูจและเฟิงที่วิ่งออกไปจากจุดยืนอย่างรวดเร็ว

 

“ค่ะ!!”

.

.

.

.

.

“วางข้าลงได้แล้วน่ารูจ ข้าวิ่งเองได้!!”เฟิงบอกรูจที่อุ้มตัวเองอยู่ในขณะที่รูจกำลังวิ่งตามหลังพวกนาเอลและเอเลเนอร์ที่หันมามองรูจและเฟิงด้วยสายตาแปลกๆ

 

“อ่า อืม ลืมไปเลย”รูจอ้ำอึ้งอยู่สักพักก็หยุดวิ่งแล้ววางเฟิงลง พร้อมกับออกตัววิ่งต่อไปอย่างรวดเร็วเท่ากับเฟิง

 

“เราจะทำอย่างไงกันต่อดีนะ แบบนี้ทุกคนตายแน่ๆ”เอเลเนอร์ตะโกนถามทุกคนในขณะที่วิ่งอยู่

 

“ถ้าให้ไปแกะระเบิดออกระเบิดจะทำงานทันที ตอนนี้ในหมู่บ้านจะเป็นอย่างไงก็ช่าง ตอนนี้ไปช่วยคนในปราสาทก่อน ตอนนี้เนวิลของยังไม่รู้ตัว!!”เจแปนตะโกนตอบพร้อมกับวิ่งฝ่าพงหญ้ารกๆหน้าปราสาทไป

 

“ทุกคน วิ่งเข้าไปก่อนเลย...ข้าจะอยู่จัดการกับทหารของเอนดรีอาสก่อน.....”นาเอลหยุดวิ่งราวกับฉุกคิดเรื่องบางเรื่องได้

 

“จะดีหรอ?”ทุกคนหยุดวิ่งแล้วมองมาที่นาเอล

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าอยู่เป็นเพื่อนนาเอลเอง”รูจบอกทุกคน

 

“อืม งั้นฝากที่เหลือด้วยนะ.....”เฟิงรับคำ แล้ววิ่งต่อไปพร้อมกับทุกคน

 

“รูจ.......ขอบคุณนะ.....”นาเอลเอ่ยอย่างแผ่วเบา

 

“ไม่เป็นไร แต่ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ?”รูจมองนาเอลอย่างใส่ใจ

 

“ไม่มีอะไรแต่........ทั้งหมดเป็นเพราะข้าใช่มั้ย ทุกคนถึงต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้”นาเอลเงยหน้ามองรูจ

 

“.............ไม่ใช่หรอก......”รูจใช้มือลูบหัวนาเอลเบาๆพร้อมกับดึงนาเอลมากอดแน่น

 

“รูจ.....คำถามที่เจ้าจะถามข้าตอนอยู่บนเรือก่อนที่พวกเราจะมาที่นี่........คำถามนั้นคืออะไร?”นาเอลถามทั้งที่อยู่ในอ้อมแขนของรูจ

 

“.....จำได้มั้ย ตอนที่ข้าพาเจ้าหนีเอนดรีอาสตอนอยู่นิโคลเรียมาที่นี่ เจ้าบอกว่า ‘รักข้าที่สุด’ ข้าอยากรู้ว่านั่นเป็นคำพูดเล่นๆหรือจริงจังกันแน่”

 

“ตอนนั้นน่ะ.........ข้าพูดเล่น.........”

 

“...............”รูจชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ

 

“แต่คราวนี้.......ข้าพูดจริง...........ข้ารักเจ้าที่สุดนะรูจ”นาเอลกอดรูจตอบพลางยิ้มกว้างให้รู

“.......ข้าก็รักเจ้านะ.......นาเอล”รูจกอดนาเอลแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่ในจังหวะนั้นก็เกิดแสงสีฟ้าออกมาจากตัวนาเอลทันที ทำให้เข้าผละกันออกจากอ้อมกอด

 

“ข้าดีใจนะ......ดีใจที่สุดเลย.......แต่ทุกคนกำลังจะตาย.......ข้าต้องช่วยพวกเขา......”นาเอลเดินถอยห่างออกมาจากตัวรูจ นาเอลค่อยๆนั่งลงกับพื้นหญ้ารกๆ

 

“เจ้าจะทำอะไร?”รูจจะเดินไปหานาเอลแต่ทว่าแสงสว่างเมื่อกี้แผ่กระจายออกไปทั่วปราสาททำให้มีดวงไฟสีน้ำเงินผุดขึ้นมาจากพื้นมามากมาย

 

“ข้าจะแลกพลังทั้งหมดที่ข้ามีให้กับจักรวรรดินี้.......รูจ ข้าขอขอบคุณทุกคนด้วยนะ”นาเอลยิ้มให้รูจทั้งน้ำตา

 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!”ทันทีที่รูจจะวิ่งเข้าไปแสงสว่างที่ออกมาจากตัวนาเอลก็กระจายไปทั่วเกาะ จนทำให้รูจต้องเอาแขนมาบังแสงนั้นไว้เพราะอยู่ใกล้เกินไป ไม่กี่ชั่วอึดใจแสงสว่างนั้นก็ดับลงพร้อมกับนาเอลที่นอนอยู่กับพื้นหญ้า

 

“นาเอล!!!!”รูจห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปประคองนาเอลขึ้นมา แต่ดูเหมือนนาเอลจะไม่ได้สติเลย.............น้ำตาที่ไม่เคยเสียใจให้ใครมาก่อนของรูจก็ค่อยไหลออกมา เขากอดนาเอลไว้แน่น.........ทำไมเธอถึงทำแบบนี้

 

                       ---------------------------------------

ภายในปราสาทต้องห้าม

 

“อะไรนะ!!ที่นี่ก็ถูกวางระเบิด!!”เนวิลตวาดลั่นห้องปราสาท พร้อมกับชาวเมืองที่พูดคุยกันอย่างดังด้วยความกังวลใจ

 

“ใช่ ตอนนี้ต้องรีบอพยพแล้ว”เจแปนเอ่ยเสียงเรียบพลางกวาดสายตามองประชาชนที่ตื่นตระหนก

 

“ไม่ต้องแล้วล่ะ.....”แพนเธียร์เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาขณะทำแผลสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

“พูดบ้าอะไรน่ะ!!ตอนนี้ทุกคนกำลังแย่ อย่าพึ่งถอดใจสิ!!”เฟิงตวาดใส่แพนเธียร์

 

“ระเบิดน่ะหยุดทำงานแล้ว......นาเอลใช้พลังของตัวเองสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่.....ข้าสัมผัสได้เมื่อกี้......และตอนนี้นาเอลหมดพลังแล้ว.......”แพนเธียร์เอ่ยช้าๆ.......ดื้อรั้นเสียจริงนะนาเอล

 

“พลังหมด.......ก็แสดงว่า........ตาย?”เนวิลเอ่ยขึ้น

 

“ไม่หรอก......แค่หลับใหลไปตลอดกาลน่ะ เพราะนาเอลใช้เวทย์ต้องห้ามซึ่งต้องแลกกับพลังทั้งหมดของตัวเอง นาเอลสามารถรับรู้ทุกสิ่งได้ แต่นางไม่สามารถสื่อสารกับเราได้”

 

“โล่งใจไปหน่อย ที่ยังไม่ตาย.....ไม่งั้นรูจคงเสียใจแย่”เอเลเนอร์ยิ้มน้อยๆ

 

“ห๋า?”

 

“รูจกับนาเอลน่ะ เขารักกันนะ ข้าสังเกตมาตั้งแต่ตอนแรกนะ”เอเลเนอร์เอ่ยอย่างเขินๆ

 

“ไม่ใช่แค่รูจกับนาเอลที่รักกันคู่เดียวนะ  ข้าเองก็รักท่านนะท่านเอเลเนอร์~~”เฟิงเอ่ยยิ้มๆ ทำเอาเอเลเนอร์แทบกรี้ดด้วยความอาย

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ทุกคนหัวเราะด้วยความโล่งใจ แต่หารู้ไม่ว่า............เอนดรีอาสกำลังเดินทางมาที่นี่

                             ------------------------------

“ทหารล้อมมันไว้!!!”เสียงของแม่ทัพนายหนึ่งสั่งทหารจำนวนหนึ่งเข้าไปล้อมเอนดรีอาสที่กำลังบุกมาพร้อมกับพลทหาร

 

“อะไรกันอนีมูน!ทำไม่ระบิดไม่ทำงาน!!?”เอนดรีอาสตวาดถามอนีมูนในท่าที่ตั้งกราดเตรียมรับมือกับทหารที่ตามมาตอนไหนไม่รู้

 

“ไม่ทราบเพคะ แต่ตอนนี้เราควรถอยก่อน”

 

“ก็เพราะดินแดนนี้กลายเป็นดินแดนที่นาเอลสร้างขึ้นมาใหม่ไงล่ะ.............”เสียงของรูจดังแทรกขึ้น

 

“ว่าไงนะ!!”อนีมูนโพล่งด้วยความตกใจ

 

“จอมเวทย์แห่งการสร้างสินะ  แสดงว่าตอนนี้ยัยจอมเวทย์นั่นหมดประโยชน์แล้วน่ะสิ”เอนดรีอาสพึมพัมพร้อมทิ้งตัวลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น

 

“สิ่งที่แกทำมามันเปล่าประโยชน์ไงล่ะ.......”รูจกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

“จับกุมเลยมั้ย ท่านรูจ?”เสียงแม่ทัพคนเก่าเอ่ยถาม

 

“อืม จับไปก่อนเดี่ยวให้พระราชาเจแปนตัดสิน....”รูจพูดจบก็เดินไปอุ้มร่างบางของนาเอลที่นอนสงบนิ่งอยู่

 

“ขอรับ จับกุมได้!”แม่ทัพคนนั้นรับคำพร้อมกับสั่งให้ทหารทุกคนไปจับกุมเอนดรีอาสรวมทั้งพลทหารทั้งหมด

 

“จบแล้วล่ะนาเอล.......”รูจพูดแผ่วเบากับนาเอลพร้อมกับมองใบหน้าอันสงบนิ่งของนาเอลแต่ทว่ากลับมีน้ำตาไหลออกมาจากตาของนาเอล ราวกับเธอรับรู้ทุกอย่างได้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา