ตามล่ามนตรา

8.0

เขียนโดย Next1412

วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 14.28 น.

  9 บท
  0 วิจารณ์
  10.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 10.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บท 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ณ จักรวรรดิโรมาเนีย

 

“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับท่านเนวิล!!”ทหารนายหนึ่งวิ่งมาหาชายหนุ่มผมสีขาวราวกับหิมะที่ได้ชื่อว่าเป็นฑูตแห่งจักรวรรดิโรมาเนียกำลังนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ห้องทำงานส่วนตัวอยู่ ด้วยสีหน้าแตกตื่น

 

“มีอะไรกันหรอ?วิ่งกันมาซะหน้าแตกตื่นเชียว”เนวิลวางถ้วยชาลงแล้วหันมาถามทหารนายหนึ่งที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“ท่านราชาเจแปนหายไปขอรับ!!”

 

“เฮ้อ...เอาอีกแล้วสินะ.....ปล่อยเขาไปเถอะ”เนวิลถอนหายใจแล้วหันไปบอกทหารนายนั้นด้วยเสียงๆเรียบๆ

 

“แต่ถ้าท่านราชาหายไปแบบนี้อาจจะโดนลอบปวงพระชนม์ก็ได้นะขอรับ”

 

“ฮ่าๆๆๆ ไม่หรอก พระราชาของเราน่ะไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก กลับไปทำงานของเจ้าต่อเถอะน่า”

 

“อ่า...ขอรับ”นายทหารรับคำพร้อมโค้งคำนับให้เนวิลก่อนออกจากห้องไป

 

“อืม...ยอมเอาความรักสันโดษไปแลกกับการตามหาชนเผ่านักเวทย์ขนาดนั้นเลยเชียวหรอเนี่ย....ความพยายามสูงจริงๆ”เนวิลลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดยืนที่หน้าต่างกระจกใส สายตาของเขามองลงไปที่เหล่าทหารที่กำลังเดินกันไปมาชุลมุนวุ่นวายในยามบ่าย

 

         ----------------------------------------------------------------
ณ ท้องตลาดของจักรวรรดิโรมาเนีย

            ชายผมสีดำคลับกำลังเดินดุ่มๆผ่านเหล่าสามัญชนทั่วไปดั่งเช่นทุกวัน สายตาของเขากำลังเดินมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือ แสงแดดที่ดูร้อนจัดและเป็นอุปสรรค์ในการเดินทางไกลจนสุดหน้าจักรวรรดิจะไม่เป็นอุปสรรคที่จะมาแข่งกับความมุ่งมั่นของ ‘เจแปน เกล’ ผู้เป็นพระราชาแห่งจักรวรรดิโรมาเนีย โดยปกติเขาไม่ชอบการอยู่กับผู้คนหมู่มาก รักสันโดษเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่ากลับเป็นที่รู้จักของชาวบ้านเป็นอย่างดี แต่หากว่าชาวบ้านเหล่านั้นไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าอันงดงามของพระราชาคนใหม่แห่งจักรวรรดินี้เลยตั้งแต่พระราชาคนก่อนสิ้นพระชนม์

 

“ท่านเจเกล!!”เด็กชายอายุราวๆประมาณ 5 ขวบ วิ่งมาหาราชาหนุ่มที่ปลอมตัวเป็นสามัญชน

 

“ว่าไง....มีอะไร?”เจแปนเกลหยุดเดินแล้วเหลือบสายตาลงมามองเด็กหนุ่ม

 

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว แม่ของผมกำลังป่วยหนักเลย ผมไม่รู้จะขอความช่วยเหลือใครแล้ว...ท่านเจเกลช่วยแม่ผมด้วย”เด็กชายไร้เดียวสาพูดโอดครวญแล้วร้องไห้

 

“แม่เจ้าอยู่ไหนล่ะ?”

 

“อยู่ตรงสลัมโน่นแหละครับ...”

 

“งั้นตามข้ามา”ราชาหนุ่มเปลี่ยนจุดหมายปลายทางแล้วเดินกลับไปยังเส้นทางที่ตัวเองเดินผ่านมาพร้อมกับเด็กชาย

 

ณ ร้านขายยา

 

“เจ้ารออยู่ข้างนอกนะ อย่าเข้าไปข้างในเชียว”เจแปนหันมาบอกเด็กหนุ่มแบบกำชับ แล้วเดินเข้าร้านขายยาไป

 

“ยินดีต้อนรับ”หญิงสาวอายุ 18 ปี ผู้เป็นเจ้าของร้าน และได้ชื่อว่าเป็นหมอที่มีฝีมือที่สุดใส่จักรวรรดิเอ่ยต้อนรับแต่สายตายังไม่ละจากเครื่องบดยา

 

“นี่ข้า เจแปน เกล เองนะ แพนเธียร์”

 

“อ้าว เกล เองหรอ มาทำอะไรที่นี่ล่ะ หรือว่าปวดหัว มีอาการเมาแดดยามบ่าย หลงทางเลยจะมาถามทางข้า”หมอสาวละสายตาจากการบดยาแล้วหันมามองราชาหนุ่มที่มีอาการเหนื่อยหอบ

 

“ข้าต้องการช่วยคน และต้องขอแรงเจ้าอีกแรงหนึ่งด้วย”

 

“ฮื่อออออ คงจะไปช่วยประชาชนสินะ สมกับเป็นพระราชาแห่งโรมาเนียเสียจริง”แพนเธียร์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบอุปกรณ์การแพทย์ใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมตัว

 

“ขอบคุณมากนะ”

 

“ไม่เป็นไร พวกเราไปกันเถอะ”แพนเธียร์ที่มีท่าทีอ้อยซ้อยเมื่อกี้กลับมีท่าทางกระตือรื้อร้นทันทีที่ได้ยินประโยคจากเจแปน เดินนำออกไปจากประตูโดยมีเจแปนเดินตามไปด้วย

 

“ท่านเจเกล พี่สาวคนนี้ใครหรอครับ”เด็กชายที่มากับเจแปนชี้ไปที่แพนเธียร์ที่ใส่ชุดคล้ายแม่มด

 

“นางเป็นหมอน่ะ”เจแปนเกลตอบแล้วลูบหัวเด็กคนนั้นอย่างอ่อนโยน

 

“รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวคนไข้จะอาการหนักขึ้น เจ้าหนูเดินนำข้าไปที”แพนเธียร์พูดตัดบทแล้วเดินนำไปทั้งที่ขอให้เด็กชายนำทาง

 

“ครับ”เด็กชายรับคำแล้วรับวิ่งไปเดินนำหน้าแพนเธียร์

 

ณ สลัมแห่งหนึ่ง


           ชายหนุ่มนักวาณิชย์ผมสีดำคลับเหมือนนัยย์ตาเดินขนข้าวของมาที่สลัมแห่งจักรวรรดิโรมาเนียอย่างคุ้นเคยแต่ว่าเขากลับไม่ได้เอาของมาค้าขาย แต่ทว่าเขาเอาสินค้นมาบริจาคให้ชาวบ้านแถวนั้นดั่งเช่นทุกอาทิตย์ จนเขาเป็นที่รักและที่รู้จักของชาวบ้านสลัมแห่งนี้ ในนาม ‘แมรส์’นักวาณิชย์นุ่มแห่งด้านทิศเหนือ สักพักเขาก็หยุดเดินพร้อมกับเอาของวางที่บ่อน้ำพุเก่าๆตรงใจกลางย่านสลัมแห่งนั้น

 

“ทุกคน ข้ากลับมาแล้วมารับของได้เลย!!”แมรส์ตะโกนเรียกชาวบ้านแถวนั้นให้ออกมารับของจากเขา ไม่กี่ชั่วอึดใจชาวบ้านสลัมก็มาต่อแถวกันอย่างมีระเบียบ ลูกน้องที่ตามแมรส์มาต่างก็ช่วยกันแจกข้าวของให้ตามปกติ โดยที่เขาดันแอบเดินไปตรวจตราแถวนั้น

 

“นั่นชาวบ้านเขาต่อแถวทำอะไรกันน่ะ”เจแปนหันไปถามเด้กชายที่เดินมาด้วยกัน

 

“นั่นคือพวกของท่านแมรส์ เขาเป็นนักวาณิชย์ทางทิศเหนือ เขาชอบเอาของมาแจกให้พวกเราทุกครั้ง ท่านเป็นคนมีน้ำใจมากเลยล่ะ”เด็กชายยิ้มกว้าง

 

“สุภาพบุรุษดีจังเลยนะเนี่ย ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ”แพนเธียร์ยิ้มร่าแล้วเดินตามเด็กชายไป

 

“จะว่าไป เจ้าเด็กน้อย เจ้าชื่ออะไร?”เจแปนพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้จักเด็กชายคนนี้

 

“ซีอุสครับ”

 

“โห ชื่อของมหาเทพเลยนะเนี่ย ใครเป็นคนตั้งล่ะ?”แพนเธียร์อึ้งกับชื่อเด็กชายเล็กน้อย

 

“ท่านพ่อเป็นคนตั้งครับ พ่อน่ะชอบอ่านนิยายปรัมปรามากเลยล่ะ จนบางครั้งก็เอามาเล่าให้ผมฟังก่อนนอนตลอดเลย แต่ตอนนี้คงไม่ได้ฟังแล้วล่ะ........”

 

“ทำไมละ?”

 

“พ่อผมน่ะเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน เลยต้องอยู่กับท่านแม่ตามลำพัง”

 

“ที่นี่น่ะหรอบ้านของเจ้าน่ะ ซีอุส”แพนเธียร์หยุดยืนอยู่ที่หน้าซอยตันเล็กๆที่มีผ้ากันแดดกางไว้เหนือหัว

 

“ครับ แม่ผมนอนอยู่โน่นน่ะ”ซีอุสพูดจบก็วิ่งนำเข้าไปในซอยตันที่เป็นบ้านหลังเล็กๆของทุกคน

 

“อาการคงดูแย่แล้วข้าขอเข้าไปดูอาการล่ะ”แพนเธียร์ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปในซอยตันเพื่อดูอาการแม่ของเด็กน้อย

 

15 นาทีต่อมา

 

“เป็นไข้หวัดน่ะ คงต้องทานยาแล้วพักผ่อนให้มากๆ อีกอย่างตากน้ำค้างเยอะเกินไปจนทำให้เป็นไข้ สงสัยต้องทำหลังคาให้หนาขึ้นแล้วนะเจ้าหนู”แพนเธียร์บอกอาการให้เด็กชายฟังแล้วนั่งจัดยาให้

 

“ครับ”ซีอุสรับคำ

 

“คุณหมอ......ฉันไม่มีเงินจ่ายรักษาหรอนะ......”หญิงวัยทองผู้เป็นแม่ของเด็กชายเอ่ยขึ้นพร้อมกับไอไม่หยุด

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจัดการเอง”เจแปนพูดตัดบททันที

 

“ความจริงแล้วชายคนนี้ไม่ได้ชื่อเจเกลหรอกนะ ซีอุส”แพนเธียร์บอกยิ้มๆโดยไม่ด้มองสีหน้าของเจแปนเลย

 

“อย่า!”เจแปนรีบห้ามแต่ทว่า......

 

“นี่คือ พระราชาแห่งจักรวรรดิโรมาเนีย เจแปน เกล”แพนเธียร์พูดตัดประโยคของเจแปนไปเสียแล้ว

 

“พระราชา.....จริงหรอเนี่ย?”แม่ของซีอุสและซีอุสตะลึงสุดขีดเพราะนอกจากทหารในวังแล้วยังไม่มีสามัญชนคนได้ได้เคยเห็นหน้าเจแปนเลยสักคน

 

“อ่า.....ใช่ ข้าคือพระราชาของโรมาเนีย เจแปน เกล พวกท่านช่วยเก็บเรื่องของข้าเป็นความลับนะ ”เจแปนหันไปจ้องหน้าแพนเธียร์แบบโกรธแล้วถอนหายใจราวกับคนมีความผิด

 

“เพคะ หม่อมฉันรับทราบ”แม่ของซีอุสรีบก้มคำนับช้าๆ

 

“ท่านจงเรียกข้าว่าเจเกล และใช้ศัพท์สามัญชนกับข้าเถอะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้าเรื่องจะยุ่ง”

 

“นั่นเศษกระดาษอะไรน่ะ”แพนเธียร์เอื้อมไปหยิบกระที่เปื่อยยุ่ยเพราะโดนน้ำค้างหยดใส่จนมองไม่เห็นตัวหนังสือ

 

“อ่อ นั่นคือกระดาษแผ่นหนังสือนิยายปรัมปราของซีอุสลูกข้าเอง เขาพยายามอ่านหนังสือแต่อ่านไม่ออก”แม่ของซีอุสยิ้มบางๆแล้วลูบหัวของซีอุสเบาๆ

 

“ซีอุสอ่านหนังสือไม่ออกหรอ?”เจแปนหันไปถาม

 

“เพคะ ซีอุสใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นทหารองครักษ์ แต่กลับอ่านหนักสือไม่ออกเลย”

 

“งั้นถ้าท่านหายไข้แล้วท่านจะไปทำงานเป็นสาวใช้ในวังกับข้ามั้ยล่ะ แล้วข้าจะได้รับซีอุสไปเล่าเรียนในวังด้วย”เจแปนส่งยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มให้ใครมาก่อน เป็นรอยยิ้มที่ช่าง.....อบอุ่นเหลือเกิน

 

“จริงหรอเพคะ!!”

 

“พระราชาตรัสแล้วไม่คืนคำนะจ๊ะ”แพนเธียร์พูดเสริม

 

“ตกลงเพคะ ขอบพระทัยมากจริงๆ”แม่ของซีอุสคำนับให้เจแปนมากกว่าเมื่อกี้พร้อมกับร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง


“งั้นข้าจะให้แพนเธียร์มาดูอาการเรื่อยๆ ถ้าหายแล้วจะให้แพนเธียร์มาส่งข่าวให้ข้า แล้วข้าจะมารับทันที”เจแปนยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน “ข้าต้องไปแล้วล่ะ เริ่มเย็นมากแล้ว”

 

“งั้นลาก่อนนะครับ ท่านพระราชา”ซีอุสกล่าวลาแล้วยิ้มกว้างให้เหมือนเป็นกันเอง

 

“แล้วข้าจะรอนะ ซีอุส”เจแปนพูดจบก็เดินออกไปจากซอยตันทันที  ปรากฏชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อผ้าดูดีเดินออกมาจากซอยหนึ่งพอดี ดูท่าทางแล้วไม่ใช่คนแถวนี้

 

“อ่าว ท่านทั้งสองมาทำอะไรที่แบบนี้กันล่ะ?”ชายหนุ่มที่เดินออกมาจากซอยเมื่อกี้หันมาถามแพนเธียร์และเจแปน

 

“มารักษาคนป่วยนะ”แพนเธียร์ตอบแล้วเขินนิดๆเมื่อเห็บใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้

 

“ท่านเป็นหมองั้นหรอ อ่า ข้าชื่อ แมรส์ เป็นนักวาณิชย์แห่งแดนเหนือ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”วาณิชย์หนุ่มนั่งคุกเข่าลงกับพื้นไปหนึ่งข้าง พร้อมกับหยิบมือของแพนเธียร์มาจุมพิตที่ด้านหลังมือ

 

“..............”แพนเธียร์อึ้งกับภาพตรงหน้าและหน้าแดงระรื่อด้วยความเขินอาย

 

“ข้า เจเกล เป็น เอ่อ.......ผู้ช่วยของแพนเธียร์น่ะ”เจแปนกระแอมไอเล็กน้อยแล้วกล่าวขัดจังหวะ

 

“แหม ลืมสนิทเลยว่ามีท่านยืนอยู่”แมรส์ยืนขึ้นแล้ววางมือของแพนเธียร์ไว้เช่นเดิม

 

‘ข้านี่ กขคง. สินะ’เจแปนนึกในใจ

 

“ข...ข้าขอตัวกลับก่อนล่ะ......”แพนเธียร์กล่าวประโยคสุดท้ายแล้ววิ่งออกไปจากจุดยืนทันทีด้วยความเขินอาย

 

“งั้นข้าก็ขอตัวด้วยล่ะ........”เจแปนกล่าวประโยคสุดท้ายแล้วเดินตามแพนเธียร์ไป

 

“......เจเกล....เอาชื่อหน้ากับนามสกุลมาต่อนท้าย........ง่ายดีแท้.........พระราชาแห่งจักรวรรดิโรมาเนีย.........”แมรส์เหยียดยิ้มเล็กน้อยแล้วมองเจแปนที่เดินห่างออกไปไกลเรื่อยๆ

 

‘วาณิชย์จอมเวทย์คนนั้นต้องเป็นของข้าเท่านั้น......หึหึหึ.......ตามหาไปก็ไม่มีประโยชน์.........’

 

“ท่านแมรส์คะ......พร้อมจะไปกันหรือยังคะ?”เสียงเล็กๆดังขึ้นจากด้านหลังของวาณิชย์หนุ่ม

 

“ไปกันเถอะ.......... ‘เอมม่า”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา